บทที่ 12 ทำไมถึงเป็นพวกคุณ
บางครั้งเหอเจ๋อก็รู้สึกว่าตัวเองใจดีจริง ๆ
ถ้าเป็นแม่ของเขา ป่านนี้เธอคงจะพุ่งเข้าไปทุบตีไอ้หัวแดงที่พูดแบบนั้น นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว
แต่ก่อนที่เหอเจ๋อจะทุบเขา ยังอุตส่าห์ชูนิ้วกลางให้อย่างจริงใจ
อืม จากนั้นเหอเจ๋อก็กระโจนเข้าไป… โอ้ ไม่ใช่ เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
พวกอันธพาลพวกนั้นไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเหอเจ๋อโผล่มาทางด้านหลังพวกเขาได้อย่างไร
ไอ้หัวแดงยังคงใช้มือทั้งสองข้างกุมเป้าของตัวเองไว้ และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด พลางคุกเข่าลงกับพื้น
เหอเจ๋อแทรกเข้าไปข้างหลังกลุ่มชายฉกรรจ์ พริบตาเดียวเขาก็ถูกล้อมไปด้วยคนนับสิบในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชายร่างใหญ่พวกนั้นก็ได้รับความอับอายกันถ้วนหน้า คุณลองคิดดูสิ ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง แต่สามารถจัดการคนไปได้ถึงสี่คนต่อหน้าต่อตาพวกเขา?
แถมทั้งสี่คนที่โดนจัดการยังโดนเล่นงานด้วยวิธีเดียวกันหมด ให้ตายสิ มันน่าอับอายสำหรับผู้ชายจริง ๆ!
ทว่า ตอนที่พวกเขาคิดว่าตัวเองล้อมเหอเจ๋อไว้ได้แล้ว เหอเจ๋อต้องหนีไม่รอดแน่ กลับมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง
เหอเจ๋อใกล้จะบ้าคลั่งแล้ว!
ชายอีกสองคนที่ถูกเหอเจ๋อจัดการด้วยวิธีที่น่าอับอาย ก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวอีกต่อไป “แกเปลี่ยนจุดโจมตีบ้างไม่ได้เหรอ?”
เหอเจ๋อกลอกตา มองคนที่พูด เป็นผู้ชายที่ดูท่าว่าคงอายุยังน้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง
คนคนนั้นหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกหวาดกลัวกับวิธีต่อสู้ของเหอเจ๋อ
พี่ชาย คุณเล่นเตะไปที่ตรงนั้นเสมอ งั้นด้านล่างล่ะ? ด้านล่างก็จะไม่มีอีกแล้ว…
จะไม่น่ากลัวได้อย่างไร?
เหอเจ๋อแสยะยิ้ม แล้วถามเขาว่า “งั้นนายอยากให้ฉันตีตรงไหน?”
เด็กน้อยตัดสินใจ “นายตีฉันให้สลบไปเลยก็แล้วกัน!”
ไม่มีความทะเยอทะยานเลยจริง ๆ ชายร่างใหญ่ทุกคนดูอันธพาลตัวน้อยนี้ด้วยสายตาดูถูก
เหอเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองมีคุณธรรมจริง ๆ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาแล้ว เขาจะไม่เห้นด้วยได้อย่างไร ห้าร้อยหยวนต่อคนเลยนะ
เมื่อคิดดังนั้น เขาก็เอี้ยวตัวออกไป แล้วพุ่งตัวไปทางหนุ่มน้อยคนนั้นทันที
ชายร่างใหญ่คนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถหยุดเหอเจ๋อเอาไว้ได้
พวกเขาจะจินตนาการได้อย่างไร ว่าเหอเจ๋อผ่านการฝึกฝนแบบไหนมาบ้างตลอดสิบปีที่ผ่านมา…
มีเพียงก้อนหินที่กลิ้งลงมาจากด้านหลังเขาหลินอันเท่านั้น ที่เป็นภัยคุกคามและน่ากลัวยิ่งกว่าพวลอันธพาลเหล่านี้เสียอีก
เหอเจ๋อพุ่งไปด้านหลังของเด็กน้อย ใช้ฝ่ามือฟาดลงไปทีเดียว เจ้าเด็กนั่นก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที
ไม่นาน พวกอันธพาลเหล่านั้นก็ตระหนักได้ว่า เจ้าหนูคนนี้เป็นคนที่โชคดีที่สุดในบรรดาพวกเขา
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด เกือบทุกคนเมื่อเผชิญหน้ากับเหอเจ๋อ สัญชาตญาณแรกคือการปกป้องจุดสำคัญของตัวเอง
แต่ว่า ทำแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?
