บทที่ 78 – โลกแห่งปัญญา ?
ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงงพร้อมกับแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอเอาเข้าจริงก็ทำให้พวกเธอได้แต่ยืนมองหน้ากันแบบพูดไม่ออกไปหลายนาที..
ก่อนที่..อนาสตาเซียจะเป็นคนพูดขึ้นก่อนว่า
“เธอ… อย่าบอกนะว่าเหมือนกับฉัน..?”
“นั่นมันคำถามของฉันต่างหาก…”
เซเลน่าเองก็ตอบกลับออกไปแบบนั้นเช่นเดียวกัน เพราะทุกอย่างมันกะทันหันเกินไป เหนือสิ่งอื่นใด พวกเธอไม่คิดว่าจะมีคนมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
ต้องรู้ว่าที่นี่คือโลกแฟนตาซีที่เกิดขึ้นมาเหมือนกับเกมทุกอย่าง แค่หลักการก็ชวนงงสุดๆ ไปแล้วเพราะถ้าไปเกิดใหม่ต่างโลกเลยอะไรแบบนั้น
ก็อาจจะพอเข้าใจได้ว่ามีอะไรพาไปอยู่ แต่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริงที่มีทุกอย่างคล้ายเกมในโลกเดิม
เรื่องแบบนี้มันลึกลับยิ่งกว่าไปเกิดใหม่ต่างโลกแบบธรรมดาซะอีก ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
แต่นี่มันก็แปลกเกินไป คนที่ตีกันมาตลอดตั้งแต่พบกันกลับกลายเป็นว่าพวกเธอไม่ได้เกลียดกันจริงๆ แค่เกลียดตัวละครในเกมต่างหาก
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะทำให้ทั้งสองได้แต่ยืนโง่งมไปพักใหญ่ๆ นั่นเอง ท่ามกลางความสับสนอยู่นั้น
“แกร๊ก”
เสียงปริศนาก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของทั้งสอง ส่งผลให้พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วทุกพื้นที่ รอยแตกระหว่างพื้นที่ด้านในกับด้านนอกที่มีฝูงยุงอยู่ก็ฉีกกว้างขึ้น
รอยแยกที่บิดโค้งงอของกาลอวกาศก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ส่งผลให้ฝูงยุงจำนวนมากด้านนอกถูกทำลายล้างไปจนหมดในชั่วพริบตา
ไม่สิ.. แทนที่จะบอกว่าในชั่วพริบตาหรือวินาที.. ต้องกล่าวว่ามันเกิดขึ้นโดยทันที ซึ่งไม่มีนิยามของกาลเวลาใดมาจำกัดความเร็วของมันได้
กล่าวคือมันเกิดขึ้นแทบจะทันทีนั่นเอง.. ต่อมารอยแยกของกาลอวกาศที่เกิดจากการพังทลายของกาลอวกาศนั้นก็ส่งผลให้มิติพิเศษแห่งนี้สั่นสะเทือนอย่างบ้างคลั่ง
ด้านนอกมิติพิเศษ ในเมืองที่มีสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสูงเสียดฟ้าก็สั่นสะเทือนไม่ต่างกัน อันที่จริงหากไม่มีเวทมนตร์ประคองเอาไว้ตึกเหล่านั้นก็คงพังทลายแทบจะทันทีเป็นแน่แท้ เครื่องเร่งอนุภาคที่อยู่ใต้เมืองก็เริ่มเกิดการปริแตก
“ก… เกิดอะไรขึ้น..?”
คนที่ตกใจอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของเมืองแห่งนี้.. เธอยืนขึ้นด้วยความตกใจ
ในขณะเดียวกันจอมมารไพซิสที่เดินร่าอยู่ภายในเมืองก็ขมวดคิ้ว เพราะเธอปิดกั้นการรับรู้ของตนเองไว้เพื่อไม่ให้คนรู้ทำให้เธอไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
แต่เธอก็รู้แทบทันทีจากการสั่นว่าต้นเหตุมันมาจากใต้พื้นดิน.. เธอขมวดคิ้วพร้อมกันพึมพำ…
“รู้สึกเหมือนกำลังจะมีเรื่อ—”
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรฝ่ามือที่ไม่ควรดำรงอยู่ตรงนั้นก็ปรากฏขึ้นโดยไม่มีหลักเหตุผลอะไรในการรองรับ
“เธออยากได้..พลังคืนไหม?”
