ตอนที่ 316 หมู่บ้านหยางจวง
“เราให้คนช่วยได้!” เมื่อก่อนนี่เป็นคำพูดที่อันหลงมักพูดอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนทหารของกู้เต๋อไห่หรือว่าเพื่อนสนิทที่ทำธุรกิจร่วมกัน ต่างก็เคยได้ยินจนชินหูทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่จะพบเจอกับสิ่งที่ยากมาก ไม่เช่นนั้นถ้าทำตามวิธีการของอันหลงก็ยังสามารถแก้ไขปัญหามากมายเหล่านั้นได้
แต่ก็นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะมีวันนี้ อันหลงแค่รู้สึกอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าลูกสะใภ้และลูกชายจนไม่อาจทนนอนอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปได้
ทันทีที่หล่อนออกไปจากบ้าน ตงลี่หวาและเซี่ยจวินก็เริ่มถามกู้จื้อเฉิงถึงเรื่องไปพัฒนาชนบท กู้จื้อเฉิงเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอย่างละเอียด ตัดทิ้งเรื่องที่เขาคุยกันลับหลังสองสามีภรรยาจิ้นเหวินทิ้งไป
กระนั้นก็ยังพอเข้าใจบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่เคยถามเหล่าพี่น้องมาแล้ว เรื่องนี้กลายเป็นบททดสอบ เหนือสิ่งอื่นใดคือระดับความยากที่ถึงแม้ว่ามันจะหนักหน่วง แต่ในกรณีที่มันสำเร็จ หมายความว่าจะสามารถป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองได้
บรรพบุรุษเจ็ดชั่วโคตรของเซี่ยจวินและตงลี่หวาต่างก็ทำมาหากินด้วยการขุดดินเพื่อหาอาหารทั้งนั้น ดูท่าทางจะเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิรูปชนบทมากกว่าอันหลงเสียอีก สิ่งที่สามีภรรยาคู่นี้เห็นคืออนาคต ประกอบกับวาทศิลป์ในการโน้มน้าวของจางฉุ้ยเหลียน ได้เอ่ยถึงภาพทิวทัศน์ของชนบทระบบสังคมนิยมใหม่ที่เธอเคยเห็นจากทางตอนใต้ ถึงจะบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีการพัฒนาถึงระดับนั้น แต่เศรษฐกิจก็เจริญรุ่งเรือง ส่งผลให้กระเป๋าเงินของชาวบ้านพองโตไปด้วย นี่เป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้
ทั้งสองคนดีใจมาก ถึงแม้ว่าการทดสอบนี้จะไม่ได้เกิดในบ้านเกิดของตน แต่ก็จี้จุดใจดำของกู้จื้อเฉิงอย่างมากทีเดียว ทั้งสองต้องคอยสนับสนุนกันตลอด สำหรับตงลี่หวานี่ถือเป็นบุญกุศลมหาศาลเลยทีเดียว
วิธีการสนับสนุนของสองอาวุโสเป็นวิธีการที่สามารถช่วยเหลือเด็ก ๆ ได้ ถ้าคนในบ้านมีปัญหาอะไร พวกเขาก็ยังสามารถสนับสนุนอยู่บนพื้นฐานเศรษฐกิจแบบนี้ สองสามีภรรยาเซี่ยจวินต่างก็ใจกว้าง ยอมแลกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ในความเป็นจริง กู้จื้อเฉิงเองก็รู้ว่าครอบครัวของสามีภรรยาคู่นี้ไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข เพียงแต่พยายามที่จะไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเขา พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดทำได้ขนาดไหน และพ่อแม่บุญธรรมทำได้ขนาดไหนต้องระวัง
