บทที่ 127 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง
เหอหย่งฝูส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู
คนเราพออายุมากขึ้น จิตใจก็อ่อนโยนขึ้น พอเห็นสภาพน่าเวทนาของเติ้งหมิงเจี๋ยจึงถอนหายใจ “จะบอกให้ก็แล้วกัน เสี่ยวเจ๋อน่ะรู้แผนชั่วของนายมานานแล้ว เลยแอบพ่นยาที่ปรุงไปทั่วห้อง ส่วนฉันก็กินยาแก้ดักไว้ ที่คุย ๆ กับนายอยู่เมื่อกี้ก็เพื่อถ่วงเวลา รอยาออกฤทธิ์ ดังนั้นการแพ้ของนายก็ไม่นับว่าอยุติธรรมหรอกนะ”
เหอเจ๋อทำหน้าทะเล้นอยู่ข้าง ๆ ยิ้มแย้มแล้วเอ่ย “ก็เหมือนกับที่เขาพูดกันว่าตัวร้ายมักจะตายเพราะพูดมากยังไงล่ะ”
เติ้งหมิงเจี๋ยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเหมือนคนบ้า สีหน้าบิดเบี้ยว “พวกแกนี่พูดมากจริง คิดว่าคืนนี้ขาดใครไปคนนึงรึเปล่า? ”
เหอเจ๋อกับเหอหย่งฝูมองหน้ากัน ในแววตามีแต่ความฉงน หรือว่าเติ้งหมิงเจี๋ยกำลังหลอกพวกเขา?
“ชางเออร์?! ชางเออร์ไม่มา! ”
เหอซู่โหรวที่เงียบมาตั้งแต่เหอเจ๋อเข้ามากรีดร้องขึ้นทันที
สีหน้าของเหอเจ๋อเปลี่ยนไปทันที ถ้าเหอซู่โหรวไม่เตือน เขาคงลืมเติ้งเฉิงชางไปแล้ว เจ้าคนนี้ไม่ใช่คนที่จะเจรจาได้ง่าย ๆ เสียด้วย
“ฮ่า ๆ พวกแกพูดถูก! ” เติ้งหมิงเจี๋ยหัวเราะอย่างสาแก่ใจ หันไปร้องบอก “ชางเออร์ เข้ามาสิ”
ทุกคนในห้องต่างตกใจ มองไปที่ประตูพร้อมกัน ไม่รู้ว่าเติ้งเฉิงชางเข้ามาตอนไหน ในมือถือปืนจ่อไปที่ศีรษะของจางเหวินฉีที่ถูกมัดอยู่
“อย่าขยับ ไม่งั้นผมยิงเธอแน่”
สีหน้าของเขาซีดเผือด แขนที่ถือปืนสั่นเล็กน้อย พูดด้วยท่าทางประหม่า
เติ้งหมิงเจี๋ยดีใจจนเนื้อเต้น เขาตั้งใจให้เติ้งเฉิงชางหนุนอยู่ทางด้านหลัง เพราะไม่อยากให้เห็นภาพพ่อลูกแตกคอกัน แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เขาจำต้องคว้าเอาไว้
เติ้งเฉิงชางจ้องเหอเจ๋อพร้อมยิ้มเยาะ “ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง ไอ้สารเลว ไม่เคยคาดคิดมาก่อนใช่ไหมล่ะ? เอาล่ะ คราวนี้ก็เอายาแก้มา ไม่งั้นยัยนี่ตายแน่”
เหอเจ๋อรู้สึกผิดในใจ เขาเอาแต่สนใจจัดการจิ้งจอกเฒ่าเติ้งหมิงเจี๋ยจนลืมเติ้งเฉิงชางไป ตอนนี้คงถึงคราวต้องชดใช้ความประมาทของตัวเองแล้ว
เขาเดินไปข้างหน้า “ผมให้ยาแก้ได้ แต่คุณห้ามทำร้ายพี่เหวินฉี”
“ไม่ได้! ”
เติ้งเฉิงชางยังไม่ทันพูด จางเหวินฉีที่ถูกมัดอยู่ก็ตะโกนขึ้นมา “ฉันคนเดียวตายไม่น่าเสียดาย อย่าเอาชีวิตพ่อไปแลก”
