บทที่ 131 จุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของปีนั้น
เหอเจ๋อเหลือบตามองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบหลบสายตา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มฝืด ๆ ว่า “ของขวัญชิ้นนี้ของพี่ ทำผมคาดไม่ถึงจริง ๆ ”
จางเหวินฉีปิดปากหัวเราะคิกคัก แล้วพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “พวกที่ชอบนินทาลับหลังนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ สู้ทำแบบนี้ให้มันสะใจไปเลยดีกว่า ปิดปากพวกที่ชอบติโน่นตินี่ แถมยังเป็นการสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับนายด้วย”
เหอเจ๋อได้แต่ส่ายหัวรัว ๆ ใครกันที่ต้องการชื่อเสียง คนทำงานธรรมดา ๆ แบบเขาคงไม่จำเป็นหรอก ผลลัพธ์มันชัดเจนอยู่แล้ว
จางเหวินฉีกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจจึงพูดอย่างจริงจังว่า “บริษัทภาพยนตร์เหอเป็นบริษัทใหญ่ มีพนักงานหลายพันคน แม้ว่าเรื่องที่ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟรีในครั้งที่แล้วจะทำให้หลายคนรู้จักนาย แต่ระยะเวลามันก็สั้นเกินไป ฉันกลัวว่าในอนาคตตอนที่นายรับช่วงต่อบริษัทจะเกิดปัญหาขึ้นอีก ดังนั้นจึงถือโอกาสนี้ปูทางและสร้างฐานไว้ก่อน”
มันก็เป็นอย่างที่เหอเจ๋อคิดไว้จริง ๆ เขาไม่ได้รู้สึกอยากจะรับช่วงต่อบริษัทเลย แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของเธอ จึงได้แต่พูดอย่างกล้ำกลืนว่า “ขอบคุณพี่เหวินฉีมากครับ”
ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก คืนนั้นเงียบสงัด เหอเจ๋อไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อ หลังจากถามเหตุผลเรียบร้อย เขาก็หันหลังกลับห้อง
หลังจากกลับถึงห้อง เหอเจ๋อพลิกตัวไปมา รู้สึกนอนไม่หลับ ช่วงนี้ข้างนอกมีข่าวลือหนาหู แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ นอกจากจะเป็นนิสัยส่วนตัวแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการสืบหาเรื่องราวในอดีตอีกด้วย
ตอนนี้ศัตรูตัวฉกาจอย่างเติ้งหมิงเจี๋ยถูกกำจัดไปแล้ว ความปรารถนาสูงสุดของเหอเจ๋อคือการได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว หลังจากที่จางเหวินฉีเตือนเขาในครั้งที่แล้ว เขาก็รู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนไว้ในกอไผ่
ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสช่วงที่ถูกใส่ร้าย ทำให้เหอหย่งฝูรู้สึกผิดและพยายามอย่างเต็มที่ ในที่สุดก็ล้วงถามเรื่องราวในอดีตทั้งหมดออกมาได้
ที่แท้เหอหย่งฝูเคยถูกพิษแมลงป่องทะเลทราย พ่อของเขาซึ่งก็คือปู่ของเหอเจ๋อเห็นลูกชายต้องทนทุกข์ทรมาน ร่างกายทรุดโทรมลงทุกวัน จึงรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ และได้ประกาศหาหมอเทวดามารักษา โดยเสนอรางวัลเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
บังเอิญช่วงนั้นเฟิ่งเฟยเฟย ศิษย์ของสำนักหมอเทวดาออกเดินทางแสวงหาประสบการณ์พอดี เธอเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อบังเอิญได้ทราบข่าวนี้จึงรีบรุดหน้ามาทันที
แม้พิษแมลงป่องทะเลทรายจะเป็นพิษที่ร้ายแรง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรศิษย์เอกของสำนักหมอเทวดาได้ เพียงยาดีขนานเดียว อาการก็ดีขึ้นทันตาเห็น อย่างน้อย ๆ ก็ยื้อชีวิตไว้สำเร็จ สามารถดึงเหอหย่งฝูกลับมาจากยมโลกได้
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของพิษแมลงป่องทะเลทรายไม่ใช่ความรุนแรงของพิษ แต่เป็นการเกาะติดเหมือนเงาตามตัว เมื่อถูกพิษแล้วก็ยากที่จะกำจัดออกไป
เฟิ่งเฟยเฟยยึดมั่นในความคิดที่ว่าช่วยคนให้ถึงที่สุด จึงได้อาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเหอเพื่อช่วยเหอหย่งฝูฟื้นฟูร่างกาย
ทั้งคู่ได้พบเจอกันบ่อยครั้ง และในที่สุดความรู้สึกดี ๆ ก็ก่อตัวขึ้น
อย่างที่สุภาษิตจีนเคยกล่าวไว้ นกจีจิวขันร้องก้องหาคู่ หญิงงามกลางแก่งน้ำเพียบพร้อม ย่อมเป็นที่หมายปองของบุรุษ
ในตอนนั้นเหอหย่งฝูอายุเพียง 20 ต้น ๆ รูปงามสง่าผ่าเผย ไม่ต้องพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก กิริยามารยาทก็งดงาม พูดจาไพเราะ มีน้ำใจ อ่อนโยน และเอาใจใส่ จะพูดว่าเป็นหนุ่มที่เนื้อหอมที่สุดในเมืองกว่างโจว ณ ตอนนั้นก็ไม่เกินจริง หญิงสาวที่หมายปองเขาต่างต่อแถวยาวเหยียด
