***………………..***
หญิงสาวตัวสูงใหญ่นอนกอดตุ๊กตาหมีราวกับเด็กน้อยคนหนึ่งทำให้แกมมอนเอ็นดูและรู้สึกแย่กับตัวเอง
เขารู้สึกทำพลาดไปตั้งแต่ต้น แม้มันจะเป็นบาดแผลในใจหากมองเข้าไปนัยน์ตาของนาง แต่นางเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ซ้ำนั้นนางพุ่งเข้ามาช่วยเขาก่อนเป็นอย่างแรกแทนที่จะหนีไปหรือไม่สนใจ
แกมมอนนั่งมองไปที่ผ้าคาดกำมะหยี่สีดำนั่น คิดทบทวนถึงเรื่องที่เขาได้มอบความมืดให้นางแต่ยังเล็ก
เขาเอื้อมมือค่อยถอดผ้านั่นด้วยความเบามือหวังจะให้นางกลับมามองเห็นอีกครั้ง
แต่ก็ไม่เป็นไปตามคิด
ผ้ากำมะหยี่หลุดออกเผยให้เห็นนัยน์ตาที่เปิดให้เห็นอยู่ตลอดเวลานั่นแม้จะเป็นช่วงนิทราของนาง
ทว่าภายนัยน์ตานั้นเป็นสีขาวโพลนทั้งดวง
เธอนั้นบอดไปแล้วจริงๆ
“ข ข้าขอโทษ…”
หมดคำที่จะออกมาจากความคิด ความรู้สึกผิดเข้าครอบงำ ความทรงจำแย่ๆ ที่กระทำต่อนางมันย้อนกลับมา
มันหนักหนาเสียยิ่งกว่ากับเจ้าผู้กล้าคนนั้นเสียอีก
แกมมอนนั่งอยู่ข้างเตียงพึมพำกับตนเองในยามดึกนั้นคนเดียวขณะฝ่ายที่ถูกกล่าวถึงหลับสนิท
จนเช้า
“ฮ้าว~”
“ทำไมตาเราถึงไม่มีอะไรปิดล่ะ?”
“…”
“ท่านพ่อ? พ่อคะ? ท ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้?”
มือควานหาของสำคัญไปทั่วก่อนจะสัมผัสไปถูกร่างหนึ่งซึ่งฟุบอยู่ข้้างนางบนเตียงนั้น
ไม่ได้รับคำตอบใดๆ แต่ก็ทราบได้จากเขาที่งอกยาวออกมาโดดๆ นั้น นางพอจะรู้ได้ว่าเป็นใคร
ลุกออกจากเตียงเป็นปกติ อุ้มแกมมอนขึ้นนอนแทน ก่อนจะจัดผ้าให้ห่มร่างนั้นอย่างเรียบร้อย
จะยังไงเขาก็เป็นผู้ให้กำเนิดเรา-
ปึก ปึก ปึก-
เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าบ้าน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงอันคุ้นเคย
“มิลาด้าเองจ่ะ”
“ค่าา! สักครู่นะคะ- อ๊ะ”
“ก เกือบไปแล้ว” สะดุดบันไดเล็กน้อย
ในที่สุดมิลาด้าก็กลับมาถึงบ้านหลังจากผ่านไปเป็นอาทิตย์ คงเดินทางไกลพอสมควรสิน่า
ในที่สุดก็ถึงบ้านเราสักที!
ว ว่าแต่หญิงตัวสูงคนนี้ใครน่ะ?
สเตฟที่เดินทางมานานด้วยการใช้ปีกคู่นั้นได้โล่งใจเมื่อเท้าเหยียบลงดินบ้านเกิด
พอเคาะประตูก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคย เด็กสาวที่ไหนมาอยู่บ้านเราระหว่างที่ไม่อยู่กัน?
