บทที่ 100 ฉันจะมอบธงให้นายเอง
การกระทำที่ชัดเจนขนาดนี้ ทำให้พนักงานเสิร์ฟที่ผ่านประสบการณ์มามากกับผู้ติดตามสองคนมองหน้ากัน รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าอิจฉาออกมา โทษพ่อแม่ในใจว่าทำไมไม่ให้ผิวพรรณที่ดีกับตัวเองบ้าง
เหอเจ๋อจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย เดินขึ้นไปชั้นบน
หวังหนานอารมณ์ดี พาเหอเจ๋อมาที่ห้องวีไอพีที่ลับตาคน เมื่อเข้าประตูไป เธอก็ถอดรองเท้าส้นสูงออก เอนตัวลงบนโซฟา
เธอสวมชุดลำลองแบบคอลึก เมื่อนอนลงอย่างไม่ใส่ใจ ก็เผยให้เห็นสัดส่วนชัดเจน แต่เหอเจ๋อกลับไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เมื่อเข้าประตูมา เขาก็ได้กลิ่นแปลก ๆ
“คุณเหอไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่งคุยกันสบาย ๆ คุณมาซื้อชาใช่ไหม” หวังหนานหยิบซองบุหรี่ออกมา จุดบุหรี่อย่างไม่ใส่ใจ เธอไขว่ห้าง มองเขาอย่างไม่ปิดบัง และถามด้วยรอยยิ้ม
พูดตามตรง รูปร่างหน้าตาของหวังหนานจัดว่าปานกลางค่อนไปทางสวย ไม่งั้นคงไม่มีทุนมาเป็นเมียน้อยได้ ถึงแม้ว่าจะอายุสามสิบต้น ๆ แล้ว แต่เธอก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ยังคงมีรูปร่างแบบสาวน้อยแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบสาวใหญ่ ในสายตาของผู้ชายบางคน เธอจัดว่าเป็นสุดยอด
แต่เหอเจ๋อนึกถึงเรื่องที่เธอเป็นแม่เลี้ยงของจูเทียนหลิน ทำให้รู้สึกขยะแขยง ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เขาจึงเลือกโซฟาที่ไกลที่สุดนั่งลง พลางสังเกตห้องไปด้วย และตอบแบบขอไปทีว่า “ใช่ครับ แค่ไม่ได้คิดว่าจะเอาเงินสดติดตัวมาน้อยขนาดนี้ ขอบคุณคุณหวังที่ช่วยเหลือนะครับ”
หวังหนานดูเหมือนจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้ดี เธอแอบมองจากชั้นบนตั้งนานแล้ว จงใจรอให้เหอเจ๋อเผชิญกับความยากลำบากก่อน จึงค่อยออกมาช่วยเหลือ
การให้ดอกไม้ตอนที่อีกฝ่ายรุ่งเรือง ย่อมเทียบกับการให้ถ่านในยามหิมะตกไม่ได้ เธอใช้กลยุทธ์นี้จนชำนาญ คิดว่าตัวเองเปิดประตูหัวใจของเหอเจ๋อได้แล้ว จึงพูดจาตรงไปตรงมามากขึ้น บอกกับเขาด้วยความหวังดีว่า “ฉันเคยเตือนคุณแล้วว่า เงินน่ะมันก็เหมือนอุจจาระ แต่พวกคุณขาดมันไม่ได้”
เหอเจ๋อทำท่าทางเห็นด้วยอย่างยิ่ง พยักหน้าเห็นพ้องไม่หยุด
หวังหนานเปลี่ยนน้ำเสียงทันที พูดอย่างดุดันว่า “คุณก็เห็นพลังของเราสามบริษัทแล้ว นักข่าวคนนั้นก็โดนไล่ออกทันที ไม่กลัวบอกคุณหรอกว่าเรามีอิทธิพลทั้งในและนอกกฎหมาย จัดการพวกคุณก็เป็นเรื่องเล็กน้อย”
เหอเจ๋อแสดงสีหน้าตกใจกลัวอย่างร่วมมือกับคำขู่ของเธอ พูดอย่างตื่นตระหนกว่า “ผมไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับนักข่าวคนนั้นหรอก แค่เคยเช่าบ้านเธอสักพักเท่านั้น เป็นแค่เจ้าของบ้านกับผู้เช่าเท่านั้น”
หวังหนานเห็นว่าสถานการณ์มีทางออก กลอกตาแล้วพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกลัว พี่หวังจะช่วยคุณเอง แค่คุณถอนฟ้องเอง ห้าล้านที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ฉันจะให้คุณครบทุกบาททุกสตางค์”
เหอเจ๋อฉวยโอกาสนี้ ในใจก็มีแผนแล้ว จึงพูดอย่างว่าง่ายว่า “ได้ครับ ผมคิดได้แล้ว กลับไปจะถอนฟ้องทันที”
หวังหนานไม่คิดว่าเรื่องที่กังวลจะแก้ไขได้ง่ายดายขนาดนี้ จึงยิ้มพูดว่า “เช็คฉันไม่ได้พกมา คืนนี้จะเอาไปให้คุณ…”
เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก จึงพูดว่า “ถ้าจะถอนฟ้องก็ต้องเตรียมเอกสารอีกหลายอย่าง ผมขอกลับไปเตรียมก่อน เดี๋ยวถึงเวลาจะวุ่นวาย”
หวังหนานเพื่อแสดงความจริงใจ จึงยิ้มพูดว่า “ได้ ฉันจะไปส่งคุณกลับเอง”
พนักงานร้านน้ำชาเห็นเหอเจ๋อกับหวังหนานพูดคุยหัวเราะกันลงมาจากชั้นบน ใจก็สั่น จึงพูดประจบว่า “คุณผู้ชาย นี่เป็นชาต้าหงเผาครึ่งกิโลที่มอบให้คุณ ก่อนหน้านี้ผมตาถั่วไม่รู้จักคุณ ขอโทษที่ล่วงเกินไปมาก หวังว่าคุณจะให้อภัย”
เขาเข้าใจผิดคิดว่าหวังหนานสนใจเหอเจ๋อ กลัวว่าจะพูดไม่ดีถึงเขา จึงยอมเสียสละอย่างหนักเพื่อขอโทษ
เหอเจ๋อไม่ยอมเสียเปรียบจึงรับของมาอย่างไม่เกรงใจ
เขาจ้องมองทั้งสองเดินจากไป พนักงานเสิร์ฟก็ส่ายหัวพลางพูดว่า “หล่อแบบนี้มันดีจริง ๆ”
ภายในห้องพักชั้นเก้า
เหอเจ๋อถือชาต้าหงเผาครึ่งกิโลกรัมเดินเข้ามาในห้อง กวนหลิงกำลังจัดระเบียบสมุดโทรศัพท์ที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ เห็นเขาเข้ามาจึงเงยหน้าขึ้นถามว่า “นายไปรอบนี้ มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม?”
