บทที่ 10 บริษัทเหอฟิล์ม
เมื่อกวนหลิงได้ยินคำถามของเหอเจ๋อ ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
‘ผู้วิเศษ’ คนที่ช่วยชีวิตประธานเหอหย่งฝู จะอยากรู้เรื่องบริษัทเหอฟิล์มไปทำไม?
“ผมต้องรู้ก่อนว่าธุรกิจของพวกเขาใหญ่แค่ไหน ผมถึงจะเรียกร้องราคาค่าตอบแทนได้” เหอเจ๋อพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ถ้าเป็นช่วงเช้า กวนหลิงอาจจะเชื่อคำพูดไร้สาระของเหอเจ๋อ แต่หลังจากได้เห็นความสามารถของเขาเมื่อครู่ กวนหลิงก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อเหอเจ๋อคนนี้ เป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนเร้นตัวตนไว้อย่างแท้จริง
ฝีมือทางการแพทย์ยอดเยี่ยม ทักษะด้านร่างกายที่ไม่เป็นสองรองใคร เมื่อคนเราก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง สิ่งที่เขาแสวงหาย่อมต่างกัน
ความเย่อหยิ่ง ความโลภ ความใคร่ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกที่เหอเจ๋อสร้างขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเหอเจ๋อจ้อมมองด้วยสายตาคาดหวัง กวนหลิงก็รู้แล้วว่า เหอเจ๋อคงไม่บอกความจริงกับเธอแน่นอน
แน่นอนว่าเหอเจ๋อจะไม่บอกกวนหลิง หากความจริงที่ว่าเขาเป็นลูกชายนอกสมรสของเหอหย่งฝูถูกเปิดเผยออกมา คงจะกลายเป็นข่าวใหญ่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศอย่างแน่นอน
“คุณอยากรู้เรื่องอะไร?” กวนหลิงถาม
เหอเจ๋อตอบ “ทุกอย่างที่ค้นหาจากอินเทอร์เน็ตไม่ได้ บอกผมมาได้เลย”
เมื่อบ่ายที่ผ่านมา เหอเจ๋อได้ค้นหาข้อมูลบริษัทภาพยนตร์เหอจากมือถือแล้ว แต่ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตแน่นอนว่าคงไม่ละเอียดเท่านักข่าว
กวนหลิงคิดสักครู่แล้วเริ่มเล่าข้อมูลของบริษัทเหอฟิล์มให้ฟัง
บริษัทเหอฟิล์ม เป็นบริษัทด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเจ็ดสิบปีก่อน ในยุคที่ภาพยนตร์ขาวดำเริ่มเฟื่องฟู ผู้ก่อตั้งคือปู่ของเหอหย่งฝู เมื่อประมาณสิบปีก่อน ธุรกิจได้ถูกส่งต่อจากพ่อของเหอหย่งฝูจนมาถึงมือของเหอหย่งฝู
ปัจจุบันบริษัทภาพยนตร์ตระกูลเหอมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามราย ได้แก่ เหอหย่งฝู เหอซู่โหรว และจางซื่อเหิง พ่อของจางซื่อเหิงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทกับปู่ของเหอหย่งฝู และเป็นกำลังสำคัญของบริษัทในปัจจุบัน
นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว ยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกประมาณสิบคน
บริษัทเหอฟิล์ม ประกาศสินทรัพย์สุทธิมากกว่าสองพันล้านหยวน มีนักแสดงในสังกัดมากกว่าพันคน นอกจากวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์แล้ว ยังมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมบันเทิงอื่น ๆ เช่น สถานีโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ออนไลน์ บริษัทเพลง เป็นต้น
บริษัทเหอฟิล์ม ฉายภาพยนตร์มากกว่ายี่สิบเรื่องต่อปี เนื่องจากตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ จึงได้ร่วมมือกับฮ่องกงในการผลิตภาพยนตร์หลายเรื่อง มีอิทธิพลค่อนข้างมาก
ในฐานะนักข่าว กวนหลิงมีทักษะการเขียนที่ดี เธอกล่าวได้อย่างไหลลื่นและน่าฟัง แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลส่วนใหญ่เหอเจ๋อค้นหาบนอินเทอร์เน็ตได้
“ผมอยากถามความสัมพันธ์ระหว่างจางเหวินฉีกับเหอหย่งฝู” เหอเจ๋อขัดจังหวะการแนะนำของกวนหลิง และถามขึ้น
กวนหลิง “เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของคุณเหอ ประมาณยี่สิบปีก่อน คุณเหอมีส่วนร่วมในโครงการการกุศล ‘โครงการแห่งความหวัง’ ของภาคใต้ และก่อตั้ง ‘โรงเรียนแห่งความหวัง’ หลายพื้นที่ทั่วชนบทในประเทศจีน ตอนนั้น คุณจางอายุได้สามขวบ พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ คุณเหอจึงรับเธอมาดูแล และหญิงสาวก็ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดมาโดยตลอด อย่างที่คุณเห็น คุณจางมีตำแหน่งที่สำคัญมากในตระกูลเหอ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการที่โดดเด่นในบริษัท จึงสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของเหอฟิล์มได้”
“ถ้าครั้งนี้ผมช่วยคุณเหอหย่งฝูไม่ได้ คุณคิดว่าใครจะได้รับประโยชน์มากที่สุดในเหอฟิล์ม?” เหอเจ๋อถามต่อ
