บทที่ 14 – ความห่างชั้นที่แท้จริง
ในขณะที่โรซาเรียนั่งฟังคุณยายที่ตอนนี้แตกสาวด้วยความงงๆ เพราะทุกอย่างที่ฟังมาเธอไม่รู้เรื่องสักอย่างเลย.. พอคุณยายที่ตอนนี้แตกสาวพูดเสร็จ
นาฬิกาที่อยู่บนหัวก็เหมือนพุ่งมาทางเธอด้วยความเร็วที่ไวมาก.. แน่นอนว่าถึงจะถามว่าทำไมถึงเธอไม่หลบก็เถอะ
แต่ความเร็วระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่โรซาเรียจะสามารถตอบสนองได้ทัน วินาทีที่พุ่งแหวกอากาศเกิดเป็นฝุ่นควันพุ่งมาทางเธอนั้นเอง…
ใช่.. ในเสี้ยววินาทีที่มันพุ่งมาถึงตัวของโรซาเรียมันก็เป็นจังหวะที่เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดด้วยความกระวนกระวาย และฝุ่นที่ถูกพัดมาพร้อมก็ถูกซู้ดเข้าเต็มปอด
ผลลัพธ์คือ..
“ฮา.. ฮะ…ฮัดเช้ย!!”
เธอเผลอจามออกมาและเป็นวินาทีเดียวที่นาฬิกาพุ่งปะทะเข้ากับใบหน้าของโรซาเรียที่กำลังจามพอดีและ.. มันก็หายไปในวินาทีนั้น
ไม่สิแทนที่จะบอกหายไปในวินาทีที่จามต้องบอกว่ามันพุ่งมาถึงก็หายไปอะนะ วินาทีนั้นนั่นแหละที่ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า..
“วอททท”
แน่นอนว่าแม้แต่โรซาเรียเองก็เช่นกัน สำหรับเธอแล้วไอ้เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเป็นเวทมนตร์อะไรสักอย่างเหรอ แต่พอทำไมมาถึงตัวเองมันกลับหายไปซะดื้อๆ แบบนี้ล่ะ
ในขณะเดียวกันพอโรซาเรียหันไปเห็นคุณยายที่เริ่มเด็กลง เธอก็แทบเข่าทรุดอุทานในใจว่า
“คุณยายบ้านี่ทำไมสวยจังฟระ”
ภายใต้อาการมึนงงของคนทั้งสนามนั้นเอง.. มิเลนที่อยู่ในร่างมิเกลและได้ยินการประกาศชื่อของเฒ่าอมตะดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น
“เมอร์ลิน.. เรดแอร์… แม่มดแห่งทิศประจิม!”
พอเธอกล่าวเช่นนั้นทุกคนในสนามก็หันไปมองมิเกลด้วยสายตาเดียวกัน แม้นามของเมอร์ลิน เรดแอร์จะไม่เป็นที่ประจักษ์เท่าใดนัก
แต่นามของแม่มดแห่งทิศประจิม.. นั่นคือนามก้องผืนพิภพ!ในแดนมนุษย์แม่มดแห่งทิศประจิมเป็นเหมือนนามของตัวตนที่สูงยิ่งกว่าอะไร
ว่ากันว่าพลังเต็มที่ของเธอสามารถสังหารผู้กล้าได้พร้อมกันสามคน!นั่นไม่ได้แปลว่าผู้กล้าอ่อนแอ
ผู้กล้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะกวาดล้างอาณาจักรหนึ่งได้ด้วยตัวคนเดียว… หากเป็นผู้กล้าที่แข็งแกร่งจริงๆ นะ
แน่นอนว่าผู้กล้าที่เธอประมือด้วยไม่ใช่ระดับนั้นก็จริง แต่ถ้ามีกันสามคนก็คงกวาดล้างได้เช่นกัน แต่เธอสามารถจัดการพวกนั้นได้
เรื่องราวเล่าว่า ผู้กล้าทั้งสามต้องการหยิบยืมพลังลึกลับของแม่มดแห่งทิศประจิมในการจัดการกับจอมมารผู้มีพลังในการฟื้นฟูที่แกร่งสุด
แต่ทว่าแม่มดแห่งทิศประจิมนั้นไม่ยอมช่วยเลยเกิดการปะทะกันขึ้น… ผู้กล้าทั้งสามได้แตกพ่ายไป..
ตำนานยังมีต่อว่าจริงๆ แล้วแม่มดแห่งทิศประจิมมีฝาแฝดคนหนึ่งเป็นพี่ชายของเธอเองนามของเขาคือ ‘พ่อมดแห่งทิศประจิม’
ว่ากันว่าพ่อมดนั้นไม่เห็นด้วยกับการเมินเฉยของน้องสาวตนจนเกิดการทะเลาะกันสุดท้ายทั้งคู่ก็ต่อสู้กันสร้างความเดือดร้อนไปทั่วดินแดน
จากนั้นก็ได้ยินข่าวว่าแม่มดแห่งทิศประจิมแพ้พ่ายและหายตัวไปอย่างลึกลับ.. ถ้าลองเอาเรื่องราวมารวมกับเรื่องที่เฒ่าอมตะทำได้นั้น…
ทุกอย่างจะเหมาะเจาะกันพอดี!
