บทที่ 18 – นายหญิงที่แท้จริง
ด้วยเหตุนี้.. ฉันที่มีอายุแค่หกขวบเศษๆ ก็ได้กลายเป็นคุณแม่วัยใสที่มีลูกสาวอายุสองร้อยปี…. ใช่ที่ไหนละเฮ้ยย
ฉันนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่บ้านของตัวเอง… ตอนนี้ฉันได้ปัญหาในการใช้ชีวิตเพิ่มมาอีกแล้ว.. นั่นคือเมอร์ลิน
เมอร์ลินเรียกฉันว่าแม่นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ซึ่งมันโคตรจะแปลกถึงเธอจะกลับเป็นสาวสวยแต่การมาเรียกฉันที่อายุแค่ 6 ขวบ
ถึงร่างกายจะเท่าเด็กอายุ 11-12 เพราะพลังของเมอร์ลิน
แต่ปัญหาที่ฉันว่ามาจากเมอร์ลินมันไม่ใช่การที่เธอเรียกฉันว่าแม่แค่นั้นหรอก.. เพราะว่าเธอได้ทำให้ฉันกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนนี้
ใช่ ฉันกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ข้างหน้ามีโต๊ะทำงานตามสูตรสำเร็จของพนักงานเงินเดือนที่ทำงานไม่รู้จักจบสิ้น
ตรงหน้ามีกองเอกสารกองพะเนินสูงเป็นภูเขา.. ทุกใบล้วนแล้วแต่เป็นใบสมัครเข้าร่วมกับกองทัพ ‘ไวท์บลู’ กองทัพที่นำทัพโดยผู้นำทัพสูงสุด..
ใช่ ฉันนั่นแหละ ไอ้ตำแหน่งที่ได้มาตั้งแต่ตอนนู้นนน ที่ทุกคนน่าจะลืมไปหมดแล้วคนที่รื้อฟื้นขึ้นมาละรับสมัครคนเข้าร่วมก็คือเมอร์ลิน
…..เหนื่อยอีกแล้วว่ะ เฮ้อ..
ถ้าจะให้ย้อนกลับไปก็คงเป็นตอนหลังจากที่ฉันชนะเมอร์ลินได้ เมอร์ลินก็เรียกฉันว่าแม่นับตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นเจ้ามิเกลเองก็ได้เชิญฉันและเมอร์ลินไปห้องรับแขกที่หรูหราอลังการ แน่นอนว่าเมอร์ลินเองเหมือนจะเกาะแขนฉันไม่ปล่อยมาตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากเช็ดน้ำมูกกับน้ำตาได้เมอร์ลินก็ทำสีหน้าจริงจัง เหมือนกับตอนที่เจอกับฉันครั้งแรกเลย แต่คราวนี้มองไปที่มิเกล
ไม่อ่ะ ไม่ขึ้นหรอกเฮ้ย ภาพลักษณ์คุณยายแก่อายุร้อยปีปลิวหายไปพร้อมกับหน้าที่เหี่ยวย่นนั่นแล้ว อีกอย่างตอนนี้ยังเห็นคราบน้ำตากับน้ำมูกอยู่เลย
ดึงหน้าตึงไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเฮ้ย
“ข้าตกลงที่จะช่วยฝึกผู้กล้าก็ได้!”
เธอพูดแบบนั้นด้วยท่าทางที่เหนือกว่ามิเกล แต่มันก็ดูตลกอยู่ดีอะนะ เจ้ามิเกลเอง ก็เหมือนมองเมินคราบน้ำหูน้ำตาอีกฝ่าย
ไม่สิ.. เจ้าหมอนี่คงไม่ได้ลืมหรอกนะว่ายัยเมอร์ลินนี่พึ่งร้องไห้ขี้มูกโป่งไป ทำไมถึงทำท่าทางเคารพกว่าตอนแรกอีกวะ
“เป็นพระคุณมากเลยครับ ท่านเมอร์ลิน!”
