***………………..***
“อ๊ากกกก!!!!”
คุริสึตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมเปล่งเสียงตกใจออกมาดังลั่น หอบอย่างหนัก เม็ดเหงื่องอกออกมาชุ่มตัว ลุกขึ้นมาเช็คร่างกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอคลำไปเรื่อยก็เจอสิ่งแปลกปลอมที่ไม่น่าจะมีอยู่กับเขาได้ เนินเขาอ่อนสองลูกที่ดูแล้วไม่น่าใช่ของเขาอย่างใด ลูบลงไปด้านล่างก็ไม่พบสิ่งที่ควรจะมีอยู่ เจอเพียงหุบเขาลึกเพียงเท่านั้น
เกิดใหม่อะไรนั่นเป็นสิ่งที่ฮิตในสมัยปัจจุบันนี้ แต่หากกับเขาที่เป็นแฟนเดนตายกันดั้มด้วยแล้วจึงไม่ค่อยได้ตามอะไรนอกจากนั้น เขาคิดว่าหากเป็นรอสก็อาจจะเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้
พอคิดถึงเพื่อนสนิทคนนั้น คนสุดท้ายที่ได้อยู่กับเขาเมื่อนั้นก็เกิดน้ำตาตกออกมาไม่รู้ตัว
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบได้ดังมาจากหน้าประตูไม้อีกฝั่งของห้องไม้น้อยๆ นี้
“สเตฟานี!!” เสียงหญิงสูงวัยคนหนึ่งดังขึ้นมาบริเวณหน้าประตูห้องไม้นี้ ก่อนที่จะเปิดออกมาปรากฏตัวขึ้นเผยให้เห็นลักษณะ
นางเป็นหญิงชราสวมผ้าเก่าตามสภาพที่มีให้เห็นกันทั่วไปในชนชั้นล่างของช่วงยุควิคตอเรียน
“สเตฟานี?”
“อ๊ะ- คะ?”
หญิงชรามองสังเกตไปรอบด้วยความตื่นตกใจกับเสียงที่เปล่งออกมาจากสาวน้อยตรงหน้าเมื่อสักครู่
พอถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้รับคำตอบมาเป็นเพียงความเงียบจากสาวน้อย
“คงจะฝันร้ายสินะหลานยาย อีกเดี๋ยวอาหารเช้าก็เสร็จแล้วนะ…”
ว่าจบแล้วนางก็เดินกลับออกจากห้องไปหลังจากสรุปเรื่องราวได้เข้าใจทั้งหมด ขณะที่สาวน้อยคนนั้นซึ่งภายในกลับไม่ใช่คนเดิม เอ๊ะ? หรือใช่หว่า
ความทรงจำไหลพรั่งพรูเข้ามารวดเดียวส่งให้นางที่อยากจะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แต่ก็กัดผ้าห่มผืนบางนั้นไว้แน่นเพื่อที่จะไม่ให้ใครสงสัยไปมากกว่านี้
‘อึก- สเตฟานี่ รอส คุณยาย มิลาด้า?’
หลายอย่างเกินจนจะนึกได้ในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงสำรวจสิ่งใหม่ทุกอย่างเหล่านี้ไม่ว่าจะร่างกาย จิตใจ สภาพแวดล้อม และอื่นๆ
ซึ่งก็ได้เช็คไปก่อนหน้านี้ผ่านการลูบคลำตามตัวมาเป็นหลักฐานอันดีว่าเขานั้นไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
จิตใจเองก็คล้ายจะค่อยๆ ยอมรับถึงการมีอยู่ในตัวตนปัจจุบันของตนได้เรื่อยๆ ผ่านเวลา แม้จะมีบางสิ่งอย่างเพศสภาพก็ตามที่ยากจะเปลี่ยนแปลงกับอดีตชายวัยกลางคนคนนี้
ส่วนเรื่องภายนอกก็มองผ่านหน้าต่าง บ้านลักษณะสองชั้นแม้จะยังไม่ได้ไปสำรวจแม้แต่นอกห้องเลยก็ตามก็คาดการณ์ได้เลยว่าเป็นบ้านหลังน้อยในป่าใหญ่
ต้นไม้สูงเกินชั้นที่สองของบ้านแบบเหลื่อมๆ ส่งผลให้รอบข้างมีร่มเงาเย็นสบาย
พอเขาเปิดหน้าต่างไม้โปร่งไร้กระจกก็ประสบกับลมธรรมชาติภายนอกในตอนเช้าอันสดชื่นลอยเข้ามาในห้อง พร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าในวันนี้ที่คุณยายมิลาด้า(หากอิงจากความทรงจำ) กำลังปรุงแต่งรสชาติ
เขาลุกออกจากเตียงพร้อมแล้วจึงเปลี่ยนชุดนอนซอมซ่อนั้นไปสู่เสื้อเด็กซึ่งพอดีตัวกางเกงยาวพอดีเข่า ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านล่าง
“อาหารเช้าเสร็จแล้วนะจ๊ะ!”