ส่วนเฟิ่งเฟยเฟยก็งดงามไม่แพ้กัน แถมนอกจากความสวยแล้ว การที่เธอเติบโตในสำนักหมอเทวดายังทำให้เธอเคยไม่เปื้อนฝุ่นผงสิ่งสกปรกของโลกภายนอก ความใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอเป็นเสน่ห์ที่ร้ายกาจสำหรับเหอหย่งฝู
เมื่อเหอเจ๋อได้ยินเรื่องราวมาถึงตรงนี้ เขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าแม่ที่โหดเหี้ยมของเขาจะมีมุมใสซื่อบริสุทธิ์แบบนั้นด้วย คำถามคือตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอได้ประสบพบเจอกับอะไรมาบ้างนะ
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักอยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่ทั้ง 2 คนคบกันได้ไม่นาน ก็ถูกคุณปู่เหอจับได้โดยบังเอิญ เขาจึงโกรธมาก
ที่แท้ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาเพิ่งจะหาคู่หมั้นให้กับเหอหย่งฝูได้ลงตัว โดยอีกฝ่ายเป็นคนตระกูลใหญ่ที่โด่งดังในเมืองเยี่ยนจิง เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูล หากการแต่งงานสำเร็จ ฝ่ายหญิงจะเปลี่ยนมาใช้แซ่เหอเมื่อไหร่ ก็คงเป็นเรื่องของเวลา
เมื่อเห็นว่าเป็ดที่ใกล้จะสุกกำลังบินหนีไป คุณปู่จะยอมได้อย่างไร คืนวันนั้นเมื่อเหอหย่งฝูออกไปข้างนอก เขาจึงไล่เฟิ่งเฟยเฟยออกจากตระกูลเหอ
เมื่อเหอหย่งฝูกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นว่าคนรักไม่อยู่แล้ว จึงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากคนอื่น ด้วยความที่เขานอนป่วยอยู่บนเตียง เขาจึงไม่รู้เรื่องการหมั้นหมายนี้เลย และรีบไปต่อว่าพ่อของเขาทันที
พ่อลูกทะเลาะกันใหญ่โต เหอหย่งฝูเป็นคนดื้อรั้นมาก สาบานว่าจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่รู้จัก จากนั้นก็ปีนกำแพงหนีออกไปหาเฟิ่งเฟยเฟยในตอนกลางคืน
เพื่อเป็นการแสดงความไม่พอใจ พวกเขาทั้ง 2 จึงแอบจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ขึ้นในห้องเช่าและให้คำมั่นสัญญาต่อกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่แม้แต่เหอซู่โหรว น้องสาวแท้ ๆ ก็ยังไม่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว
ความยากลำบากแสนสาหัสไม่เพียงแต่ไม่ทำให้คู่รักคู่นี้ยอมแพ้ แต่กลับทำให้ความรักของพวกเขามั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พวกเขายอมละทิ้งแม้กระทั่งสถานะทายาท ไม่ว่าคุณปู่เหอจะใช้วิธีการใด ทั้งคู่ก็ไม่ยอมจำนน
เมื่อเห็นว่าวันแต่งงานใกล้เข้ามาทุกที คุณปู่เหอจึงคิดแผนการหนึ่งขึ้นมาได้ ด้วยการส่งคนไปพาตัวเหอหย่งฝูออกไป จากนั้นจึงไปหาเฟิ่งเฟยเฟยเพียงลำพัง เอามีดจ่อที่คอตัวเอง บังคับขู่เข็ญเธอ
เฟิ่งเฟยเฟยไม่สามารถทนดูพ่อสามีฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตาได้ ในที่สุดเธอก็ทำได้เพียงจากไปด้วยความโศกศัลย์
เมื่อเหอหย่งฝูกลับมาจากข้างนอกแล้วไม่เห็นภรรยาที่รัก เขาก็สัมผัสได้ถึงลางร้าย
คุณปู่เหองัดเอาแผนเดิม ๆ มาใช้ นั่นคือการขู่ฆ่าตัวตาย เหอหย่งฝูจึงยอมตกลงที่จะกลับไปสืบทอดกิจการของตระกูลเหอ แต่ก็ไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด
ดังนั้นคู่รักคู่นี้จึงจำต้องแยกทางจากกันไปอยู่คนละฟากฟ้า
“ตอนนั้น พ่อไม่รู้ว่าเฟยเฟยท้องแล้ว” เหอหย่งฝูพูดด้วยสีหน้าเสียใจ “ลองคำนวณเวลาที่ลูกเกิดดูสิ ตอนที่เธอจากไป เธอท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ พ่อจะตามเธอไปจนสุดขอบหล้าฟ้าเขียว ไม่ปล่อยให้เธอจากไปแบบนี้หรอก”
เหอเจ๋อกลอกตาอยู่ในใจ จากคำบอกเล่าของพ่อ ทั้งสองคนคบกันได้ไม่ถึงครึ่งปีเขาก็เกิดแล้ว ความคิดของทั้งคู่ช่างเปิดกว้างเสียจริง
บางทีเหอหย่งฝูอาจจะรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของลูกชาย จึงไอออกมาอย่างเขินอาย ด้วยจะมีหนุ่มคนไหนบ้างที่ไม่แพรวพราว
หลังจากนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลงอย่างรวดเร็ว เพราะการผิดสัญญาฝ่ายเดียว ทำให้ตระกูลใหญ่ในเมืองเยี่ยนจิงโกรธมาก ส่งคนมาพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ซ้ำยังปราบตระกูลเหออย่างหนักจนเกือบจะล้มละลาย นับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด
เดิมทีร่างกายของคุณปู่เหอก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว หลังจากที่เผชิญกับความบอบช้ำอย่างต่อเนื่องก็ทรุดโทรมลง และจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่บนบ่าของเหอหย่งฝูเพียงคนเดียว
MANGA DISCUSSION