อันหลงเอาแต่ยุ่งกับงานทั้งวัน ก่อนหน้านั้นหล่อนเคยถูกเพื่อน ๆ ทหารของกู้เต๋อไห่หักหน้าไม่เหลือชิ้นดี ต่อมาก็ถูกภรรยาคนใหม่ของกู้เต๋อไห่สร้างความโกรธแค้นไปอีกครึ่งชีวิต ส่งผลหล่อนโกรธจนต้องโทรศัพท์ไปบ่นกับกู้จื้อชิว จนรู้ว่ากู้จื้อชิวไปเจอกับพ่อแม่ของคนรักที่อยู่ทางตอนใต้ และมีแผนจะถอนหมั้น
ตอนนี้กู้จื้อเฉิงกลับไปอยู่บ้านเกิด เพื่อทำงานนำร่องอะไรนั่น แต่มันก็เป็นแค่งานเท่านั้น ในระยะเวลา 2 ปี การจะไหว้วานคนให้ช่วยพาเขากลับมาก็ใช่ว่าจะไม่ได้ เรื่องที่ร้อนใจที่สุดในตอนนี้ก็คือความดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟังของกู้จื้อชิว อันหลงจึงซื้อตั๋วรถไฟไปหาลูกสาวโดยไม่ได้สนใจลูกชายแม้แต่นิดเดียว
ในตอนที่อันหลงเดินทางนั้น กู้จื้อเฉิงกำลังนั่งอยู่บนรถที่จัดเตรียมไว้ไปหมู่บ้านหยางจวงพอดี นั่นคือหมู่บ้านที่เจริญรุ่งเรืองอย่างที่จิ้นเหวินได้บอกไว้
โอกาสดี ๆ เช่นนี้ จางฉุ้ยเหลียนไม่สะดวกที่จะตามอันหลงไปอย่างแน่นอน โชคดีที่ฝั่งนั้นรับรู้และได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อนแล้ว ฝั่งนี้จึงได้รับมอบหมายงานมาทำจนสำเร็จ จนเวลาเลยผ่านไปถึงวันที่ 15 กลางเดือน
สถานที่ที่กู้จื้อเฉิงอยู่นั้นเป็นลานกว้างของคณะกรรมการที่ปรึกษาของหมู่บ้านหยางจวง เงื่อนไขในการเข้าอยู่นั้นดีกว่าหมู่บ้านหรูหราหลายเท่า ลานกว้างแห่งนี้ถูกปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาว เตาปูนไม่ใหญ่แต่ก็สะอาดสะอ้านอย่างมาก
อันหลงโทรศัพท์มาหา ยืนกรานจะให้กู้จื้อชิวแต่งงานวันที่ 1 พฤษภาคม ทุกคนไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน มีแค่อันหลงที่พึงพอใจอยู่คนเดียว กู้จื้อเฉิงไม่พอใจเช่นเดียวกัน วันปีใหม่กู้จื้อชิวก็อายุ 24 ปีบริบูรณ์แล้ว หล่อนไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าอันหลงเป็นอะไร ถึงได้มีความคิดที่แน่วแน่เช่นนี้
จางฉุ้ยเหลียนคงจะเป็นเจ้าของชีวิตของน้องสามีไม่ได้ จึงโทรศัพท์ไปถามกู้จื้อชิวเป็นการส่วนตัว กู้จื้อชิวถูกมารดาสร้างความอับอายจนไม่มีอารมณ์จะทำอะไร ได้แต่บอกว่าคู่ชีวิตคนนี้ดีกับเธอมาก ฐานะทางบ้านของเขาก็ไม่ได้ถือว่าแย่นัก พ่อแม่ของเขาก็ไม่ใช่คนตะวันออกเฉียงเหนือด้วย พวกเขาผันตัวมาเป็นชาวใต้หาเลี้ยงชีพด้วยการซ่อมรองเท้านานแล้ว เคยชินกับช่วงชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมมาก หากคิดจะหาหนทางก็คงมีหลายจุดที่คงจะปฏิเสธไม่ได้
อันหลงไม่รู้สึกว่ามันจะแย่ตรงไหน บอกแค่ว่าทั้งสองคนมีความสามารถและขยันเอาการเอางาน ขยัน อดออม ใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์ ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา
จางฉุ้ยเหลียนเป็นสะใภ้ คงพูดเรื่องเหล่านี้มากไม่ได้ แต่ตอบกลับกู้จื้อชิวไปว่า “เธออย่าไปฟังคนอื่นว่าจะพูดอย่างไรสิ แค่เธอใช้ชีวิตในแบบของตน ถ้าไม่พอใจ ไม่มีใครบังคับเธอได้ จะแต่งงานช้าหรือแต่งงานเร็ว พี่ชายและพี่สะใภ้ของเธอก็สนับสนุนอยู่ตลอด”
กู้จื้อชิวรู้สึกซาบซึ้งใจมาก หล่อนไม่รู้ว่าชาติที่แล้วตนเองเป็นเด็กสาวที่งดงาม มีความสามารถ มีประวัติการศึกษาที่ดี เอาแต่ใจและได้แต่งงานกับผู้ชายที่น่าหลงใหล หน้าตาดี มีภูมิฐาน มีฐานะทางบ้านดีมากคนหนึ่ง ถ้าจะให้พูดทันสมัยหน่อยก็คงจะเป็นลูกท่านหลานเธอในตระกูลร่ำรวยทำนองนั้น ไม่อย่างนั้นกู้จื้อชิวก็คงไม่แสดงท่าทางเย่อหยิ่งต่อหน้าจางฉุ้ยเหลียนหรอก และคงไม่ควักเงินออกมาจ่ายค่าเลี้ยงดูทั้งหมดของเชี่ยวเชี่ยว
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แม้กระทั่งคาบเรียนเปียโน 150 หยวนต่อ 1 คาบ สองสามีภรรยาจางฉุ้ยเหลียนจ่ายไม่ได้ ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาขั้นพื้นฐานจะเป็นหน้าที่ของกู้จื้อชิว แต่เงินที่ต้องจ่ายหลังจากนั้นไม่ถือว่าน้อยลงแต่อย่างใด คาบเรียนหนึ่งสัปดาห์ต่อ 2 คาบคิดเป็นเงิน 300 หยวน เงินเดือนแต่ละเดือนของจางฉุ้ยเหลียนคงจะรับภาระจ่ายค่าเรียนพิเศษให้ลูกสาวไม่ไหว
นี่เป็นอีกสาเหตุที่จางฉุ้ยเหลียนต้องกลับชาติมาเกิดใหม่ เพื่อจะได้ช่วยสนับสนุนเงินให้กับกู้จื้อชิวอย่างเต็มที่ เรื่องนี้จางฉุ้ยเหลียนไม่เคยบอกกู้จื้อเฉิง แต่เธอจำได้ขึ้นใจ
ตอนนี้ฐานะทางบ้านก็ไม่รู้ว่าจะดีกว่าชาติที่แล้วแค่ไหน ตามความคิดของจางฉุ้ยเหลียน กู้จื้อชิวหาน้องเขยได้ดีกว่าชาติที่แล้วได้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลจะต้องไปสู้หล่อน เพื่อบีบเอาเหตุผลไร้สาระเหล่านั้นออกมาเป็นตัวตัดสิน
แต่การแต่งงานมีแม่สามีคอยให้การสนับสนุนจนลุล่วงไปด้วยดี บางทีน้องเขยคนใหม่อาจมีอะไรบางอย่างเหนือความคาดหมายก็ได้ แค่พวกเขาทั้งสองไม่รู้ก็เท่านั้น
กู้จื้อเฉิงเองก็คิดเช่นนี้อยู่ในใจ ถึงจะไม่ถามแต่ก็คิดอยู่ตลอด
ต้นเดือนมีนาคม คังคังมักจะป่วยมีน้ำมูกอยู่บ่อย ๆ ตงลี่หวาจึงพาคังคังเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลของรัฐบาล นี่เป็นโรงเรียนอนุบาลที่ดีที่สุดในหมู่บ้านแล้ว ค่าเทอมก็อยู่ในราคารับได้ คือเดือนละ 300 หยวนเท่านั้น
จางฉุ้ยเหลียนไม่ได้มีรายได้มากมายขนาดนั้น โชคดีที่ค่าเขียนต้นฉบับไม่ต่ำมาก เพียงแต่เธออยากให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลที่หวังไว้ แต่ครั้งนี้ตงลี่หวายืนกรานหัวชนฝา คิดไปคิดมาก็ถูกอย่างที่หล่อนว่า ถ้าตัวเองเป็นอาจารย์สอนมัธยมธรรมดา เด็ก ๆ เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นได้แล้วจะบังคับฝืนใจพวกเขาให้มาอยู่ข้างกายได้อย่างไร?