เหอเจ๋อยิ้มแล้วพูดว่า “ข้อมูลที่เธอหามานั้นถูกต้อง ภายในห้องนั้นมีกลิ่นแปลก ๆ คล้ายกับ ‘ยาไซ่เสินเซียน’ ที่เราค้นเจอวันนั้นไม่มีผิดเพี้ยน”
คนทั่วไปอาจไม่ได้กลิ่น แต่เขาคลุกคลีกับสมุนไพรมาตั้งแต่เด็ก จมูกไวมาก แถมได้กลิ่นครั้งเดียวก็จำได้ไม่มีวันลืม
“เยี่ยม! เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ฉันรู้สึกว่าในบัญชีมีเงินก้อนโตหายไป ดูเหมือนว่าพวกมันต้องมีแผนการร้ายอะไรบางอย่างแน่ ๆ ฉันก็ว่าอยู่แล้ว พวกมันต้องคิดไม่ซื่อ”
ดวงตากวนหลิงเป็นประกาย เรื่องที่สืบมานานในที่สุดก็กระจ่าง ความแค้นในใจก็คลี่คลาย เธอตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก
“ตราบใดที่เรามีหลักฐาน ฉันได้แจ้งสื่อทุกสำนักแล้ว ทุกคนกำลังจับตาดูเรื่องนี้อยู่ ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว โดยเฉพาะสารวัตรหวังเหอ ถ้าเขากล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ ฉันจะเล่นงานเขาให้สิ้นซาก”
เหอเจ๋อพิงหลังลงบนโซฟา พลางยิ้ม ๆ แล้วพูดว่า “คราวนี้เธอจะขอบคุณฉันยังไงดีล่ะ? ไม่ใช่แค่เลี้ยงข้าวหนึ่งสองมื้อก็เอาเรื่องได้หรอกนะ”
กวนหลิงกลอกตาไปมา พลางตบบ่าเขาแล้วพูดว่า “ประชาชนเมืองกว่างหนาน ไม่ลืมวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่นายทำหรอก พอถึงเวลาจัดการกับสามภัยแห่งกว่างหนานได้แล้ว ฉันจะมอบธงให้นายเอง”
“เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว!” เหอเจ๋อหัวเราะทั้งน้ำตา โบกมือไปมา แล้วลุกขึ้นยืน พลางพูดอย่างกระฉับกระเฉงว่า “ปลาใกล้ติดอวนแล้ว พวกเราจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้”
ดวงตาของกวนหลิงเป็นประกาย ผลลัพธ์ที่เฝ้ารอคอยมาหลายปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้รู้คำตอบแล้วใช่ไหม?
…
จู่ ๆ เหอเจ๋อก็เปลี่ยนใจ ทำให้หวังหนานดีใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบแจ้งข่าวให้สวีเฟิงกับเหอเฉิงทราบทันที
ทั้งสองคนก็กำลังกลุ้มใจกับเรื่องนี้อยู่พอดี หลังจากได้รับโทรศัพท์ก็ดีใจจนตัวลอย วางเรื่องในมือลงแล้วรีบร้อนมาทันที
“ได้ยินว่าเจ้าเด็กหัวแข็งนั่นยอมอ่อนข้อแล้วเหรอ?”
สวีเฟิงเป็นคนใจร้อน พอเข้ามาก็ถามอย่างอดไม่ได้
หวังหนานนอนเอนอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีผงแป้งวางอยู่กองโต ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข มีคนผลักประตูเข้ามา แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
เหอเฉิงเดินตามเข้ามา เห็นภาพตรงหน้า คิ้วขมวดมุ่น เอ่ยอย่างไม่พอใจ “หวังหนาน นี่มันอะไรกัน ตอนแรกตกลงกันแล้วไม่ใช่รึไงว่าของแบบนี้เราขายอย่างเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย”
หวังหนานยังคงตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง ครู่ใหญ่จึงสะดุ้งตัวตื่น ราวกับเพิ่งรู้สึกตัว ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่เหมือนพวกนาย ที่มีผู้หญิงให้ฆ่าเวลาได้ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงตัวคนเดียว จะให้ทำอะไรได้ นี่ก็เป็นแค่วิธีฆ่าเวลาอย่างหนึ่ง”
พวกเขาทั้งสามคนเป็นแค่คู่ค้าผลประโยชน์ร่วมกัน เห็นว่าเธอไม่คิดจะฟัง พวกเขาจึงได้แต่เงียบไป
MANGA DISCUSSION