ตอนที่ 328 คุกคาม
“อ่า? ไม่ได้ ไม่ได้เลย !” ป้าซ่งรู้จุดประสงค์การมาของหวังเสี่ยวฮวา หล่อนมองไปยังสมุดบัญชีธนาคารที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย จากนั้นก็เลื่อนสมุดธนาคารกลับไปด้วยความเกรงใจ
“คุณป้าคะ คุณป้าเห็นครอบครัวเราเป็นคนนอกหรือคะ ? ซ่งเล่ยรับเหมาบ่อปลาใหญ่ขนาดนั้น จะไม่ใช้เงินได้อย่างไร เงินที่อยู่ในสมุดเล่มนี้หนูไม่ได้รีบใช้อะไร ไม่สู้ให้คุณป้านำไปใช้ก่อนดีกว่า” หวังเสี่ยวฮวาพูดด้วยความจริงใจ ซึ่งทำให้ป้าซ่งรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ
ครอบครัวของพวกหล่อนไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินขนาดนั้น บรรดาญาติพี่น้องต่างก็ได้ยินว่าซ่งเล่ยอยากเลี้ยงปลาจึงพากันมาช่วยพูดโน้มน้าว บอกว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว จึงอยากให้เรียนหนังสือ ถึงแม้ว่าสาขาที่เรียนจะเป็นสาขาเฉพาะทางก็ตาม แล้วได้เรียนรู้อะไรจากหนังสือบ้าง ?
ปีนี้ก็ไม่รู้ว่าจะแห้งแล้งหรือน้ำท่วม ถ้ารายได้ไม่ดีพอก็จบเห่
“อยากเลียนแบบหยางเหย้าจู่ที่คิดทำงานใหญ่ จนสุดท้ายต้องชดใช้เงินให้คนจำนวนกว่า 50,000-60,000 คน ใน 1 ปี พวกเธอจะชดใช้ไหวหรือ ? เขาเพิ่งชดใช้หนี้สินที่กู้ไปเรียนหมดได้ไม่นาน ตอนนี้ก็ยังต้องใช้เงินอีก เด็กคนนี้นี่ ไม่เข้าใจอะไรเสียเลย!” ญาติของซ่งเล่ยต่างก็พูดแบบนี้ คนในบ้านไม่มีเงินมากพอในการสนับสนุนซ่งเล่ย
สองสามีภรรยาซ่งจึงยิ่งอึดอัดใจ เดิมทีพวกเขาก็ไม่เคยเอ่ยปากขอบรรดาญาติพี่น้องอยู่แล้ว ได้แต่รอเงินกู้ไม่มีดอกเบี้ยที่เลขากู้ได้บอกไว้ แค่ได้เงินก้อนนั้นมา พวกเขาก็จะสู้สุดชีวิตและช่วยเหลือลูกชายอย่างเต็มที่
“พ่อของหนูฝากมาบอกว่า คุณป้าไม่ต้องไปกู้เงินดอกเบี้ยสูงข้างนอกเลยค่ะ เจ้าหนี้พวกนั้นคิดดอกเบี้ยสูงจะตายไป ขนาดคนกันเองยังฟาดดอกเบี้ยสองเท่าเลย ไม่คุ้มทุนหรอก” หวังเสี่ยวฮวากัดริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเบา ๆ ว่า “นี่คือสมุดบัญชีธนาคารที่พ่อของหนูฝากเอาไว้ ถึงจะไม่เยอะ แต่ก็จำเป็นต้องใช้ บ้านคุณป้าขาดเหลือเท่าไหร่คะ หนูจะคุยกับคุณลุงซ่งเอง เราจะได้มาช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไข!”
