ปล. ตอนนี้อาจจะงงกันบ้างเพราะสลับมุมมองตัวละคร เป็นไรท์ทดลองอะไรนิดหน่อย
***………………..***
-ฮ้าา
“ยังไงชาร้อนก็เหมาะกับอากาศแบบนี้ว่าไหมคะ?”
ก็ไม่รู้นะว่าทำไมลินดอลคิดจะทำอะไร แต่ในตอนนี้รู้สึกมีความสุขสุดๆ ไปเลย
สเตฟดื่มด่ำน้ำชาอุ่นๆ นั้นด้วยความสุข ใครบ้างจะไม่รู้สึกดีที่มีคนคอยเอาอกเอาใจล่ะ
ท ทำไมเราต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยล่ะ?
ไม่เห็นจะมีเหตุผลเหมือนทุกครั้งที่จะทำอะไรเลย
อยู่ใกล้ๆ ก็ใจเต้น อยู่ห่างๆ ก้เป็นห่วง
ราวกับสาวน้อยมีความรัก แม้จะเป็นความจริงแต่สาวน้อยวัยแตกหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนั้นเลย
เพียงมองตัวของเขา ก็รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นมาแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้แม้แต่ลินดอลเองก็ตาม
แลนเดลเห็นว่าหลังกลับมาจากเล่นแต่งตัวเอาจนสเตฟหมดแรง
นางก็เข้าไปยุ่งในครัวจนทั้งเมดทั้งแม่ครัว-พ่อครัวไล่ตะเพิดออกมาให้กักตัวในห้องสักพัก
บางทีก็สงสัยว่าใครเป็นนายใครเป็นบ่าวกันแน่
จะยังไงๆ นางก็เป็นหญิง เราก็เป็นหญิง คงจะเป็นไปไม่ได้ในทางทฤษฎีหากจะ…
ลินดอลหน้าแดงเขิินเมื่อคิดอะไรแบบนั้น ยิ่งเป็นตอนนี้ที่อุณภูมิโดยรอบต่ำเตี้ยก็ยิ่งทำให้สีสดบนใบหน้าชัดขึ้นไปอีก
สเตฟไม่ได้หันมามองเพราะเขาเองก็คิดเรื่องการฝึกอยู่
“พ พักพอแล้วเหรอ?”
“อื้ม- ว่าจะต่ออีกหน่อยแล้วค่อยพอน่ะ…”
“อื้ม… อย่าบาดเจ็บล่ะ”
แม้จะพูดเบาๆ ออกไปจนคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไม่ได้ยิน เพียงแต่หญิงสาวคนนั้นซึ่งมังกรโบราณสามารถรู้ได้ครบทุกประโยค
แสดงออกมาเพียงหูแดงที่ถูกปกด้วยผมสีขาวยาว
ท ทำไมลินดอลพูดอะไรแบบนี้ออกมาน่ะ?-
ไม่เข้าใจชายโสดอย่างเราเล้ยย
แต่ก็หันไปตั้งใจฝึกต่ออย่างมีสมาธิ
เวทย์ไฟถูกปล่อยออกไปอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง แม้ครานี้จะไม่ค่อยเสถียรเท่าเดิมด้วยเหตุอะไรบางอย่าง
สายตาคู่เดิมนั้นก็จับจ้องมาอีกครั้ง แน่นอนว่าสเตฟรับรู้ได้จากความตั้งใจที่จดจ่อเข้ามาหา
“เอ่อ… ส สนใจรึเปล่า?”
“อื้ม!”