“ถ้าวิเคราะห์กันจริง ๆ เรื่องมันจะกลายเป็นละครชิงอำนาจในตระกูลร่ำรวย ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” กวนหลิงยักไหล่อย่างไม่ยืนยัน
เหอเจ๋อรู้สึกปวดขมับ ในฐานะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ มาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเข้าไปพัวพันกับการชิงดีชิงเด่นแบบนี้ พื้นฐานแล้วเหอเจ๋อเป็นเด็กหนุ่มที่มีความคิดไร้เดียงสา เมื่อเผชิญกับเรื่องแบบนี้ เขาอาจจะตัดสินใจได้ดีที่สุดไม่ได้
ตอนนี้เขาค่อนข้างเสียใจ ที่ไม่ได้อยู่รอที่โรงพยาบาลจนกว่าเหอหย่งฝูจะฟื้นขึ้นมา ในฐานะผู้วิเศษที่ช่วยชีวิตเหอหย่งฝู เขาอาจจะได้เปรียบมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ในตอนกลางวัน เหอเจ๋ออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เขารู้ว่าพ่อที่ป่วยหนักอาจถูกคนใกล้ชิดวางยาพิษ และยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นฆาตกร และเขาไม่มีญาติในเมืองกว่างหนาน จึงเลือกที่จะหนีออกมา
“ไม่มีทางเลือกแล้ว ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปโรงพยาบาลอีกครั้ง”
ในฐานะหัวหน้าตระกูลเหอ เหอหย่งฝูย่อมมีประสบการณ์ในการรับมือมากกว่าอย่างแน่นอน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหอเจ๋อต้องยืนกรานหนักแน่น คือเขาจะไม่เปิดเผยตัวตนอย่างเด็ดขาดหากความปลอดภัยของเขายังไม่มั่นคง
ไม่ใช่เพราะเหอเจ๋อขี้ขลาด แต่การทำแบบนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นได้
เหอเจ๋อคิดแบบนี้แล้วจิบโค้กอีกครั้ง ตอนนี้เขาเห็นกวนหลิงกำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปร้านปิ้งย่างด้านนอก
เหอเจ๋อถามด้วยความสงสัย “คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”
กวนหลิงพูดว่า “ถ่ายรูปไง”
เหอเจ๋อถามต่อ “ตรงนี้มีอะไรน่าถ่าย?”
กวนหลิงมองเหอเจ๋อแวบหนึ่งแล้วตอบ “แน่นอนว่าต้องลงหนังสือพิมพ์สิ”
เหอเจ๋อ “คุณไม่ใช่นักข่าวบันเทิงหรอกเหรอ ทำไมถึงสนใจเรื่องนี้ด้วย”
กวนหลิง “ฉันเป็นนักข่าวสังคม ฉันสนใจทุกอย่างที่เป็นข่าว”
เหอเจ๋อชำเลืองมองออกไปนอกร้าน “คุณระงับความสนใจหน่อย? คนข้างนอกเห็นคุณถ่ายรูปนะ”
กวนหลิงยิ้มให้เหอเจ๋อ “ไม่กลัว ในเมื่อมีคุณอยู่ตรงนี้แล้ว”
เหอเจ๋อ “…”
เหอเจ๋อรู้สึกว่าเขาประมาทกวนหลิงเกินไป นักข่าวสาวคนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ
เห็นได้ชัดว่า กวนหลิงคิดจะเปิดโปงร้านบาร์บีคิวพวกนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่คนเดียวก็ยากที่จะหาหลักฐาน ถ้าถูกจับได้ก็อาจโดนเจ้าของร้านข่มขู่
แต่ตอนนี้มีเหอเจ๋ออยู่ด้วย สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
กวนหลิงได้เห็นฝีมือของเหอเจ๋อมาแล้วมี “ผู้วิเศษ” คนนี้อยู่ด้วย ไม่ใช้ก็เสียเปล่า
เหอเจ๋อเป็นคนฉลาด เข้าใจเหตุผลได้ในทันที ในใจรู้สึกไม่ปลาบปลื้ม เขาช่วยหล่อนไว้ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมาหาประโยชน์จากเขาอีก?
“นักข่าวกวน วิธีของคุณนี่ไม่ค่อยสุภาพเลยนะ ถ้าอยากให้ผมช่วยคุณ คุณบอกผมตามตรงก็ได้” เหอเจ๋อจ้องกวนหลิง สายตาเริ่มแสดงออกถึงความคมกริบ
กวนหลิงรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวเมื่อถูกเหอเจ๋อจ้องมอง เขาหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าตอนนี้พวกเราควรจะกลับไปดีไหม”
“ตอนนี้อยากหนีไปก็ยากแล้ว คุณไม่เห็นสายตาของพวกเจ้าของร้านบาร์บีคิวข้างนอกเหรอ การตัดรายได้ของคนอื่นก็เหมือนกับการฆ่าพ่อแม่ของเขานั่นแหละ เราตกลงราคากันก่อนแล้วค่อยออกไป ผมจะช่วยคุณไล่ทีละคน คิดค่าบริการห้าร้อยหยวน ขาดสักหยวนก็ไม่ได้” เหอเจ๋อพูดตรง ๆ
กวนหลิงมองเหอเจ๋อด้วยสีหน้างุนงง ไม่คิดว่าเขาจะพูดได้ตรงไปตรงมาขนาดนี้
เหอเจ๋ออาศัยอยู่กับแม่ตั้งแต่เด็ก นิสัยของเขาจึงได้รับอิทธิพลจากแม่พอสมควร แม้ปกติเขาจะเป็นคนที่คุยด้วยง่าย แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ ก็จะเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว เช่นตอนนี้…
“ทำไม? ไม่เห็นด้วยเหรอ? งั้นผมไปก่อนนะ” เหอเจ๋อลุกขึ้นยืนทันที
กวนหลิงกัดฟันแล้วพูดว่า “ได้ ห้าร้อยต่อหนึ่งคนก็ห้าร้อยต่อหนึ่งคน!”
MANGA DISCUSSION