บทที่ 136 ได้รับบาดเจ็บ
ถึงอย่างไรคนหนุ่มที่กำลังแข็งแรงย่อมดีที่สุด
เหอเจ๋ออายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เลือดร้อนแรงแกร่งกล้า กำลังอยู่ในยุคทองของชีวิต แน่นอนว่าย่อมไม่กลัวที่จะปะทะเข้ากับอีกฝ่ายแบบตรง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ จนแทบอยากจะปล่อยหมัดเดียวให้พวกสารเลวตรงหน้าล้มไปกองกับพื้นอยู่รอมร่อ จึงเลือกวิธีตัดสินแพ้ชนะที่รวดเร็วที่สุดแบบนี้
ในระยะทางสั้น ๆ เพียง 10 กว่าเมตร ทั้ง 2 คนเข้าปะทะกันในพริบตา
เหตุใดยามอาชาของข้าศึกมาประจันหน้ากันจึงหยุดได้ยาก?
นั่นเป็นเพราะเมื่อม้าออกวิ่งด้วยความเร็วสูง มันจะสร้างแรงเฉื่อยที่ทรงพลัง ดังนั้นเมื่อปล่อยหมัดแรกออกมา นอกจากพลังของตัวเองแล้ว ยังมีแรงเฉื่อยที่สะสมมาตลอดเส้นทางอีกด้วย
ในหลักการเดียวกัน เมื่อเหอเจ๋อวิ่งอย่างสุดกำลัง เขาก็สะสมพลังไปด้วยอย่างเงียบ ๆ พอปล่อยหมัดออกไป พลังก็มากมายจนน่าตกใจ ข้างหูถึงกับได้ยินเสียงอากาศแยกออกจากกันเลือนลาง
หมัดนี้รวบรวมทั้งความได้เปรียบของเวลาและสถานที่เอาไว้ พลังมากมายเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึง
ตู้ม!
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น หมัดทั้งสองปะทะกันเข้าอย่างจัง พื้นซีเมนต์ที่แข็งแกร่งยุบลงเป็นหลุมใหญ่ โดยมีทั้งสองคนเป็นจุดศูนย์กลาง
สีหน้าของเหอเจ๋อแข็งค้างในทันที เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ส่งผ่านมาจากหมัดฝ่ายตรงข้าม คล้ายกับกระแสน้ำในมหาสมุทรที่ทำให้ไม่กล้าต้านทาน
แม้จะปล่อยหมัดที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตออกมาแล้ว แต่ในการปะทะกันแบบตรง ๆ นี้ เขากลับ… แพ้!
ปัง ปัง ปัง!
ชายหนุ่มก้าวถอยหลังไป 3 ก้าวติดต่อกัน เหยียบลงบนพื้นซีเมนต์จนเป็นหลุมลึกทั้งสิ้น 3 หลุม จึงสามารถสลัดพลังมหาศาลของอีกฝ่ายออกไปได้ และทรงตัวประคองตนสำเร็จอย่างหวุดหวิด
ชายร่างผอมซ่อนมือขวาที่สั่นเทาไว้ด้านหลังอย่างแนบเนียน มุมปากยกยิ้มเยาะเย้ย พูดอย่างดูถูกว่า “ยังเด็กอยู่แท้ ๆ กลับกล้าพูดจาอวดดี ไร้ยางอายจริง ๆ วันนี้ฉันกำลังอารมณ์ดีไม่อยากฆ่าคน รีบไสหัวไปซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีก”
เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้น พลางหันหลังเดินไปที่รถ
เหอเจ๋อก้มหน้าลง กล้ามเนื้อทั่วร่างอ่อนล้าปวดเมื่อย นี่คืออาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ในฐานะแพทย์ เขารู้ดีว่าตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำมากที่สุดคือรีบนอนพักทันที ถ้าขยับเขยื้อนรุนแรงอีกนิด อาจเกิดผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึงได้
แต่ปัจจุบันมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของครอบครัว เขาจะสนใจอะไรได้อีก สุดท้ายจึงกัดฟันแน่น ระดมพลังชี่จากจุดตันเถียน ปล่อยมันออกไปในอากาศ
“ปล่อยตัวเธอมา! ”
พลังชี่ไร้สีไร้กลิ่นเคลื่อนที่เร็วดั่งสายฟ้า วูบหายไปในอากาศ และไม่ต้องพูดถึงการตอบสนองของคนธรรมดา เพราะแม้แต่ตาเปล่าก็ยังมองไม่เห็น
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ ”
หมาก่านเอ๋อร์เบ้ปาก ไม่หันหลังกลับ เพียงดีดนิ้วดังเป๊าะ พลังชี่ 2 สายก็พุ่งออกจากปลายนิ้ว สายหนึ่งเข้าสกัดกั้น อีกสายหนึ่งพุ่งตรงไปที่หน้าอกของเหอเจ๋อ
คนผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญพลังชี่ ซ้ำยังมีวิชาลึกซึ้งมาก ถึงขั้นควบคุมพลังชี่ 2 สายได้แล้ว
แม้ว่าเหอเจ๋อจะรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี และยกแขนทั้ง 2 ขึ้นป้องกันหน้าอกทันที แต่แรงกระแทกอันทรงพลังของพลังชี่ก็ยังทำให้เขาเซและล้มลงกับพื้น
ความเจ็บปวดราวกับมดกัดกินเริ่มจากแขนก่อนแผ่ไปทั่วร่างกาย อวัยวะภายในราวกับมีงานเทศกาลสะเทินน้ำสะเทินบก เขาอาเจียนเป็นเลือดสด ๆ ออกมา
ความเจ็บปวดทางร่างกายไม่ใช่นับว่าหนักหนาอะไร ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือหัวใจของเหอเจ๋อต่างหาก ที่ต้องเห็นแม่ตกอยู่ในอันตรายโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้
