บทที่ 117 ปฏิเสธคำเชิญ
เซี่ยชิงพยักหน้า แสดงท่าทีเข้าใจ พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ว่าเมื่อไหร่ ประตูของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็จะเปิดรับคุณเสมอ”
เหอเจ๋อขอบคุณในความหวังดีของเขา ล่ำลาออกจากร้านกาแฟไป
หลังจากที่เขาไปแล้ว จางเสี่ยวเถาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผู้อำนวยการ นี่มันหุ้นส่วนที่มีศักยภาพนะ ทั้งเชี่ยวชาญการแพทย์ ทั้งเก่งกาจ แค่คนเดียวก็ใช้แทนได้ตั้งสามคน ปล่อยไปแบบนี้ ไม่เสียดายแย่เหรอ?”
เซี่ยชิงนั่งลงบนโซฟาอย่างผ่อนคลาย ยิ้มพลางหรี่ตาลง “เราก็เป็นหน่วยงานที่ถูกกฎหมาย ไม่ใช่หัวหน้าโจรบนเขา คนอื่นเขาไม่เต็มใจ เราก็ไปบังคับเขาไม่ได้นี่”
จางเสี่ยวเถามองเขาด้วยสีหน้าประหลาด จากที่เธอรู้จักเซี่ยชิง จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้มา เธอมั่นใจว่าเขายังมีแผนสำรองอะไรอีกแน่ ๆ
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมายุ่งเกี่ยวแล้ว หลังจากเปิดเผยตัวตน เเละต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปอีกระยะหนึ่ง รอจนกว่าจะถึงเวลา เธออาจจะปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะคนใหม่
หลังจากออกจากสนามบิน จางเหวินฉีก็ตรงไปที่วิลล่าของตระกูลเหอทันที
เหอหย่งฝูที่รู้ข่าวอยู่แล้วรออยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเธอลงรถก็รีบเดินเข้ามาหา พูดด้วยความเป็นห่วงว่า “เหวินฉี การเดินทางครั้งนี้คงลำบากน่าดู”
จางเหวินฉีรู้สึกตื้นตันใจ น้ำตาคลอเบ้า โผเข้ากอดเขาพลางพูดว่า “ลูกสาวคนนี้ทำตัวไม่ดี ทำให้พ่อต้องเป็นห่วง”
เหอหย่งฝูปลอบประโลมลูบหลังเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ขอแค่ลูกปลอดภัยก็พอแล้ว”
จางเหวินฉีสะกดกลั้นอารมณ์ เดินตามเหอหย่งฝูไปที่ห้องทำงาน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางที่ญี่ปุ่นให้เขาฟัง
เมื่อได้ยินว่าตอนแรกเธอประสบปัญหา เจอแผ่นดินไหว เหอหย่งฝูก็เป็นกังวลอย่างมาก
แต่พอถึงตอนที่เหอเจ๋อปรากฏตัวราวกับเทพเจ้า เอาชนะยามาซากิ คาซูกิได้สิทธิ์การถ่ายทอดสดมาฟรี ๆ เขาก็ยิ้มแก้มปริ
พอถึงตอนที่โจรปล้นเครื่องบิน เขาก็อดเป็นกังวลไม่ได้อีก
จนกระทั่งได้ยินว่าสุดท้ายเหอเจ๋อเป็นผู้จัดการกับโจรได้ เขาถึงถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดด้วยความรู้สึกว่า “การเดินทางของเธอนี่มันช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ เอาไปทำหนังได้เลยนะเนี่ย”
จางเหวินฉีเองก็นึกหวาดเสียว พูดติดตลกว่า “แต่ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเหอเจ๋อที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเขา ฉันคงไม่ได้กลับมาแล้วละค่ะ”
“แต่เขาก็คงเจ็บไม่น้อย โดนแทงไปตั้งหนึ่งมีด เขาไปโรงพยาบาลไหน พวกเราไปเยี่ยมเขาหน่อยดีไหม?”