เจ้านี่มันเคารพกว่าตอนแรกอีก.. อ้ะ หรือว่าเจ้านี่มันชอบผู้หญิงแบบเมอร์ลินงั้นเหรอ?! นอกจากเรื่องนี้แล้วก็แทบนึกอะไรไม่ออกเลยนี่น่า
ฉันรู้สึกเหมือนเข้าใจมิเกลไปอีกขั้นหนึ่งแล้วสิ
“แต่ว่า.. ข้ามีเงื่อนไขสามอย่าง!”
“หือ..?”
มิเกลเอียงคอด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตามเมอร์ลินที่ชูนิ้วขึ้นมาสามอย่างก็เริ่มร่ายเงื่อนไขที่ตนเองอยากได้
“เงื่อนไขข้อแรกข้าต้องการจะอยู่ที่เดียวกันกับท่านแม่ ให้ข้าได้อยู่กับท่านแม่ข้าเถอะ!”
ฉันที่ฟังอยู่แบบนั้นก็ขมวดคิ้ว.. ท่านแม่ที่ว่านี่คงไม่ใช่.. อ้ะ.. เจ้าหล่อนมองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นประกายเหมือนเด็กเลย
ไม่อ่ะ คุณยายฉันอายุน้อยกว่าเธอต่อให้เอาอายุสองโลกรวมกันก็น้อยกว่าเธอเป็นสิบเท่าคิดว่าทำตาแป๋วแล้วจะทำให้ดูเด็กลงเหรอ
ไม่เลย.. แต่สายตาที่มองมานั้นเหมือนอยากจะบอกกับฉันว่านับตั้งแต่วันนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะคะ ท่านแม่..
“ท่านแม่..?”
มิเกลลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะมองมาที่ฉัน.. ก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าเหมือนกับจะบอกว่า ‘สมกับเป็นท่านโรซาเรีย แค่เกิดมาได้หกขวบก็มีลูกอายุร้อยกว่าปีแล้ว’
สมบ้าเอ็งสิเฮ้ย ในแง่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้ว้อย อย่ามาใช้คำว่าสมนะเฮ้ย.. ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั่งตบมุกคนเดียว
“อ้อ.. เรื่องนั้นคงต้องขอร้องท่านโรซาเรียเอง”
มิเกลมองมาที่ฉัน..เป็นสายตาที่เหมือนอยากจะอ้อนวอนให้ฉันรับเอานางทีเถอะ นางสำคัญกับเรามาก.. ฉันไม่เคยเห็นมิเกลกล้าขอร้องฉันแบบนี้มาก่อนเลย
ส่วนสายตาของเมอร์ลินก็เป็นสายตาที่บอกกับฉันว่า..พวกเราได้อยู่ด้วยกันแล้ว เธอไม่คิดว่าฉันจะปฏิเสธเลยสักนิด
โยนการตัดสินใจมาให้ฉันเรอะ..หนักชะมัด… แต่เอาเข้าจริงฉันก็ไม่ใช่คนไม่เข้าสังคมอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว
มันไม่มีปัญหาอะไรหรอกที่จะอยู่กับคนอื่นเพราะบ้านฉันมันก็แทบเป็นคฤหาสน์อยู่แล้ว… แต่ปัญหาคือมันอาจจะทำให้ฉันปวดหัวไงล่ะ
เพราะคนในโลกนี้ฉันสัมผัสได้แล้วว่ายิ่งคุยด้วยยิ่งเข้าใจยาก.. ดังนั้นแทนที่จะคุยเลือกที่จะไม่คุยดีกว่า
แต่ฉันก็อยู่ฟรีกินฟรีมาตลอดนี่น่า.. เหมือนกับการกินภาษีของประชาชนเลยแหละ… เพราะฉันไม่ได้เกิดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่
เลยไม่มีครอบครัวดูแล.. แรกเริ่มเดิมทีที่วันนี้ฉันไปหามิเกลก็เพราะอยากช่วยอะไรบ้าง.. ที่ไม่ใช่การสู้อะนะ
หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่และเพราะฉันในตอนนั้นไม่รู้คำขอที่สองกับสามของเมอร์ลินเลยตอบไปว่า
“ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ท่านแม่!!!”