มีประโยชน์บ้าอะไรล่ะ?
ไอ้เลวนั่นสามารถเตะคนตายได้ด้วยมือเดียว
ในเวลาเพียงสามสี่นาที จากเดิมที่มีผู้ชายสิบกว่าคนล้อมรอบเหอเจ๋อ ทว่าตอนนี้พวกเขากลับล้มลงที่พื้นจนหมดแล้ว
เหอเจ๋อน่าทึ่งมาก!
ฝูงชนที่ยืนดูอยู่รอบข้างต่างมองอย่างตกใจ
กวนหลิงที่ถือโทรศัพท์ถ่ายวิดีโออยู่ก็ตะลึงเช่นเดียวกัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น คนคนเดียวต่อสู้กับคนนับสิบได้?
ไม่มีใครคิดเลยว่า พวกอันธพาลที่บุกเข้ามาอย่างดุดันสิบกว่าคนจะล้มลงได้ในเวลาอันสั้น
และตอนนี้ ตัวเอกในสายตาของทุกคนกำลังชูนิ้วนับหัวคน
“หนึ่ง สอง สาม สี่… อืม รวมทั้งหมดสิบเจ็ดคน เป็นเงินแปดพันห้าร้อย ทำมาหากินแบบนี้ดีจริง ๆ”
เหอเจ๋อรู้สึกพอใจมาก แค่ขยับมือนิดหน่อย… หรือดูเหมือนจะขยับเท้ามากกว่า ยังไงก็ตาม ครั้งนี้เขาได้กำไรแน่นอน
พอเหอเจ๋อหันไปจะถามกวนหลิงเรื่องเงิน กลับได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้นไม่ไกล
“เฮ้ย ใครเป็นคนแจ้งตำรวจ?” เหอเจ๋อตกใจ ใครจะรู้ว่าพวกตำรวจที่วิ่งมานั่นเห็นว่าเขาสามารถจัดการกับคนนับสิบได้ จะชื่นชมเขามากเกินไปจนเชิญไปดื่มน้ำชาที่โรงพักหรือเปล่า?
เขาเพิ่งกลับมาจากโรงพักเมื่อสองชั่วโมงก่อน และเหอเจ๋อไม่อยากไปที่นั่นอีกรอบ
กวนหลิงพูดอย่างเขินอาย “เมื่อกี้ฉันกลัวคุณจะได้รับบาดเจ็บ เลยแอบโทรแจ้งตำรวจ…”
“คุณต้องเป็นพยานให้ผมนะ ว่าผมแค่ป้องกันตัวเท่านั้น” เหอเจ๋อพูดทันที
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างถ่ายวิดีโอด้วยโทรศัพท์ไม่หยุด แม้แต่ตัวเหอเจ๋อเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้สื่อออนไลน์มีอิทธิพลมากแค่ไหน
เขาคงจะดังแล้ว…
รถตำรวจจอดข้างร้านบาร์บีคิว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามนายก้าวลงจากรถ ผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน
ชายคนแรกอายุราวสามสิบ มีหนวดเคราเล็กน้อย ดูเป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์ ส่วนชายอีกคนและหญิงสาวอีกคนดูเด็กไปบ้าง คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่คนใหม่ในหน่วย
ผู้ชายสูงราว 180 เซนติเมตร หน้าตาดูหล่อเหลา ส่วนผู้หญิงก็สูงราว 170 เซนติเมตร และเครื่องแบบตำรวจที่รัดรูปก็ไม่อาจปิดบังรูปร่างที่งดงามของหล่อนได้หมด
“ทุกคนอย่าขยับ!” ตำรวจที่ดูมีประสบการณ์เห็นชายร่างใหญ่นับสิบคนล้มระเนระนาดไปกับพื้น คิดว่าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น และรีบชักปืนพกวิ่งเข้ามาทันที
สองคนที่เหลือก็รีบตามมาติด ๆ
“คุณตำรวจ คุณเห็นผมขยับตรงไหนไหม?” เหอเจ๋อยักไหล่อย่างหมดหนทาง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ตำรวจที่ดูมีประสบการณ์ชื่อโอวเทียนเหิง เป็นหัวหน้าตำรวจประจำย่านนี้
“คุณตำรวจคะ ฉันเป็นนักข่าวของกว่างหนานรายวัน! เมื่อครู่ฉันถ่ายเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้แล้ว” กวนหลิงเดินออกมาด้วยตัวเอง พร้อมแสดงบัตรนักข่าว
จู่ ๆ ตำรวจหญิงก็จำกวนหลิงได้ “ทำไมถึงเป็นพวกคุณล่ะ?”
