บทที่ 134 สุนัขจรจัด
ภายในห้องคุมขังกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง หม่ารุ่ยที่นั่งมองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ บัดนี้มุมปากกลับเผยรอยยิ้มเยาะหยันออกมา ปากพูดเสียงเบา “ตอนลงมือ ให้ลากไอ้หมอนี่ไปด้วย”
ชายร่างเตี้ยล่ำที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว สงสัยจนเอ่ยถาม “พวกเราต้องจ่ายแพงเพื่อภารกิจครั้งนี้ ถ้าต้องช่วยเพิ่มอีกคน แผนการอาจล้มเหลวได้”
หม่ารุ่ยยิ้มเยาะ “ไม่เป็นไร พนันสักครั้งก็คุ้มค่า ช่วงนี้ภายในองค์กรมีแผน ‘นักฆ่าเดนตาย’ ฉันรู้สึกว่าไอ้หมอนี่เหมาะสมมาก”
“ก็ได้” ชายร่างเตี้ยล่ำเห็นว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วจึงไม่พูดอะไรต่อ
หม่ารุ่ยตบบ่าอีกฝ่าย ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อย่าทำหน้าเศร้าสิรอน ลองคิดดู การเปลี่ยนแปลงคนจากสังคมชั้นสูงให้กลายเป็นฆาตกรใจเหี้ยมมันน่าสนใจแค่ไหน”
ขณะที่เหอเจ๋อกำลังอยู่บนรถไฟมุ่งหน้าไปยังเมืองหลินอัน คดีฆาตกรรมตระกูลเหอที่ได้รับความสนใจอย่างมากก็สิ้นสุดลง
การพิจารณาคดีเริ่มต้นขึ้นเวลา 9 โมงเช้า เหอหย่งฝูมาถึงศาลตั้งแต่ 7 โมงกว่าแล้ว
ทนายความ พยานหลักฐานทุกอย่างพร้อม แถมเมื่อวานเขายังไปพบเหอซู่โหรวมา ซึ่งจากที่เธอเคยดูแลตัวเองอย่างดีจนเหมือนอายุเพียง 30 ต้น ๆ ตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นหญิงชราที่เต็มไปด้วยริ้วรอย
พี่น้องที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายพากันสวมกอดและร้องไห้ เหอหย่งฝูอดรู้สึกเจ็บปวดในใจไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพนั้น
โชคดีที่จากข้อสรุปของทนายความหลายฝ่าย ประกอบกับความลำเอียงในการให้การ เหอซู่โหรวจึงเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิดที่ทำไปเพราะขาดสติ คาดว่าอย่างมากก็แค่ติดคุกสองสามปีแล้วออกมา
แต่คนอื่น ๆ ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เติ้งหมิงเจี๋ยซึ่งเป็นผู้บงการต้องโทษประหารชีวิต ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น ๆ ก็ไม่พ้นต้องติดคุกอย่างน้อยสิบปี
ทุกอย่างได้ข้อสรุปก่อนการพิจารณาคดีแล้ว เหลือเพียงรอผล
แต่ไม่รู้ทำไมเหอหย่งฝูกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ราวกับว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
เวลาผ่านไปทีละนาที พอเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลข “8” จางเหวินฉีก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจแล้วพูด
“แย่แล้ว มีกลุ่มคนร้ายบุกโจมตีรถตำรวจที่กำลังพาตัวผู้ต้องหาไป พวกเขาเอาตัวเติ้งหมิงเจี๋ยไปหมดแล้ว”
“อะไรนะ” เหอหย่งฝูตกใจจนหน้าซีด ผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่เชื่อสายตา “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”
ภายในใจเขารู้สึกไม่ดีนัก จึงรีบถามต่อว่า “แล้วซู่โหรวล่ะ พ่อจำได้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกัน เธอเป็นยังไงบ้าง”
จางเหวินฉีน้ำตาคลอเบ้า พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “คุณอา… คุณอาโดนกระสุนลูกหลงเข้าที่หน้าอก เสียชีวิตทันทีค่ะ”
ข่าวนี้เหมือนสายฟ้าฟาดลงตอนกลางวันแสก ๆ เหอหย่งฝูรู้สึกหน้ามืด เข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดูแก่ลงไป 10 ปีในพริบตา
ในเรื่องราวเลือดข้นกว่าน้ำนี้ แม้เหอซู่โหรวจะเคยทำเรื่องไม่ถูกต้องไว้มากแค่ไหน แต่เธอก็เป็นครอบครัวที่อยู่ด้วยกันกับเขามาหลายสิบปี การจากไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ ย่อมสร้างความสะเทือนใจให้กับเหอหย่งฝูเป็นอย่างมาก
เรื่องร้ายแรงที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศจีนนี้ถึงหูเหอเจ๋ออย่างรวดเร็ว
เขาเพิ่งลงจากรถไฟก็ได้รับโทรศัพท์จากจางเหวินฉี เรื่องการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเหอซู่โหรวทำให้เขารู้สึกไม่ดีเช่นกัน
