บทที่ 121 พ่อลูกรู้จักกัน
เหอซู่โหรวและสามีหยิบขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า คำพูดขาวดำบนกระดาษชัดเจน การแก้ตัวใด ๆ ก็เป็นเพียงคำพูดไร้สาระ
หัวใจของเติ้งเฉิงชางรู้สึกแย่เหมือนกินอุจจาระ ถึงแม้เขาจะเป็นหลานชายของเหอหย่งฝู แต่เขามักจะถือตัวว่าเป็นทายาทของบริษัทภาพยนต์เหอ ตอนนี้จู่ ๆ ก็มีลูกชายเพิ่มขึ้นมาแบบนี้ เขาก็กลายเป็นตัวตลกไปเลย
เหอเจ๋อมองใบรับรองผลการตรวจก็มึนงงไปหมด จำไม่ได้ว่าเคยไปตรวจร่างกายตอนไหน ถึงแม้จะรู้ว่าเหอหย่งฝูไม่โกหก แต่ก็ยังสงสัยจึงถามว่า “คุณลุง…เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย”
เหอหย่งฝูชี้ไปที่ท้องน้อยของเขาแล้วยิ้มพูดว่า “วันนั้นนายได้รับบาดเจ็บ เลือดของนายติดมือฉัน ดังนั้น…”
น้ำเสียงของเขาตะกุกตะกักเล็กน้อย พูดด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นว่า “เสี่ยวเจ๋อ หลายปีมานี้ลำบากเธอกับเฟยเฟยแล้ว ฉันขอโทษพวกเธอ”
ดวงตาของเหอเจ๋อก็แดงก่ำเช่นกัน ปริศนาเรื่องพ่อที่แท้จริงที่เขาตามหามานาน ในที่สุดก็คลี่คลาย ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวัยเด็กของเขาเป็นจริงแล้ว หัวใจของเขาก็ตื่นเต้นจนแทบหยุดไม่ได้
“คุณลุง…”
“เธอควรจะถามว่าฉันชื่ออะไร”
ลำคอของเหอเจ๋อเหมือนมีก้อนหินติดอยู่ ตะโกนออกมาด้วยความดีใจและประหม่า
“พ่อ!”
น้ำตาของเหอหย่งฝูไหลอาบแก้ม ชายชาตรีไม่ร้องไห้ง่าย ๆ นอกจากจะถึงสถานการณ์ที่ทำให้เสียใจ
หลังจากผ่านไปยี่สิบกว่าปี ในที่สุดก็ได้ยินสองคำนี้ ความตื่นเต้นในใจเอ่อล้นจนควบคุมไม่ได้ เขารีบพุ่งเข้าไปกอดเหอเจ๋อ
การรวมตัวกันของพ่อลูกที่ไม่ได้เจอกันมานาน เหอซู่โหรวและสามีในฐานะผู้อาวุโส ควรจะมีความสุข แต่ยกเว้นจางเหวินฉีแล้ว ทุกคนต่างก็มีสีหน้ามืดครึ้ม
แพทย์แผนจีนสามคนที่นำโดยหลิวลั้วก็มีสีหน้าลำบากใจเช่นกัน พวกเขาเสียเวลาไปมากมาย สุดท้ายพ่อลูกคู่นี้ก็รู้เรื่องตัวยาทั้งหมด สิ่งที่พวกเขาทำไปก็แค่เสียแรงเปล่า
อยู่ต่อไปก็อับอายขายหน้า พวกเขาสามคนจึงถือโอกาสหาข้ออ้างจากไปอย่างลับ ๆ
เติ้งหมิงเจี๋ยฝืนยิ้มออกมา พูดว่า “ยินดีกับพี่เขยและหลานชายที่ได้กลับมารวมตัวกัน เสี่ยวเจ๋อกลับมาที่บ้านตระกูลเหอแล้ว ผมจะไปบอกให้ห้องครัวทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง เย็นนี้ฉลองกัน”
ปากก็บอกว่าฉลอง แต่อาจจะเป็นเพราะสีหน้าของเขาดูแย่กว่าเหยียบอุจจาระเสียอีก
เหอซู่โหรวได้สติกลับมาหลังจากที่เขาเตือน ถึงแม้ในใจจะไม่พอใจ แต่ก็ยังต้องรักษากิริยามารยาท ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เสี่ยวเจ๋อ ป้าอาจจะเคยเข้าใจเธอผิดไปบ้าง แต่จากนี้ไป พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรื่องที่ผ่านมาอย่าไปพูดถึงมันอีกเลย”
