บทที่ 132 กับดัก ‘ลูกชาย’
“ตอนนั้น พ่อแทบจะนอนแค่วันละ 2 ชั่วโมง ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับงานจนลืมตามหาเฟยเฟย พอหลังจากที่บริษัทเข้าที่เข้าทางแล้วส่งคนไปตามหาอีกครั้ง ก็ไร้วี่แววของเธอแล้ว”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความเสียใจของเหอหย่งฝูดังอยู่ข้างหูเหอเจ๋อ เขาลุกขึ้นจากเตียงทันที เหลือบมองนาฬิกาบนผนัง เข็มชั่วโมงเพิ่งชี้ไปที่เลข 10 ตอนนี้แม่คงยังไม่นอน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดเบอร์ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กลงไป
ตู๊ด ๆ !
หลังจากเสียงรอสาย 2 ครั้ง ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจดังมาจากปลายสาย
“ฉันไม่ซื้อประกัน ไม่ซื้อบ้าน ไม่ได้ถูกรางวัล แกวางสายไปได้แล้ว นับหนึ่งถึงสาม วางสายซะ”
เหอเจ๋อได้ยินก็ถึงกับพูดไม่ออก “แม่ ผมเอง เหอเจ๋อ”
“ทำไมแกเปลี่ยนเบอร์? ดึกดื่นมีอะไร รีบพูดมา ฉันรีบอยู่”
“อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ เล่นเกมแพ้อีกแล้วสิท่า”
“หึ เมื่อกี้ชั้นเล่นได้ดีมากเลยนะ ฆ่ากระจุย แต่เพื่อนร่วมทีมดันเป็นหมู ตายกันเป็นเบือ แถมสุดท้ายอีกฝ่ายยังมาเยาะเย้ยกันอีก โมโหชะมัด”
เหอเจ๋อได้ยินแบบนี้จนชินแล้ว เขาปลอบแม่สองสามประโยค จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง
เฟิ่งเฟยเฟยฟังจบก็พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า “เติ้งหมิงเจี๋ยนั่นมันโง่เง่าเต่าตุ่นจริง ๆ พูดจาเลอะเทอะ ทำไมไม่บุกเข้าไปยิงไอ้คนเจ้าชู้นั่นให้รู้แล้วรู้รอด เรื่องแค่นี้ยังทำไม่สำเร็จยังจะมาเป็นคนเลวอีก สมควรแล้วที่โดนกำจัด”
เหอเจ๋อถอนหายใจเฮือกใหญ่ พูดอย่างหมดแรง “เขาเกือบจะทำร้ายพ่อของผมเลยนะ”
เฟิ่งเฟยเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ”
“แม่เป็นแม่ของผมนะ แม่ว่ามันเกี่ยวกันไหมล่ะ? ”
“อ้อ งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็ไม่เกี่ยวแล้ว”
เหอเจ๋อ “…”
แม่ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ในใจเขารู้สึกโกรธอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูอีกที ผู้หญิงท้องสี่ห้าเดือนถูกไล่ออกจากบ้าน เป็นใครล้วนต้องเจ็บปวดรวดร้าวเป็นธรรมดา
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจไม่พูดอ้อมค้อม เข้าประเด็นทันที “เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปแล้ว พ่อก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป เขาอยากไปหาแม่… ”
ยังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากปลายสาย
จากประสบการณ์ของเขา นี่ต้องเป็นเสียงดาบหลงเฉวียนบนกำแพงถูกชักออกจากฝักแน่ ๆ
“แม่ครับ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว อย่าไปขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ เลย”
เฟิ่งเฟยเฟยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่ใจเย็นมาก พาเขามาหาแม่สิ ตั้งนานแล้วไม่ได้เจอ คิดถึงเขาจริง ๆ ”
เหอเจ๋อนึกขึ้นได้ ตอนเด็ก ๆ ที่เขาไม่อยากท่องตำราแพทย์ ก็เลยแอบเอามันไปโยนทิ้งส้วม ตอนนั้นแม่ก็พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้แหละ แล้ว…
ทั้งอาทิตย์นั้น เขาก็ต้องนอนคว่ำเพราะก้นบวมจนใส่กางเกงไม่ได้
นึกถึงสภาพตอนนั้น แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วก็ยังจำได้ดี เขาสั่นไปทั้งตัว พูดด้วยฟันที่กระทบเข้าหากันว่า “แม่ครับ เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลังนะ แม่ไปเล่นเกมก่อนเถอะ ขอให้แม่ได้ MVP ทุกตา ฆ่าได้ 5 คนรวดทุกที ขึ้นแรงค์มาสเตอร์ไว ๆ นะ บายครับ ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดรัวเร็วเหมือนปืนกลก่อนจะกดวางสาย โยนโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ แล้วเงยหน้ามองเพดานพร้อมยิ้มแห้ง ๆ
มีพ่อแม่ไม่เอาไหนแบบนี้ ชีวิตลูกมันก็ซวยแบบนี้แหละ!