ความรู้สึกหมดหนทางนี้เหมือนมีดทื่อที่มีรอยบิ่นอยู่เต็มไปหมด มันค่อย ๆ เฉือนเนื้อหัวใจของเขาทีละนิด
“ในเมื่อนายรนหาเรื่องตาย เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคายเลย”
ดวงตาของหมาก่านเอ๋อร์วาบขึ้นด้วยจิตสังหาร เขายิ้มเย็นชาพลางยกแขนขึ้น พลังชี่คู่ที่มองไม่เห็นพันรอบแขน และด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอของเหอเจ๋อในตอนนี้ แค่โดนแตะเพียงนิดเดียวย่อมถึงตายอย่างแน่นอน
“หยุดเดี๋ยวนี้! ”
เฟิ่งเฟยเฟยที่ถูกจับตัวไว้แน่นข้างรถตะโกนขึ้นทันที “ฉันจะไปกับพวกนายก็ได้ อย่าทำร้ายคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแบบนี้”
หมาก่านเอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “นี่ฉันหูไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม? พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือเปล่า? เธอมีจิตใจเมตตาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ”
หัวใจของเฟิ่งเฟยเฟยเต้นแรง เธอพูดเสียงเย็น “เขาเป็นลูกศิษย์ที่ฉันรับไว้ตอนว่าง ๆ สอนวิชาให้เขาไปบ้างเล็กน้อย ถือว่าเป็นคนคุ้นเคย”
หมาก่านเอ๋อร์มองเหอเจ๋อที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด และพูดประโยคที่ทำให้ผู้ฟังขนลุกออกมา “แต่หน้าตาเด็กนี่คล้ายเธออยู่เยอะเลย อย่าบอกนะว่าเขาเป็นลูกที่เธอแอบคลอดออกมา”
หัวใจของเฟิ่งเฟยเฟยเต้นรัว เธอแสร้งทำหน้าโกรธจัดและด่าออกมา “ถ้านายยังพูดเหลวไหลอีก ฉันจะสู้ตายกับพวกนายแน่นอน! ”
หมาก่านเอ๋อร์ขยี้จมูก เขาแค่พูดเล่น ๆ เพื่อแกล้งเฟิ่งเฟยเฟยเท่านั้น ไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้
หลังจากโดนตอกกลับ เขาก็หมดอารมณ์ หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เรียกพลังชี่กลับ ไม่ได้ลงมือฆ่าเหอเจ๋อ
ตอนนี้สังคมมีขื่อแปกฎหมาย การตายของคนไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าไปดึงตำรวจเข้ามาพัวพัน แม้พวกเขาจะมีฝีมือยอดเยี่ยม แต่การเผชิญกับคนจำนวนมากมายก็เป็นเรื่องชวนปวดหัวอยู่ดี
“ช่างเถอะ ถึงยังไงเด็กคนนี้ก็ถูกทำลายแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
เพื่อป้องกันไม่ให้เหอเจ๋อถูกตามตัว เฟิ่งเฟยเฟยจึงไม่ขัดขืน ยอมขึ้นรถไปกับชายทั้งสองแต่โดยดี
รถคันนั้นแล่นออกไป ทิ้งไว้เพียงฝุ่นควัน ก่อนจะลับตาไปในที่สุด
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เหอเจ๋อที่นอนอยู่บนพื้นก็ร่างกระตุกอย่างแรง อ้าปากกระอักเลือดสีดำออกมาคำโต
การเสียเลือดอย่างหนักทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียวเหมือนกระดาษ แต่หลังจากเลือดเสียถูกขับออกมาแล้ว ลมหายใจที่ผิดปกติของเขาก็สงบลง
เมื่อเสียสิ่งใดไปจึงรู้ค่า เหอเจ๋อเข้าใจความปรารถนาดีของแม่แล้ว
ด้วยการถูกตีมาตลอด 20 กว่าปีและดูแลด้วยสมุนไพรอันล้ำค่า ทำให้ร่างกายของเขาทนทานและฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนทั่วไป หากเป็นคนธรรมดาที่โดนแบบเดียวกับเขา อวัยวะภายในคงแหลกเหลวไปหมดแล้ว แน่นอนว่าคงกลายเป็นคนพิการอย่างที่เจ้าบ้านั่นพูด
แต่สำหรับเหอเจ๋อคนประหลาดคนนี้ หลังจากอาเจียนเป็นเลือดออกมา ก็ไม่มีอาการบาดเจ็บร้ายแรง เพียงแต่ต้องพักฟื้นอีกหน่อยให้หายดี
เขาหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง มือทั้ง 2 ข้างค้ำลงบนพื้นแล้วพยุงตัวลุกขึ้น มองไปยังทิศทางที่รถถูกขับออกไปอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเดินกะเผลกกลับบ้าน
เขาเลือกสมุนไพรที่ตากไว้กลางลานบ้านมาสองสามอย่าง เป็นพวกสมุนไพรบรรเทาอาการบาดเจ็บ ปัดฝุ่นออกแล้วใส่เข้าปากโดยตรง รสชาติขมฝาดทำให้เขาขมวดคิ้ว แต่เวลามีไม่มาก จึงไม่มีเวลาต้มดื่ม เคี้ยวสองสามครั้งก็กลืนลงคอไป
ครั้งนี้เขาบาดเจ็บไม่น้อย หลังจากกินยาแล้วก็เดินเข้าไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟาในบ้าน หลับตาทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลัง
MANGA DISCUSSION