เมอร์ลินกอดฉันแน่นกว่าเดิม
“แต่ก่อนอื่นนะ เธอเลิกเรียกฉันว่าแม่ก่อนได้ไหม”
“เอ้ะ ทำไมล่ะ?”
“ก็ฉันไม่ใช่แม่เธอนี่น่า”
“เอ้ะ ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ?”
“ก็ฉันแค่เด็กคนหนึ่ง…”
“ไม่เอาหรอก ท่านแม่ก็คือท่านแม่นั่นแหละ”
“….”
ไม่ฟังกันเหมือนเดิมเลยเว้ย ในขณะที่ฉันพูดไม่ออกกับยัยเมอร์ลินนั้นเอง ทางนั้นเหมือนจะไม่อยากโต้แย้งเลยหันไปพูดกับมิเกลต่อว่า
“เงื่อนไขข้อที่สอง ผู้กล้าที่ฉันฝึกทุกคนต้องอยู่ภายใต้อาณัติของท่านแม่ แน่นอนว่าพวกนายมีสิทธิ์คุมตัวผู้กล้าและผู้กล้ามีอิสรเสรีเหมือนเดิม แต่ว่าหากท่านแม่สั่งห้ามก็ต้องห้าม”
“ห้ะ..?”
ฉันอุทานออกมาด้วยความงง ทางมิเกลเองก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ โดยไม่ทันให้ฉันตั้งตัว
“เงื่อนไขข้อสุดท้าย ข้าได้ยินมาว่าท่านแม่ได้เป็นแม่ทัพสูงสุด ในอดีตสงครามครั้งก่อนไม่มีใครได้รับตำแหน่งนี้สักคน.. ดังนั้นข้าจึงขอเสนอว่า ทหารทุกคนควรได้รับการฝึกสอนจากฉันโดยตรงและจะมีท่านแม่คอยสั่งการอีกที!”
เธอกล่าวเสียงเด็ดขาด.. ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนโดนจับไปเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่างนี่มันอะไรวะเนี่ย
จู่ๆ ก็ได้ควบคุมทั้งผู้กล้าและกองทัพที่ฝึกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามโดยตรง.. ไม่ใช่ว่าฉันจะสูงส่งเกินหน้าเกินตาราชาไปหน่อยเหรอเฮ้ย
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ—”
ทว่ามิเกลตบโต๊ะอย่างรุนแรงขัดเสียงฉันเอาไว้
“โอเค ดีล!”
ว่าแล้วทั้งคู่ก็จับมือกันในตอนที่ฉันยังงงอยู่ด้วยซ้ำว่านี่มันเกิดเชี้ยอะไรขึ้นวะคะ โดยไม่ให้ฉันได้ตอบสนองอะไร
“แล้วชื่อกองทัพควรจะเป็นอะไรดีล่ะ มิเกลน้อย”
“นั่นสินะคะ ท่านเมอร์ลิน เอาเป็น….”
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะมองมาที่ฉัน
“กองทัพ ‘โรซาเรีย’ เป็นยังไง!”
พูดแทบจะพร้อมกันทันที เดี๋ยวสิเฮ้ย ไอ้แบบนี้ไม่ตลกนะเหวย ขืนมีชื่อฉันกลายเป็นกองทัพแบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันถูกหมายหัวง่ายขึ้นเรอะ
อีกอย่างแค่มีคนนับร้อยอยู่ในกองทัพชื่อโรซาเรียซึ่งเป็นชื่อของตัวเองเนี่ย โคตรขนลุกเลยนะเฮ้ย ก็แบบฉันเดินอยู่ในเมืองดีๆ
มีทหารของฉันเดินอยู่ห่างออกไป คนร้องใส่ว่า
“เฮ้ นั่นมันคนจากกองทัพ ‘โรซาเรีย’ นี่!”