แม้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ถูกกันมาโดยตลอด แต่สุดท้ายสายสัมพันธ์อย่างครอบครัวก็ยังคงอยู่ เขาจึงรู้สึกไม่ต่างกันนัก
“พี่สาว พี่ดูแลพ่อไปก่อน เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วขอให้ทำใจให้สงบ ผมเดินทางมาไกล ขอไปพบแม่ก่อน แล้วเดี๋ยวจะรีบกลับไป”
จางเหวินฉีตอบตกลง เหอเจ๋อยังคงไม่วางใจจึงโทรหาเหอหย่งฝูเพื่อปลอบใจพ่อที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า จึงค่อยสบายใจขึ้นบ้าง
หลังจากซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟใกล้เคียง พอนั่งรถได้ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฉันจางเสี่ยวเถา ครั้งนี้ชื่อไห่ใช้อิทธิพลมหาศาลระดมคนจำนวนมากที่แฝงตัวมานานเล่นงานพวกเราแบบไม่ทันตั้งตัว ผู้คุ้มกันที่เดินทางไปด้วย เสียชีวิตทั้งหมด”
เสียงใส ๆ สั้นกระชับดังมาจากปลายสาย เหอเจ๋อขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ พูดอย่างใจเย็นว่า “ฉันเตือนพวกเธอแล้วว่าอย่าประมาท ตอนนั้นพวกเธอพยายามขัดขวางฉัน สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ พูดกันตามตรง ฉันผิดหวังมาก ชีวิตคนเราสำคัญ พวกเธอกลับทำเป็นเล่น”
บางครั้งการไม่มีโทสะก็ไม่ได้หมายความว่าโกรธไม่เป็น บางครั้งยิ่งสงบ ยิ่งหมายความว่าโกรธมาก เหมือนกับทุกครั้งที่เฟิ่งเฟยเฟยยิ้มแย้ม ล้วนเป็นช่วงเวลาที่เหอเจ๋อถูกลงโทษอย่างหนัก
จางเสี่ยวเถาเม้มริมฝีปากแน่น พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เรื่องนี้พวกเราจะให้คำอธิบายกับคุณ”
หลังจากวางสาย เธอก็จ้องไปยังเซี่ยชิงที่อยู่ข้าง ๆ อย่างขุ่นเคือง “ทีนี้บันเทิงสมใจแล้ว! บาดหมางกันไปแล้ว ต่อจากนี้อย่าว่าแต่ร่วมงานกันเลย ไม่เป็นศัตรูกันก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เซี่ยชิงยิ้มแห้ง ๆ ตอนนั้นเขาตั้งใจจะทำให้เหอเจ๋ออึดอัดใจเพื่อทำลายความเย่อหยิ่งของอีกฝ่าย
แต่ไม่คิดว่าชื่อไห่จะแอบสะสมกำลังคนในประเทศไว้มากมายขนาดนี้ เกินความคาดหมายของเขาไปไกล ทำให้ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า จึงถูกอีกฝ่ายเล่นงานสำเร็จ
เกิดเหตุยิงกันกลางเมืองหลวง เรื่องนี้ช่างน่าตกใจ โชคดีที่ครั้งนี้แค่ช่วยชีวิตคน ถ้าเป็นการก่อการร้าย ผลที่ตามมาคงเกินจะคาดเดา
ในเวลาเพียงวันเดียว โทรศัพท์ของเซี่ยชิงก็แทบจะระเบิด คำถามและข้อสงสัยจากทุกสารทิศทำให้เขาร้อนรุ่มราวกับมดบนกระทะร้อน
“พักเรื่องของเหอเจ๋อไว้ก่อน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ต่อไปส่งเธอค่อยตามเกลี้ยกล่อมเขาเอา… ”
เซี่ยชิงเห็นจางเสี่ยวเถาจ้องมองมาที่ตนเองด้วยความโกรธ จึงรีบเปลี่ยนคำพูด “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือตามหาพวกมันให้เจอ กวาดล้างให้สิ้นซาก”
แม้ว่าเขาจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อใดก็ตามที่จริงจัง เขานับว่าเป็นคนมีอำนาจอยู่พอตัว จากนั้นจึงพูดออกไปอย่างรวดเร็วว่า “ที่ผ่านมาพวกเรากับชื่อไห่ต่างคนต่างอยู่ เลยพอเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกล้าลงมือก่อน พวกเราก็ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ปิดกั้นการคมนาคมทั้งหมด ระดมกำลังทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ห้ามปล่อยให้พวกมันหนีไปเด็ดขาด”
จางเสี่ยวเถาอึกอัก สุดท้ายก็ทำตามคำสั่งไปอย่างเงียบ ๆ
ในเวลาเดียวกัน บนรถยนต์ที่วิ่งฉิวออกจากเขตชานเมืองกว่างหนาน เติ้งหมิงเจี๋ยปาดเลือดเหนียวเหนอะหนะบนใบหน้าออก ลูบมันบนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็ฉีกผ้าออกเพื่อพันแผลบริเวณแขนที่กำลังมีเลือดไหลออกมา
หากเป็นในอดีต พฤติกรรมซกมกเช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาที่เคยเป็นคนพิถีพิถันเรื่องภาพลักษณ์อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้การกระทำดังกล่าวกลับไม่ได้สร้างความหงุดหงิดใจแก่เขาแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
MANGA DISCUSSION