บทที่ 107 ก้อนไขมัน
เพื่อให้มั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ เหอเจ๋อจึงงัดเอาความสามารถทั้งหมดที่มีออกมาใช้ จนเหงื่อไหลท่วมตัว แม้แต่จะยืดหลังตรง ๆ เขายังทำไม่ได้ จึงเลือกที่จะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
หลังจากพักผ่อนไปครู่หนึ่ง ก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไร เขาจึงลุกขึ้นยืน มองไปที่เตียงด้วยความสงสัย ทันใดนั้นเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ที่แท้จางเหวินฉีก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เหอเจ๋อเห็นเธอเหงื่อออกท่วมตัว เขากลัวว่าเธอจะไม่สบายหลังจากหลับไป จึงหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเธอให้
จากนั้นเขาก็ไปเข้าห้องน้ำ หลังจากใช้พลังชี่นวดไป เขาก็รู้สึกเหนื่อยไม่น้อยเช่นกัน พอเอนตัวลงนอนบนเตียงไม่ถึงนาทีก็หลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่จางเหวินฉีตื่นขึ้นมา ก็เห็นผ้าห่มบนตัว เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเสื้อผ้าของเธอยังอยู่ครบ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืน เธอจึงขยับข้อเท้าดู แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย เธอรู้สึกทึ่งในใจอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเหอเจ๋อมีฝีมือทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่หลังจากที่ได้สัมผัสด้วยตัวเองในครั้งนี้ เธอจึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลังจากรู้สึกตัวว่ามีเสียงเหอเจ๋อก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน หลังจากผ่าน ‘บททดสอบ’ เมื่อคืนไป ความไว้วางใจระหว่างคนทั้งสองก็เพิ่มขึ้นมาก พวกเขาทักทายกันในตอนเช้า จากนั้นก็ผลัดกันไปล้างหน้าแปรงฟัน
ชั้นล่างของโรงแรมมีร้านอาหารเช้า ขณะที่กำลังทานอาหาร จางเหวินฉีก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “วันนี้เราจะไปคุยเรื่องสัญญา พวกเราน่าจะเจอปัญหายุ่งยากแน่ ๆ”
เหอเจ๋อเตรียมใจไว้แล้ว หากเรื่องนี้จัดการได้ง่าย คงไม่ต้องรอมาถึงตอนนี้ หากดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น แสดงว่าต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
และแล้ว จางเหวินฉีก็พูดอย่างเขินอายว่า “รายการนี้เป็นของบริษัทบันเทิงไซเคียว ไอ้หมอนั่นที่นายเจอในห้องฉุกเฉินเมื่อวานนี้ คือคุณชายน้อยของบริษัท เขามายุ่งกับฉันตลอด…”
เมื่อวานมีจางเสี่ยวเถาอยู่ด้วย จางเหวินฉีจึงไม่กล้าพูดความจริงออกมา เธอเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจมาตลอด
ทันใดนั้น เหอเจ๋อก็นึกขึ้นได้ ทำไมเธอถึงไม่แจ้งตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือที่โรงพยาบาล ที่แท้ก็เพราะไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับอีกฝ่าย
“ถ้าศัตรูจะมา เราก็แค่เตรียมพร้อมรับมือ คุณชายน้อยกระจอก ๆ แบบนั้น คงไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอก”
“ใช่!” จางเหวินฉีได้รับความมั่นใจจากน้ำเสียงของเขา เธอพูดอย่างมั่นใจว่า “ราคาที่เราเสนอไปก็สมเหตุสมผลแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ตอบรับ พวกเขาก็เป็นฝ่ายเสียประโยชน์เอง”
…
ซากาตะ ทาคาโยชิตื่นเช้าเป็นประวัติการณ์ เขามาทำงานตรงเวลา ทำให้ทั้งบริษัทต่างพากันประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเขากินยาผิดหรือเปล่า
“ฮ่าฮ่า วันนี้ จางเหวินฉีต้องมาคุยเรื่องสัญญาแน่ ๆ ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อ ‘ต้อนรับ’ เธออย่างดี” ซากาตะนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ผู้บริหาร มองไปที่ชายร่างอ้วนข้าง ๆ ที่เหมือนภูเขาเนื้อเดินได้ แล้วพูดว่า “ครั้งนี้แกเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม? ถ้าล้มเหลวอีก ฉันจะตัดขาดกับพวกแกทั้งหมด”
ยามาซากิ คาซูกิขยี้จมูก เนื้อทั่วร่างของเขาสั่นไหวราวกับคลื่น ก่อนจะพูดว่า “คุณชายซากาตะ วางใจเถอะ ยังไม่มีชาวจีนคนไหนเกิดมาแล้วเอาชนะผมได้”
“ดี งั้นจัดการมันให้หนักเลย ยิ่งพิการได้ยิ่งดี” ซากาตะพูดอย่างโหดเหี้ยม
“ตามที่นายต้องการ นี่เป็นสิ่งที่ฉันชอบทำที่สุด” เหอเจ๋อหัวเราะ ใบหน้าอ้วนเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
หลังอาหารเช้า ทั้งสองคนเรียกรถแท็กซี่ไปยังอาคารสำนักงานอันหรูหราของบริษัทบันเทิงไซเคียว
“ว้าว ใหญ่โตไม่เบา!”
