บทที่ 16 – ความซาบซึ้งที่แท้จริง
ในคฤหาสน์หลังโตของเชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรเกโบล์ก.. คฤหาสน์แห่งนี้ใหญ่เป็นเดิมทีอยู่แล้วแต่รูปสถาปัตยกรรมจะเห็นได้ชัดว่าเหมือนสร้างคลุมอะไรบางอย่างไว้อยู่
แต่ต่อให้เดินหาแค่ไหนก็จะไม่มีทางรู้สึกว่ามีช่องว่างแบบนั้นอยู่เลยแม้แต่น้อย.. ทำให้ผู้คนไม่เคยสงสัยเลยว่าคฤหาสน์แห่งนี้ซ่อนอะไรไว้อยู่หรือเปล่า
คฤหาสน์ริเทอลินท์.. คฤหาสน์ของเชื้อพระวงศ์ซึ่งตอนนี้คนที่อาศัยอยู่นอกจากคนรับใช้แล้วก็มีเพียงไม่ถึงสิบคน
ตัดมิเกลที่เสียชีวิตไปแล้วก็มีมิเลน และอดีตราชินี.. ราชาคนก่อนเสียไปนานแล้ว.. และลูกในสมรสอีกไม่กี่คน
มิเลน เชส ริเทอลินท์ นั่นคือชื่อเต็มๆ ของเธอ.. ผู้ที่ปลอมตัวเป็นมิเกลในฐานะราชาคนปัจจุบันอยู่
เธอเป็นเด็กที่ไม่ค่อยฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ชอบอะไรที่มันดูลึกลับเหนือธรรมชาติของความแฟนตาซี เช่นนิยายวิทยาศาสตร์หรือตำนานผู้วิเศษอะไรทำนองนั้น
แน่นอนว่านิยามคำว่าเหนือธรรมชาติสำหรับคนในโลกนี้ทั้งเวทมนตร์หรือพลังพิเศษ แม้แต่พระเจ้าเองก็ยังเป็นแนวคิดที่เป็นเรื่องธรรมชาติ
หากให้เทียบกับโลกเดิมของโรซาเรีย ทุกอย่างที่บอกว่าเป็นความแฟนตาซี สำหรับโลกนี้ก็ไม่ต่างจากกฎฟิสิกส์เลย
ดังนั้นสำหรับมิเลนสิ่งเหนือธรรมชาติของความแฟนตาซีจึงเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากที่เกินจริง ไม่ก็เรื่องที่อยู่เหนือจินตนาการคนในโลก
แน่นอนว่าไม่ใช่เธอไม่สนใจพวกเรื่องเล่าหลายอย่างแบบที่ไม่เหนือธรรมชาติ เธอก็สนใจและอ่านทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงรู้จักเรื่องเล่าเยอะนักแล
และเพราะแบบนั้นเองทำให้ในคฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยหนังสือ.. บางทีหนังสือที่มีในแดนมนุษย์ทั้งหมดคงอยู่ในคฤหาสน์นี้เกือบทุกเล่มเป็นแน่
ทำให้คนรับใช้จึงเยอะตามไปด้วยที่จะต้องดูแลคฤหาสน์ทั้งหลัง..
และก็อย่างที่บอกคฤหาสน์นี้เหมือนมีสถาปัตยกรรมที่สร้างปกคลุมอะไรไว้อยู่และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
มันสร้างปกคลุมสถานที่แก่งหนึ่งที่เป็นเหมือนบ้านหลังไม่ใหญ่มาก ภายในห้องที่ควรจะมืดกลับมีแสงแดด แสงจันทร์ตามเวลาภายนอก
มีสัตว์ต่างๆ นานาชนิด มีระบบนิเวศน์เหมือนเป็นโลกใบเล็กแห่งหนึ่ง
แต่บ้านหลังนั้นแม้จะสะอาดแต่ก็เหมือนไม่มีคนอยู่มานานเช่นกัน สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า ‘โลกเทียม’ ซึ่งแม้มันจะไม่ใช่เล็กเพราะมันเล็กไม่ถึงกิโลเมตรด้วยซ้ำ
แต่ระบบนิเวศน์ต่างๆ ก็ดูเป็นเหมือนโลกอีกใบที่อยู่ด้านนอกคฤหาสน์จริงๆ ที่แห่งนี้มีคนรู้จักเพียงแค่สี่คน … ตอนนี้เหลือแค่สาม
ประกอบไปด้วย มิเลน อดีตราชินี..และสาวรับใช้คนหนึ่งที่รับใช้มานานได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเชื้อพระวงศ์ที่สืบบัลลังก์ยิ่งกว่าพี่น้องตนเองด้วยซ้ำ
สาวใช้คนนี้เองก็ไม่ใช่คนธรรมดา..