…
เช้าวันรุ่งขึ้นตอนทานข้าว เหอหย่งฝูมีรอยคล้ำใต้ตาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคืนคงนอนไม่หลับแน่ ๆ ทันทีที่นั่งลงยังไม่ทันได้คีบข้าว ก็ถามด้วยสีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความหวังแล้ว “เสี่ยวเจ๋อ พวกเราจะออกเดินทางกันตอนไหนดี”
คนเป็นลูกพูดอ้ำอึ้ง “รออีกหน่อยเถอะครับ ช่วงนี้อารมณ์แม่ดูไม่ค่อยดี”
“อารมณ์ไม่ดี… พวกเราก็ยิ่งต้องกลับไปปลอบใจเธอสิ” เหอหย่งฝูพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิดถึงอดีต “จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เฟยเฟยอารมณ์ไม่ดี แค่พ่อร้องเพลงให้ฟัง เธอก็ยิ้มออกมาแล้ว”
ปากเหอเจ๋อกระตุก นึกถึงเสียงชักดาบหลงเฉวียนเมื่อคืนขึ้นมา อยากจะพูดอะไรออกไปแต่ก็ทำได้แค่กลืนคำพูดนั้นลงคอ
เหอหย่งฝูไม่เข้าใจ จึงถามด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอ ถ้าลูกไม่อยากกลับงั้นบอกที่อยู่มา พ่อไปเองได้”
เห็นพ่อมีท่าทางยืนกรานก็ไม่อยากจะบอกความจริงเลย ว่าผู้หญิงแสนอ่อนหวานที่อยู่ในใจพ่อตอนนั้น ปัจจุบันกลายเป็น ‘จอมโหด’ ไปแล้ว และกำลังเตรียมตัวหั่นพ่อเป็นชิ้น ๆ อยู่
ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะหยุดเฟิ่งเฟยเฟยที่กำลังเกรี้ยวกราดได้ไหม
เหอเจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ “แม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่นแหละครับ คิดมาก ขี้งอน เรื่องเก่า ๆ เธอยังโกรธอยู่เลย ผมกลัวว่า… ”
“ฮ่า ๆ ๆ พ่อรู้ว่าแกจะพูดอะไร” เหอหย่งฝูขัดจังหวะ ก่อนจะพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “นิสัยเฟยเฟยก็แบบนั้นแหละ แกกลัวว่าเธอจะตีพ่อใช่มั้ย ไม่ต้องห่วงหรอก เฟยเฟยน่ะปากร้ายแต่ใจดี ไม่เป็นไรแน่นอน”
“แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน แม่ชักดาบออกมาแล้วนะ! ”
“ฮ่า ๆ ๆ แค่นี้เหรอ ตอนที่พ่อไปสารภาพรัก พ่อโดนเธอโยนลงบ่อน้ำ เกือบจมน้ำตายด้วยซ้ำ แต่พ่อน่ะชอบเธอตรงที่เธอเป็นคนตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมแบบนี้แหละ”
เหอเจ๋อได้ฟังแล้วก็ถึงกับอ้าปากค้าง ได้แต่บ่นในใจว่า ‘ถ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน ก็คงไม่เข้ามาอยู่บ้านเดียวกัน’
ท่าทางพ่อของเขาจะเป็นพวกชอบถูกกระทำเสียจริง
ในเมื่อเจ้าตัวไม่กลัวตาย เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่ทำใจแล้วคอยปกป้องพ่อให้ถึงที่สุดเท่านั้น
หลังจากรีบกินข้าวเช้าจนเสร็จ เหอหย่งฝูก็วิ่งกลับไปที่ห้อง นำกระเป๋าเดินทางที่จัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกมา ลากเหอเจ๋อเดินมาถึงหน้าประตู และพบกับจางเหวินฉีพอดี
“พ่อกำลังจะไปไหนเหรอคะ”
“ออกไปข้างนอก ไปหาแม่ของลูก” เหอหย่งฝูพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
จางเหวินฉีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “พ่อคงไปไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อกี้ตำรวจมา บอกว่าคดีของคุณอาจะเปิดพิจารณาคดีใน 2 วันต่อจากนี้ ในฐานะผู้เกี่ยวข้อง พ่อต้องไปศาล”
“นี่… ”
ใบหน้าของเหอหย่งฝูเต็มไปด้วยความหดหู่ใจ ผ่านมา 20 กว่าปี ในที่สุดก็จะได้เจอภรรยาที่จากกันไปนาน ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เหอเจ๋อที่เดินตามหลังมาพลันคิดแผนการได้ เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทขึ้นจึงรีบฉวยโอกาส เเสดงความคิดเห็นขึ้นมา “พ่อครับ งั้นเอาแบบนี้ดีไหม เรื่องของคุณอาสำคัญ พ่ออยู่จัดการที่นี่ก่อน เดี๋ยวผมกลับบ้านไปรับแม่มาเอง แล้วพวกเรามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”
เหอหย่งฝูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลง ไม่ว่าจะฝ่ามือหรือหลังมือล้วนเป็นเลือดเนื้อ และนี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าเหอซู่โหรวจะทำผิดมากแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็นน้องสาวของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
MANGA DISCUSSION