หญิงสาวคนนั้นเปิดประตูต้อนรับเรายาย-หลานเข้าบ้านหน้าตาเฉย ซึ่งคุณยายก็ดูจะรู้จักนางเป็นอย่างดีด้วย
แต่ดูเหมือนนางจะไม่รู้ถึงตัวตนของสเตฟเลยแม้แต่น้อยจากการที่ไม่ทักไม่ท้วงอะไรเลย
นัยน์ตาสีขาวโพลนราวผี ร่างกายสูงลิ่วราวชาย และเขาเดี่ยวสั้นนั้น เป็นตัวตนที่มีเอกลักษณ์อย่างมากในสายตาสเตฟ
“ขออนุญาตินะค้า…” สเตฟเดินก้มโค้งตัวหลบหญิงสาวคนนั้นที่ยืนต้อนรับอยู่ริมประตูหน้า
ล แล้วทำไมเราต้องขออนุญาติเข้าบ้านเราล่ะ?
“เอ๊ะ ท่านมิลาด้านำใครมาด้วยงั้นเหรอคะ?”
“หลานเราเองแหละ สนิทกับนางด้วยนะ”
“ท่านหลานคนที่ท่านพ่อ… ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่ทำให้เรื่องวุ่นวาย…”
“ย อย่าถือโทษโกรธท่านพ่อเขาเลยนะคะ ท่านแค่ทำตามหน้าที่จอมทัพ”
คำพูดที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่างจากรูปร่างภายนอก กล่าวขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่ากับเจ้าของร่างซึ่งอยู่ภายในแผน
“อ อื้อ- เข้าใจแล้วล่ะ”
แล้วจึงจับไปที่มือซึ่งกุมไว้ตรงอกนางนั้นเป็นสัญญาณ
ดูแล้วนัยน์ตาเช่นนั้นนางคงจะตาบอดจริงๆ แต่น่าแปลกที่นางดูเป็นคนปกติอย่างมาก
เป็นไปได้ไหมที่อาจเป็นเพียงความบังเอิญ หรือไม่ก็ใช้วิธีอะไรบางอย่างในการมองเห็น
ไม่มีใครรู้
คุณยายเล่าถึงเรื่องราวทั้งหลายที่ประสบมาก่อนจะพบเจอสเตฟ
ทั้งเรื่องตัวปลอมไปจนถึงการต่อสู้และจบด้วยการช่วยเหลือพ่อลูกของทั้งสองนี้
สเตฟสงสัยถึงตัวตนมารปีศาจที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน เขาคิดไปเรื่อย บางทีอาจจะเป็นตัวสรุปข้อพิพาทระหว่างสองฝั่ง
ใครจะรู้อาจจะเป็นจริง
เขาขึ้นไปแง้มประตูเปิดออกดูห้องที่ว่ากันว่ามีหนึ่งในจอมทัพของมารอยู่ภายในนั้น
ปรากฏร่างของหนุ่มน้อยหน้าหวานคนหนึ่งนอนหลับด้วยใบหน้าและร่างกายเกร็งตรึงพลางพึมพำอะไรบางอย่าง
“ข้าขอโทษๆๆๆ”
ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นไม่รู้หยุด
สเตฟเอื้อมมือไปจับมือซ้ายของเขาก่อนที่อาการเหล่านั้นจะค่อยๆ สงบลง
แล้วเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความสงบ
“ท่านพ่อเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ก ก็ปกติดีแหละนะ”
“เอาล่ะสาวๆ หยุดเรื่องเครียดแล้วมาทานอาหารเช้ากันดีกว่า-”
“อ๊ะ- ฉันเตรียมเอาไว้เผื่อท่านมิลาด้าไว้แล้วค่ะ แน่นอนว่าท่านหลานด้วยนะคะ”
อาหารเช้าถูกเตรียมอย่างดิบดีหากเทียบจากหลายที่
กับอันหลากหลายที่นำพืชท้องถิ่นมาปรุงอย่างพิถีพิถัน เป็นมุมมองที่ชวนอยากอาหารแม้จะเพิ่งเดินทางมาถึง
ผู้ประกอบอาหารยืนรอคำตอบอยู่ข้างๆ
“อ อร่อยย!”