“เขาไม่ได้ไปโรงพยาบาลค่ะ”
“อ๊ะ” เหอหย่งฝูพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดอย่างร้อนใจว่า “เด็กคนนี้ก็จริง ๆ เลย บาดเจ็บแบบนี้ไม่ไปโรงพยาบาล กลับวิ่งพล่านไปไหนอีก”
จางเหวินฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะบอกเรื่องของจางเสี่ยวเถาให้เหอหย่งฝูรู้ดีหรือไม่
ทันใดนั้น พ่อบ้านก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา รายงานอย่างเหนื่อยหอบว่า “นายท่าน คุณชายกลับมาแล้วครับ”
เหอหย่งฝูแววตาดีใจขึ้นมา ก่อนจะบ่นอย่างอดไม่ได้ว่า “เด็กคนนี้ ช่างไม่ทำให้คนอื่นเขาสบายใจบ้างเลย ไป ไปดูกัน ไปโรงพยาบาลไม่ได้ยังไงกัน บาดเจ็บแบบนี้”
จางเหวินฉีมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า ในใจก็ได้แต่ถอนหายใจ นี่มันช่างเหมือนพ่อที่เห็นลูกชายกลับมาจริง ๆ
เหอเจ๋อเพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาในตัวบ้าน ก็เห็นเหอหย่งฝูที่รีบร้อนเดินเข้ามาแต่ไกล เขาจึงหยุดฝีเท้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลุงเหอ ผมทำภารกิจสำเร็จแล้ว พาพี่เหวินฉีกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วครับ”
เหอหย่งฝูมองเห็นรอยเลือดที่เอวของเขา แววตาฉายแววกังวล บ่นออกมาว่า “แต่นายกลับไม่ยอมพาตัวเองกลับมาอย่างครบถ้วน”
เหอเจ๋อยิ้มแห้ง ๆ เอามือตบไปที่เอวเบา ๆ ทำเป็นไม่ใส่ใจ “แค่แผลถลอกนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่า แม้รอยแผลจากมีดพับจะไม่ใหญ่ แต่มันกลับลึกมาก ในเวลาสั้น ๆ แบบนี้ แผลยังไม่ทันสมาน พอเขาตบลงไป เลือดก็ไหลซึมออกมาอีกครั้ง
เหอหย่งฝูเห็นแล้วก็ยิ่งปวดใจ รีบเอื้อมมือไปกดห้ามเลือดที่แผลให้เขา แล้วหันไปตะโกนว่า “เหวินฉี เรียกรถพยาบาลเร็ว พาเสี่ยวเจ๋อไปโรงพยาบาล”
เหอเจ๋อพูดอย่างจนใจปนขบขัน “ลุงเหอ ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ แค่แผลเล็กน้อย ผมดูแลตัวเองได้”
เหอหย่งฝูไม่สบายใจ ยืนยันจะพาเขาไปโรงพยาบาล สุดท้ายเหอเจ๋อกับจางเหวินฉีต้องผลัดกันเกลี้ยกล่อม จนในที่สุดเขาก็ยอมล้มเลิกความคิดนี้
“ถ้านายไม่อยากไปโรงพยาบาล งั้นก็กลับไปพักผ่อนให้ดี ๆ ครั้งนี้ทำความดีความชอบไว้มาก ต้องการอะไรก็บอก ฉันจะให้คนเอาไปให้”
เหอเจ๋อพยักหน้ารับปาก แล้วกลับเข้าห้องไปโดยมีจางเหวินฉีช่วยพยุง
หลังจากต่อสู้กับโจรจนหมดแรง เขาก็รู้สึกเหนื่อยมาก จึงทำแผลอย่างง่าย ๆ แล้วก็ผล็อยหลับไป
เหอหย่งฝูกลับมาที่ห้องทำงาน ใจเขายังคงว้าวุ่น ทันใดนั้น หางตาเขาก็เหลือบไปเห็นรอยเลือดที่นิ้วมือ ใจเขาเต้นแรง รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา
“สวัสดีครับ ผู้อำนวยการอู๋ ผมอยากจะขอคำปรึกษาหน่อยครับ ถ้าจะตรวจดีเอ็นเอต้องใช้เลือดสดเท่านั้นใช่ไหมครับ…”
วันต่อมา เหอเจ๋อพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านพักของตระกูลเหอ นอกจากจะไปตรวจร่างกายให้เหอหย่งฝูทุกเช้าแล้ว เวลาที่เหลือเขาก็ไม่ออกไปไหน นาน ๆ ทีจะชวนกวนหลิงออกไปกินข้าวข้างนอก ฟังเรื่องราวข่าวสารบ้านเมืองจากเธอ
จริง ๆ แล้วเขาก็ทำแบบนี้เพราะจำเป็น เพราะเขารู้สึกว่าสามีภรรยาเหอซู่โหรวคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาจึงระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
ในทางกลับกัน เรื่องนี้กลับซับซ้อนกว่ามาก สำหรับเขาแล้ว มันเป็นเรื่องไม่คาดฝันอย่างแท้จริง
“ต้นไม้ต้องการอยู่นิ่ง ๆ แต่ลมไม่หยุด” ช่วงนี้ แม้เขาจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ชื่อของเขากลับแพร่สะพัดไปทั่ววงการระดับสูงในเมืองกว่างหนาน
จางเหวินฉีไม่ได้ตั้งใจโอ้อวด เพียงแต่เล่าเรื่องราวการได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟรีอย่างละเอียด ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทภาพยนตร์เหอ แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
เอาชนะนักสู้ซูโม่สิบอันดับแรกของญี่ปุ่น ทำให้บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นยอมแพ้
สองเรื่องนี้เป็นความฝันของคนจีนจำนวนนับไม่ถ้วน แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ไหนเลยจะพูดถึงว่าตอนนี้มีคนทำสำเร็จจริง ๆ
แม้ว่าเหอเจ๋อจะพยายามทำตัวให้เรียบง่าย แต่ทุกวันก็ยังมีคนของบริษัทภาพยนตร์เหอมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย ทำให้เขาเดือดร้อนใจมาก จนต้องโกหกไปว่าอาการบาดเจ็บยังไม่หาย ต้องนอนพักอยู่บนเตียงตลอด จึงจะสงบลงได้บ้าง
เคยมีคนพูดทฤษฎีที่น่าสนใจไว้ว่า ความสุขในโลกนี้มีจำนวนเท่ากัน ในเมื่อเหอเจ๋อใช้ชีวิตอย่างราบรื่น ก็ถึงคราวที่บางคนจะต้องไม่สบายใจ
เพล้ง!
แจกันลายครามที่ทำอย่างประณีตตกลงแตกกระจาย เหอซู่โหรวโกรธจนตัวสั่น หน้าเขียวคล้ำ ด่าทออย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้าเด็กเวรนี่ ตอนนี้คงยิ้มจนปากฉีกถึงรูหูแล้ว พี่ชายก็ไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้าสิง ช่วงนี้ตามใจมันไปหมด ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์”
MANGA DISCUSSION