บางทีที่เฒ่าอมตะตะลุยไปยังดินแดนต่างๆ เพื่อต่อสู้กับเผ่าอื่น ก็คงเป็นเพราะว่าต้องการหาวิธีเอาชนะพี่ชายฝาแฝดของตนเอง!
ภายใต้ความคิดเหล่านั้นที่อยู่ภายในหัวมิเกล ตัวของเฒ่าอมตะหรือเมอร์ลินนั้นต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
โรซาเรียมองมาที่เธอด้วยความประหลาดใจ และเหมือนยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพึ่งทำอะไรไป
แต่การที่เธอสามารถมองแบบนั้นได้หมายความว่าสำหรับเธอแล้ว.. ทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเมอร์ลินมันไร้ค่าสิ้นดี
ดวงตาของเมอร์ลินรู้สึกเหมือนกับความพยายามมาตลอดหลายร้อยปีถูกทำลายลงอย่างง่ายดายตรงหน้าราวกับเธอไม่อาจจะทำอะไรได้
บัดนี้สิ่งที่เธอมองเห็นตรงหน้าหาใช่เด็กที่ได้รับคำยกยอเกินจริง แต่เป็นความแข็งแกร่งที่สูงส่งยิ่งกว่าเธอหลายระดับ
เวทมนตร์ที่เธอใช้ถือเป็นเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ เป็นการโจมตีที่ไม่มีทางหลบได้ตราบใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของเธอ
แถมเป็นการโจมตีที่ไม่มีทางป้องกันได้หากไม่มีอายุขัยที่มากกว่าของเธอ.. ซึ่งพูดแบบนี้ก็หมายความว่าท่านี้มันตราบใดที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีอายุขัยมากกว่าสองร้อยปี
ทุกคนล้วนถูกเปลี่ยนเป็นคนแก่หรือลบหายไปได้ในทันที ซึ่งจำนวนเลขสองร้อยมันไม่ใช่น้อยๆ คนที่มีอายุมากกว่าสองร้อยขึ้นไปก็คงเก่งกว่าเมอร์ลินกันทุกคน
ดังนั้นท่าไม้ตายของเธอ.. ต่อให้เป็นพี่ชายฝาแฝดของเธอก็อาจจะบาดเจ็บหนักได้ หรืออีกแบบหนึ่งก็เป็นท่าที่เอาชนะได้ทุกคนตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์หรือปีศาจ!
เข่าเธอทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ภาพทุกอย่างตั้งแต่เจอกับโรซาเรียหวนย้อนคืนกลับมา.. เธอเข้าใจแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นท่าทางที่อีกฝ่ายตกใจ ถอยหลังไปหลายก้าว.. หรือเป็นท่าทางที่อีกฝ่ายพยายามปฏิเสธ หรือแม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายหยิบฟันปลอมให้
มันก็เพื่อที่จะไม่ให้เธอสู้กับตนเอง.. เพราะเธอตะโกนด่าว่าอีกฝ่ายใช้คำพูดล้อเลียนประมาณว่า “ฉันหมายถึงฉันไม่ไหว” คำพูดคำนั้นเธอจงใจจะไม่สู้ด้วย
แต่เพราะเมอร์ลินโกรธ.. อีกฝ่าย.. โรซาเรียกลัวเธอจะเสียหน้าเลยใช้วิธีอ้อมค้อมแบบนั้นแทน แต่เธอกลับเต็มไปด้วยอคติ
ใช่แล้ว.. ถ้าจะให้พูด.. มันคืออีโก้ของตัวเธอเองที่อยู่มานานกว่า เธอคิดเองไปแล้วว่าตนเองต้องเหนือกว่า
ใดๆ คือความอิจฉา.. คนคนนี้
โรซาเรียคนนี้..เธอคือคนที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แม้แต่ตอนนี้ ตอนที่กำราบเวทมนตร์ของตัวเธอเองลง
โรซาเรียยังไม่ดูถูกหรือพูดกระแทกแดกดันสำหรับความยะโสของเธอ แต่ยังแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้แต่การสลายเวทด้วยการจามเมื่อกี้ในมุมมองคนอื่นที่อยู่บนสนามคงไม่เห็น แต่เมอร์ลินเห็นกับตาที่พอเธอจามเวทมนตร์ก็ไม่มีผลกับเธอ..
คำตอบมีเพียงอย่างเดียวด้วยการจามนั้นเธอใช้พลังลึกลับออกมา.. ใช่ ไม่ใช้พลังเวทเพราะกลัวคนจะสังเกตว่าจามของเธอแข็งแกร่งขนาดไหน..
