***………………..***
เราไม่รู้หรอกนะว่าจอมมารที่พวกเขารู้จักเป็นยังไง
แต่ตามความคิดของเราแล้ว… มันผิดไปจากที่ผมเห็นตอนนี้มากเลยล่ะ
วันรุ่งขึ้นขณะที่ตะวันยังไม่ส่องแสง เช้ามืดของวันสเตฟก็ได้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตากับน้ำต้มอุ่น
อุณภูมิขณะนี้เท่าที่รู้สึกเห็นจะเป็นติดลบจากน้ำที่แข็งเห็นอยู่ทั่วไป และไออากาศขาวที่หายใจออกมาทุกเฮือก
ตอนนี้ไม่ใส่ถุงมือก็เห็นจะไม่ได้แล้ว กระโปรงเองก็อย่าหวังจะได้ใส่ เพราะแม้แต่กางเกงตัวหนาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นเลย
หิมะตกทับถมกันเรื่อยๆ จนเริ่มหนาขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็สังเกตได้
คุณยายจะให้เราตื่นทำไมตั้งมืดๆ เนี่ย บรื๋ออ…
ทันใดก็เห็นคุณยายเดินออกมาจากเต้นท์ยุทธวิธีคล้ายกับเพิ่งจะไปประชุมอะไรกันมา
แล้วนางก็พาเขาเดินไปยังหน้าค่าย
“พ่อหลานเล่าว่าเราควรอออกแต่มืดเพื่อหลบเลี่ยงจากหมอกอันตรายนั้น”
“หมอกดำที่ว่าจะเกิดก็ต่อเมื่อเจ้าตัวนั้นมีสติ”
“ฮ้าว~”
ถึงประตู ทหารยามกะกลางคืนก็รู้งานเปิดประตูให้เราสองเดินออกได้สวัสดิ
หนาวจัดเลย บรื๋ออ~
แล้วเราก็ออกบินทันทีที่เดินมาถึงลานกว้างซึ่งได้ลงจอดไปก่อนหน้านี้
เบื้องบนฟ้าเหนือเมฆหิมะจึงสามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจน มันใหญ่เกินไปไหมนะ
ในวันนี้เป็นวันจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์สาดไปทั่วเมฆสีน้ำเงินมืด เบื้องหลังที่เคยผ่านมาก็มองเห็นไปถึงทิวเขาสูงเหนือเมฆสวยงาม
จุดหมายที่เรากำลังไปหาอยู่ไม่ไกลเหตุที่ว่านี่คือแนวหน้าสุดของกองทัพแล้ว
หากเดินเท้าอาจจะใช้เวลาสักหนึ่งวันเต็ม แต่หากเป็นการบินเห็นจะเร็วกว่านี้อย่างชัดเจน ประมาณกันเอาไว้สัก 2 ชั่วโมง
แต่หากเป็นคุณยายคงจะเร็วกว่านั้นโข…
…
แล้วเราก็มาถึง…
แม้จะมีเมฆบดบังทัศนไปเสียหมด ถึงอย่างนั้นคุณยายก็สัมผัสถึงมันได้ด้วยสัญชาติญาณและการสังเกตที่ดี
ลดระดับความสูงลงไปต่ำกว่าเมฆก็พบกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยเถ้าถ่าน เป็นสัญญาณว่าเหล่าปีศาจได้รุกคืบคืนมาถึงยังตัวตนนี้แล้ว
เบื้องล่างมีสิ่งมีชีวิตโทนสีดำมืดกลืนไปกับสีพื้นแทบจะไม่เห็นหากไม่มีแสงสีขาวที่เปล่งออกมาจากทรวงอกของตัวตนนี้สว่างจ้าเห็นได้ไกล
รูปร่างคล้ายเป็นมนุษย์เพศหญิงมีเค้าโครงรูปโค้งเว้าดูดีราวหญิงงามคนหนึ่ง
“นางคนนี้เป็นใครคะ?”
“…”
คุณยายบินลงเข้าไปใกล้ๆ ทิ้งไว้ให้สเตฟอยู่ด้านบนคอยลาดตระเวนรอบข้างเผื่อกองทัพของปีศาจจะมา
สเตฟถามแต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ เป็นห่วงมองลงไปก็เจอคุณยายเดินไปรอบๆ ร่างนั้นด้วยความเร่งรีบและลุกลี้ลุกลนอะไรบางอย่าง
ร่างนี้มัน…
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร แต่ก็เป็นสิ่งที่คลับคล้ายกับสิ่งที่มิลาด้าคุ้นเคยอย่างมาก
แสงที่ทรวงอกซึ่งเห็นได้สว่างชัดเจน พอมือของนางเข้าไปใกล้คล้ายจะสัมผัสก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา
ตัวตนนั้นได้ตื่นขึ้นหลังจากที่แสงหายไป หมอกควันกลับมากระจายอีกครั้งจากสติของตัวตนนั้น
วูมม!
“สเตฟ! หนีไปแจ้งข่าวซะ!!”
“คุณยายล่ะคะ?!”
“ไม่เป็นอะไร อีกเดี๋ยวจะตามไป!”