เหอเจ๋อมองท่าทางเสแสร้งของเธอแล้วหัวเราะเยาะในใจ เดิมทีเขาอยากจะพูดจาดูถูกเหยียดหยาม แต่หางตาเหลือบไปเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเหอหย่งฝู เขาจึงทนไม่ไหวที่จะทำให้เขาผิดหวัง จึงได้แต่พูดด้วยความฝืนใจว่า “แบบนั้นก็ดีมากเลยครับ ขอบคุณน้ำใจของคุณอาครับ”
พวกเขาสามคนล้วนเกลียดชังกันเข้ากระดูกดำ แต่กลับต้องฝืนแสร้งทำเป็นรักใคร่กลมเกลียว แสดงละครตบตาจนทรมานใจ พูดคุยกันอย่างขอไปทีไม่กี่ประโยค เหอซู่โหรวกับสามีก็รีบหาข้ออ้างขอตัวลากลับ
ก่อนจากไป เหอเจ๋อจงใจตบบ่าเติ้งเฉิงชาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยที่คนอื่นไม่ได้ยินว่า “น้องชาย ต่อไปนี้พวกเราต้องสนิทสนมกันให้มากกว่านี้นะ”
เขาจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘น้องชาย’ เป็นพิเศษ ทำให้คนฟังอดนึกไปถึงของลับในกางเกงของผู้ชายไม่ได้
เติ้งเฉิงชางหน้าซีดเผือด ส่งเสียง “ฮึ่ม” ในลำคอ สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
เหอหย่งฝูเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ไม่พอใจเอ่ยว่า “ซู่โหรว ช่วงนี้เฉิงชางเป็นอะไรไป ทำไมถึงไม่มีมารยาทขึ้นทุกวัน กลับไปเธอต้องสั่งสอนเขาให้มากกว่านี้”
เหอซู่โหรวรู้สึกหงุดหงิดใจ พยักหน้ารับคำอย่างเสียไม่ได้ รีบสาวเท้าตามเติ้งหมิงเจี๋ยออกไป
เมื่อคนขวางหูขวางตาออกไปจนหมดแล้ว จางเหวินฉีจึงหันไปมองเหอเจ๋อ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชาย ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
ต่างจากท่าทีเสแสร้งต้อนรับของเติ้งหมิงเจี๋ย ก่อนหน้านี้ เหอเจ๋อรู้สึกได้ว่าจางเหวินฉีพูดออกมาจากใจจริง เขาจึงยิ้มรับ “พี่สาว ขอบคุณที่ดูแลพ่อเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
ประโยคสั้น ๆ เพียงประโยคเดียว ทำเอาจางเหวินฉีเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้เธอรู้สึกกังวลใจมาก ตอนที่เจอกันครั้งแรก เธอทำท่าทีไม่ค่อยดีกับเหอเจ๋อ ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นการเดินทางไปยังญี่ปุ่นจะทำให้เธอเปลี่ยนความคิดไปบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าเหอเจ๋อจะยังคงเกลียดเธออยู่ในใจหรือเปล่า
เพราะยังไงเธอก็ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเหอหย่งฝูเลย หากเหอเจ๋อไม่ยอมรับเธอคนนี้เป็นพี่สาว เกรงว่าสถานการณ์ของเธอคงจะลำบากใจอย่างมาก ถึงขั้นอาจถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเหอก็เป็นได้
แต่โชคยังดีที่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น คำว่า ‘พี่สาว’ ที่ออกมาจากใจจริงประโยคเดียว ก็เพียงพอที่จะขจัดความกังวลใจทั้งหมดออกไป
เหอหย่งฝูเห็นดังนั้นก็ยิ้มหน้าบาน คว้ามือเหอเจ๋อไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างคว้ามือจางเหวินฉีไว้ พูดอย่างอารมณ์ดีว่า “พวกเราครอบครัวได้กลับมารวมตัวกันทั้งที ต้องฉลองกันให้สมกับที่รอมานาน”
