ตอนที่ 332 ลำบากอึดใจเดียว สบายตลอดไป
เช่าหวารู้สึกขนลุกซู่เมื่อเห็นสายตาของจางฉุ้ยเหลียน จากนั้นก็ยืนขึ้นอย่างไม่ปิดบัง “ฉันไม่ได้เอาเงินหล่อนเสียหน่อย!”
เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นเช่นนี้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ดูท่าทางจะใช้เงินของสะใภ้จริง ๆ จะให้ยอมรับก็กลัวโดนฉีกหน้าเลยโวยวายเสียยกใหญ่แทน นิสัยไม่เคยเปลี่ยน หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ
“คุณแม่ไม่ได้เอา ? คุณแม่ยังกล้าพูดว่าไม่ได้เอาอีกหรือ ? ” ยิงเจี๋ยสาวเท้าเข้ามา ราวกับจะกลืนกินเช่าหวาก็มิปาน เช่าหวากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็เชิดหน้าราวกับตนไม่ผิด “เงินของลูกชายฉันก็ต้องให้ฉันสิ ที่เธอใช้กินใช้ดื่มก็เงินของฉัน อยู่บ้านใช้ห้องส้วมของฉัน แต่ไม่ให้เงินฉัน มันจะสบายไปหน่อยไหม ? ”
จางฉุ้ยเหลียนเข้าใจในทันที ที่วุ่นวายอยู่เป็นครึ่งค่อนวันเพราะเรื่องนี้ ที่แท้ตอนที่ยิงเจี๋ยกำลังตั้งครรภ์ เงินที่จางฉุ้ยจวินหามาได้ แม่เป็นคนเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนเศษเงินที่เหลือก็ให้ยิงเจี๋ยไป
เช่าหวาคิดว่านิสัยอย่างจางฉุ้ยจวิน ไม่ว่าใน 1 เดือนหล่อนจะเรียกร้องเงินเท่าไหร่ นั่นคือการแสดงความกตัญญู เมื่อเห็นยิงเจี๋ยซื้อผลไม้และขนมเข้าไปไว้ในห้องนอน เลยคิดว่าเป็นเงินสินเดิมติดตัวสะใภ้มาเอง
ต่อมาเมื่อลูกชายลืมตาดูโลก เช่าหวาที่นั่งรออยู่ในโรงพยาบาลก็ถามจางฉุ้ยจวินว่าเขาหาเงินได้เดือนละเท่าไหร่ จากนั้นก็ชี้ไปทางเสี่ยวหยวนเปา และพูดว่า “ตอนนี้แกมีลูกแล้วนะ จะตำข้าวสารกรอกหม้อไปวัน ๆ ไม่ได้แล้ว”
จางฉุ้ยจวินกล้ายอมรับผิดที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ก็เลยบอกว่ายิงเจี๋ยเป็นคนเก็บเงิน พวกเขาสองคนมีเงิน
เช่าหวาได้ยินเช่นนั้นก็เหงื่อออกเปียกชุ่มไปทั้งกาย ไม่กล้าสร้างความระแวงให้ยิงเจี๋ยจึงวิ่งกลับบ้านอย่างเงียบ ๆ ทำการค้นหาตามซอกโน้นซอกนี้อยู่เป็นวัน แต่ก็หาสมุดบัญชีธนาคารไม่เจอ หล่อนสงสัยว่ายิงเจี๋ยจะส่งเงินไปให้ที่บ้าน จึงไปเรียกร้องเงินจากครอบครัวฝ่ายหญิงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เมื่อครั้งจางฉุ้ยเหลียนได้เจอกับกู้จื้อเฉิงผู้แสนดีคนนี้ เช่าหวาก็แสดงท่าทางรังเกียจอันหลง แล้วคิดว่าหล่อนจะปล่อยยิงเจี๋ยจอมโกหกคนนี้ไปโดยง่ายหรือ ?