แล้วเขาก็รีบเปิดประตูลงไปขณะที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดี
อาหารในวันนี้เป็นขนมปังก้อนกับซุบมันฝรั่งบดแสนธรรมดาแต่ก็เต็มไปด้วยโภชณาการหากเป็นในยุคกลางตามที่เขาคิดเอาไว้
เขากระโดดขึ้นพยายามนั่งเก้าอี้ที่สูงกว่าตัวเขา ลักษณะร่างกายของเด็กประมาณ 5 ขวบเป็นอะไรที่ลำบาก แม้จะมีความนึกคิดเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม
แล้วคุณยายก็มาอุ้มเขาขึ้นนั่งให้…
เขายิ้มแป้นไปกับอาหารตรงหน้าเพราะมันอร่อยกว่าที่เขาคิดเอาไว้ หรืออาจจะเป็นเพราะความเคยชินของร่างนี้ที่ทานเป็นประจำ บวกกับร่างเดิมที่นิสัยก็มักจะทานแต่บะหมี่กึ่งอยู่แล้วด้วย
แต่เห็นอย่างนี้เขาก็เป็นลิ้นแมวนะเออ
“อ๊ะ- ร้อน”
“ค่อยๆ ทานก็ได้… ไม่มีใครแย่งไปหรอกนะ”
แล้วการทานอาหารก็ดำเนินไปจนเสร็จ คุณยายนำจานชามช้อนส้อมไม้ยกไปล้างยังซิงค์น้ำที่จู่ๆ ก็มีก้อนมวลน้ำออกมาเบื้องหน้าของนาง
แต่เขาก็ไม่ได้เอะใจเพราะมัวแต่สังเกตรอบข้างอยู่ซึ่งก็เจอของดีเข้าให้บริเวณห้องรับแขกขนาดเล็กข้างบันไดทางขึ้นชั้นสอง
‘แผนที่’
มันคือแผนที่คาดว่าทั้งอาณาจักรที่เขาอาศัยอยู่ แต่ด้วยความที่อยู่ภายในป่าลึก ข้อมูลภายนอกก็ยังไม่มีเลยแม้แต่น้อย การระบุสถานที่จึงทำได้ยาก
เพียงแต่ว่าเขาจะเดินไปถามยายมิลาด้า
“คุณยายคะๆ”
ร่างน้อยเดินเตาะแตะเข้าหาหญิงชราอย่างน่าชัง นางรับมือที่เธอยื่นออกมาหาพร้อมกล่าวตอบ
“มีอะไรจ๊ะ?”
“กระดาษนั่นมันคืออะไรคะ?”
คุณยายอธิบายอย่างดีแก่เด็กสาวที่ในสายตาของนางเป็นเพียงหลานสาวตัวน้อยมีแต่ความอยากรู้อยากเห็นท่วมตัวเพียงเท่านั้น
ทั้งที่เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว จะให้มาแสดงอะไรแบบนี้มันก็น่าอายจะตายชัก
จากที่คุณยายได้อธิบายถึงข้อมูลภายในแผนที่ติดข้างฝาบ้านนั้น…
แผนที่นี้เป็นแผนที่อาณาจักรตามที่เขาคาดเดาเอาไว้ในตอนแรก โดยจะมีเมืองต่างๆ อยู่รอบๆ โดยเมืองก็จะมีหมู่บ้านเป็นชนบทล้อมไปทั่วอีกที เส้นประบางสีดำขาวบ่งบอกถึงเขตแดนแต่ละเมือง ส่วนสีดำเข้มเป็นเส้นเขตแบ่งอาณาจักรกับอาณาจักรอื่นๆ
หากสังเกตดีๆ ก็จะเจอกับมาร์คสีส้มที่คุณยายอธิบายเอาไว้ว่าเป็นตำแหน่งที่เราอยู่ หรือก็คือบ้านของเราในปัจจุบันตอนนี้ ซึ่งก็อยู่ทางตะวันออกค่อนข้างจะแถบชายแดน
จะว่าไปแล้วทำไมเขาถึงอ่านเนื้อหาบนแผนที่ หรือตัวหนังสือตามที่ต่างๆ ไม่ออกเลยล่ะ? แต่กลับฟังคุณยายพูดได้รู้ความทุกประโยคทุกคำพูด แม้ว่าภาษานั้นจะดูเป็นฝั่งตะวันตกที่ก็ไม่น่าจะใช่ภาษาอังกฤษก็ตาม
…
..
