บทที่ 109 มีปัญหา
หลังจากการเดิมพันสิ้นสุดลง ซากาตะก็โบกมือให้เจ้าหน้าที่นำโต๊ะเดิมพันออกไป จากนั้นจึงสั่งให้ทำความสะอาดพื้นที่ และประกาศเริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย หลังจากการวอร์มอัพอย่างง่าย ๆ การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถานที่จัดงานคือเวทีชกมวย เป็นเวทีสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีพื้นที่ประมาณสามสิบตารางเมตร ล้อมรอบด้วยเชือก ผู้ที่ออกจากเวทีไปก่อนถือว่าแพ้
ซากาตะไม่ใช่คนโง่ นักซูโม่มีรูปร่างใหญ่โต ไม่คล่องตัว หากเป็นสถานที่ขนาดใหญ่เกินไป เหอเจ๋อคงสามารถใช้ความเร็วของเขาเล่นงานยามาซากิจนแพ้ไปได้อย่างง่ายดาย
ผู้ที่ปรากฏตัวคนแรกคือยามาซากิ คาซูกิ เขาเดินขึ้นเวทีโดยถอดเสื้อออก เผยให้เห็นชั้นไขมันที่สั่นไหวไปมา ราวกับเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง เวทีขนาดใหญ่สั่นสะเทือนเล็กน้อยราวกับจะรับน้ำหนักเขาไม่ไหว กลิ่นอายที่ดุร้ายแผ่ออกมาจากตัวเขา
ผู้คนจำนวนมากต่างพากันส่งเสียงเชียร์ให้เขา เพราะต่างก็วางเดิมพันว่าเขาจะเป็นผู้ชนะ
ในขณะที่ เหอเจ๋อขึ้นเวที เขาก็ดูเหมือนผู้ชมทั่วไป ไม่มีใครสนใจเขาเลย มีแต่เสียงโห่ร้องเยาะเย้ยก็ดังขึ้น
ยามาซากิยกนิ้วกลางขึ้น ชูไปที่เหอเจ๋อ และพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “ไอ้หมูโง่”
แม้ว่าสำเนียงภาษาจีนของอีกฝ่ายจะฟังดูแปลก ๆ แต่เหอเจ๋อ ก็เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นได้ไม่ยากนัก
“แม่งเอ๊ย! ด่าอะไรก็ด่าไป แต่อย่างแกเนี่ยนะ ไม่ส่องกระจกดูเงาตัวเองก่อนหรือไง ถึงกล้ามาด่าฉันว่าหมู?”
ความโกรธแล่นเข้าสู่หัวใจของเขา ดวงตาเบิกกว้าง ขาทั้งสองข้างของเขาก้าวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับกระสุน ปลดปล่อยพลังอันมหาศาล พาร่างกายของเขาพุ่งทะยานไปข้างหน้า ราวกับสายลมที่พัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งเข้าหา “กองไขมัน” ยามาซากิ คาซูกิก่อนจะเหวี่ยงแขนฟาดลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย
เพียะ!
เสียงตบหน้าที่ดังก้องไปทั่วทั้งงาน ทำเอาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึง ใบหน้าของยามาซากิสั่นสะท้าน ไขมันสีขาวบนใบหน้าของเขาสั่นไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง หากไม่ใช่เพราะน้ำหนักตัวที่มากมายมหาศาลของเขา การตบครั้งนี้อาจทำให้เขาล้มลงไปกองกับพื้นได้
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ แม้แต่ยามาซากิเองก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกเพียงแค่ความเจ็บแปลบที่ข้างแก้ม จนเกิดรอยนิ้วมือสีแดงขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
เขาโกรธจัดจนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“ไอ้งั่ง การแข่งขันยังไม่ทันจะเริ่ม แกกล้าตบฉันก่อนได้ยังไง?”
เหอเจ๋อได้ยินคำแปลแล้วก็กลอกตาไปมา พลางพูดว่า “ฉันแค่สั่งสอนให้แกพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่พอใจก็เอาคืนมาสิ”
ยามาซากิไม่อาจทนกับความอัปยศนี้ได้ โกรธจนแทบคลั่ง เขารีบพุ่งเข้าหาเหอเจ๋อทันที
การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองจึงเริ่มต้นขึ้น
เหอเจ๋อแววตาฉายความเคร่งขรึม เมื่อครู่แม้ฝ่ามือของเขาจะดูเหมือนโจมตีได้ง่ายดาย แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังประมาทเท่านั้น
แม้เขาจะไม่ค่อยสนใจการต่อสู้แบบนี้มากนัก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันมีดีอยู่ในตัว
ยามาซากิ คาซูกิที่มีน้ำหนักตัวเกือบห้าร้อยกิโลกรัมนั้น กลับไม่ได้เฉื่อยชาอย่างที่คิด ตรงกันข้าม เขากลับใช้พละกำลังได้อย่างช่ำชอง เมื่อวิ่งแล้วก็เหมือนกับหมูป่าที่กำลังพุ่งชน
ผู้ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในป่าต่างก็รู้ดีว่า หมูป่าเป็นสัตว์ที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยเป็นอย่างยิ่ง ยามที่มันวิ่งเข้าใส่ แม้แต่เสือโคร่งก็ยังต้องหลีกทาง ต้นไม้ใหญ่ที่ต้องใช้สองคนโอบก็ยังถูกชนจนล้ม พละกำลังมหาศาลจนน่าตกใจ
การรู้จักใช้จุดแข็งและหลีกเลี่ยงจุดอ่อนเป็นพื้นฐานอย่างหนึ่งของศิลปะการต่อสู้ เหอเจ๋อไม่โง่พอที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายตรง ๆ เขาจึงรีบถอยเท้าออกไป
พื้นที่สามสิบกว่าตารางเมตร อาจจะดูเหมือนกว้าง แต่จริง ๆ แล้ว มีความยาวและความกว้างเพียงแค่ห้าเมตรเท่านั้น เหอเจ๋อถอยจากกลางเวทีมาถึงขอบเวทีอย่างรวดเร็ว จึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติ
ตัวของยามาซากินั้นกว้างเกือบหนึ่งเมตร เมื่อเขากางแขนทั้งสองข้างออก พื้นที่กว้างห้าเมตรก็เหลือเพียงไม่ถึงสามเมตร และยังแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งละเมตรครึ่งอีก
แบบนี้ ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าเหอเจ๋อ ก็ง่ายดายมาก หากไม่อยากถูกไอ้ก้อนไขมันหนักกว่าห้าร้อยกิโลกรัมพุ่งชนจนตกเวที ก็ต้องหาวิธีลอดผ่านช่องว่างกว้างเมตรครึ่งนี้ไปให้ได้
จะลอดหรือไม่ลอด?