ป้าซ่งรู้สึกอบอุ่นใจ คนเรามักเจอความจริงใจเมื่อพบความยากลำบาก ดั่งถ่านหินที่มอดไหม้อยู่กลางหิมะ หวังอู่เป็นคนจริงใจคนหนึ่ง หวังเสี่ยวฮวาก็เป็นเด็กดีที่มีจิตใจงดงาม
หล่อนอดพูดตรง ๆ กับหวังเสี่ยวฮวาไม่ได้ “ไม่ต้องหรอกจ้ะ เสี่ยวฮวา ป้ามีเรื่องอยากคุยกับหนูพอดี”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของเสี่ยวฮวา ป้าซ่งก็อดชมในใจไม่ได้ว่าหล่อนสวยมากแค่ไหน
“เรากำลังรอเงินกู้ไม่มีดอกเบี้ยเหมือนซ่งเล่ยอยู่ ไม่ให้เรากู้เงินหรอกหรือ เราแย่มากขนาดนั้นเลยหรือ ? กำลังดูถูกว่าเราไม่มีการศึกษาหรือ ? ” ผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่ในห้องทำงานของกู้จื้อเฉิงมีจำนวนมาก คนเหล่านี้ต่างก็มาหากู้จื้อเฉิงให้กู้เงินไร้ดอกเบี้ยให้
กู้จื้อเฉิงมองไปทางแกนนำของทุกคนก็คือ เฉินเอ้อขุย ผู้ชายคนนี้เป็นลูกเขยเจ้าของหมาที่ปล่อยให้ไปกัดคนอื่นนั่นแหละ เขาถามกู้จื้อเฉิงต่อหน้าทุกคนตามตรง “คุณคิดจะรังแกตระกูลหยางใช่ไหม ? คิดสู้กับอาสี่ ให้แซ่หยางได้ลิ้มรสความลำบากสินะ”
เขาคิดว่าตนต้องปากกัดตีนถีบอยู่ในหมู่บ้านหยางจวงเพราะอาสี่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมานานหลายปีแล้ว แต่กู้จื้อเฉิงเป็นคนต่างถิ่นกลับมีโอกาสเข้ามาเป็นเลขาของหมู่บ้านเสียอย่างนั้น
ของใหม่ใครก็เห่อกันเป็นธรรมดา และกู้จื้อเฉิงก็ได้สร้างภัยคุกคามให้ตระกูลหยางเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นถ้าจะเลื่อนขั้นให้คนต่างถิ่น ต้องมีเหตุผลอันสมควรเสียก่อน “คุณไปหาซ่งเล่ยก่อนไปหาคนอื่น ให้คำปรึกษาหารือกัน หลังจากที่ซ่งเล่ยถูกคุณติดต่อไปหลายครั้ง ก็ไม่เอาอะไรอีกเลย สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับมาเพาะเลี้ยงปลาที่บ้าน และคุณก็สนับสนุนเขาด้วย !”
กู้จื้อเฉิงไม่รู้ว่าชาวบ้านตาดำ ๆ เหล่านี้จะมีช่วงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เปลี่ยนจากขาวเป็นดำกันแบบนี้ด้วย เขาคลี่ยิ้มเล็กน้อย และนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานอย่างไม่สะทกสะท้านแม้ว่าภูเขาจะถล่ม ท้องฟ้าจะพังทลาย
จนกระทั่งรอให้ทุกคนบ่นกันเสร็จ เขาจึงกวาดตามองพิจารณาพวกเขาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พูดจบแล้วใช่ไหมครับ ? ”
ทุกคนต่างมองกู้จื้อเฉิงด้วยความเย็นชา ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มอย่างเย็นยะเยือก “ไม่ว่าผมจะทำอะไรต้องอธิบายให้พวกคุณทราบใช่ไหมครับ ? ”
จากนั้นก็มองไปทางพี่ใหญ่หยาง “คุณคิดอย่างไร ผมก็ต้องทำตามใช่ไหม ? ”
ในเวลานี้พี่ใหญ่หยางไม่เข้าใจว่าหมายความอย่างไร แต่ก็ยังเชิดหน้าชูคอดื้อรั้น “แล้วคุณจะให้หรือไม่ให้กู้ล่ะ!”
กู้จื้อเฉิงพูดอย่างเย็นชา “ครับ ผมไม่ให้พวกคุณกู้เงิน เหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่พวกคุณเสนอมา ไม่มีน้ำหนักมากพอที่ผมจะอนุมัติ ดังนั้นจึงไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการยื่นขอกู้เงินครับ”
คำพูดนี้เหมือนน้ำที่หยดลงไปในหม้อน้ำมันเดือด ทำให้ชายฉกรรจ์ตรงหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พวกเขาไม่กล้าลงไม้ลงมือกับกู้จื้อเฉิง แต่ก็ยังมิวายส่งเสียงโวยวายด้วยความไม่ยอม ไม่ได้รับความเป็นธรรม และยากที่จะสงบลงได้อย่างต่อเนื่อง
พี่ใหญ่หยางชี้หน้ากู้จื้อเฉิงด้วยความโกรธจนตัวสั่นราวกับต้องการพิสูจน์ในคำพูดของตน “ฉัน ฉันจะฟ้องร้องคุณ”
กู้จื้อเฉิงยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแสดงท่าทางจนปัญญา “เอาเลยครับ ไปฟ้องร้องผมเลย”
กู้จื้อเฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนจึงไม่กล้าส่งเสียงออกมาอีก นอกจากแอบด่าความอวดดีของกู้จื้อเฉิงอยู่ในใจ หรือว่าภูมิหลังของเขาจะลึกซึ้งมากกว่านั้น ?