ตำรวจหญิงคนนี้ชื่อสวีลี่ เป็นตำรวจฝึกหัด เมื่อครู่ตอนที่กวนหลิงถูกทำร้าย เธอเป็นคนจดบันทึกคำให้การพอดี
เหอเจ๋อยิ้มแห้งอธิบายว่า “พวกเราก็แค่ออกมาจากสถานีตำรวจ ตั้งใจจะหาอะไรกินเพื่อฉลองกันเท่านั้น แต่คนพวกนี้บังคับให้พวกเรากินบาร์บีคิวของพวกเขา”
“พวกเราเป็นคนมีหลักการ ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกให้กินอะไร เราก็จะกินตาม ใครจะรู้ว่าบาร์บีคิวของพวกเขาสะอาดหรือเปล่า? พอพวกเราพูดแบบนี้ พวกเขาจะลงมือทำร้ายแล้ว”
“คุณบอกว่าผมเกือบโดนตี มีคนตั้งสิบกว่าคนล้อมเข้ามา ผมคิดว่าจะถูกตีจนตาย แต่ตอนนั้นพวกเขาทุกคนก็กุมท้องแล้วล้มลงไป เฮ้อ ผมก็บอกแล้วไง ว่าไม่ให้พวกเขากินบาร์บีคิวพวกนั้น พอตอนนี้เกิดปวดท้องก็เป็นผลที่ตามมาของตัวเองทั้งนั้น”
เหอเจ๋ออธิบายด้วยตัวเอง ขณะที่ตำรวจและกวนหลิงที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขาต่างก็เหงื่อตกไปตาม ๆ กัน
คนพวกนั้นไม่ได้กุมท้อง แต่เห็นกันอยู่เต็มตาว่าพวกเขากุมเป้ากางเกงต่างหาก!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โอวเทียนเหิงและคนอื่น ๆ ได้ดูวิดีโอจากโทรศัพที่กวนหลิงให้มา พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝ่ายร้านบาร์บีคิวนั้นลงมือก่อน เหอเจ๋อแค่ป้องกันตัวและโต้กลับก็เท่านั้น
ฝีมือการต่อสู้และความสามารถในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่แปลกประหลาดของเหอเจ๋อ ทำให้ตำรวจทั้งสามนายต้องตะลึง พวกเขาล้วนจบมาจากโรงเรียนตำรวจ แน่นอนว่าต้องมีวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ต้องสอบให้ผ่าน แต่เอาชนะสิบกว่าคนได้เพียงลำพังเหมือนเหอเจ๋อ แทบเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ยังไงก็ตาม ถ้าคุณทำให้ผู้คนบาดเจ็บมากมาย คุณก็ต้องไปให้ปากคำที่โรงพัก” โอวเทียนเหิงเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดขึ้น
พูดจบ เขาก็หันไปบอกสวีลี่ว่า “สวีลี่ เธอโทรเรียกรถพยาบาลหน่อย พาพวกนี้ไปโรงพยาบาลให้หมด ฉันจะจัดคนให้ไปเฝ้าที่โรงพยาบาลเอง คนพวกนี้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย แถมตั้งใจทำร้ายคนอีก คราวนี้คงหนีไม่พ้นแล้ว”
MANGA DISCUSSION