***………………..***
ระหว่างเดินเข้าสนามนั้นเองเขาก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นิดหน่อย
ถ้าหากหญิงคนนั้นคือยายของเขาจริง ถ้าอย่างนั้นแม่ของเขาและตัวของเขาเองก็นับว่ามีเชื้อสายมังกรโบราณน่ะสิ?
อารมณ์ขึ้นลงอย่างกับโรลเลอร์โคสเตอร์แบบไม่มีหยุดพัก ตลอดที่ใช้ชีวิตมามากกว่า 30 ปีนี้ วันนี้เป็นวันที่น่าตกใจที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอเลย
ไม่นานก็ถึงด้านในสนามลานดินกว้างใหญ่กว่าสี่สนามฟุตบอลต่อกัน ครอบด้วยโดมกระจกโค้งมนดูสวยงามอย่างสมมาตร
มองขึ้นไปบนอัฒจรรย์ชั้น VIP ก็เห็นคุณยายที่ยิ้มระรื่นโบกมือให้ ณ ที่นั่งใกล้สนามใกล้ชิดกับผู้คน แม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนกล้านั่งข้างนางเพราะเกรงๆ ในปีกสีทองอันใหญ่โตก็ตามที
เขาโบกมือกลับรับกำลังใจ ก่อนที่จะมองไปรอบๆ เห็นผู้เข้าสอบร่วมร้อยกว่าชีวิต
รายละเอียดของการสอบถูกอธิบายอีกครั้งในช่วงก่อนสอบผ่านการประกาศโดยผู้คุม โดยคร่าวๆ จะเป็นการทดสอบเวทย์ ก็ไม่แปลกเพราะนี่เป็นการทดสอบที่ถูกจัดขึ้นโดยกระทรวงเวทมนตร์
ในรอบแรกจะเป็นการทดสอบการควบคุมโดยยิงเป้าที่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร ไม่มีอะไรยากง่ายจนเกินไปสำหรับผู้ทดสอบ จึงไม่มีอะไรต้องห่วงมากนัก
รอบที่สองนี่ถึงจะเป็นการทสอบจริงๆ ที่เปรียบเสมือนไฮไลท์ของทุกปีที่ได้จัดขึ้น ผู้ชมจะเข้ามาชมรอบนี้กันมากที่สุดแล้ว แต่ก็นับได้ว่าเป็นรอบที่อันตรายที่สุดเลยทีเดียว ราว 10% ของผู้เข้าสอบในทุกปีได้เสียชีวิตลงที่นี่
หากจะให้อธิบายอย่างละเอียดก็คงจะเป็นเรื่องสัตว์เวทย์ที่จับมา โดยส่วนใหญ่เกือบทุกปีจะเป็นแรบบิทฮอร์น ถึงจะมีการตรวจสอบมาบ้างแล้วแต่ก็อาจจะหลุดการตรวจสอบได้ เพราะบางตัวก็ได้วิวัฒนาการจนสามารถใช้เวทย์ลมขั้นต่ำใส่ผู้เข้ารับการทดสอบได้
และเพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้ผู้เข้าทดสอบบางคนเป็นอันตรายจนเคยเกิดโศกนาฏกรรมมาแล้วในอดีต
โดยทางผู้คุมที่ประกาศอยู่ก็ได้พูดถึงแนวทางหลังผ่านและไม่ผ่านการทดสอบเอาไว้สั้นๆ
ผู้ที่ไม่ผ่านก็จะแนะนำให้กลับไปทบทวนบทเรียนและฝึกซ้อมให้มากก่อนจะเข้ารับการทดสอบอีกครั้งในปีถัดไป
ส่วนผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบนี้ได้จะได้รับบัตรประจำตัวนักเวทย์ในขั้นแรกเพื่อนำไปใช้ตามอัธยาศัยตามความสามารถของบัตรนั้นๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อตนและอาณาจักรต่อไป
ปิดท้ายด้วยวิธีการเลื่อนขั้น เรื่องการตัดสินการพัฒนาบัตรของตนจะเป็นหลายปัจจัย ชื่อเสียง,เควสต์,พลัง บลาๆ
“เอาล่ะครับท่านผู้ชม หยุดฟังเรื่องน่าเบื่อแล้วรับชมสิ่งน่าตื่นตากันดีกว่านะครับ!”