บางทีที่จามก็คงเพราะเป็นวิธีเดียวที่จะหลบสายตาคนที่มองอยู่ทั่วทุกมุม และไม่ให้เมอร์ลินเสียหน้าเธอถึงแสร้งว่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเข้าไปด้วย
ราวกับจะบอกว่า.. เวทมนตร์ที่เมอร์ลินพึ่งใช้ไปมันไม่เคยมีแต่แรก.. หากเป็นเธอตอนก่อนหน้านี้ เธอคงคิดว่านี่คือการดูถูก
แต่ถ้าหากคิดว่าเป็นโรซาเรียคนนี้ บางทีเธอคงพยายามทำให้เหมือนกับว่าเวทมนตร์เมื่อกี้ไม่เคยถูกใช้..และเธอก็ไม่ได้ทำอะไร มันเป็นวิธีแสดงความต่างชั้นและความเห็นใจที่บอกอ้อมๆ ว่า
“เธอไม่ได้ใช้เวทมนตร์ใส่ฉัน และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรแต่แรก พวกเราแค่ยืนมองหน้ากันเฉยๆ”
ราวกับว่านั่นคือสิ่งที่เธอบอก… ไม่สิ เธอแสดงออกมาเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไร เวทมนตร์ก็ไม่มีจริง…
ไม่สิ พอเมอร์ลินนึกดีๆ แล้ว.. โรซาเรียก็ทำท่าทางเหมือนมองไม่เห็นวงเวทแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ! กล่าวคือตั้งแต่แรกเธอคนนี้ไม่มีเจตนาร้ายแม้เมอร์ลินจะหยาบคายใส่ขนาดไหนก็ตาม!
ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติหรือความแข็งแกร่ง..
โรซาเรียก็มีดีและสุดยอดกว่าเธออย่างเทียบไม่ติด ราวกับสวรรค์กับนรก ราวกับท้องฟ้าหรือใต้ดิน.. เธอต่ำตมยิ่งกว่าโคลนหากเทียบกับความสูงศักดิ์โรซาเรียที่แข็งแกร่งและอ่อนโยน
เธอก้มหน้าลงพร้อมกับพูดขึ้น
“ขอยอมแพ้.. ข้าแพ้หมดรูปแล้ว”
“ห้ะ..?”
โรซาเรียอุทานออกมาด้วยความงุนงง เหมือนอยากจะบอกว่าสรุปนี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ จู่ๆ ตัวเองก็โต จู่ๆ อีกฝ่ายก็ยอมแพ้
อิหยังวะเนี่ย… ในขณะที่โรซาเรียกำลังงุนงงอยู่นั้น เมอร์ลินก็พูดต่อ
“ข้า… ตลอดมาข้าเคยคิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครเทียบข้าได้.. ข้าพยายามจนสามารถเป็นในสิ่งที่ตัวเองหวังได้แล้ว”
“ทว่าสิ่งนั้นกลับมาพร้อมความหยิ่งยโสจนทำให้ข้าหลงระเริงไปกับอำนาจอันน้อยนิดของตนเอง เพราะคิดว่าตนเองสามารถไปถึงจุดสูงสุดของการตามสิ่งที่ต้องการ”
“แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว.. ข้าก็รู้สึกว่าตนเองไม่ต่างจากคนธรรมดา เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า.. ที่เป็นเหมือนจุดสูงสุดของทุกอย่าง”
“หึๆ น่าตลกดีใช่ไหมล่ะ ทุ่มเททุกอย่างตลอดเวลาทั้งชีวิตแล้วก็คิดว่าตนเองวิเศษที่สุด ไล่ตามความต้องการอันต่ำเตี้ย สุดท้ายก็ไร้ค่าไร้ความหมาย”
พอมองไปที่โรซาเรีย.. บัดนี้เธอรู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้านี้สูงส่งกว่าตนหลายเท่านัก เมื่อความหยิ่งยโสถูกทำลายลง
ความโอหังก็มลายหายไป เมื่อเผชิญหน้ากับความเหนือกว่าอย่างท่วมท้น ความโอหังกับพลังอันน้อยนิดมันส่งผลทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ..
กล่าวคือ.. เธอในตอนนี้กำลังด้อยค่าตนเองอย่างมาก แม้แต่เธอดูก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตนเองพูดมันไม่จริง
เธอนั้นมีสิ่งที่คนอื่นไม่มีมากมาย.. แต่ทว่าเธอในตอนนี้ไม่สามารถตระหนักถึงสิ่งนั้น…
ในตอนนั้นเอง โรซาเรียก็เดินมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“อย่าด้อยค่าตัวเองแบบนั้นสิ”
……..
[หายหลายวันเพราะงานรัดตัว เดี๋ยวดึกๆ อาจมีให้อีกตอน ไม่ก็โดดข้ามไปรอวันอาทิตย์หยุด อาจมีให้สักสองถึงสามตอน ถ้าไม่อืดนะ — ผู้เขียน]
MANGA DISCUSSION