.
และแล้วก็ถึงเวลาเรียนประจำวัน ครูก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เป็นคุณยายมิลาด้าคนดีคนเดิมที่ทำทุกอย่างภายในบ้านนี้แม้ว่าสภาพร่างกายของนางจะเดินหลังค่อมถือไม้เท้าแล้วก็ตาม
ว่าแต่คุณยายอายุปาไปเท่าไหร่แล้วกันนะ?
เปิดบทเรียนวันนี้ก็เริ่มจากภาษาก่อนเป็นอย่างแรก ระบบภาษาเข้าใจได้ไม่ยากราวกับกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ก็ไม่ปาน
และสายวันนี้ก็วนอยู่กับการสอบท่องศัพท์กับคุณยาย และทานอาหารว่างเป็นมันฝรั่งบดเปล่าๆ ที่เหลือจากการทำซุปมาจากเมื่อเช้า
ช่วงบ่ายก็มีเรียนเพียงเล็กน้อยก่อนจะไปสอบกับคุณยายในช่วงหลังอาหารตามลำดับ แล้วจึงค่อยเข้านอนอย่างเช้าเพราะบ้านเราไม่มีแสงสว่างอย่างสมัยโลกเดิม
และหลายๆ วันก็วนกันไปตามนี้ วนเป็นลูปอยู่อย่างเดิมจนภาษาของเขาเริ่มที่จะคล่องขึ้นบ้าง
…
และในคืนหนึ่งนั้นเอง
“อึก- อ้าา”
เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นมาจากเด็กสาวที่อายุในตอนนี้ได้อยู่หลักสิบเป็นครั้งแรก…
ร่างกายของนางอุณภูมิขึ้นสูง เหงื่อไคลไหลออกเป็นสาย ผ้าห่มที่จำต้องห่มอยู่ตลอดก็ถูกถีบออกแม้อุณภูมิโดยเฉลี่ยมีเพียง 20 องศา
“อ๊าา!!”
เสียงของนางดังลั่นแต่ก็ไม่อาจตื่นจากนิทราได้เพราะเหตุอะไรบางอย่าง
ตึก ตึก ตึก แอ๊ด~
เสียงเท้าเบาแต่ไม่ถึงกับย่องได้เดินขึ้นมาจากชั้นล่าง เปิดประตูห้องของสเตฟานีอย่างสุภาพเบามือพร้อมกับถือถุงอะไรบางอย่างเข้ามาด้วย…
“หลานตัวน้อยของยาย..”
นางลูบศรีษะเขาไปเบามือก่อนที่จะเลื่อนมือไปเปิดหน้าต่างบริเวณหัวเตียงส่งให้ลมพัดเข้ามาภายใน พร้อมด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบริเวณร่างของเด็กสาวอย่างพอดิบพอดี
คืนนี้เป็นคืนจันทร์เต็มดวง หญิงแก่เริ่มนำของในถุงนั้นปรากฏว่าเป็นผงอะไรสักอย่างสีขาวนวลคล้ายแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา
หญิงแก่เริ่มวาดวงนั้นเป็นลายรูปคล้ายวงเรขาคณิตสลับซับซ้อนกันอยู่ไปมาสักพัก ก่อนจะปิดท้ายด้วยนำเขาของตัวอะไรสักอย่างลักษณะเป็นกิ่งแตกกว้างสั้นวางเอาไว้ตรงกลาง
“แด่บรรพบุรุษ…”
หลังจากคำพูดนั้น แสงสีแดงได้ปรากฏไปทั่วบริเวณวงกลมนั้น แต่ไม่นานก็หายวับไปพร้อมกับเครื่องมือที่นางนำมาวางเอาไว้ และเขาสัตว์ด้วย
ดูเหมือนพิธีกรรมอะไรสักอย่างจะเสร็จแล้ว นางก็เดินเข้ามาตรวจอาการของสเตฟานีอีกครั้งก็พบกับร่างของเด็กสาวที่ไม่สั่นไม่มีอาการก่อนหน้าอีกต่อไป
หญิงแก่เลื่อนมือไปปิดหน้าต่างบนหัวเตียงนั้นก่อนที่จะเดินออกห้องไปด้วยความสงบ
***………………..***
โดย Till_lil
MANGA DISCUSSION