เสียงอันเงียบงันนั้นดังเข้าสู่โสตประสาทของจอมมารไพซิสทำให้ขาทั้งสองข้างที่ไม่เคยสั่นกลัวให้กับอะไรเลยกลับสั่นอย่างไม่น่าเชื่อ
อันที่จริงความกลัวที่อยู่ภายในอกของเธอนั้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว.. ไม่สิ ราวกับว่าความกลัวนี้ของเธอมันอยู่มาตั้งแต่แรก อยู่มาตลอด
อยู่มาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะพบกับเรื่องประหลาดตรงหน้า.. บางทีมันอาจจะมีตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ
ภายใต้ความสับสนที่อยู่ภายในอกของเธอนั้น
“ฉันกำลังคุยกับเธออยู่นะ…”
“คุยกัน..โดย..ไม่เปิดใบหน้าด้วยซ้ำ..นี่นะ?”
ภายใต้ความสับสนของไพซิสนั้น เสียงหัวเราะร่าอันประหลาดก็ดังขึ้นด้านข้างเธอ
“ดูสิ กล้าต่อรองกับความกลัวด้วยอ่ะ ตลกชะมัด”
เสียงร่าเริงนั้นทำให้ไพซิสขนหัวลุกไม่แพ้กัน แม้อาจจะไม่เท่ากับเงาดำตรงหน้า แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นความแข็งแกร่งที่ไม่อาจจินตนาการได้
ตัวตนแบบนี้ต่อให้รวมเอาผู้กล้าทั้งโลกและจอมมารทั้งโลกมาก็ไม่อาจสู้ได้ด้วยซ้ำ สุ้มเสียงอันเย็นชาดังขึ้นอีกข้างหนึ่ง
“เอาน่า.. องค์หญิงบอกเองว่าจะให้พลังคืน ก็เหมือนกับการยื่นข้อเสนอนั่นแหละ สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำก็คงทำได้แค่นั้นแหละ”
“……”
ไพซิสไม่รู้ว่าตนเองกำลังเจอกับอะไรกันแน่ แต่ถึงแบบนั้นมือที่ไม่ควรดำรงอยู่ก็ปล่อยมือของเธอพร้อมกับปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอ
เสียงร่าเริงดังขึ้น
“ว้าว ท่านแม่ฮิคิโคโมริของเราโผล่มาด้วย วิ้ว แบบนี้ชนชั้นต่ำที่เธอว่าไม่สำคัญขึ้นมาจนพอที่จะเป็นตัวร้ายแล้วเหรอ เรด?”
“หุบปากสักวันจะตายไหม อลิซ”
พอเห็นการกระทำที่คาดไม่ถึงของ ‘องค์หญิง’ ก็ทำให้ทั้งสองคนแปลกใจ แต่ถึงแบบนั้นก็หญิงสาวร่าเริงก็ยังไม่ลืมที่จะแขวะหญิงสาวที่ดูสุขุมไปอีกหนึ่งที
เมื่อร่างดังกล่าวโผล่ขึ้นต่อหน้าไพซิส.. ดวงตาของเธอก็เปิดขึ้นด้วยความตกใจ
“เธอ…”
หญิงสาวยิ้มอย่างมันนัยยะพร้อมกับพูดขึ้น
“อย่าเอ่ยถึงฉันเด็ดขาด… เดี๋ยวคุณผู้ดูจะรับรู้เอาใช่ไหมล่ะ?”
เธอพูดแบบนั้นพร้อมกับเสียงที่ควรจะเอ่ยออกไปของไพซิสกลับไม่สามารถเอ่ยออกไปได้.. ราวกับว่าบทบรรยายดังกล่าวถูกลบออกไป
ทุกอย่างมันดูน่าฉงนราวกับไม่ใช่เรื่องจริง…
ก่อนที่เบื้องหน้าของไพซิสจะมีอัญมณีแปลกประหลาดลอยอยู่ตรงหน้า.. อัญมณีที่มีสีชมพูหินอ่อนราวกับโรสควอตซ์
ทั้งยังมีสีเหลืองทองอำพันเหมือนกับเป็นอำพันของแท้แต่กลับอยู่ในเม็ดเดียวกันกับที่มีสีของโรสควอตซ์
ไม่เพียงแค่นั้นยังมีส่วนที่มีลวดลายราวกับรุ้งที่ปรากฏอยู่ภายในมณี.. แน่นอนว่ามันคืออัญมณีโอปอล
…………..