บ้านฝ่ายหญิงบอกว่าไม่มีสมุดธนาคาร เช่าหวาบ่นอุบอิบในใจหรือว่าที่ยิงเจี๋ยใช้กินทุกเดือนจะเป็นเงินสินเดิมของบ้านแม่หล่อน ? แต่เมื่อคิดตามฐานะทางบ้านแล้ว ก็ไม่น่าจะมีเงินสินเดิมให้ลูกสาวได้
แผนการร้ายได้ทะลักเข้ามาในจิตใจ จากนั้นก็แกล้งขอโทษด้วยความเกรงใจ “ฉันคงเลอะเลือนไปเอง การมาโวยวายบ้านเธอไม่สมควรอย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอให้เงินสินเดิมลูกสาวเยอะเกินไป ตอนท้องหล่อนคงไม่ได้กินของบำรุงครรภ์เลยสักนิด เพราะเราเองก็ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองขนาดนั้น ! ”
แม่ของยิงเจี๋ยและบรรดาสะใภ้ต่างก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อลูกสะใภ้ได้ยินว่าแม่สามีเอาเงินไปเป็นสินเดิมให้ลูกสาวหมดแล้ว ตอนนั้นทุกคนทำอะไรไม่ได้ ต่างกลัดกลุ้มใจเรื่องค่าครองชีพ ตราบใดที่ฐานะทางบ้านไม่ดีพอ ก็จะมีเรื่องให้ทะเลาะกันไม่จบ เช่าหวาจึงเลือกหยิบยกความบาดหมางนี้ขึ้นมา
ส่งผลให้ไฟสุมในบ้านลุกโชน แม่ของยิงเจี๋ยเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม อธิบายอะไรไปก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครเชื่อว่ายิงเจี๋ยไม่ได้เอาเงินของที่บ้านมาแต่งงานในครั้งนี้ด้วย
จริง ๆ ก็คงอธิบายไม่ได้ ครอบครัวนี้จึงมาโวยวายถึงในโรงพยาบาล มาทะเลาะกับยิงเจี๋ยที่นอนอยู่บนเตียง บีบให้ยิงเจี๋ยเอาเงินสินสอดออกมา เมื่อหมดปัญญา ยิงเจี๋ยทำได้เพียงยอมรับว่าเป็นเงินของจางฉุ้ยจวิน
วินาทีต่อจากนั้น เช่าหวาก็เดือดดาลขึ้นทันใด จางฉุ้ยจวินเองก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ต่อว่ายิงเจี๋ยจะไม่มีวันมีความสุข ยิ่งเจี๋ยยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรมจึงได้พูดออกไปว่าเธอทำเพื่อลูก
“บำรุง บำรุง ฉันไม่ยุติธรรมกับเธอ เธอก็เลยเสียเปรียบอย่างนั้นสิ ? อย่าว่าแต่เสี่ยวจวินที่อุตส่าห์ตั้งใจออกไปซื้อของบำรุงจากข้างนอกมาให้เธออยู่บ่อยครั้งเลย เนื้อสัตว์ในบ้านเธอก็กินจนหมด ไข่ไก่วันละ 5 ฟอง ฉันต้องปรนนิบัติดูแลเธอ ยังกล้าพูดว่าเสียเปรียบอีกหรือ ? อยู่บ้านเธอกินอะไรบ้าง ? ไก่ในบ้านฉันก็ต้องให้เธอกิน ? ฆ่าไก่อาทิตย์ละ 1 ตัว ยังมีจิตสำนึกบ้างไหม ? ” ในตอนที่ยิงเจี๋ยกำลังท้อง เช่าหวาไม่เคยปฏิบัติตัวแย่กับหล่อนเลย ถึงอย่างไรเด็กที่อยู่ในท้องก็เป็นหลานแท้ ๆ
จางฉุ้ยจวินมองไปบนท้องที่อ้วนตุ๊บของยิงเจี๋ย อ้วนถึงขนาดแขนขาก็ไม่มีข้อยกเว้น สุดท้ายก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “ให้ลูกกิน ลูกเพิ่งจะน้ำหนักแค่เท่าไหร่ ? บอกว่าตัวเองตะกละ ไม่ต้องไปโทษนั่นโทษนี่ให้เสียเวลาหรอก”