แล้วผู้ประกาศอีกคนก็กล่าวตัดจบการอธิบายและนำเข้าสู่การทดสอบเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่กำหนดแล้ว
“ณ เวลานี้ กระผมผู้บรรยายหลักจะนำทุกท่านเข้าสู่การทดสอบประจำปีมันเชน 870 ครับผม!”
พอชายที่บอกว่าตนคือผู้บรรยายคนหลักจากน้ำเสียงที่ดูมั่นใจและมีีชีวิตชีวากว่าคนก่อนได้กล่าวเปิดพิธี ชายแก่คนนั้นก็เดินไปด้านหน้า หยิบไม้กายสิทธิ์ประจำตนที่มองไกลๆ ก็ยังเห็นถึงความสวยงามระยิบระยับขึ้นตา
ก่อนที่จะยิงเวทย์อะไรบางอย่างออกไปให้ปะทุเป็นดอกไม้ไฟเปิดงาน
พร้อมด้วยกับคนอื่นๆ ที่ก็ทำตามชายคนนั้นตามกันจนคล้ายเป็นเทศกาลพลุขนาดย่อมเลยทีเดียว
แล้วการทดสอบที่คล้ายจะเป็นงานเทศกาลก็กำลังจะเริ่มขึ้น เหล่าผู้คุมสอบทั้งหลายได้นำเป้ากลมลายทางแดงขาวสลับทับกัน 5 ชั้นตามระเบียบ
วางเรียงรายกันยาวจนเกือบสุดของทั้งสองฝั่งสนาม ผู้ทดสอบลำดับที่ 1-40 เดินออกไปตั้งแถวตามเป้าของตน กฏง่ายๆ อย่างเข้าเป้าเท่ากับได้คะแนน ยิ่งกลางยิ่งคะแนนมาก
ส่วนสเตฟานีอยู่เลข 261 เกือบท้ายเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่นั่งกอดเข่ารอถึงตาของเขาอยู่ข้างสนามบริเวณที่เจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้ให้
เขาสังเกตได้หลายสิ่งถึงความแตกต่างระหว่างผู้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้เพราะเขาฝึกเพียงกับคุณยายของเขา จึงไม่รู้สเกลพลังจริงๆ ที่คนทั่วไปมีกัน
สื่อเวทย์แต่ละคนแตกต่างกันไปตามความถนัด แต่ก็ไม่พ้นคทา,ไม้กายสิทธิ์,หนังสือ ที่แปลกหน่อยอาจจะเป็นดาบที่เห็นบ้างบางคน ส่วนแปลกสุดในรอบแรกที่เขาเห็นก็คงเป็นก้อนหินธรรมดา
ส่วนพลังนั้นก็เข้าขั้นวิกฤตในความคิดของเขา คนส่วนใหญ่ไม่แม้แต่จะยิงถึงเป้าที่ไกลออกไป 50 เมตรโดยที่เวทย์จะหายไปกลางทางเสียก่อน ก็มีบางส่วนที่ยิงถึงแต่ก็มักจะเลยออกเป้ากัน ส่วนน้อยมากที่จะยิงเข้าเป้ากันจริงจัง
หากยิงไม่ถึงก็มีการอนุโลมแม้จะจำเป็นต้องหักคะแนนอย่างการขยับเป้า โดยคะแนนที่หักไปจะคิดตามสัดส่วนของผู้ที่ขอสิทธิ์นี้ภายหลังมาเป็นปัจจัยด้วย
…
“นี่ๆ ดูเด็กคนนั้นสิ น่ารักเนอะว่าไหมลินดอล?”
“…อื้ม จะว่าไปนางก็คล้ายๆ ท่านคนนั้นอยู่นะ?”
“ย-อย่าเสียงดังซี่.. เดี๋ยวนางก็รู้หรอก…”
หารู้ไม่เสียงกระซิบของหญิงสองคนดังมาเข้าหูสเตฟานีอย่างไม่ตั้งใจ
พอเบื่อก็พยายามหาอะไรฟังไปเรื่อยเปื่อยจากความสามารถที่มีติดตัว แต่พอได้ยินแบบนี้แล้วจะหันไปมองก็อะไรอยู่ เพราะนางทั้งสองอยู่ห่างไปเฉียดครึ่งสนาม
แต่เขาก็ยังคงแอบหันไปทางพวกเขาหน่อยแบบไม่ทันให้รู้ตัว มองๆ ไปก็พบกับสาวผมบลอนด์สองคนดูท่าจะเป็นพี่น้องกัน คนหนึ่งใส่แว่นผมยาวตรงท่าทางดูเขินอายเรียบร้อย อีกคนดูทรงผมสวยงามน่ารักนิสัยขี้เล่นเป็นกันเอง ดูแกลสุดๆ
นางทั้งสองมองดูสเตฟานีไม่ห่างตาตลอด พลางกระซิบจุ๊กจิ๊กประสาหญิงสาว
เขาทนไม่ไหวกับเสียงเหล่านั้นที่แม้จะพยายามไม่สนใจแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะจะปิดการรับรู้ที่แสนวิเศษนี้ยังไงล่ะ?
เขาเดินเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นแต่ก็พยายามแสดงว่าเข้ามาทำความรู้จัก
“สวัสดีค่ะ”
“อ-อื้ม สวัสดีจ้ะ เฮ้..นี่เธอคนนั้นเขามาหาเนี่ย!”
ไม่ทันตั้งตัวจากที่พวกนางหลุดสายตาไปสนใจสิ่งอื่น สเตฟานีใช้จังหวะนั้นเข้าหาทำความรู้จัก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอยากจัดการกับเสียงซุบซิบของพวกนางที่เขาไม่อาจเอาออกไปจากหัวได้ แม้ว่าจะมีเพียงสาวแกลคนนั้นพูดอยู่คนเดียว
แม้ว่าเขาจะดูแปลกแยก เพื่อนน้อย ไม่เข้าสังคมในชาติที่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงใบหน้าค่าตาของเขาที่ชายยังกลัว มีเพียงรอสที่อยู่กับเขาได้ แต่เขาก็อยากที่จะหาเพื่อนได้ ก็นับว่าเป็นคนเหงาจนต้องไปพึ่งพลังแห่งเครื่องจักรตัวต่อเหล่านั้นเป็นของสะสม
“มีอะไรเหรอคะ?”
สาวแว่นนั้นไม่ได้ตกใจถึงการปรากฏตัวของเขาสักเท่าไหร่ นางมองด้วยสายตาสงสัยพร้อมสังเกตไปทั่วร่างของเขาจนเริ่มที่จะเขินอายมาเล็กน้อย
“ก-ก็แค่-”
“นี่เราเป็นมังกรใช่ไหมล่ะ?”
“เอ๋!?? จริงดิ?”
สาวแว่นจู่ๆ ก็พูดออกมาจนเขาไม่ทันตั้งตัว ก็คิดว่าซ่อนได้ดีมากแล้วนะ?
“ทั้งหมวกใบใหญ่ตกยุคนั่น ทั้งผ้าคลุมใหญ่ทับตัวนั่น หากมีการศึกษาเสียหน่อยก็คงจะรู้ว่าเธอมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนไว้ใต้ร่มผ้าเหล่านั้นอยู่แล้วล่ะ”
‘ก-ก็จริงอย่างที่เธอพูด’
“จริงดิ!?”
สาวแกลถามคำเดิมก่อนที่จะเข้ามาจับไปทั่วตัวของเขาเพื่อพิสูจน์ ก่อนจะเลื่อนมือไปถึงหมวกของเขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรแข็งๆ
เขาคู่นั้นซึ่งซ่อนอยู่ใต้หมวกใบใหญ่ได้ถูกเปิดเผยออกมา หางต้นใหญ่ที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุมก็ถูกดึงขึ้นไว้จนเห็นเกล็ดสีเขียวเข้มมันวาวชัด
แต่ก็หาใครจะสนใจไม่นอกจากสองสาวที่อยู่หน้าเขาตอนนี้
“ว้ายย!! น่าร้ากกอ่ะะ!!”
“แม้จะดูร่างเด็กวัยน้อย แต่ความจริงแล้วนางก็อายุพอๆ กับพวกเรานี่แหละค่ะแลนเดล ระวังมารยาทด้วยค่ะ”
“จ้าา แม่ลินดอลคนเก่ง..”
“ฉันชื่อว่าแลนเดลนะ ส่วนคนนี้เป็นคนน้องนามลินดอล”
สาวๆ ทั้งสองคนมีนามกันว่า แลนเดลสาวแกล และลินดอลสาวเรียบร้อย
“อ๊ะ- ลืมแนะนำตัวไปสินะคะ ฉันมีชื่อว่า สเตฟานีค่ะ สเตฟานี รอส”
““ว่าแล้วเชียว!!””
