ตอนที่ 311 เปลี่ยนงาน
ในเมื่อสามีภรรยากระทำลงไปแล้ว เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจึงใช้วิธีเปิดเผยให้โลกรู้
หลังจากไปตรวจและพบว่าตั้งครรภ์ สองสามีภรรยาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าต่อไปจะมีใครเข้ามาโน้มน้าวและขัดขวางกู้จื้อเฉิงสักกี่คน ก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดอยากได้ลูกสาวของทั้งสองแต่อย่างใด
สองเดือนให้หลังจากนั้น หนังสือยื่นคำร้องขอย้ายงานของกู้จื้อเฉิงก็ถูกตอบกลับมา ในที่สุดสองสามีภรรยาก็ได้กลับบ้านไปคลอดลูกอย่างมีความสุข ทั้งสองปรึกษากันว่าจะให้ค่ายทหารจัดให้เขาไปประจำการอยู่ในเมือง C หรือว่าเมือง Q ดี ทันใดนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็แสดงท่าทางที่ผิดปกติออกไป
จางฉุ้ยเหลียนเคยมีประสบการณ์ในการตั้งท้องมาแล้วครั้งหนึ่ง เดิมทีเธอจะต้องมีอาการแพ้ท้อง อยากอาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่ค่อยสบายติดต่อกันหลายวัน ทว่าผ่านไป 1 สัปดาห์ เธอกลับไม่มีปฏิกิริยาเหล่านี้อีก อีกทั้งมักจะได้รับความทุกข์ทรมานจากความหิวอีกด้วย เธอจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอก็บอกข่าวร้ายว่า ‘หัวใจของเด็กหยุดพัฒนา’
พูดได้ว่าทั้งสองคนดีใจเสียเปล่า ยังไม่ทันที่จางฉุ้ยเหลียนจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย ลูกก็ไม่อยู่แล้ว เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การย้ายงานของกู้จื้อเฉิงได้รับคำสั่งมาจากเบื้องบนแล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้เนื้องานที่เป็นรูปธรรม สถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ทำให้จางฉุ้ยเหลียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ความจริงก็คือ เธอเจ็บปวดแทนกู้จื้อเฉิงอย่างมาก เขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม แต่แล้วก็ต้องพับเก็บแผนการเหล่านั้นในชั่วพริบตา
กู้จื้อเฉิงมองไปทางจางฉุ้ยเหลียนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง จึงมิอาจทนได้ “ชีวิตก็แบบนี้ เราสองคนคงแก่เฒ่าไปด้วยกันอย่างราบรื่นไม่ได้ เราได้เจอกับใครที่ไหน สวรรค์เบื้องบนได้กำหนดเอาไว้ทุกอย่างแล้ว คุณโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
กู้จื้อเฉิงป้อนโจ๊กให้จางฉุ้ยเหลียนพลางพูดปลอบใจอย่างอ่อนโยน จางฉุ้ยเหลียนรู้สึกอับอายต่อกู้จื้อเฉิงมาก ลูกก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปรับมือกับปัญหาที่จู่โจมเข้ามาในครั้งนี้ อย่าเพิ่งพูดถึงอนาคตที่ดีของกู้จื้อเฉิงที่เธอถ่วงไปแล้วเลย เธอได้แต่เฝ้าหวังจะได้ลูกสาวในทุกวัน แต่ลูกก็จากไป ซึ่งทำให้โกรธไม่น้อย
จางฉุ้ยเหลียนครุ่นคิดด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก น้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อล้นออกมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแห้งผาก “ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ถ้าฉันไม่มาตั้งแต่ตอนแรก ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้”