ถึงแม้ว่ายิงเจี๋ยจะคลอดธรรมชาติก็ตาม แต่ก็ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลก่อนอยู่ดี ตามหลักแล้วจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้หลังจากนั้น 3 วัน ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสนใจว่าหล่อนจะเป็นหรือตาย เช่าหวาไปจัดการจ่ายค่าคลอด วันที่สองหลังจากที่เด็กคลอดแล้วหล่อนก็ไป แม้หมอจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่สมควรจะไม่ใส่ใจยิงเจี๋ยแบบนี้
หลังจากกลับบ้าน หน้าอกของยิงเจี๋ยก็ใหญ่ขึ้น แต่กลับไม่มีน้ำนม เช่าหวารู้ว่าการอยู่ไฟเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง แต่หล่อนก็ไม่อยากให้หลานชายต้องหิวตายเหมือนกัน
ซุปปลานิลไม่แพงมากนัก หล่อนพยายามให้ยิงเจี๋ยดื่มบำรุงตลอด 1 เดือน แต่สุดท้ายก็ยังไม่เป็นผล หล่อนจึงจำเป็นต้องชงนมผงให้หลานชายกิน โชคดีที่นมผงในสมัยนี้ไม่ได้แพงมากนัก มีจางกว่างฝูและจางฉุ้ยจวินช่วยจ่ายเงินอยู่
หลังออกจากการอยู่ไฟแล้ว ยิงเจี๋ยไม่มีเงินสักหยวนเดียว ทะเลาะกับเช่าหวาทุกวันโดยไม่สนใจลูก ถึงอย่างไรก็เป็นหลานของตระกูล คุณจะไม่รักไม่สนใจก็แล้วแต่คุณ
เช่าหวาทำอาหาร หล่อนก็โผล่หน้าออกมากิน แต่ถ้าไม่ได้ทำ หล่อนก็เอาแต่ดูโทรทัศน์อยู่ในห้อง เมื่อเห็นดังนั้นเช่าหวาจึงโกรธและดึงปลั๊กโทรทัศน์ในห้องออก รอจนกระทั่งจางฉุ้ยจวินกลับมาก็ไม่รู้ว่ายิงเจี๋ยพูดอะไร
จางฉุ้ยจวินจึงนำปลั๊กไฟไปเสียบตามเดิม จากนั้นก็คิดตามจำนวนครั้งที่ยิงเจี๋ยดูในแต่ละเดือน โชคดีที่จางฉุ้ยจวินหาเงินได้เยอะ เงินที่ให้กับเช่าหวาทุกเดือนไม่ได้ทำให้มารดาเป็นกังวล
มีเงินของจางฉุ้ยจวินอยู่ ยิงเจี๋ยยิ่งกำเริบเสิบสาน เช่าหวาไม่ให้กินข้าว หล่อนก็ออกไปซื้อกินข้างนอก เมื่อจางฉุ้ยจวินกลับบ้านก็แกล้งทำตัวอ่อนแอ บอกว่าอยู่ไฟไม่ได้รับการบำรุงมากพอ จางฉุ้ยจวินทนอยู่บ้านไม่ไหวอีกต่อไป เพราะแม่และภรรยาทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวัน
ครั้งนี้เช่าหวาเจออาหารอยู่ในห้องนอนของยิงเจี๋ย ซึ่งทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าของพวกนี้ต้องใช้เงินเดือนของจางฉุ้ยจวินซื้อแน่นอน จะเกลียดก็ไม่ได้ เมื่อจางฉุ้ยจวินกลับถึงบ้านก็ยื่นมือออกไปขอสมุดธนาคารกับยิงเจี๋ย แต่ยิงเจี๋ยไม่ให้ สุดท้ายก็ทะเลาะกับจางฉุ้ยจวินไป 1 ยก
และไม่รู้ว่าครั้งนี้ยิงเจี๋ยพูดอะไรกับจางฉุ้ยจวิน ทำให้เขาเกิดเปลี่ยนใจ จากนั้นยิงเจี๋ยก็มาทะเลาะขอแยกบ้านกับเช่าหวายกใหญ่ ให้เช่าหวาซื้อบ้านให้พวกเขาสองคน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็เช่าบ้านสักหลัง
เช่าหวาจะไปมีปัญญาหาเงินขนาดนั้นจากที่ไหน แล้วยิ่งเห็นจางฉุ้ยจวินยอมจำนนต่อภรรยาอ้วนตุ๊บจนโงหัวไม่ขึ้นอีก