อัญมณีทั้งหก… อัญมณีที่ถูกสร้างขึ้นเมื่ออดีตกาลนานแสนนาน ว่ากันว่ามันถูกสร้างขึ้นมาด้วยหยาดแห่งผู้ที่ถูกรักโดยพระเจ้า
เพราะผู้ที่ถูกรักโดยพระเจ้านั่นเปรียบดั่งกับตัวตนแห่งความงดงามและความน่าหลงใหลอันสูงสุด.. กล่าวคือเธอคือตัวตนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในสรรพสิ่ง
เฉกเช่นเดียวที่มีปัญหาระดับฟิคชั่น.. สิ่งนี้เองก็เช่นเดียวกัน.. ตัวตนของผู้ที่ถูกรักโดยพระเจ้านั้นถูกนิยามขึ้นมาตามตัวตนของเธอ
ไม่มีสิ่งใดเยื้องกรายถึงเธอ ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงเธอ ไม่มีอะไรที่จะสูงส่งไปกว่าเธอ… แม้เธออาจจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ตาม
แต่ในทุกสรรพสิ่งไม่มีใครสามารถจัดการกับเธอได้อย่างแน่นอน.. เพราะเธอถูกรักโดยพระเจ้าที่สมบูรณ์..หรือ.. แม่มด
เอาเข้าจริงเธอก็เปรียบเหมือนมารดาอีกคนของสรรพสิ่งรองจากแม่มดเช่นเดียวกัน…
และอัญมณีทั้งหกนั้นถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อแทนตัวตนของเธอ.. เพราะเธอเองก็ใช่ว่าจะชอบตัวตนของตนเองสักเท่าไหร่
ดังนั้นเธอจึงสร้างอัญมณีทั้งหกขึ้นมาลดคุณค่าของตนเอง.. ทำให้ความสำคัญของมณีนั้นว่ากันบางระดับมันมีมากกว่าทุกสรรพสิ่งด้วยซ้ำ..
อัญมณีนั้นไม่ได้มอบการเห็นพารามิเตอร์.. มันเพียงแค่มอบความสำคัญให้ทุกสรรพสิ่งที่ได้ครอบครองมันจนมากพอที่จะมองเห็นความสำคัญทุกสิ่งเป็นตัวเลขได้
ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว.. แต่เพราะมันอยู่ในมือของคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ที่ถูกรักโดยพระเจ้ามันเลยทำได้เพียงแค่นั้นเท่านั้นเอง…
กล่าวคือ…
ตราบใดที่มีอัญมณีนี้อยู่กับตัว… จะไม่มีทางตาย…โดยเด็ดขาดหากไม่ใช่ตัวตนที่สูงกว่า…
ต้นไม้แห่งชีวิต..เซฟิรอธ.
ต้นไม้แห่งความตาย..คลิฟฟอธ.
เคยมีตำนานได้กล่าวถึงการดำรงอยู่ที่ไร้เหตุผลที่สุดในเรื่องราว… นั่นก็คือสองสิ่งด้านบนที่สามารถลบอัญมณีที่เป็นเพียงแค่ชิ้นส่วนแห่งตัวตนของผู้ที่ถูกรักโดยพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย
“…..ให้ง่ายๆ จะดีเหรอ ความรู้เรื่องคลิฟฟอธน่ะ ?”
เสียงสุขุมดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าของคนสามคนเดินไปในที่มืด..
หญิงสาวอีกคนก็ตอบ
“ถ้าไม่ให้..ก็คงกระตุ้นได้ไม่มากพอ.. ต้องมอบความสิ้นหวังที่สมบูรณ์แบบให้…อีกอย่างนี่ก็แค่โลกแห่งปัญญา”
ด้านหลังของพวกเธอที่เป็นเมืองของมิราลิสบนท้องฟ้าก็มีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น… พร้อมกับดวงตาอันน่าขนหัวลุกขนหัวพองเหลือบมอง
ดวงตาสีทองของมันมีลักษณะเหมือนงูไม่มีผิด…
“องค์หญิง งูแห่งปัญญา [The Wisdom of the Serpent] ดูท่าจะโกรธสุดๆ เลยนะนั่น”
เสียงร่าเริงนั้นดังขึ้น
“ก็นี่ในท้องมันนี่น่า ?”
ที่ตอบหาใช่คนที่ถูกเรียกว่าองค์หญิง แต่เป็นหญิงสาวอีกคนที่มีเสียงสุขุม
………………
[งงกับสเกลกันเหรอ! ขอโทษด้วยเพราะผมไม่ได้เล่าตามระดับเนื่องจากต้องเร่งจบ.. แต่สเกลที่ผ่านมาสังเกตกันดูว่ามันคือการเล่าในมุมมองของคนที่พวกนางเรียกว่าชนชั้นต่ำน่ะ.. หรือก็คือพวกนางเก่งสุด! พูดไรก็เชื่อๆ พวกนางไปเถอะ ฮา – ผู้เขียน]
MANGA DISCUSSION