แลนเดลไม่เท่าไหร่ แต่จู่ๆ ลินดอลก็พูดพร้อมกับพี่ของนางราวกับทั้งสองคนคาดเดาอะไรบางอย่างแล้วมันถูกเผง
พอสเตฟานีถามออกไป ทั้งสองก็อืมอาคล้ายจะพยายามเบี่ยงอธิบายคำตอบที่พวกนางได้ไปโดยบังเอิญ แต่สุดท้ายทั้งสองคนก็อธิบายสั้นๆ
“ไม่รู้ว่าสเตฟจะรู้รึยังนะ แต่มังกรในอาณาจักรมันเชนน่ะมีเพียงแค่ 3 ตนเท่านั้นที่ได้เหลือรอดมาหลังการกวาดล้างมารครั้งใหญ่”
“สามนั้นคือตระกูล จี. ดรากูนซึ่งเป็นตระกูลของสเตฟเองแหละนะ”
แล้วลินดอลก็เข้ามาอธิบายเชิงทางการต่อ
“พวกเราทราบได้แม้คุณจะไม่ได้ใส่ชื่อกลางเข้าไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตามจากนามสกุล…”
“นามสกุล รอส เรียกกันว่าผู้กล้าคนที่ 7 แห่งแผ่นดินนี้”
“เอ๊ะ?”
สเตฟานีที่ในตอนเช้าก็ปวดหัวกับมังกรมามากพอแล้ว ทั้งตอนนี้ยังต้องมาคิดถึงเรื่องผู้กล้าอะไรนั่นอีกเหรอ?
เขากุมขมับพยายามยุบหนอพองหนอคุมสติของตนให้อยู่กับตนจากความจริงอันสำคัญที่รู้ภายในวันเดียวกัน และยังเป็นเวลาก่อนสอบเพียงไม่กี่นาทีนี้อีกด้วย
“อ- เอาเป็นว่าพวกเรามาตั้งใจทดสอบกันเถอะนะคะ”
ลินดอลเห็นอาการของเขาที่แปลกไปอย่างชัดเจนจึงตัดบทความคิดฟุ้งเฟ้อของเขา และเข้าการทดสอบจากลำดับที่พวกนางอยู่ประมาณร้อยนิดๆ
สเตฟานีได้แต่โบกมือเบาๆ เป็นสัญญาณอันดีให้ทั้งสองคน แม้ทั้งสองจะทำใบหน้ารู้สึกผิดที่เหมือนเข้าไปขัดสมาธิของเขาอยู่กลายๆ บ้าง
แล้วสเตฟานีก็ได้มานั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมคอยสังเกตต่อไป
ลินดอลนั้นใช้สมุดเวทย์เป็นสื่อ ค่อยๆ เปิดทีละหน้าคล้ายเป็นโพยคอยดูคำเรียกขาน นางดูถนัดลมเป็นพิเศษเพราะจากการที่ควบคุมให้มันออกไปอย่างแม่นยำและไกลจนถูกเป้าระยะนั้นได้
ส่วนของแลนเดลเองก็ใช่เล่น นางใช้ใบไม้ที่เสียบอยู่ข้างกกหูของนางเป็นสื่อ ใบสีน้ำตาลดูแล้วแข็งเรียวยาวเป็นเกลียวได้ชีี้ออกไปยังเป้าหมายก่อนจะมีก้อนน้ำพุ่งเข้าใส่แม่นยำไม่แพ้ลินดอล
‘นี่คงจะเป็นมาตรฐานระดับสูงมากเลยสินะเนี่ย..’
เพราะตั้งแต่สังเกตมายังไม่เห็นมีใครจะยิงตรงกลางเป้าได้แม่นยำครบหมดทั้ง 10 นัดได้ขนาดนั้น
จนผู้เข้าทดสอบหลายคนที่อยู่รอบเดียวกันต้องมองกันเป็นตาค้าง
จนพิธีกรได้บรรยายออกมาว่าเจอดาวรุ่งแห่งวงการ
จน… สเตฟานีปรบมือให้เบาๆ ข้างสนาม…
***………………..***
เป็นยังไงกันบ้างครับกับนิยาย
คอมเม้นต์ติชมกันมาได้นะ ไรท์อยากพัฒนาฝีมือจริงๆ ละ เพราะถ้าเขียนไม่ดีมันก็อาจจะกระทบงานงานเขียนในมหาลัยของไรท์ได้
เอาจริงก็ใช้ที่นี่เป็นเหมือนที่ฝึกการเขียนนัยๆ น่ะแหละนะ 555
MANGA DISCUSSION