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการแกล้งป่วย เพื่อเรียกร้องเงินจากจางฉุ้ยเหลียน
ในที่สุดจางฉุ้ยเหลียนก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ ถึงกับพูดไม่ออกเลยจริง ๆ
เหมือนโรยเกลือบนน้ำเต้าหู้ให้ไปกัดกร่อนกันเอง เช่าหวาควรจะได้รับการขัดเกลาจากคนแบบยิงเจี๋ย แต่จางฉุ้ยเหลียนขี้เกียจสนใจเรื่องบาดหมางของพวกหล่อน วันนี้ทำให้เธอหูตาสว่างมองถึงแผนการร้ายได้จากการทะเลาะกันของทั้งสองว่าเช่าหวาไม่ได้ป่วย
การประหยัดเงินคือเรื่องใหญ่ หลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนเปิดเผยแผนการร้ายของเช่าหวาแล้ว เธอไม่ได้ทิ้งเงินไว้ให้หล่อนแม้แต่หยวนเดียว ไม่ว่าเช่าหวาจะร้องไห้คร่ำครวญอย่างไร เธอก็ยังใจแข็งและเดินจากไป
เธอไม่รู้ว่าจะหน้าด้านหน้าทนแบบไหน ต้องมีจิตใจที่เกียจคร้านขนาดไหน ถึงทำให้คนเราร้องไห้คร่ำครวญเรียกร้องเงินจากคนอื่นได้หน้าตาเฉย และยิ่งไม่เข้าใจว่ายิงเจี๋ยซึ่งอายุยังน้อยถึงได้มีนิสัยตะกละและขี้เกียจแบบนี้ ยอมให้คนอื่นตบหน้า เพื่อให้ได้เป็นปรสิตเกาะกินต่อไป
ตอนที่จางฉุ้ยเหลียนมาหาจางฉุ้ยจวิน น้องชายคนนี้ยืนประสบสอพลอด้วยสีหน้าเชื่อมั่นอยู่ข้างกายของมู่จิ้นหนานเหมือนหมาปั๊ก เมื่อเห็นจางฉุ้ยเหลียนก็เหมือนเลือดที่อยู่ปลายเท้าได้สูบฉีดขึ้นมาฉับพลัน รู้สึกทั้งเสียหน้าและไม่มีค่า
จางฉุ้ยเหลียนไม่รู้ว่ามู่จิ้นหนานมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทำให้ฟู่ซินสามารถเลียนแบบทุกอย่างในตัวเขาได้ และยังทำให้จางฉุ้ยจวินผู้ที่ดูเหมือนจะมีอนาคต ไม่มีสมองและเชื่อฟังราวกับเด็กชั้นอนุบาล
เมื่อเห็นการมาของจางฉุ้ยเหลียน มู่จิ้นหนานก็พูดกับเธอด้วยท่าทางเกรงใจว่า “น้องชายของเธอตกลงแล้ว เธอไม่ต้องกลุ้มใจไปหรอก ” จางฉุ้ยเหลียนอดมองไปทางจางฉุ้ยจวินไม่ได้ “ตัวจริงเผยแล้วสินะ ต้องโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรือ ? ”
จางฉุ้ยจวินไม่ได้สนใจ “เบื่อ พวกหล่อนทะเลาะกันอยู่เสมอ” เมื่อพูดจบเขาก็ไม่ปิดบังว่า “อืดเหมือนหมูตายค้างคืน เห็นแล้วโคตรน่าเกลียด จะหย่าตอนนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว หลังจากที่เสี่ยวหยวนเปาโตกว่านี้หน่อย ฉันจะหย่ากับเธอเอง”
“เธอเห็นไหม จางฉุ้ยจวินเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฉันพูดอะไรก็ไม่เข้าท่า ยังไม่ทันรอให้ฉันตอบสนอง ฟู่ซินก็ให้จางฉุ้ยจวินพาคนเหล่านี้ขึ้นรถตู้แล้ว ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมให้ฉันขึ้นรถด้วย”
…