เขาทิ้งเอกสารฉบับหนึ่งในมือลงโต๊ะ และใช้นิ้วเคาะบนเอกสารนั้นเบา ๆ “ถ้าพวกคุณอยากกู้เงินก็ใช่ว่าไม่ได้ แต่ต้องทำข้อตกลงกันหน่อย ไม่ใช่พากันมาขอกู้เพียงเพราะไม่มีดอกเบี้ย แล้วพวกคุณคิดจะคืนเงินที่ยืมกันบ้างไหมล่ะครับ ? ”
คนที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “แต่เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ เราก็ต้องลงต้นกล้ากันแล้ว ไหนจะต้องใช้เงินซื้อเมล็ดพันธุ์อีก”
กู้จื้อเฉิงตอกกลับโดยไม่ปลายตามอง “ที่ดิน 2 ส่างของพวกคุณ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ? ผลผลิตเมื่อปีที่แล้ว พวกคุณเอาเงินเหล่านั้นไปใช้หมดหรือว่าเอาไปเล่นพนัน ? ”
ไม่ต้องเงยหน้ามองก็รู้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าบ้านคนนั้นมีที่ดินเท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่าเข้าใจความเป็นอยู่ของพวกเขาเป็นอย่างดี ทุกคนเริ่มตื่นตัวอยู่ในใจ จนหันไปมองพี่ใหญ่หยาง เพื่อดูว่าเขาจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร
“ข้อตกลงอะไรกัน ? อ่อ ชาวประมงกู้เงินได้เพียงอาชีพเดียวอย่างนั้นสิ ? พวกเขามีปัญญาตกปลามากมายขนาดนั้นได้ที่ไหน ถ้าตกปลาไม่เป็นขึ้นมาจะทำอย่างไร ? ” พี่ใหญ่หยางส่งเสียงฟึดฟัดออกมา แต่น้ำเสียงยังไม่กล้าแข็งกร้าวมากนัก
“นี่คือกองทุนเพื่อสนับสนุนหมู่บ้านรูปแบบใหม่ แน่นอนว่ามันถูกกำหนดมาเพื่อหมู่บ้านแบบใหม่โดยเฉพาะ ผมขอให้พวกคุณกรอกแบบฟอร์มเหล่านี้ แต่ถ้าใครอ่านข้อกำหนดไม่ละเอียด”
กู้จื้อเฉิงทอดถอนใจเล็กน้อย ยังไม่ทันที่จะพูดจบก็ได้ยินพี่ใหญ่หยางพูดออกมาตรง ๆ “ฉันไม่มีวัฒนธรรม ไม่รู้หนังสือหรอก!”
กู้จื้อเฉิงนึกถึงเหตุการณ์ในซุยหยวนขึ้นมาได้ จางฉุ้ยเหลียนเคยพูดอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “คุณจนคุณมีเหตุผล ฉันรวยฉันก็สมควรได้รับ”
เขาหลุดหัวเราะออกมา “ไม่รู้หนังสือ ? งั้นก็คงไม่เข้าใจและคงไม่มีทักษะด้วย ถ้าจะรอให้ผู้เชี่ยวชาญในเมืองมาช่วยแนะนำแนวทางให้ คุณก็คงจะเรียนไม่ไหว ซึ่งก็บ่งบอกได้ว่าคุณกู้เงินของผมไม่ได้ ไปกู้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรก็จบ ที่นั่นปล่อยเงินกู้สมเหตุสมผล และไม่ต้องเปลืองแรงด้วย!”