เธอถือรถเข็นที่ทำความสะอาดเดินเข้ามาในโลกเทียม.. ผมสีชมพูของเธอถูกมัดเป็นทวิลเทลมีเสน่ห์น่ารักเหมือนสาวน้อยเวทมนตร์
แต่ข้างในเนื้อแท้เธอมีอายุมากกว่าร้อยปี..
‘โดโรธี เฮดบลู’ นั่นคือนามจริงแท้ของเธอ.. แต่ตอนนี้เธออยู่ในฐานะคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดมีชื่อว่า ‘มาเรีย’ ต่างหาก
แน่นอนเธอไม่ใช่สปายหรืออะไรแบบนั้น แต่เธอมีสองตัวตนตั้งแต่แรกต่างหาก.. เรื่องราวของเธอไม่ใช่สิ่งที่จะกล่าวถึงในตอนนี้
เพราะวินาทีที่เธอเดินเข้าไปในบ้าน.. และยกอุปกรณ์ทำความสะอาดกำลังจะเริ่มทำความสะอาดห้องนั้นเอง
ของในมือของเธอก็หล่นลงกับพื้นด้วยความสับสน.. สายตามองตรงไปยังเตียงที่หรูหราอลังการซึ่งมีเวทมนตร์ความเย็นกักเก็บทุกอย่างภายในเตียงไว้อย่างพอเหมาะ..
ในตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเตียง ด้านหน้ามีภาพฉายเวทมนตร์ที่ฉายภาพระหว่างการประลองของโรซาเรียกับเมอร์ลินอยู่
ผมสีดำอมม่วงของเธอยาวจนลากพื้น ขนาดร่างกายไม่นับว่าเด็กโลลิแต่ก็ไม่ได้สูงเป็นคาแร็คเตอร์ประเภทที่พร้อมโดนล้อว่าเตี้ยอยู่เสมอ
“ท..ท่านบรรพบุรุษ ท่านฟื้นขึ้นมาแล้วเหรอ?!”
…………
………
……
เมื่อคำพูดนั้นของโรซาเรียดังขึ้นดวงตาของเมอร์ลินก็ขยายกว้างขึ้น ดวงตาที่เธอจ้องมองไปยังโรซาเรียนั้นราวกับโรซาเรียกว้างใหญ่ไพศาล
บัดนี้เธอรู้สึกละอายใจกับการกระทำของตนที่มีต่อโรซาเรียตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้.. โรซาเรียช่างเป็นคนที่…
คำพูดของโรซาเรียเหล่านั้นมันกระแทกหัวใจของเธออย่างรุนแรง.. ความทรงจำตั้งแต่อดีตนับร้อยปีก่อนจนถึงตอนนี้
อุดมการณ์ที่เธอต้องการจะล้างแค้นพี่ชายฝาแฝดของเธอที่หักหลังเธอและทำให้เธอเหมือนเป็นคนชั่ว ..
เธอต้องอพยพหนีจากแดนมนุษย์บุกฝ่าน้ำลุยไฟไปทั่วผืนทวีปดิ้นรนมีชีวิตอยู่.. เคยต้องสูญเสียเพื่อนร่วมสมรภูมิมามากมาย
เธอกลับเป็นคนลืมเรื่องราวเหล่านั้นเสียเอง และเต็มไปด้วยความหยิ่งทรนง.. หากไม่ใช่เพราะคำพูดของโรซาเรียเธอก็คงนึกไม่ออก
“ข้า… อุดมการณ์ของข้ามันหายไปนานแล้ว..”
เมอร์ลินตอบกลับไปยังโรซาเรีย.. ใช่ มันพังไปตั้งนานแล้วเธอกลายเป็นคนที่ทระนงไม่ต่างจากพี่ชายฝาแฝดที่เธอเกลียดเลยแม้แต่นิด
ดังนั้น…
“คำพูดแบบนั้น.. มันไม่เหมาะกับข้าในตอนนี้หรอก”
เธอกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ.. ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าโรซาเรียด้วยซ้ำ ทว่าโรซาเรียกลับพูดขึ้น
“ไม่.. ไม่ต้องมาอ้างว่าอุดมการณ์เธอหายไปหรือไม่เหมาะกับตัวเอง เพราะสำหรับฉันเธอคือคนที่เหมาะกับคำนั้นที่สุดในตอนนี้!”