“มีหลายคำถามเลยล่ะ”
“ถ้าตอบได้ล่ะก็นะ…”
คำถามมากมายถาโถมเข้ามาจากผู้เชี่ยวชาญ บ้างก็รู้บ้างก็ไม่
ส่วนใหญ่แล้วสเตฟจะใช้ตามสัญชาติญาณเสียมากกว่าจะตามตำรา เพราะยังไงเขาก็ได้รับการสอนมาจากคุณยายของเขา
ดังนั้นพอลินดอลได้เห็นและมีโอกาสจะพูด นางก็จะเริ่มตำหนิถึงหลักการที่สเตฟขาดไป
แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเพราะส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่มีอะไรให้ติเตียนเลย
ถือว่าเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้ที่จะเป็นจอมเวทย์ และมังกรอันเต็มวัย
สุดท้ายก็เสร็จวันนี้ไปได้ด้วยความยากลำบาก ทั้งเช้าทั้งบ่ายสองพี่น้องเข้ามาเหมือนสูบพลังเขาไม่หยุด
โดยเฉพาะกับแลนเดลที่ลากไปไหนมาไหนในเมือง
ในทางกลับกันก็ถูกทำให้สมดุลด้วยการออดอ้อนจากลินดอล
สเตฟคิดเรื่องเมื่อเช้าจากทั้งสองคนพร้อมกอดหมอนกัดฟัดอยู่อย่างนั้นด้วยอารมณ์เขินอาย
ยามอรุณได้สาดแสงส่องหน้าต่างจนเขาได้ตื่น
วันใหม่มาเยือนสดใสยิ่งกว่าเก่า
เมฆหิมะที่เคยมีก็หายปลิดจนเหมือนไม่เคยมีอยู่
หิมะเริ่มละลายบาง คล้ายจะเข้าสู่ฤดูร้อนอันแสนสั้นซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้น
ในวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากเช่นเคย ต้องรอคอยคุณยายให้มาหาตามที่ได้ตกลงกันผ่านกระดาษแผ่นนั้น
ไม่รู้จะใช้เวลานานแค่ไหน และก็ไม่รู้ว่าสองพี่น้องจะอยู่นานเมื่อไหร่
วันนี้มาแปลกทั้งพี่ทั้งน้อง
ลินดอลนิ่งเงียบขรึมแต่ก็ดูตัวสั่นคล้ายจะเก็บอาการอยู่
แลนเดลมองแต่ตัวของสเตฟไม่เป็นอันทานอาหารตรงหน้า
บางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
“อึก- นี่ข้าอยู่ที่ใด ”
“ห๊ะ ไอมังกรเวรนี่-”
“หยุดเลยๆ เจ้าน่ะหมดหนทางสู้แล้ว”
“ไม่เห็นรึไง? ข้าแทบจะไม่มีแผลเลยเสียด้วยซ้ำ”
“ล แล้วลูกสาวข้า”
“อยู่ชั้นล่าง”
“อึก- โอ็ย”
สภาพของแกมมอนสะบักสะบอมจากสายฟ้าจากเจ้าของที่นั่งอยู่ข้างเตียงนั้น
ร่างกายจึงยังไม่พร้อมที่จะเคลื่อนไหว ได้เพียงนอนติดเตียงอยู่นั้นไม่สามารถไปไหน
ดังนั้นมิลาด้าจึงจะอาสาไปนำเรียกมาให้
“คะท่านมิลาด้า?”
“พ่อเธอเรียกหาน่ะ”
“อ๊ะค่ะ- ขออนุญาติถอดผ้ากันเปื้อน-”
ตอนนี้เรียกได้ว่ากลายเป็นเสมือนเด็กหญิงที่ว่านอนสอนง่าย
ไพโอเนียร์อยู่ชั้นล่างคอยทำงานบ้านระหว่างที่พ่อของนางรักษาตัวอยู่
“พ่อคะ!”