ไม่ทันจะได้คิดทันทีที่อาหารเข้าปากก็สบถออกมาแทบจะทันที
“ฝีมือเธอพัฒนาขึ้นมากเลยนะ…”
“ข ขอบพระคุณมากค่ะท่านมิลาด้า”
“ฉันคิดว่าหากท่านพ่อทานแต่ของอย่างเดียวทุกวันไปจะเบื่อ”
“จึงลองคิดค้นอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาน่ะค่ะ”
“ยืนรออะไรล่ะ? มาทานด้วยกันนี่สิ-” ก่อนมิลาด้าจะเอ่ยปากชวนให้นางเข้ามาร่วมวงนี้
“เอ้อ แล้วผ้ากำมะหยี่คาดตาเธอหายไปไหนซะแล้วล่ะ?”
“น หนู….”
“หนูก็ไม่ทราบค่ะ อย่างที่ท่านมิลาด้าเห็นว่าหนูตาบอดจึงหาไม่เจอค่ะ”
“อาจจะตกอยู่ในห้องนอนก็ได้…”
อาหารเช้าดำเนินไปได้ด้วยดีจนจบ
หญิงสาวทั้งสามคนยกจานช่วยกันล้างบริเวณหน้าบ้าน พูดคุยกันตามประสาสาวแม้สเตฟจะได้เพียงนั่งฟังอีกสองคนพูดกัน
งานบ้านงานเรือนไม่เคยขาดราวกับเป็นนิสัยใหม่ของสาวร่างใหญ่นั้น
เพราะบ้านปูด้วยพื้นไม้แบบนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมจากความที่ไม่มีเวลาดูแล จึงต้องประดิษฐ์ของขึ้นมาเองอย่าง
หวายมัดรวบใช้กวาด ผ้าขี้ริ้วใช้เช็ดถูทั่วไป
อย่างกับแม่บ้านเลยแฮะ
จะว่าเหมือนเมดไหมก็ไม่เชิง แต่ก็ดูแลดีซะจนไปสมัครเมดที่ไหนก็คงจะรับหากได้เห็นความสามารถ
ทั้งฝีมืออาหารที่ยอดเยี่ยม ทั้งงานบ้านงานเรือนที่เพอร์เฟค เปรียบเสมือนศรีภรรยาที่สุดยอดในสายตาของสเตฟ
น่าเสียดายที่ไม่เป็นความจริงในยุคที่ชนชั้นยังปกครอง ยุคที่ทหารยังเรืองรอง ยุคที่มารยังคงรุ่งโรจน์…
เพศหญิงไม่ใช่ตัวตนอะไรที่มากไปกว่าบุคคลผู้ให้กำเนิดทายาทแก่ตระกูลชั้นสูง
อาจจะมีให้เห็นบ้างในบางที่ซึ่งหญิงเป็นฝ่ายนำตระกูล แต่ก็น้อยจนนับนิ้วได้หากเทียบกันแล้ว
ดังนั้นเพศหญิงในอุดมคติโดยขุนนางมักจะเป็นผู้ซึ่งอุดมด้วยมารยาทอันดี และมารยาอันโฉบเฉี่ยวเพื่อรักษาชื่อเสียงตระกูล
เป็นเช่นนั้นไปได้…
“ไพโอเนียร์นี่สุดยอดไปเลยนะ”
แม้จะเบาหวิวแต่ก็เข้าหูผู้ที่ถูกกล่าวถึง
ไพโอเนียร์เพิ่งจะถูกชมอย่างนั้นตรงๆ ครั้งแรก นางจึงทำตัวไม่ถูกยุกยิกไปมาไม่อยู่นิ่งแม้จะไม่มีอะไรให้ทำในบ้านแล้ว
หันหน้าแดงนั้นหนีจากต้นตอเสียงหลบสายตา
“อืออ…”
“น่าอายจังเลยค่ะ-”
***………………..***
Fun Fact : สเตฟมีนิสัยปากพล่อยไม่ค่อยคิดอะไรก่อนเอ่ยออกมา
ในส่วนของเนื้อเรื่องตอนสเตฟเดินทางกลับไว้จะเล่าทีหลังนะ
MANGA DISCUSSION