ฉันที่ชื่อโรซาเรียนี่ต้องตอบสนองไงฟะ แบบนั้นไม่เอาเด็ดขาด จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาดเรื่องแบบนี้.. ฉันเรียนรู้วิธีรับมือคนบนโลกนี้มาแล้ว
คนพวกนี้กลัวฉันกันมาก.. พูดง่ายๆ ก็คือถ้าฉันไม่ชอบอะไรก็แค่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนโกรธ..
“อย่าเอาชื่อของฉันไปใช้ง่ายๆ สิ!”
ฉันพูดออกไปแบบนั้นส่งผลให้มิเกลและเมอร์ลินหยุดชะงัก ฉันแทบจะยิ้มแก้มปริ!ปกติไอ้พวกบ้านี่ไม่ฟังกันเลยสักนิด
นี่แหละ วิธีรั—-
“นั่นสินะ.. ชื่อของท่านแม่นั้นสูงส่งเกินไป เอามาให้ทุกคนเรียกง่ายๆ เดี๋ยวก็มีคนลบหลู่ท่านแม่ได้ง่ายๆ”
ห้ะ
“ข้าเห็นด้วยกับท่านเมอร์ลิน.. งั้นเอาเป็นเอกลักษณ์เด่นของท่านโรซาเรียเป็นไง..?”
วอท
“นั่นสินะ ผมสีฟ้าอ่อนของท่านแม่สวยที่สุดในโลกอยู่แล้วงั้นก็…”
เดี๋ยว เฮ้ย
“ไวท์บลู!”
ทั้งสองพูดพร้อมกันก่อนที่ดวงตาของทั้งสองจะมองกัน
“นับตั้งแต่วันนี้ไปนามของท่านแม่จะเป็นสิ่งที่สูงส่ง เพราะท่านแม่ไม่ชอบให้คนอื่นเรียกชื่อ… ใครที่บังอาจเรียกชื่อท่านแม่จะต้อง..”
“โดนลงโทษขั้นสูงสุด”
เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะพวกเอ็ง
“ต่อไปนี้ ท่านแม่จะถูกเรียกในฐานะนายหญิงแห่งทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านแม่ผู้ในดีและแข็งแกร่ง อ่อนโยนแต่ไม่ขี้ขลาด แม้ว่าฉันจะเกเรขนาดไหนก็ไม่เคยโกรธ”
“เหมาะสมกับการเป็นนายหญิงแห่งมวลมนุษยชาติโดยแท้”
มิเกลและเมอร์ลินสลับกันพูดเหมือนอ่านใจกันได้..ว่าแต่ว่านะไอ้ตัวแทนมนุษยชาติอะไรของพวกเธอเนี่ย มาแต่งตั้งฉันตามอำเภอใจคนอื่นเขายอมรับกันไหมวะคะ
ในขณะที่คิดจะพูดอะไรบางอย่าง มิเกลก็คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับกล่าว
“เคารพ ท่านหญิง”
แกเป็นราชานะเฮ้ยยยยย แกไม่รู้สึกว่ามีฉันแล้วอำนาจในมือแกไม่สั่นคลอนบ้างเหรอวะเนี่ยยย
และนั่น.. ก็เป็นเหตุผลที่ฉันมานั่งหน้าหงอยอ่านเอกสารไม่รู้จบนี่ในตอนนี้
………….
[หน้าปกคือนุ่งโรซาเรียนะครับ ตอนนี้ไม่มีกะตังค์ จ้างได้แค่นี้ เอาปกแบบนี้ใช้แทนไปก่อนละกันนน ยินดีต้อนรับนายหญิงของมนุษยชาติหน่อย เอ้าเรียกพร้อมกันนะว่า ‘ยินดีต้อนรับ ท่านหญิง!!!’ – ผู้เขียน]
MANGA DISCUSSION