บทที่ 114 แสดง
หลังจากสรุปแผนการกันได้แล้ว เซี่ยชิงก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “สถานการณ์ทุกคนก็น่าจะรู้กันดี พูดตรง ๆ เลยนะ เบื้องบนสั่งมาแล้ว เงิน 80 ล้านนี้คือทุนของพวกเราในปีหน้า ถ้าแก้ไขปัญหาไม่ได้ ทุกคนก็รอแดกแกลบกันได้เลย”
พอได้ยินดังนั้น ทุกคนก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที พวกเขารีบแยกย้ายกันไปทำงานราวกับติดสปริงที่ก้น ไม่นานนักก็มีเอกสารมากองอยู่ตรงหน้า
“ฟ้าไม่ทอดทิ้งคนอย่างเราหรอก เพื่อที่จะไม่ต้องแดกแกลบ พวกเราต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง”
เซี่ยชิงก้มลงอ่านเอกสารจนจบ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้า ชายผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับอย่างเขาก็ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจเป็นครั้งแรก…
…
ในขณะที่ภายในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกำลังดีอกดีใจที่คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ ภายในห้องโดยสารของเครื่องบินยังคงเงียบสงัดราวกับป่าช้า
“พี่ชาย เราคุยกันดี ๆ ดีกว่า นายยังหนุ่มยังแน่น อนาคตยังอีกยาวไกล ทำไมต้องมาตายกันด้วย”
หลังจากความตึงเครียดช่วงแรกผ่านพ้นไป แลนตาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ความคิดของเขาหมุนวนไม่หยุด พยายามโน้มน้าวเหอเจ๋อ “นายต้องการเงินไม่ใช่เหรอ? งั้นเรามาตกลงกันแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวพอเงิน 80 ล้านเข้าบัญชีแล้ว ฉันจะโอนให้แกหนึ่งล้านก่อน จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไป คนละทิศละทาง เป็นไง”
เหอเจ๋อยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แสร้งยิ้มเยาะ “ฉันกลัวว่าต่อให้ได้เงินมาก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้หรอกนะ”
“อย่างน้อยแกก็ไม่โง่นี่” แลนดารู้ว่าความคิดของตัวเองถูกมองทะลุ จึงไม่คิดปิดบังอีกต่อไป เขาจ้องเหอเจ๋อด้วยสายตาเย็นชา “ตอนนี้แกมีทางเลือกอยู่สองทาง หนึ่งคือเราตายไปด้วยกัน หรือสอง แกปล่อยฉันไป แล้วฉันสาบานว่าจะไม่ฆ่าแก จะอยู่รอดหรือจะตาย แกเลือกเอา!”
อยู่รอดดีกว่าตาย ถ้ายังหายใจอยู่ ใครเล่าจะอยากตาย ดังนั้น แม้คำถามนี้จะมีสองตัวเลือก แต่จริง ๆ แล้ว คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
“ฉันเลือกที่จะตายไปด้วยกัน!”
เหอเจ๋อตอบโดยแทบไม่ลังเล คำตอบของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
แลนดาถึงกับอึ้ง เขาจ้องมองเหอเจ๋ออย่างไม่อยากเชื่อ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก “แกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”
คำถามของเขาตรงกับสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ พวกเขาต่างตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ รอฟังเหตุผล
“ยังไงซะ แกก็ไม่มีทางปล่อยฉันไปแน่ ๆ ตายไปพร้อมกันตอนนี้ยังดีกว่าโดนแกยิงตายทีหลัง”
ทุกคน “…”
แลนตารู้สึกเหมือนกินขี้เข้าไปทั้งก้อน แกนี่มันพวกวิตกกังวลเกินเหตุชัด ๆ ทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดจะปล่อยให้เหอเจ๋อลงจากเครื่องบินไปแบบเป็น ๆ
สถานการณ์กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว ชายร่างใหญ่ที่มีรอยสักนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู่ใจ
เหอเจ๋อใช้มือข้างหนึ่งกำปืนไว้แน่น อีกข้างค่อย ๆ หยิบกล่องไม้จันทน์ออกมาจากตัว กวาดตามองแลนดาขึ้นลง ดวงตาเหมือนคนฆ่าสัตว์มองลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือดไม่มีผิด
“แก… แกจะทำอะไร” ด้านหลังของแลนดาพลันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ เขาถามอย่างระแวดระวัง
เหอเจ๋อเปิดกล่องออก หยิบเข็มเงินอันแวววาวออกมา สะบัดเบา ๆ ทันใดนั้นภายในห้องโดยสารก็เต็มไปด้วยแสงสีเงิน
“ฉันเป็นหมอ เมื่อก่อนตอนว่าง ๆ ก็ชอบอ่านหนังสือแปลก ๆ มันแนะนำวิธีต่าง ๆ ที่ทำให้คนเราอยู่อย่างไร้ความสุข ฉันไม่เคยเชื่อเลย ตั้งแต่จะต้องตายอยู่แล้ว ฉันเลยอยากลองกับแกดู”
