บทที่ 116 สารภาพตัวตน
หลังจากส่งจางเหวินฉีไปแล้ว จางเสี่ยวเถาก็พยุงเหอเจ๋อไปหาคาเฟ่เงียบ ๆ สักแห่งใกล้ ๆ สนามบิน
“เธอน่าจะเป็นคนของรัฐบาลใช่ไหม” เหอเจ๋อถามขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งลง
จางเสี่ยวเถาอมยิ้มแล้วพูดว่า “รู้อยู่แล้วละว่าปิดบังสายตานายไม่มิดหรอก”
เหอเจ๋อกลอกตา มองบนอย่างอารมณ์เสียแล้วพูดว่า “แอร์โฮสเตสอายุสิบเจ็ดเนี่ยนะ? หลังจากยิงคนตายก็ยังทำตัวสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังมีเรื่องปล้นเครื่องบินใหญ่ขนาดนั้น แต่กลับไม่มีใครมาถามเรื่องโจรกับฉันสักคำ ถึงกับปล่อยให้ฉันจัดการเอง ขนาดคนโง่ก็ยังดูออก!”
จางเสี่ยวเถามีท่าทีขบขัน เธอใช้ช้อนสแตนเลสคนกาแฟข้น ๆ อย่างช้า ๆ เสียงเพลงไพเราะภายในร้าน ทำให้เส้นประสาทที่ตึงเครียดของคนเราคลายลงอย่างช่วยไม่ได้
“นายเดาถูก ฉันเป็นคนของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ภารกิจของฉันคือการตามจับเจ้าหน้าที่ทุจริตที่ขนเงินหนีไป สถานะแอร์โฮสเตสทำให้ฉันเดินทางเข้าออกประเทศได้สะดวก คาสิโนเป็นสถานที่ที่เจ้าหมอนั่นชอบไป…”
ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงเบา ๆ ภายในร้านกาแฟ จางเสี่ยวเถาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา
ที่แท้ เหตุที่เหอเจ๋อสามารถเอาชนะมือสังหารของชื่อไห่ได้ด้วยตัวคนเดียวในครั้งนั้น ทำให้เธอสนใจเป็นพิเศษ เพราะชื่อเสียงของมือสังหารทั้งเจ็ดยังค่อนข้างโด่งดัง แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ ก็ไม่สามารถเอาชนะคนพวกนั้นได้ในการดวลตัวต่อตัว
ส่วนการพบกันในทริปไปเกาะครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด จางเสี่ยวเถาใช้เส้นสายย้ายตัวเองมาประจำบนเที่ยวบินนี้ เพียงเพราะอยากรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้นเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึง เหอเจ๋อเอาชนะซูโม่ชื่อดังอย่างยามาซากิ คาซูกิ ผู้ครอบครองตำแหน่ง ‘โยโกฮาม่า’ รวมถึงการต่อสู้กับคนร้ายบนเครื่องบินและช่วยเหลือตัวประกันอย่างกล้าหาญ เธอก็เห็นทุกอย่างชัดเจน
“พูดตามสำนวนที่มักปรากฏในนิยายรัก ๆ ใคร่ ๆ ก็คือ ผู้ชายอย่างนาย ดึงดูดความสนใจจากฉันได้สำเร็จแล้วละ”
สุดท้ายจางเสี่ยวเถาก็เล่าเรื่องของเธอจบลงด้วยมุกตลก
แต่เหอเจ๋อกลับไม่ขำ ในอดีตแม้เขาจะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ภายในใจเขามั่นใจในตัวเองมาก เพราะไม่ใช่ใครก็จะมีแม่ที่ทั้งเก่งเรื่องการต่อสู้และแพทย์แผนจีน คอย ‘ทุบตี’ และให้ท่องตำรับยามาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ช่วงเวลานั้นจะลำบากไปหน่อย แต่มันก็เป็นทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าที่ไม่มีใครเทียบได้
ตอนแรกเขาคิดว่าด้วยความสามารถที่ตัวเองมี ใต้หล้านี้ไม่มีที่ไหนไปไม่ได้
แต่ไม่คิดเลยว่าภายในวันเดียว เขาจะถูกคนร้ายอย่างแลนดากลั่นแกล้ง โดนแทงเข้าที่ท้อง แล้วยังต้องมาตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าตัวเองถูกจับตามานานโดยไม่รู้ตัว เรื่องทั้งสองทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้อย่างบอกไม่ถูก
จางเสี่ยวเถาสังเกตเห็นความท้อแท้ที่เขาแสดงออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เธอจึงปลอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องคิดมาก นายเป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา…”
“เฮ้ ไม่ต้องถึงขนาดให้เด็กน้อยอายุสิบเจ็ดที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาปลอบฉันหรอกน่า”
เหอเจ๋อร้องเสียงดังพร้อมกับพูดด้วยสีหน้ากวน ๆ
จางเสี่ยวเถาเบะปากใส่เขา เรื่องอายุเป็นแผลเป็นในใจเธอเสมอมา ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้เด็กแล้ว
เธอจิบกาแฟ ชี้ไปที่ฝูงชนที่พลุกพล่านนอกหน้าต่าง แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “คนพวกนี้อยู่กันอย่างมีความสุขไหม”
คำถามนี้ทำให้เหอเจ๋อตกใจ เขาส่ายหัวแล้วตอบว่า “ฉํนไม่รู้ ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”
“ไม่ พวกเขามีความสุขมาก” จางเสี่ยวเถาพูดอย่างมั่นใจ “การที่คนเราสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้นั้น เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว”
“พวกเขาไม่เคยต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในแต่ละวัน วุ่นวายอยู่กับการไขว่คว้าหาสิ่งของทางวัตถุที่ดีกว่าเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่าโลกนี้ไม่มีความมืด เพียงแต่เราปิดบังความมืดนั้นไว้ไม่ให้พวกเขามองเห็น…เท่านั้นเอง!”