จางฉุ้ยเหลียนมองกู้จื้อเฉิงที่มีสีหน้าแย่ลงเรื่อย ๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ต่อมามู่จิ้นหนานขับรถพาฉันไปลานเจ็ด ฉันมองตามหลังเขาไป ประมาณ 1 ชั่วโมง จางฉุ้ยจวินก็กลับมา ก่อนจะจับตัวของยิงเจี๋ยที่กำลังกรีดร้อง จากนั้นคุณหมอและบุรุษพยาบาลเหล่านั้นก็ออกมา”
เมื่อได้ยินรายละเอียดของจางฉุ้ยเหลียน กู้จื้อเฉิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สีหน้าเคียดแค้นชิงชัง “พวกคุณ!พวกคุณ! พวกคุณเอาหล่อนไปรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวชหรือ ? หล่อนไม่ได้ป่วย ทำไมพวกคุณถึงได้รังแกคนแบบนี้ ? ”
ความเจ็บปวดได้แสดงออกมาทางสีหน้าของจางฉุ้ยเหลียน “ฉันจะบอกให้นะ ฉันคงทำเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ ฉันนึกวิธีการดี ๆ ไม่ออกเลย จางฉุ้ยจวินเห็นด้วยกับเรื่องนี้ และยังเป็นสามีของยิงเจี๋ยด้วย จะว่าไปแล้วฉันก็ไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น ! ”
จางฉุ้ยจวินก็ไม่มี แต่เขาทำแบบนี้ ทำให้เช่าหวาโง่ไปในทันใด หล่อนคิดว่านี่เป็นฝีมือของจางฉุ้ยเหลียน หล่อนเดินออกมาจากบ้านได้ไม่นาน ฟู่ซินก็พาผู้ชายเหล่านั้นเจ้ามาจับยิงเจี๋ย
เช่าหวาอุ้มหลานด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอคนพวกนั้นขึ้นรถแล้ว หล่อนจึงคิดจะตะโกนเรียก แต่จางฉุ้ยจวินพรวดพราดเข้ามา และพูดกับมารดาว่า “แม่ หยุดตะโกนได้แล้ว แม่ไม่ชอบยิงเจี๋ยนี่ เราก็พาหล่อนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชแล้วไง”
เมื่อพูดจบจางฉุ้ยจวินก็ไม่สนใจว่าเช่าหวาเดินตามมาถามอีกอย่างไร เขาเดินขึ้นรถตู้ไป เช่าหวาร้อนใจมาก มองซ้ายแลขวาก็หาหนทางไม่ได้ หล่อนคิดถึงโรงพยาบาลของคนบ้า ดูเหมือนจะเป็นที่เดียวกัน จึงพาหลานไปทิ้งไว้กับแม่สามี
ถึงแม้ว่าทั้งสองตระกูลจะไปมาหาสู่กันน้อยลงก็ตาม แต่หล่อนยังบากหน้าพาเสี่ยวหยวนเป่าไปฝาก ที่นั่นไม่กล้าปฏิเสธที่จะช่วย และไม่อาจทนดูเด็กตัวแข็งตายอยู่ข้างนอกได้
เช่าหวามาหาจางกว่างฝู เพราะสามีไม่ชอบยุ่งเรื่องภายในบ้าน ไม่ว่าเช่าหวาจะชวนทะเลาะแค่ไหน จะโวยวายอย่างไร เขาก็ไม่มีทางไปเป็นเพื่อนหล่อน
ภายใต้ความจนปัญญา เช่าหวานั่งอยู่ในรถแท็กซี่อย่างสิ้นหวังจนกระทั่งหาลานเจ็ดเจอ ทันทีที่ลงจากรถก็เห็นจางฉุ้ยเหลียนเดินตามฟู่ซินขึ้นรถยนต์คันใหญ่ ลูกชายของหล่อนได้ขึ้นไปในรถตู้ด้วย เช่าหวารีบตะโกนไล่หลังแต่ก็ไม่มีใครสนใจ
ทำได้แค่ไปสอบถามทางโรงพยาบาลคนเดียว เมื่อสอบถามเรียบร้อยแล้วจึงได้รู้ว่ายิงเจี๋ยโดนจางฉุ้ยเหลียนลากตัวมาส่งที่นี่ เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้า
“ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ต่อไปหล่อนจะสร้างปัญหาให้คุณไม่ได้อีก” กู้จื้อเฉิงทำให้จางฉุ้ยเหลียนอึ้งงัน นี่แหละหนอที่เรียกว่าลำบากอึดใจเดียว !
MANGA DISCUSSION