บทที่ 111 ข้อเท้า
ภาพเหตุการณ์เดิม ๆ ได้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ผู้ชมถึงกับหมดความอดทนที่จะดู และเริ่มคุยกับคนข้าง ๆ ว่าครั้งนี้จะชนะได้เงินเท่าไหร่
มีเพียงยามาซากิ คาซูกิที่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็น…
ร่างของเหอเจ๋อที่กำลังวิ่งอยู่พลันย่อตัวลง และมุ่งเป้าไปที่ข้อเท้าของฝ่ายตรงข้าม
ปึก! กร๊อบ!
ส่วนนี้ไม่มีชั้นไขมันหนา ๆ ปกป้อง จึงได้ยินเสียงกระดูกแตกดังกร๊อบทันที
ในฐานะแพทย์ เหอเจ๋อรู้ดีว่าความแข็งแรงของกระดูกมนุษย์มีจำกัด ข้อเท้าเป็นส่วนที่ต้องรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย เมื่อเทียบกันแล้ว กระดูกข้อเท้าของคนอ้วนย่อมต้องรับแรงกดมากกว่าคนผอมมาก
พูดอีกอย่างคือ เพื่อรองรับน้ำหนักตัวนับพันกิโลกรัม ข้อเท้าของยามาซากิจึงเป็นจุดที่เปราะบางที่สุดในร่างกาย
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแย่ลงอย่างรวดเร็ว ร่างอันใหญ่โตล้มลงราวกับภูเขาทองพังทลาย ทำให้เชือกขนาดเท่าข้อมือผู้ใหญ่สามเส้นที่ขอบเวทีขาดลง และร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง
ตึง!
ทั้งสนามเงียบกริบจนได้ยินเสียงเข็มตก ทุกคนต่างตาเหลือกด้วยความไม่อยากเชื่อ
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อครู่ยามาซากิยังดูน่าเกรงขาม แต่ตอนนี้กลับตกลงมาจากเวที
สีหน้าของซากาตะดูเหมือนกินอุจจาระเข้าไป เขาตะโกนด่าด้วยความโกรธ “ยามาซากิไอ้หมูโง่ แกทำบ้าอะไรของแก? รู้ไหมว่าการแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับฉันแค่ไหน? ฉันจะฆ่าแกให้ตายไอ้หมูอ้วน”
ยามาซากิ คาซูกิที่นอนอยู่บนพื้นรู้สึกขมขื่นในใจ ในญี่ปุ่นก็เป็นแบบนี้ แพ้การแข่งขันก็เท่ากับสูญเสียทุกอย่าง
บางคนดีใจ บางคนเสียใจ
จางเหวินฉีหลังจากตกตะลึงในตอนแรก ก็วิ่งขึ้นเวทีด้วยความดีใจสุดขีด เธอกอดเหอเจ๋อแน่น และหอมแก้มเขาอย่างแรง พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ชนะแล้ว! พวกเราชนะจริง ๆ! สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟรีเลย บริษัทภาพยนตร์เหอมีความหวังที่จะฟื้นฟูแล้ว!”
เหอเจ๋อมองดูสีหน้าตกตะลึงของผู้ชมทั้งหมด รู้สึกโล่งอกและหัวเราะพลางพูดล้อเล่นว่า “พี่เหวินฉีกำลังฉวยโอกาสลวนลามผมหรือเปล่า?”
จางเหวินฉีที่อารมณ์ดีขยิบตา พูดอย่างซุกซนว่า “ไม่ใช่ ๆ นี่เป็นรางวัลสำหรับนายต่างหาก”
นักธุรกิจยึดมั่นในความซื่อสัตย์ แม้ซากาตะจะไม่เต็มใจแค่ไหน แต่เขาก็ไม่กล้าไม่ยอมรับเงื่อนไขที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ มิฉะนั้นหากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อไปใครจะกล้าร่วมธุรกิจกับเขาอีก?
“นี่คือสัญญาสัมปทานการถ่ายทอดสดเป็นเวลาห้าปี ดูให้เรียบร้อยแล้วเซ็นชื่อได้เลยถ้าไม่มีปัญหาอะไร”
จางเหวินฉีเมินเฉยต่อสีหน้าเหมือนพ่อแม่ตายของซากาตะ เธอเหลือบมองสัญญาแล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาใด ๆ จึงหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อด้วยความยินดี
ซากาตะ ทาคาโยชิไม่ต้องการอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว เขาหันหลังเตรียมตัวจากไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“คุณซากาตะ รอสักครู่”
เหอเจ๋อขวางหน้าเขาไว้ ริมฝีปากยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน “คุณดูเหมือนจะลืมอะไรไปนะ”
ซากาตะรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นหน้าเขา จากนั้นก็ส่งเสียง “ฮึ่ม” อย่างเย็นชา เขาจำใจล้วงเช็คจากอกเสื้อออกมาอย่างเสียดายแล้วยื่นให้
เหอเจ๋อรับเช็คมาจากมือเขาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเห็นตัวเลข ‘สองล้าน’ บนนั้นก็ยิ้มกว้างทันที เขาตบบ่าซากาตะอย่างยินดี “ให้เงินมาเยอะขนาดนี้ ฉันก็เขินแปลก ๆ นะ ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวที่ประเทศเรา ฉันจะต้อนรับ ‘เพื่อนต่างชาติ’ อย่างดีเลยละ”
จางเหวินฉีมองเหอเจ๋อด้วยหางตา คำว่า ‘เพื่อนต่างชาติ’ ที่เขาพูดออกมานั้นฟังดูไม่ชัดเจนนัก ฟังเผิน ๆ เหมือนกับคำว่า ‘เพื่อนที่ให้เงิน’ มากกว่า
ซากาตะ ทาคาโยชิโกรธจนหน้าเขียว เขาพูดด้วยความขุ่นเคือง “อย่าเพิ่งได้ใจไป คราวนี้ฉันพลาดเอง ครั้งหน้าที่ฉันไปประเทศนาย ฉันจะเอาเงินที่เสียไปวันนี้กลับมาทั้งหมด!”
หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
เหอเจ๋อตะโกนไล่หลังเสียงดัง “อย่าลืมล่ะ ฉันแค่พูดเล่น ประเทศฉันไม่ต้อนรับคนชั้นต่ำอย่างแกหรอก!”
ซากาตะที่เพิ่งถึงประตูได้ยินคำพูดนั้นจากล่าม เขาสะดุดขาตัวเอง เกือบจะหน้าทิ่มลงไปกองกับพื้น
จางเหวินฉีเก็บสัญญาด้วยความพึงพอใจ การเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้จบลงอย่างสวยงาม เธอจินตนาการออกเลยว่า เมื่อเอาสัญญานี้ไปวางบนโต๊ะในที่ประชุม บรรดาผู้บริหารแก่ ๆ จะต้องมีสีหน้าตกใจและไม่อยากจะเชื่อขนาดไหน คงสนุกพิลึกน่าดู
เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ทั้งสองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อ เหอเจ๋อโทรหาจางเสี่ยวเถาเพื่อให้เธอช่วยจองตั๋วเครื่องบินสองใบสำหรับช่วงบ่าย จากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่โรงแรมเพื่อเก็บของ
เมื่อจางเหวินฉีเห็นเตียงขนาดคิงไซส์ เธอก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แก้มของเธอจึงแดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“พี่เหวินฉี อย่ามัวแต่เหม่ออยู่เลย รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวตกเครื่องนะ”
จางเหวินฉีได้สติ เธอตอบรับคำแล้วสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว เริ่มลงมือเก็บของ
ตอนเที่ยงพวกเขากินอาหารกลางวันแบบง่าย ๆ ระหว่างทาง จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ไปที่สนามบิน
จางเสี่ยวเถารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เธอมอบตั๋วให้พวกเขา จากนั้นก็รีบกลับไปทำงาน
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังรอที่ห้อง รอผู้ชายร่างกำยำห้าคนก็ก้าวลงมาจากรถเบนซ์สีดำ
“เจอร์รี่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยถามขึ้น เขาผู้นั้นมีสันจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาเป็นแบบคนตะวันตก และมีรอยแผลเป็นยาวที่คอ แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี
“เรียบร้อยครับ ท่านแลนดาวางใจได้ ผมติดสินบนเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” เจอร์รี่พูดอย่างมั่นใจพลางตบบอกเบา ๆ
“ดี!” แลนดาเผยรอยยิ้มอย่างพอใจ กวาดสายตามองลูกน้องทั้งสี่คน น้ำเสียงหนักแน่น “เพื่อพระเจ้า จงสละชีพ!”
ลูกน้องอีกสี่คนขานรับเป็นเสียงเดียวกัน
อำนาจของเงินนั้นช่างยิ่งใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งห้าคนจึงผ่านจุดตรวจเข้าไปในห้องพักผู้โดยสารได้อย่างราบรื่น พวกเขามองหน้ากัน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนั่ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศขนาดใหญ่ มีที่นั่งสามที่นั่งต่อแถว บังเอิญที่แลนดานั่งติดกับเหอเจ๋อพอดี
“สวัสดี คุณเป็นคนจีนเหรอครับ” เหอเจ๋อเอ่ยทักขึ้น พลางมองแลนดาที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาจีนอยู่ การรอคอยเครื่องบินออกนั้นช่างน่าเบื่อ
แขนของแลนดาแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เขาตอบกลับด้วยภาษาจีนสำเนียงแปลก ๆ อย่างเย็นชาว่า “ไม่ใช่”
เหอเจ๋อรู้สึกเหมือนโดนปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ก็ไม่ได้เสียกำลังใจ เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร และยังคงชวนแลนดาคุยต่อไป
จางเหวินฉีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองด้วยความแปลกใจ ในความทรงจำของเธอ เหอเจ๋อไม่ใช่คนที่ชอบตอแยคนที่ไม่อยากคุยด้วยแบบนี้ หรือว่าจะมีอะไรผิดปกติ
ในที่สุดเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แอร์โฮสเตสเข็นรถเข็นอาหาร เริ่มแจกจ่ายอาหารทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
MANGA DISCUSSION