ก่อนจะทำธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า จางฉุ้ยเหลียนเสียเงินจ่ายค่าตู้คอนเทนเนอร์มือสองไปหนึ่งกล่องใหญ่ ตอนขึ้นไปบนเกาะ C เธอยกรถให้ฟู่ซินใช้ ตอนนี้กู้จื้อเฉิงไปหมู่บ้านหยางจวง เถ้าแก่ใหญ่อย่างฟู่ซินก็ทำตัวหรูหราฟุ่มเฟือยขึ้นมาทันใด มือใหญ่ออกหน้าซื้อรถยี่ห้อ Jetta มือสองให้จางฉุ้ยเหลียนด้วยตนเอง
เรื่องนี้ทำให้ภรรยาของฟู่ซินโกรธเคืองไม่น้อย แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยคำใดออกมา ตอนนี้คนข้างนอกกำลังจับจ้องตำแหน่งภรรยาหลวงของตนอยู่ หล่อนไม่กล้าสร้างปัญหาให้จางฉุ้ยเหลียนแม้แต่นิดเดียว เธอคือเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยของฟู่ซิน ผู้มั่งคั่งในสายอาชีพนี้
เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นเฉียนเหมยเซี่ยในตอนนี้ หล่อนประจบสอพลอจางฉุ้ยเหลียนอย่างไม่น่าเชื่อ หวังว่าจะโน้มน้าวเมื่ออยู่ต่อหน้าฟู่ซินได้ เพื่อรักษาสถานะทางครอบครัวให้คงอยู่ เรื่องนี้ทำให้เธอหัวเราะไม่ออก สงสารก็แต่เฉียนเหมยเซี่ยที่ต้องอยู่อย่างไม่เป็นอิสระ ทำให้หล่อนเกลียดฟู่ซินสามีผู้ไร้ความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น
เรื่องครอบครัวของคนอื่น จางฉุ้ยเหลียนไม่มีเวลาจะนั่งสนใจ หลังจากที่กู้จื้อเฉิงมาอยู่ที่นี่ครบ 1 สัปดาห์แล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็ขับรถมาเยี่ยมเยียน และเห็นเสื้อผ้าที่ดูสะอาดสะอ้านของกู้จื้อเฉิงถูกจัดเก็บใส่ตู้เสื้อผ้าเรียบร้อย สุขอนามัยส่วนตัวที่ยังคงรักษานิสัยความเคยชินที่ดีเมื่อครั้งตอนอยู่ในกองทัพทหาร แต่เตาปูนทำอาหารเย็นชืดและเตียงปูนเย็นชืด ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากทีเดียว
หมู่บ้านหยางจวงกลายเป็นจุดทดสอบของคู่ชีวิต เพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ดี
ในความเป็นจริงแล้ว หมู่บ้านหยางจวงก็เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีถนนทางหลวงและถนนเส้นหลักของหมู่บ้านตัดผ่านที่นี่ อีกทั้งยังเป็นจุดตัดของทั้งสองหมู่บ้านอีกด้วย ถึงแม้จะไม่มีรถไฟแต่ก็ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางเส้นทางคมนาคม
อีกทั้งยังเป็นพื้นที่มีแม่น้ำอูหยูเอ๋อร์ไหลผ่าน ไม่สามารถมองเห็นแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่รอบเมืองด้านในได้ เมือง Q มีสภาพแวดล้อมชื้นแฉะไว้สำหรับปลูกต้นอ้อขนาดใหญ่ ดังนั้นหมู่บ้านหยางจวงจึงมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การทำข้าวนาดำ และอุตสาหกรรมด้านประมงที่สุด
จางฉุ้ยเหลียนเดินไปตามถนนลาดยาง คิดเงียบ ๆ อยู่ในใจว่าพื้นที่แห่งนี้น่าจะพัฒนาได้ง่ายกว่าพื้นที่อื่น ความสามารถของจิ้นเหวินก็มากพอจะเชิญผู้ร่วมหุ้นทางธุรกิจได้ ต้องมาลุ้นกันว่าจะสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจไปในทางที่ดีขึ้นได้ไหม
ทั้งสองยังคิดถึงวิธีการที่ว่า ‘อยากรวยต้องสร้างหนทางก่อน’ ผลลัพธ์กลับคาดไม่ถึงว่าสถานที่แห่งนี้จะยังคิดสร้างหนทางไปสู่ความสำเร็จ ? ถนนสายหลักอยู่ด้านหลังของหมู่บ้านหยางจวง ส่วนถนนของมณฑลแบ่งออกเป็นสองเส้นผ่านกลางเมือง