จางเหวินฉีมองบนอย่างไม่พอใจ “พวกเขาคือบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มาหาพวกเขาหรอก”
ทันทีที่ทั้งสองคนเข้าไปในห้องโถง เลขานุการที่รออยู่ก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกล่าวอย่างสุภาพ “คุณซากาตะรอพวกคุณอยู่ที่ห้องทำงานนานแล้ว เชิญทางนี้เลยค่ะ”
“รอเราอยู่?” จางเหวินฉีชะงัก เธอรู้สึกไม่ดีจึงดึงเสื้อของเหอเจ๋อแล้วพูดเบา ๆ ว่า “นายนั่นขึ้นชื่อเรื่องความใจแคบและชอบเอาคืน วันนี้เขาต้องหาทางทำให้เราลำบากใจแน่ ๆ เพื่อสัญญา เดี๋ยวนายก็ทน ๆ ไปหน่อยแล้วกัน”
เหอเจ๋อพยักหน้า ตกลงตามนั้น
“อรุณสวัสดิ์คุณเหวินฉี ผมในนามบริษัทบันเทิงไซเคียวขอต้อนรับคุณสู่ที่นี่” ซากาตะกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มจอมปลอม ก่อนจะยื่นมือออกมา
จางเหวินฉีจำเป็นต้องพึ่งพาเขา เธอจึงยื่นมือออกไปสัมผัสมือเขาเบา ๆ ก่อนจะรีบดึงกลับราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
แววตาของซากาตะแสดงความไม่พอใจอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบปิดบังเอาไว้ ทำให้คนภายนอกไม่อาจสังเกตเห็นได้
“คุณเหวินฉี วันนี้มีธุระอะไรเหรอครับ?”
จางเหวินฉีรู้ว่าเขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่เธอก็ต้องอดทนพูดว่า “ฉันมาคุยกับคุณเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดครั้งที่แล้ว…”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน” ซากาตะขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดจบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด สายตาก็มองไปที่เหอเจ๋อที่อยู่ด้านหลังด้วยแววตาไม่เป็นมิตร “สวัสดี ผมซากาตะไม่ทราบว่าคุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณเหวินฉีครับ?”
จางเหวินฉีถอนหายใจ ความหวังริบหรี่ในใจดับวูบ เธอรู้อยู่แล้วว่าเรื่องวุ่นวายครั้งนี้คงเลี่ยงไม่ได้ เธอจึงแปลคำพูดของเขาให้เหอเจ๋อฟัง
“ซากาตะ ทาคาโยชิ? ชื่อแปลกจัง!” เหอเจ๋อพึมพำก่อนจะพูดว่า “สวัสดี คุณเก่าจี”
จางเหวินฉี “…”
เธอพยายามกลั้นขำ ก่อนจะแปลคำทักทายอัน ‘เป็นมิตร’ ของเหอเจ๋อ
ซากาตะ ทาคาโยชิไม่เข้าใจความหมายแฝง จึงพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เพื่อนของผมบอกว่าคุณเชี่ยวชาญกังฟู เขาอยากจะประลองกับคุณ”
ยามาซากิ คาซูกิก้าวเท้าไปข้างหน้า สั่นสะเทือนไปทั่วห้อง เขาชูนิ้วกลางขึ้น แววตาเย้ยหยันเอ่ยว่า “ในสายตาของฉันการต่อสู้ง่อย ๆ แบบแกก็แค่ขยะเท่านั้น ขี้เล็บฉันยังไม่เท่า อย่ามาพูดเรื่องขอคำชี้แนะเลย ปล่อยฉันสั่งสอนแกสักหน่อยดีกว่า”
จางเหวินฉีมารับหน้าทำธุระ ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่อง จึงลังเลใจว่าจะแปลอย่างไรดี
เหอเจ๋อฟังไม่ออก แต่ท่าทางชูนิ้วกลางนั้นเขาย่อมรู้ดี ไอ้ก้อนไขมันกองเท่าหมูแบบนี้ กล้าดียังไงมาหาเรื่องเขา
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “พี่เหวินฉี บอกไอ้บ้านี่ไปเลย จะสู้ก็สู้ แต่ถ้าแพ้ต้องเซ็นสัญญากับพวกเรา”
จางเหวินฉีมองเขาอย่างกังวล พูดว่า “นายแน่ใจเหรอ? หมอนี่น่ะนะ นักซูโม่ชื่อดังของญี่ปุ่นเชียวนะ เขาเลื่อนขั้นเป็นโยโกสึนะแล้วด้วยนะ น่ากลัวมาก”
เหอเจ๋อยกยิ้มมุมปาก หัวเราะลั่น “แค่ก้อนไขมันโต ๆ พี่ก็คิดว่าผมจัดการไม่ได้ พี่ดูถูกผมเกินไปแล้ว”
MANGA DISCUSSION