“หนูก็นึกว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว…”
“อื้อ- ข้าอยู่ตรงนี้แล้วนะ”
หญิงสาวร้องห่มไห้กับตักของผู้ให้กำเนิดนาง
“พ่อหลับไปเป็นอาทิตย์เลยนะคะรู้ตัวไหม”
แม้เวลาเพียงเท่านี้จะไม่เป็นเท่าไหร่สำหรับผู้ไร้สติ แต่คงเป็นเวลาที่แสนเจ็บปวดสำหรับผู้ที่รอคอย
แม้มิลาด้าจะบอกไม่รู้ตั้งกี่ครั้งว่าไม่เป็นอะไร แต่ไพโอเนียร์ก็ยังคงดึงดันที่จะขอช่วยงานอย่างน้อยก็ให้มีที่หลับที่นอน
มิลาด้าเองก็ตั้งใจจะรับผิดชอบเต็มที่อยู่แล้วเพราะไม่ได้อยากจะมีเรื่องตั้งแต่แรก
แต่หากอีกฝ่ายขอก็นับได้ว่าเป็นเรื่องดีที่แม้จะมีสายเลือดนั้น ก็ยังคงมีจิตใจอันเป็นมนุษย์แท้ๆ ต่างจากสายเลือดของมนุษย์ชายชั่วนั่น
ถึงจะยังมีอาการโกรธเคืองจากแกมมอนแผ่ออกมาอยู่บ้าง แต่มิลาด้าก็ไม่ได้เห็นว่านั่นเป็นพิษภัยอะไรเท่าไหร่
ดังนั้นนางจึงจะออกเดินทางจากบ้านอีกครั้งฝากให้สองพ่อลูกดูแลบ้านไม้หลังเก่าๆ แห่งนี้ไปก่อนสักพัก
“แล้วนี่เจ้าคิดจะไปไหนกันล่ะ?”
“ก็ไปตามหาเจ้าตัวเล็กที่เจ้าปลอมตัวมานั่นแหละ”
“ไว้เรื่องที่เจ้าทำอะไรกับสเตฟค่อยมาคิดบัญชีเอาทีหลังก็ได้-”
“อ โอ้ ข้าน้อมรับ”
แล้วมิลาด้าก็รีบบินออกจากบ้านไปทันทีในวันนั้น
สองพ่อลูกนั้นก็ได้แต่เพียงรอคอยการกลับมาของเจ้าบ้าน
เป็นเรื่องแปลกที่จะมีมารระดับนี้อยู่ในดินแดนมนุษย์ แต่หากไร้พิษศงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ซ้ำยังไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของคนคนนี้อยู่เลยด้วย
การไปจับจ่ายซื้อของเป็นหน้าที่ของไพโอเนียร์ เขาที่แหลมเล็กออกมาใครก็เห็นว่าเป็นเพียงเผ่ายักษ์เพียงแคระ
จึงสามารถปลอมไปกับมนุษย์ได้ค่อนข้างง่าย
มิลาด้าได้ให้ทางเลือกกับทั้งสองเอาไว้ด้วยความที่ไว้ใจ
คือ 1 จะออกจากบ้านนั้นเพื่อกลับยังดินแดนของตนก็ย่อมได้หากหายดีแล้ว
และ 2 จะอยู่ต่อรอจนนางกลับมาแล้วค่อยหาทางทำอะไรต่อจากนั้น
เห็นว่ามิลาด้าใช้เวลาไม่นานในการเดินทางไป แต่ตอนกลับอาจจะใช้ร่วมอาทิตย์หรือมากกว่านั้นเหตุด้วยหลานสาวของนางที่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะบินเร็วมาก
ผ่านมาไม่กี่วันแกมมอนก็เริ่มเดินได้เป็นปกติ
มีบ้างเป็นปกติที่เขาคิดจะหนีออกไป แต่ก็ดูเหมือนไพโอเนียร์จะชอบเมืองมนุษย์เป็นพิเศษจากความอบอุ่นที่นางได้รับตลอดที่ไปเมือง
หญิงสาวโอนิ? ตัวเล็กที่อายุภายนอกไม่น่าจะถึงหลัก 10 ใครล่ะจะไม่เอ็นดู
กลับบ้านมาทีก็ได้ของติดไม้ติดมือมาเกินงบที่นำไป
“คุณพ่อคะๆ วันนี้คุณป้าร้านตุ๊กตาให้นี่มาด้วยล่ะ-”
“ตุ๊กตาหมีล่ะ!”
***………………..***
MANGA DISCUSSION