น้ำเสียงของเขาเบาหวิวจับความรู้สึกไม่ได้ เข็มเงินเส้นเล็ก ๆ สั่นเบา ๆ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งดูประหลาดพิกล
ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างแลนดา สำหรับโจรโหดอย่างเขา ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว บางทีในแง่หนึ่ง มันคือการปลดปล่อยชีวิตที่เต็มไปด้วยบาปของเขา
ทว่า…
เมื่อหางตาของเขาเหลือบไปเห็นเข็มเงินยาวเกือบยี่สิบเซนติเมตร ความหวาดกลัวก็เข้าครอบงำจิตใจโดยไม่สามารถควบคุมได้
เหอเจ๋อสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขาอย่างรวดเร็ว ใจชื้นขึ้น มั่นใจว่าแผนการของตัวเองได้ผล
แต่เขาก็ไม่ผ่อนคลาย กลับยิ่งพยายามมากขึ้น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหมือนคนโรคประสาท นิ้วมือหยิบเข็มยาวแกว่งไปมาตรงหน้าแลนดา พูดเป็นคำ ๆ ว่า “ในหนังสือบอกว่าถ้าเอาเข็มเงินแทงเข้าไปในตา คนเราจะไม่ตาบอดในระยะเวลาสั้น ๆ แต่กลับมองเห็นได้ชัดขึ้น…”
คราวนี้ไม่ต้องพูดถึงแลนดา แม้แต่ผู้โดยสารในห้องโดยสารก็ขนลุกซู่ โดยไม่รู้ตัวก็ขยับห่างจากเขาออกไป
“คนโบราณกล่าวไว้ว่า อ่านหนังสือเอาความรู้ ย่อมเห็นว่าตื้นเขิน ต้องลงมือทำจึงจะรู้แจ้งแท้จริง ตอนนี้อยากลองกับแกดู”
เหอเจ๋อพูดพลางถือเข็มเงิน ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าใกล้ดวงตาของแลนดา
ด้วยความรู้เรื่องร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดี เขาจึงจงใจชะลอความเร็วลง การตายอย่างกะทันหันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะสมองไม่มีเวลามากพอจะตอบสนอง แต่การค่อย ๆ เข้าใกล้แบบนี้ ความหวาดกลัวที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูก กลับเหมือนมีดทื่อ ๆ กรีดไปมาบนเนื้อหนัง สามารถขยายความเจ็บปวดของคนเราได้มากขึ้นร้อยเท่า
ในที่สุด เมื่อปลายเข็มเงินอยู่ห่างจากลูกตาของแลนดาไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กำแพงในใจพังทลายลงในพริบตา ความหวาดกลัวอย่างรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วสมอง เขาร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด “อย่าทรมานฉันแบบนี้เลย ฆ่าฉันให้ตาย ๆ ไปเถอะ!”
เหอเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ให้ลูกน้องแกวางปืนลง”
แลนดาตกใจสุดขีด หันไปตะคอกใส่ลูกน้อง “ยังยืนโง่อยู่อีก ทำไมยังไม่วางปืน!”
เดิมทีลูกน้องทั้งสามคนก็เป็นคนที่ไม่มีความคิดเห็นเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็ปล่อยมือ ปล่อยปืนในมือตกลงพื้น
เมื่อเห็นดังนั้น เหอเจ๋อก็รู้สึกผ่อนคลายลง ทว่ายังไม่ทันจะได้หายใจ แลนดาที่ตัวสั่นเทาอยู่ ๆ ก็ชักมีดสปริงออกมาแทงเข้าที่ท้องน้อยของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ไอ้โง่ ตายซะเถอะ!”
ในชั่วพริบตา เหอเจ๋อก็เข้าใจขึ้นมาทันที ปรากฏว่าผู้ชายคนนี้กำลังแสดงอยู่จริง ๆ ไอ้หมอนี่มันแกล้งทำนี่นา แถมยังแกล้งทำเป็นพลาดท่าให้เห็นอีกต่างหาก น่าสมเพชที่เขายังคิดว่าแผนการของตัวเองมันสำเร็จแล้ว
สุภาษิตจีนเปรียบเปรยได้ว่า คนเราเดินอยู่ริมแม่น้ำ ไหนเลยจะไม่เคยเปียกน้ำบ้าง
เหอเจ๋อกัดฟันแน่น ทุ่มพลังทั้งหมดในร่างกาย ขยับร่างกายหลบได้นิดหน่อยในเสี้ยววินาที สำเร็จที่จะไม่โดนจุดสำคัญ
ฉึก!
เลือดสีแดงฉานพุ่งกระเซ็น เหอเจ๋อมีประกายเจ็บปวดแวบผ่านดวงตา แต่เขาจะไม่ยอมเจ็บตัวฟรี ๆ กลืนเลือดที่พุ่งขึ้นมาถึงคอกลับลงไป ตะโกนเสียงดัง กวัดแกว่งด้ามปืนฟาดเข้าที่หน้าผากของแลนดาอย่างแรง
ลูกน้องสามคนเห็นท่าทางของหัวหน้า ก็รีบค้อมตัวลงไปเก็บปืน
หลังจากที่เหอเจ๋อใช้ด้ามปืนฟาดแลนดาจนสลบไปแล้ว ก็สะบัดมือปล่อยพลังชี่ใส่โจรที่อยู่ใกล้ที่สุดไปทีหนึ่ง
ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ลืมยกปืนในมือขึ้น ยิงใส่โจรที่เหลืออีกสองคนรัว ๆ
ทว่า พื้นที่ในห้องโดยสารคับแคบเกินไป เขาจึงกลัวว่าจะพลาดไปโดนผู้โดยสาร กระสุนนัดหนึ่งจึงโดนเข้าที่แขนของโจรคนหนึ่ง ส่วนโจรคนสุดท้ายที่เหลือก็คว้าปืนขึ้นมาได้ในตอนนี้ เล็งปืนไปที่ผู้โดยสารหญิงคนหนึ่ง ตะโกนเสียงดังว่า “อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันยิงเธอแน่”
MANGA DISCUSSION