“ยัยบ้า ปิดปากไปเลย! ” เติ้งเฉิงชางเตะจางเหวินฉีอย่างแรง เอาปืนจ่อหัวเธอ หน้าตาดุดัน “เหอเจ๋อ อย่ามาเล่นลิ้น ไม่ต้องเสียเวลา! เอายามาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นนังนี่ตาย! ”
เหอหย่งฝูไม่อาจทนเห็นลูกสาวของตนเองต้องทนทุกข์ทรมานได้ จึงส่งสายตาให้เหอเจ๋อพร้อมถอนหายใจ “ยื่นให้มันไปเถอะ ความปลอดภัยของเหวินฉีสำคัญที่สุด”
เหอเจ๋อพยักหน้า หยิบขวดหยกขาวมันแพะออกมา “นี่คือยาแก้พิษ”
ดวงตาของเติ้งหมิงเจี๋ยเป็นประกายในทันที เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้เรื่องราวจะพลิกผันเช่นนี้ ดูเหมือนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป้าหมายก็จะบรรลุได้ด้วยดี
เพียงเท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้
“ไอ้ชาง เก่งมาก รีบเอายาแก้พิษมาให้พ่อ จากนี้ไปบริษัทภาพยนต์เหอจะเป็นของเราพ่อลูก! ”
เติ้งเฉิงชางเยาะเย้ยอย่างเย็นชา ดวงตาฉายแววดูถูกเหยียดหยัน “พ่ออย่าโง่ไปหน่อยเลย ไอ้เด็กนั่นมันหลอกให้ผมเข้าไปใกล้ต่างหาก ผมไม่เหมือนพ่อหรอกนะที่จะติดกับตื้น ๆ ”
พูดจบเขาก็ไม่สนใจสีหน้าของเติ้งหมิงเจี๋ยที่เปลี่ยนเป็นซีดขาว เดี๋ยวแดงเถือกเดี๋ยวก็เขียวคล้ำ เเต่กลับเงยหน้ามองเหอเจ๋ออย่างเฉยเมย ความแค้นเก่าในใจพลุ่งพล่านขึ้นมา “ไอ้สารเลว ยังคิดจะหลอกฉันอีกเหรอ? ฉันหมั่นไส้หนังหน้าแกมานานแล้ว คุกเข่าลง แล้วเอายาแก้พิษมาให้ฉันด้วยมือของแกเอง! ”
สีหน้าของเหอหย่งฝูเปลี่ยนไปในทันที น้ำเสียงของเขาเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด “เติ้งเฉิงชาง อย่าล้ำเส้น! ”
“ล้ำเส้น? ”
เติ้งเฉิงชางหัวเราะลั่น “ตาแก่ไร้ยางอายอย่างแก ยังมีน้ำหน้ามาพูดกับฉันแบบนี้อีกเหรอ? ”
“แกกล้าด่าฉัน? ”
“ถ้าด่าแล้วทำไม? ฉันอัดอั้นมานานแล้ว ตอนนั้นบอกว่าจะให้ฉันไปฝึกงานที่บริษัท แล้วเดี๋ยวเลื่อนตำแหน่งให้ สรุปเป็นไง? ผ่านไปหลายปีหลายชาติก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแต่ลูกนอกบ้านอย่างจางเหวินฉีที่ค่อย ๆ ไต่เต้าสูงขึ้นไป ๆ ฉันเป็นหลานแก แต่แกเคยเห็นฉันอยู่ในสายตาบ้างไหม? ”
เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของเติ้งเฉิงชาง เหอหย่งฝูก็ถึงกับพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะรู้สึกว่าเติ้งเฉิงชางประพฤติตัวเหลวไหลไปบ้าง แต่หลังจากขัดเกลาสักพักก็น่าจะเป็นคนสร้างคุณประโยชน์ได้ ทว่าตอนนี้หลังจากฟังคำพูดเหล่านั้น เขากลับรู้สึกสิ้นหวังโดยสมบูรณ์
เด็กคนนี้เหมือนพ่อไม่มีผิดเพี้ยน
เป็นคนชั่วช้าจากส่วนลึกของสันดาน
จางเหวินฉีอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“เติ้งเฉิงชาง ทำไมคุณถึงพูดกับพ่อแบบนี้? ท่านสั่งให้ฉันดูแลคุณอย่างลับ ๆ มาโดยตลอด ไม่งั้นผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ อย่างคุณจะได้เงินเดือนเยอะขนาดนั้นเหรอ? คิดบ้างสิ อย่ามาทำเนรคุณแบบนี้”
“อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีเห็นอกเห็นใจหน่อยเลย! ” เติ้งเฉิงชางตบหน้าจางเหวินฉี “ถ้าไม่ใช่เพราะนังสารเลวอย่างเธอกับไอ้เด็กนั้น บริษัทภาพยนตร์เหอก็คงเป็นของฉันไปแล้ว!”
เขาหันไปตะคอกใส่เหอเจ๋อ “แล้วแกยังยืนโง่อยู่ทำไม รีบคลานแล้วคุกเข่าเอายาแก้พิษมาให้ฉันได้แล้ว! ”
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เหอเจ๋อ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ดูเหมือนจะยอมจำนน ก้าวเข้าไปทีละก้าว
ขนาดของห้องนอนห้องนี้ไม่ได้ใหญ่มากมายอะไรนัก ระยะห่างระหว่างเหอเจ๋อกับเติ้งเฉิงชางจึงไม่มาก เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง
“หยุดอยู่ตรงนั้น! ”
เติ้งเฉิงชางตะโกนก้อง มองไปที่เหอเจ๋อซึ่งอยู่ห่างออกไปราวหนึ่งเมตร ก่อนแย้มยิ้มอย่างชั่วร้าย “ฉันรู้ว่าแกเป็นคนฝีมือดี ฉะนั้นคุกเข่าลงแล้ววางยาแก้พิษไว้บนพื้นก็พอ และฉันขอเตือนแก อย่าคิดทำอะไรแผลง ๆ ไม่งั้นหัวของยัยหน้าสวยนี่ได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แน่”
แววตาของเหอเจ๋อหรี่ลง ความคิดที่จะจู่โจมแวบเข้ามาในหัว แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายคงรู้ทัน ระยะห่างแค่เมตรกว่า ต่อให้เขาจะเร็วแค่ไหนก็เร็วไม่เท่ากระสุนปืน เขาต้องปล่อยวางเพื่อความปลอดภัยของจางเหวินฉี
“ลูกผู้ชายยอมตายไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี” เฟิ่งเฟยเฟย แม่ของเขาย้ำเตือนเหอเจ๋อแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
งั้นเหรอ?
เขาต้องคุกเข่าให้กับไอ้สารเลวนี่จริง ๆ งั้นเหรอ?
ชีวิต… หรือศักดิ์ศรี?
เหอเจ๋อลังเลอย่างหนัก แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเลือดที่ไหลอาบหน้าผากของจางเหวินฉี เขาตัดสินใจได้ในทันที
เขาต้องรับผิดชอบกับความประมาทของตัวเอง จางเหวินฉีถึงต้องตกมาอยู่ในอันตรายแบบนี้ สำหรับลูกผู้ชายตัวจริง ถ้าไม่กล้าแม้แต่จะรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง แล้วจะเอาศักดิ์ศรีจากที่ไหนมาพูดถึง
ตึง!
เหอเจ๋อคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
MANGA DISCUSSION