แล้วสเตฟก็รีบบินไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาทำได้ไปเพื่อรายงานเรื่องฉุกเฉินที่เกิดขึ้น
ฮึก-
ภายในหมอกหนานั้นมีมังกรตนหนึ่งกับตัวตนปริศนา
ร่างไร้สีนั้นยืนขึ้นร้องครวนด้วยความเศร้า
พอตรวจสอบดีๆ หมอกเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากปรากฏการณ์ที่อธิบายอะไรไม่ได้
สิ่งเหล่านี้เป็นมานาที่เจ้าตัวตนนั้นปล่อยออกมาปริมาณมหาศาลเกินกว่าจะสังเกต เป็นก้อนมานาที่อัดแน่นกันจนทำให้เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ดังนั้นเรื่องที่ว่ากันว่าหากสูดดมหมอกนี่เข้าไปจะเกิดอาการไม่ดีต่างๆ ก็เป็นเพียงอาการเมามานาที่ได้รับมากจนเกินไปซึ่งก็อันตรายได้หากรับปริมาณมากจนเกินลิมิต
ในกรณีของมิลาด้า นางพยายามปลดปล่อยเวทย์ต่างๆ ให้ทันกับปริมาณมานาที่ได้รับ ซึ่งทำให้ร่างกายแม้จะเป็นมังกรโบราณก็รับภาระหนักจนแทบจะยืนไม่ไหว
และคิดว่าอาจจะเสียชีวิตได้หากอยู่นานจนเกินไปซึ่งหนักกว่าเมามานาเสียอีก
“อึก- เจ้าเป็นใคร”
ข้า… ข้าไม่รู้…
“ถ ถ้าเช่นนั้นช่วยบอกเรื่องที่จำได้- ”
ภรรยาข้า มิลาด้า
“ทริกซี่?”
จู่ๆ หมอกเหล่านั้นก็เบาบางลงหลังจากได้ยินชื่อหนึ่งดังออกมาจากปากของมังกร
ร่างสีดำค่อยๆ หายไป สีได้เข้ามาแทนที่ปรากฏเป็นตัวตนที่มิลาด้าคุ้นเคยกับสิ่งนั้นเป็นอย่างยิ่ง
“มิลา.. -”
“ฮึบ-” รับร่างที่อ่อนแรงของทริกซี่ได้อย่างพอดี
“เป็นเจ้าจริงๆ”
“อื้ม เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรต่อแล้วล่ะ”
“หลับให้สบายเถิดภูตตัวน้อยของข้า”
ร่างบางของภูตที่ว่ากันว่าเป็นภรรยาคนแรกและเพียงคนเดียวของมิลาด้า
ทำไมนางมาอยู่ตรงนี้ แล้วทำไมนางถึงเป็นตัวตนอะไรแบบนั้นไปได้ ไม่มีใครตอบและไม่มีใครรู้กับคำถามนี้
และสิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมอีกสิ่งคือเมื่อใดที่ภูติไร้สติไปแล้ว ร่างที่เห็นเป็นรูปธรรมจะมลายหายไปจากการไม่สามารถรวมมานาได้
แต่ขณะนี้ก็ยังคงร่างอยู่เห็นได้แตะต้องได้อย่างชัดเจนเสียคิดว่าเป็นมนุษย์เพศหญิงคนหนึ่ง
มิลาด้าใช้ปีกของนางห่อตัวของนางและร่างบางนั้นเอาไว้ในอ้อมกอดแม้ว่าร่างของภูติจะไม่จำเป็นกับเรื่องแบบนี้
แต่ท่ามกลางความผิดปกติทั้งหลายที่ได้เกิดขึ้น การป้องกันเอาไว้ก่อนก็ถือเป็นเรื่องดีจริงไหม?
ระหว่างรอกำลังเสริม มิลาด้าก็ค่อยสังเกตไปทั่วร่างกายของทริกซี่ภรรยา
แทบทุกอย่างคงอยู่สมบูรณ์ ไม่มีแผลอะไรอันใดเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากเศษสีดำที่ยังติดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เพียงนำมือไปปัดก็เป็นเหมือนฝุ่นที่ออกอย่างง่ายดาย
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ…”
…
แล้วกองทหารที่สเตฟไปเรียกก็มาถึงยังสถานที่
ทริกซี่ได้นำไปยังเต้นท์เดี่ยวแยกออกไปพร้อมล่ามด้วยตรวนเพื่อความปลอดภัยในกรณีคลุ้มคลั่ง
แม้ส่วนมากตรวนจะไม่ค่อยมีผลกับพวกอมนุษย์อย่างนี้ก็ตาม
“อย่าทำอะไรให้นางเจ็บปวดก็พอนะ…”
มิลาด้าขอไปยังผู้บัญชาการทัพหน้าอย่างรอสลูกเขยที่เป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง รอสเองก็พยักหน้าตกลงกับคำขอนั้น
ส่วนอิคนิลก็นั่งเฝ้าข้างๆ ตัวตนที่เปรียบเสมือนทั้งบิดาและมารดาภายในคนเดียวกันของนางอยู่อย่างนั้นด้วยความหลากอารมณ์ที่ไม่รู้จะเลือกอารรมณ์ไหนให้แสดงออกมาดี
สเตฟก็นั่งอยู่ข้างๆ เช่นเดียวกัน
และในตอนนี้ภารกิจที่ว่าตรวจสอบตัวตนปริศนาก็สำเร็จไปได้ด้วยดี?
แม้จะเกินคาดอะไรไปไกลเสียหน่อยก็ตาม
“ข้าอยู่ที่ใดกัน?”
“…ท่านแม่ฟื้นแล้ว!!”
“ท่านแม่? ข้าจำไม่ผิดว่าข้าเป็นสามีนะ…”
***………………..***
MANGA DISCUSSION