คำพูดนี้ทำให้พี่ใหญ่หยางเดือดดาลขึ้นทันใด จากนั้นก็กัดฟันกรอดและตะคอกกลับไป “ถ้าที่นั่นไม่คิดดอกเบี้ย ผมจะมาหาคุณให้เสียเวลาทำไม ? ”
“ทำไมล่ะครับ ? คุณไม่เพียงแต่ไม่รู้หนังสือ แล้วยังฟังไม่เข้าใจอีกนะครับ ก็บอกอยู่ว่าเป็นเงินสนับสนุนเฉพาะทาง ! ” กู้จื้อเฉิงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมเช่นกัน
“ได้ คุณจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมจะกรอกแบบฟอร์มก็ได้!” ให้ได้เงินมาอยู่ในมือก่อนเถิด ไว้คอยดูว่าฉันจะตลบหลังอย่างไร ?
ดูเหมือนว่ากู้จื้อเฉิงจะอ่านความคิดของพี่ใหญ่หยางออก จึงพูดเตือน “เงินกู้ก้อนนี้เป็นเงินสนับสนุนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปลูกต้นไม้ โรงเพาะ เลี้ยงปลาหรือแม้แต่เลี้ยงสัตว์ปีก ต่างก็เป็นไปตามคำร้องขอทั้งสิ้น ทุก ๆ ช่วงเวลาจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยเดินจดบันทึก และคอยให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเกษตร คุณคิดว่าเราตาบอดไม่เห็นอย่างนั้นหรือ ? ”
ทุกคนจึงเข้าใจในทันที ที่แท้สิ่งที่เรียกว่าเฉพาะทางก็คืออาชีพทั้งสี่ประเภทนี้เอง บางคนหยิบแบบฟอร์มขึ้นมาอ่านด้วยความอยากรู้ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันในขณะที่กำลังเคร่งอ่านข้อกำหนดอย่างละเอียด ส่วนปากก็ยังมิวายพึมพำ “ไอ้หยา คิดว่าการกรอกเอกสารมันมีประโยชน์มากใช่ไหม”
บางคนถึงกับเอ่ยถาม “ทำไมที่ดินผืนนั้นถึงกู้เงินไม่ได้ ? ”
กู้จื้อเฉิงคลี่ยิ้มและพูดว่า “ที่ผมมาที่นี่ ก็เพื่อมาพัฒนาระบบเกษตรกรรมรูปแบบใหม่ ทุกคนสามารถยื่นหนังสือร้องขอกู้เงินในการเพาะปลูกได้ ซึ่งดอกเบี้ยก็ถูกกว่าชาวบ้านทั่วไป ในความเป็นจริง เป็นวิธีการที่ทางประเทศต้องการประคับประคองเศรษฐกิจในพื้นที่เท่านั้น”
ทุกคนเข้าใจ และมีบางคนถามขึ้นมา “เลี้ยงสัตว์ปีกหมายความว่าอย่างไร ? ”
กู้จื้อเฉิงดูมีความกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด จากนั้นก็เชิญทุกคนนั่งลง ก่อนจะอธิบายว่าการเลี้ยงสัตว์ปีกก็เป็นโครงการช่วยประคับประคองดูแลห่านขาว
“สภาพแวดล้อมของเราเหมาะแก่การเจริญเติบโตของห่านมาก ไม่ต้องป้อนอาหารเหมือนไก่ แค่เลี้ยงด้วยหญ้า เพราะอย่างไรที่นี่ก็มีสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นอ้อในช่วงฤดูใบไม้ผลิอยู่แล้ว” คนงานทุกคนมีต้นทุนค่อนข้างต่ำ อีกทั้งยังไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่เหล่านี้อีกด้วย
“จะปล่อยตรงไหนก็ปล่อย แล้วถ้ามันเข้าไปในบ่อปลาของชาวบ้านล่ะ พวกห่านโตเต็มวัยคงจะกินปลาจนหมดบ่อ สร้างความเสียหายให้ชาวบ้านอีก โครงงานนี้ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไรมั้ง” บางคนเกิดข้อสงสัย กู้จื้อเฉิงจึงคิดว่านี่เป็นแนวโน้มที่ดี
เขายิ้มและพูดว่า “ระยะห่างของบ่อปลาก็ไกลพอสมควร แม่น้ำที่ใกล้หมู่บ้านที่สุดก็ค่อนข้างตื้นมาก ถึงจะมีปลาตัวเล็กและกุ้งตัวเล็กก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นของชาวบ้าน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเลย ยกตัวอย่างซ่งเล่ย บ่อปลาของเขามีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน บ่อปลา 4 ใน 5 ส่วนก็ถูกเขาเหมาไปหมดสิ้น เขาก็แค่ต้องใช้ตาข่ายมาล้อมปิดไว้ไม่ให้ห่านเข้าไป ส่วนบ่อน้ำตื้นข้างนอก ก็เป็นที่อยู่ตามธรรมชาติของมันได้เลย”