ตกดึก เหอหย่งฝูที่ไม่เคยแตะต้องแอลกอฮอล์เกิดอาการเมามายไม่ได้สติ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับไม่จางหายไปแม้แต่น้อย
ห้าสิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีความสุขเท่าวันนี้มาก่อน…
เรื่องส่วนตัวภายในครอบครัวเศรษฐี เป็นเรื่องซุบซิบนินทายอดฮิตหลังอาหารค่ำของประชาชนทั่วไปเสมอ
บริษัทภาพยนต์เหอในเมืองกว่างโจว ถือเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดัง การปรากฏตัวของทายาทอย่างเหอเจ๋อที่ราวกับหล่นลงมาจากฟ้า แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไฟลามทุ่ง ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
บังเอิญที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน เหอเจ๋อเป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย จากข่าวการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟรี
ดังนั้น เพียงชั่วคืนเดียว ข่าวลือและเรื่องซุบซิบมากมายเกี่ยวกับเขาก็แพร่สะพัดไปทั่ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตามหาพ่อที่พลัดพราก ทอดทิ้งภรรยาและลูก หรือแม้แต่เรื่องแย่งชิงมรดก ล้วนเป็นประเด็นที่ผู้คนต่างให้ความสนใจ หากมีใครรวบรวมเรื่องราวเหล่านี้ไปแต่งเป็นนิยายออนไลน์ รับรองว่าต้องโด่งดังเป็นพลุแตกอย่างแน่นอน
เหอเจ๋อกำลังยุ่งอยู่กับการสานสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เรื่องราวข่าวสารภายนอกเลยแม้แต่น้อย เหอหย่งฝูผู้รู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อมาตลอด 20 กว่าปี จึงทุ่มเทความรักชดเชยให้เขาอย่างเต็มที่ จนแทบไม่ได้ไปบริษัท ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน คอยฟังเขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลินอัน
ตามหลักเหตุผลแล้ว หากเจ้านายไม่สนใจธุรกิจ พนักงานย่อมหมดกำลังใจ แต่ที่บริษัทภาพยนต์เหอกลับตรงกันข้าม ช่วงนี้ทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่ปริปากบ่น แม้ต้องทำงานล่วงเวลา แม้กระทั่งราคาหุ้นก็พุ่งสูงขึ้นติดต่อกันถึงสามวัน
สาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ ส่วนสำคัญที่สุดต้องยกความดีความชอบให้กับเหอเจ๋อ การปรากฏตัวของเขาทำให้ปัญหาเรื่องทายาทของบริษัทภาพยนต์เหอที่เคยเป็นเรื่องใหญ่ กลับกลายเป็นเรื่องง่ายดาย พนักงานไม่ต้องกังวลว่าบริษัทจะถูกยุบหรือถูกซื้อกิจการ เพราะปัญหาสุขภาพของเจ้าของบริษัท พวกเขามีความมั่นคงในหน้าที่การงาน จึงทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่
ช่วงนี้ เหอเจ๋อได้ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างคุณชายเงินล้าน แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจก็คือ ตอนที่เขาเล่าเรื่องที่ได้เจอกับพ่อให้เฟิ่งเฟยเฟย แม่ของเขาฟัง กลับถูกเธอต่อว่าอย่างรุนแรง แถมยังขู่จะตัดแม่ตัดลูกอีกด้วย
MANGA DISCUSSION