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหอเจ๋อก็ตัดสินใจใช้ความคล่องแคล่วของร่างกาย เพื่อถ่วงเวลาและทำให้คู่ต่อสู้เสียกำลังก่อน
แต่สิ่งที่เขาไม่ได้เห็นก็คือ แววตาเจ้าเล่ห์ที่วาบผ่านเข้ามาในดวงตาของยามาซากิ
ในสามร้อยหกสิบอาชีพ อาชีพไหน ๆ ก็มีคนที่เก่งกาจ
แม้ว่าซูโม่จะเป็นที่นิยมเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ก็มีผู้ฝึกฝนมากถึงหลายพันคน การที่ยามาซากิสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนเหล่านั้น จนได้รับฉายาว่า ‘โยโกสึนะ’ ได้ ย่อมต้องมีพรสวรรค์เฉพาะตัว
เหอเจ๋อใช้แผนเดิมอีกครั้ง เขาใช้พลังขาอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าหายามาซากิ หวังที่จะวิ่งไปตามขอบเวที
แต่เหอเจ๋อคาดไม่ถึงว่า ขาที่ใหญ่ราวกับขาช้างของยามาซากิจะกระโดดเหยียบบนเวทีอย่างแรง ร่างกายที่หนักกว่าห้าร้อยกิโลกรัมกลับเปลี่ยนทิศทางได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเข้ามาขวางหน้าเขาไว้ก่อน
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นจากผู้ชม ท่านี้คือท่าไม้ตาย ‘การเปลี่ยนทิศทางมรณะ’ ที่ทำให้คู่ต่อสู้ต้องพ่ายแพ้มาแล้วนับไม่ถ้วน
“ฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่มคนนั้น ตายแน่!”
“บังอาจท้าทายท่านยามาซากิ สมควรแล้ว”
ซากาตะหันไปมองจางเหวินฉีที่ทำสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “คุณเหวินฉี อีกเจ็ดวันข้างหน้า คุณคงจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน”
จางเหวินฉีสูดหายใจด้วยความเย็นชา พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผลแพ้ชนะยังไม่ปรากฏ พูดแบบนี้มันเร็วไปหน่อย”
ซาคาตะหัวเราะเยาะ “ฮ่า ๆ ๆ ยามาซากิมีแรงกระแทกเกือบสองตัน เจ้าหนูนั่นจะต้านทานน้ำหนักสองตันได้ยังไง อย่าล้อเล่นน่า”
ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดกันอยู่บนเวที ทั้งสองคนก็ปะทะกันแล้ว
ในระยะประชิดเช่นนี้ เหอเจ๋อไม่อาจเปลี่ยนท่าทางได้ทัน เขาจึงทำได้แค่กัดฟันรวบรวมพลังปราณที่ซ่อนอยู่ในตันเถียนขึ้นมาป้องกันร่างกายไว้ ก่อนจะปะทะเข้ากับภูเขามนุษย์
โครม!
เสียงดังสนั่นจากบนเวที ดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้องก่อนฝนตกหนักในฤดูร้อน
ยามาซากิ ‘ภูเขามนุษย์’ ที่สูงหนึ่งเมตรหกสิบเซนติเมตร และกว้างหนึ่งเมตร ยืนอยู่ตรงหน้าเหอเจ๋อที่ดูเหมือนไม้ขีดไฟผอมแห้ง ในสายตาของทุกคน การปะทะกันครั้งนี้ช่างดูไม่น่าลุ้นเอาเสียเลย
เหอเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองพุ่งชนเข้ากับรถยนต์ที่เหยียบคันเร่งจนมิด แรงมหาศาลทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก
โชคดีที่ในเสี้ยววินาทีนั้น พลังปราณของเขาได้แสดงผลอย่างมาก มันเปรียบเสมือนยางธรรมชาติที่มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยลดทอนพลังงานจากการปะทะไปได้มาก มอบช่วงเวลาอันแสนมีค่าให้กับเหอเจ๋อ ทำให้เขาไม่กระเด็นออกจากเวทีในทันที
ถึงอย่างนั้น เขายังคงตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง หากอีกฝ่ายออกแรงเพียงนิดเดียว เขาก็จะร่วงลงจากเวทีและแพ้การแข่งขัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าการแข่งขันจะดุเดือดถึงเพียงนี้ เพียงแค่เริ่มก็เข้าสู่ช่วงชี้เป็นชี้ตาย เส้นแบ่งระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้อยู่ใกล้กันเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
MANGA DISCUSSION