ไม่เพียงแค่นี้ ทางทิศใต้ของหมู่บ้านก็ยังมีสนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ปกติแล้วพวกชาวบ้านมักจะปล่อยแกะมากินหญ้าในบริเวณนี้ ซึ่งห่านก็กินหญ้า ไปที่นั่นก็ได้ อีกทั้งถ้าพื้นที่เลี้ยงห่านขนาดใหญ่ ก็จะต้องมีธัญญพืชบางอย่างเช่นข้าวสาลีทำนองนั้น
ห่านไม่กินของคาว ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วต้นทุนในการเลี้ยงห่านค่อนข้างต่ำ
“ถ้าจะขายต้องทำยังไง ? ตัวสองตัวก็ยังพอพูดกันได้ แต่ถ้าทุกคนอยากเลี้ยงห่านขึ้นมาบ้างจะทำอย่างไร ? ” บางคนเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับช่องทางการจัดจำหน่าย
กู้จื้อเฉิงยิ้มและนั่งตัวตรง เขาชื่นชมคน ๆ นี้ในการกล้าที่จะถาม “ถ้าพวกคุณไม่วางใจ ก็ลองเลี้ยงไม่กี่ตัวก่อนก็ได้ครับ เพราะปกติแล้วพวกคุณก็เลี้ยงไก่เป็ดในบ้านอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นก็มาดูกันว่าห่านตัวนี้จะขายออกไหม”
บางคนฟังน้ำเสียงของเขาออก บางคนถึงกลับรุดหน้าเข้าไปถามกู้จื้อเฉิงด้วยความอยากรู้ “เลขากู้ หรือว่าคุณหาช่องทางในการขายได้แล้วครับ ? ”
กู้จื้อเฉิงยังไม่เคยทำเรื่องนี้สำเร็จและไม่กล้ารับประกันด้วย แต่เขาก็ได้เสนอทางออกไปว่า “เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ทำปีสองปียังไม่ได้ผลลัพธ์ที่หวังไว้หรอกครับ ผมเองก็ไม่ได้จะไปในเร็ววัน ”
บางคนเริ่มใจเต้น จากนั้นก็หยิบแบบฟอร์มเตรียมกลับไปปรึกษากับคนในครอบครัว บางคนก็ยังชำเลืองมองไปทางพี่ใหญ่หยาง เพื่อส่งสัญญาณให้เขาพูดอะไรบางอย่าง
พี่ใหญ่หยางส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา “พูดได้ดี ถ้าเราเลี้ยงห่านแล้วได้ผลดี แต่ขายออกไม่ได้หรือขายตัวที่พิการไม่ออก คุณจะชดเชยให้เราไหม ? ”
กู้จื้อเฉิงไม่ตอบ เขาจึงเดินขึ้นหน้าทีละก้าว “ถ้าป่วยก็ต้องตาย คุณจะจ่ายเงินกู้แทนเราหรือ ? ”
“ถ้าคุณกู้เงินไปปลูกพืชไร่ หากสร้างเงินไม่ได้แล้วใครจะคืนเงินแทนคุณ ? ” กู้จื้อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เวรเอ๊ย คุณสาปแช่งผมหรือ ? ” พี่ใหญ่หยางยืดตัวขึ้น ราวกับวัวที่กำลังคลุ้มคลั่ง
กู้จื้อเฉิงหลุดขำออกมา นึกไม่ถึงว่าคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ก่อนจะกลายมาเป็นคนแบบนี้ แต่เมื่อคิดดูแล้วก็พอเข้าใจได้ สุนัขของตนไปไล่กัดคนอื่น ถูกปู่ของเด็กทุบตีจนตาย พวกเขาก็ใช่ว่าจะเป็นเดือดเป็นร้อน
เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้ ก็พบว่าไม่เหมาะสม ทั้งสองฝ่ายจึงจับมือกันสงบศึก
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พี่ใหญ่หยางจะมาใจร้อน แต่กู้จื้อเฉิงก็ไม่รู้ว่าจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเขาได้อย่างไร
ใครอยากให้เขาเข้าใจผิดว่ากำไรของตนจะถูกคุกคามด้วยเล่า ?
MANGA DISCUSSION