โรซาเรียกล่าวอย่างมั่นใจไม่มีทีท่าจะให้เมอร์ลินปฏิเสธ.. ทำให้เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นมองโรซาเรียโดยไม่รู้ตัว
ดวงตาของทั้งสองผสานกันไม่รู้ทำไมในสายตาของเมอร์ลินตอนนี้ โรซาเรียช่างดูแข็งกร้าวยิ่งกว่าตอนสู้กันเสียด้วยซ้ำ
หัวใจของเธอกระตุกเล็กน้อย.. หัวใจที่ด้านชาของแม่มดสาวกลับมาเต้นระรัวโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
“แต่ว่า.. ข้าแพ้ให้กับเจ้า..”
“ฉันก็บอกไปแล้วว่านั่นมันก็แค่แง่รูปธรรม แต่ในแง่ของอย่างอื่นเธอชนะฉันแน่นอน”
ดวงตาของเมอร์ลินสั่นไหว.. อดีตตั้งแต่ปัจจุบันหวนย้อนนึกกลับมา ความพยายามที่เธอต้องฝ่าฟันมาตลอดหลายร้อยปี
เธอไม่เคยได้รับคำชมในฐานะ ‘เมอร์ลิน’ ทุกคนกล่าวสรรเสริญเธอในฐานะ ‘ตัวแทนของมนุษยชาติ’
มนุษย์ไม่แพ้เผ่าใดในโลก… เธอถูกชูให้เป็นสัญลักษณ์.. ทุกคนไม่รู้จักชื่อเธอด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเธอต้องเหนื่อยขนาดไหน
พวกเขาเพียงแค่เอ่ยว่า ‘เฒ่าอมตะ’ อยู่มานานก็เท่านั้น.. จะมีใครสักกี่คนที่มองว่าเธอเป็นเธอ.. เธอพยายามมาตลอดหลายร้อยปี
อาจจะเป็นเพราะเธอหลงลืมเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของตนเองและคำสรรเสริญของผู้อื่นในฐานะผู้อมตะ..
อัตตาหรืออีโก้ของเธอจึงพุ่งสูงตามไปด้วย.. โดยหารู้ไม่ว่าผู้อมตะที่ผู้คนหมายถึงใช่คนที่ยอมรับในตัวเธอไม่..
แต่เพราะยอมรับในความแข็งแกร่งต่างหาก.. ใช่ โลกนี้มันเป็นแบบนั้นเสมอมา แม้แต่พระเจ้าที่ถูกนับถือเองก็เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของเขา
ทว่า.. บัดนี้.. โรซาเรียกำลังมองตรงมาที่เธอ.. มองมาด้วยสายตาที่ยอมรับและนับถือ มองมาที่เธอจริงๆ!
ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาของเธอมันถึงเอ่อล้นดวงตาเหมือนจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
“ข้า… ข้า…พยายามมาดีพอแล้วใช่ไหม”
“ข้าที่ไม่เคยถูกยอมรับในฐานะตัวเองจริงๆ.. สามารถได้รับการยอมรับว่าพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ ใช่ไหม”
โรซาเรียยื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว อาจจะเพราะท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนเด็กที่ต้องการการถูกยอมรับเท่านั้น
โรซาเรียได้แต่คิดในใจ..
“นั่นสินะ งานอดิเรกอย่างไล่ตามความสวยความงามของตนเองนี่คงมีแต่คนมองว่าประหลาดนั่นแหละ.. แต่ในฐานะผู้ที่ชอบตัวเองเหมือนกันและเข้าใจถึงการไล่ตามงานอดิเรกที่คนอื่นมองว่าไร้สาระ”
เมื่อคิดถึงจุดนี้โรซาเรียเองก็ตอบพร้อมลูบหัวเมอร์ลิน
“แน่นอน… ต่อให้ไม่มีใครยอมรับความพยายามของเธอ หรือไม่มีใครชมเธอ.. ฉันนี่แหละจะเป็นคนมอบของเหล่านั้นให้เธอเอง”
โรซาเรียกอดหัวเมอร์ลินที่ล้มเข้ามาซุกที่อกตนเองเพราะเมอร์ลินที่นั่งอยู่ก็สูงพอกับอกของโรซาเรีย
“พยายามได้ดีแล้ว”
ทันใดนั้นน้ำตาของเมอร์ลินก็หลั่งไหลออกมาทันที…
มิเกลที่มองภาพนี้อยู่ก็น้ำตาไหลตามกัน
“ท่านโรซาเรีย.. คือพระแม่จริงๆ… ช่างเป็นภาพที่ซาบซึ้งจริงๆ”
………..
[เป็นตอนที่ซึ้งจริงๆ — ใครสักคน]
MANGA DISCUSSION