ทรัพยากรทางด้านการศึกษาในหมู่บ้านหยางจวงก็ไม่ถือว่าแย่นัก ประถมศึกษา 1 แห่ง และมัธยม 1 แห่ง เพราะเหตุผลทางด้านสิ่งแวดล้อม ภัตตาคารอาหารอีก 2 แห่ง เรื่องที่น่าประหลาดใจคือ ที่นี่ยังมีธนาคารเพื่อการเกษตร 1 แห่ง, ไปรษณีย์ 1 แห่ง, โรงพยาบาลรัฐ 1 แห่ง, อนามัยเอกชน 1 แห่ง และโกดังเก็บธัญญพืช 1 แห่ง
มิน่าล่ะ จิ้นเหวินจึงพูดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีมากโอกาสหนึ่ง ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์แต่กลับสร้างเงินไม่ได้ คงจะไม่มีปัญญากันจริง ๆ
ภรรยาของเลขานุการคนใหม่เก่งมาก เป็นผู้หญิงที่สามารถขับรถไปไหนมาไหนเองได้ ซึ่งเรื่องนี้ดังกระฉ่อนไปทั่วหมู่บ้านหยางจวง ผู้คนมากมายล้วนถีบจักรยานมาเชยชมให้เป็นบุญตา
ผู้ใหญ่บ้านหยางวัยชราเป็นคนที่เจริญรุ่งเรืองมาก ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจเขา เรียกเขาว่าอาสี่ เขาเป็นคนหมู่บ้านหยางจวงตั้งแต่กำเนิด มีคุณธรรมบารมีสูงส่ง อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านอีกด้วย เขาคอยขับไล่ผู้ใหญ่กับเด็กที่สนุกกับการมามุงดูคนอื่น ขับไล่พลางพูดว่า “ดูอะไรกัน ? ดูคนอื่นสนุกนักหรือไง ? ขับรถได้แล้วมันแปลกตรงไหน พวกเธอไม่เคยเห็นผู้หญิงขับรถแทรกเตอร์งั้นหรือ พวกนี้มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ”
“ที่นี่ยังมีหัวหน้าหมู่บ้านอะไรนั่น แถมยังมีศาลบรรพบุรุษของหมู่บ้านด้วยไม่ใช่หรือ ? ” จางฉุ้ยเหลียนถามกู้จื้อเฉิงด้วยความอยากรู้ เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“ว่ากันว่า เมื่อครั้งอพยพ พวกเขาได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันทั้งหมู่บ้าน ฝั่งนี้เป็นศาลบรรพบุรุษ ฝั่งนั้นเป็นภูมิลำเนาเดิมซานตง ห่างออกไปอีก 10 กิโลเมตรเป็นสุสาน นั้นคือสุสานของหมู่บ้านหยางจวง และเป็นที่ฝั่งคนในหมู่บ้านแห่งนี้ทั้งสิ้น ไม่อนุญาตให้คนต่างถิ่นเข้าไป” กู้จื้อเฉิงเข้าใจเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี
หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเมือง Q ก็เป็นเช่นนี้ หมู่บ้านหยางจวงยังคงรักษาชื่อนี้ไว้ แต่บริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น ธงแดง เพลงสรรเสริญประธานาธิบดี แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงรักษาชื่อเดิมของหมู่บ้านไว้ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนของหมู่บ้านจะมีความคิดอนุรักษ์นิยมเช่นนี้
กู้จื้อเฉิงรู้ถึงความเคยชินของที่นี่ดี เขาจึงยื่นบุหรี่ 1 กล่องให้จางฉุ้ยเหลียน ให้เธอนำไปให้กับเหล่าอาวุโสของหมู่บ้าน ถือเสียว่าเป็นการทักทาย
จางฉุ้ยเหลียนมีนิสัยสบาย ชวนคุยชวนหัวเราะครู่เดียวก็เข้าไปอยู่ในใจของทุกคนแล้ว บางคนยังถามจางฉุ้ยเหลียนอีกว่า “เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? จะอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ได้หรือ ? ”
MANGA DISCUSSION