“ประเทศจีนไม่ได้สงบสุขอย่างที่คิด ไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉันคงใช้ชีวิตวัยหนุ่มสาวอยู่ในหอคอยงาช้าง ไม่ใช่เข้าออกอยู่ในบ่อนคาสิโนที่อันตรายอย่างยิ่ง”
จางเสี่ยวเถายกกาแฟรสขมขึ้นดื่มจนหมด ปล่อยให้ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านสงบลง วางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย จ้องเข้าไปในดวงตาของเหอเจ๋อแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่ได้ล้อเล่น นายเก่งมาก มีฝีมือ ประสบการณ์สูง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ที่สำคัญคือ กล้าหาญรอบคอบ ทั้งเราและประเทศนี้ต้องการนาย ต้องยอมรับอย่างรู้สึกผิดหน่อยว่า ปืนที่พวกผู้ก่อการร้ายใช้บนเครื่องบิน แม้ว่าจะถูกนำขึ้นเครื่องเป็นชิ้นส่วนแล้วนำมาประกอบกันบนเครื่อง แต่ฉันก็มองไม่ออก นี่มันบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง”
เหอเจ๋อเงียบไป ในใจเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างมาตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่องบินแล้ว เขาครุ่นคิดอย่างหนักถึงคำตอบ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ขอโทษที ฉันนับถือในน้ำใจของพวกเธอมาก แต่ฉันไม่สามารถเข้าร่วมได้”
เหอหย่งฝูซ่อนอันตรายไว้ใกล้ตัว หากเขาจากไปโดยอย่างไร้ความคิด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่ได้ยืนยันตัวตนของพ่อที่แท้จริงของเขาเลย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมพ่อแม่ถึงแยกทางกัน ทุกอย่างเป็นปริศนารอให้เขาคลี่คลาย จึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น
“แต่ว่า”
จางเสี่ยวเถาไม่ยอมแพ้ เธออ้าปากจะพูดเกลี้ยกล่อมต่อ แต่เหอเจ๋ ยกมือขึ้นห้าม แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ขอโทษด้วยที่ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่มีบางอย่างที่ฉันต้องทำให้สำเร็จ”
จางเสี่ยวเถาจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก็หัวเราะออกมาพลางหันไปพูดว่า “ผู้อำนวยการ ออกมาเถอะค่ะ อย่าหลบอยู่เลย!”
เซี่ยชิงผลักประตูเข้ามาในร้านกาแฟ จ้องมองเหอเจ๋อด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า “แต่นายก็รู้อะไรมากเกินไปแล้ว ตอนนี้นายต้องเลือกว่าจะเข้าร่วมกับเรา หรือจะติดคุกไปพร้อมกับพวกผู้ก่อการร้ายบนเครื่องบิน”
เหอเจ๋อลุกขึ้นยืนทันที พูดทีละคำว่า “ใส่ร้ายป้ายสี กล่าวร้ายผู้อื่น พวกคุณไม่เคารพกฎหมายบ้างหรือไง”
“กฎหมายงั้นเหรอ” เสี่ยวชิงหัวเราะอย่างดูถูก “ในประเทศจีน คำพูดของฉันก็คือกฎหมาย”
“แบบนั้นผมยิ่งไม่เข้าร่วมกับพวกคุณเข้าไปใหญ่ ช่วยเหลือคนชั่วทำเรื่องเลว ๆ”
“งั้นนายก็อย่าหวังว่าจะออกจากประตูนี้ไปได้!”
“ผมอยากจะดูเหมือนกันว่าใครจะหยุดผมได้”
บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กันเลย ต่างฝ่ายต่างโต้ตอบกันอย่างดุเดือด บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน ราวกับว่าจะลงไม้ลงมือกันได้ทุกเมื่อ
“พอแล้ว ๆ เลิกตบตาเหอเจ๋อได้แล้ว เขารู้ทันหรอกน่า” จางเสี่ยวเถาที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นาน เอ่ยขึ้นพร้อมกับแสร้งตำหนิ “ถ้าทำแบบนี้ต่อไป คนอื่นเขาจะคิดว่าพวกเราสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไม่เคารพกฎหมายกันพอดี”
เซี่ยชิงขยี้จมูก สีหน้าที่เคยบึ้งตึงกลับแจ่มใสขึ้นในพริบตา เขายิ้มละไมพลางเอ่ยว่า “ฉันชื่อเซี่ยชิง เป็นผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หากปล่อยคนมีความสามารถอย่างนายไปแบบนี้ ฉันรู้สึกเสียดายจริง ๆ”
เหอเจ๋อยักไหล่แล้วตอบกลับ “ขอบคุณหัวหน้าเซี่ยที่ให้เกียรติ แต่ขอให้ท่านเข้าใจด้วยว่า ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีบางเรื่องที่ผมจำเป็นต้องไปทำ”
เช่น การสืบสกุล เป็นต้น
MANGA DISCUSSION