กู้จื้อเฉิงกุมมือของจางฉุ้ยเหลียนไว้และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ผมต่างหากที่เป็นคนชวนคุณมาเอง มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในครอบครัว อยู่ที่นี่ผมจะไม่เห็นไม่ได้ยิน ผมเลือกที่จะโทรศัพท์ไปฟังข่าวที่บ้าน 3 วันที 5 วันครั้งด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ ครอบครัวของคุณเกิดเรื่องเสียขนาดนั้น ไม่เพียงแต่จางฉุ้ยจวินจะไม่เป็นห่วงแล้ว แม่ของคุณก็คงกลัดกลุ้มใจไปด้วย เงินที่จ่ายออกไปแล้วยังพอคืนได้ แต่ครอบครัวของเราล่ะ พ่อแม่ของผมล่ะ พวกท่านไม่สบายใจมาโดยตลอด ปู่กับย่าของผมก็เลือกหนีห่างจากความวุ่นวาย ใครจะไปคิดว่าพ่อของผมที่มีอายุงานมากกว่า 20 ปีจะทำแบบนั้นได้โดยที่เขาไม่กลัวเลยสักนิด …ไอ้หยา พูดไปก็เสียหน้าเปล่า ๆ ”
กู้จื้อเฉิงถอนหายใจ “หลายปีที่ผ่านมานี้ ครอบครัวของผมต้องคอยพึ่งพาครอบครัวของคุณมาโดยตลอด ผมหาเงินได้น้อยแต่คุณกลับเปิดธุรกิจไม่ได้ ผมไม่ได้คอยสนับสนุนและทำหน้าที่สามีพึงกระทำ ก็เลยถือโอกาสในการย้ายที่ประจำการนี้ชวนคุณมาอยู่ด้วยกันสัก 2 ปี อย่างน้อยก็ทำให้คุณสบายใจ และทำให้คุณสามารถเขียนในสิ่งที่คุณชอบได้”
แต่ใครจะคิดว่ายังไม่ถึงครึ่งปี ชีวิตของเราสองคนก็เปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เตรียมการเรียบร้อย กลับมลายหายไปหมดสิ้น ลานกว้างขนาดเล็กที่จางฉุ้ยเหลียนตั้งใจทำความสะอาดกลับกลายเป็นอย่างที่คนไม่เคยเจอโลกภายนอกพูด ยังไม่ทันจะมีความสุข ก็ต้องเอามือทาบอก ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเสียก่อน
“ฉันเข้าใจความคิดของคุณ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เซ้งร้านเร็วขนาดนั้นหรอกค่ะ” จางฉุ้ยเหลียนพูดโน้มน้าวใจกู้จื้อเฉิง “เป็นแบบนี้ก็ไม่เลวนะคะ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าร่างกายของฉันไม่แข็งแรงเหมือนที่แสดงออกภายนอก กลับบ้านไป ฉันคงต้องให้แพทย์แผนจีนทำการตรวจดูและช่วยปรับลมปราณในร่างกายเสียหน่อยแล้ว”
กู้จื้อเฉิงพยักหน้า “ว่าไปแล้ว ผมเองก็มีเรื่องอยากปรึกษาคุณเหมือนกัน ตามกฎแล้ว ผมคือต้องกลับไปทำงานในพื้นที่ทันที แต่พอมาคิดดูแล้ว ผมน่าจะเหมาะกับสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ คุณว่าผมควรไปดีไหม ? ”
ทันทีที่เขาพูด จางฉุ้ยเหลียนก็เข้าใจในทันใด กู้จื้อเฉิงยังเป็นห่วงเรื่องของเชี่ยวเชี่ยว ถ้าเขากลับไปทำข้าราชการที่เดิม ลูกคนที่สองคงไม่เกิดอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำการปรึกษาหารือกับจางฉุ้ยเหลียนว่าจะไปทำงานที่น่ารำคาญอะไรแบบนั้นหรือจะเปิดธุรกิจ
ตอนนี้ในใจของจางฉุ้ยเหลียนมีครบทั้ง 5 ความรู้สึก เธอดีใจที่กู้จื้อเฉิงยังวางเธอไว้ในอนาคตของเขาเช่นเคย เรื่องที่น่าลำบากใจก็คือ เธอคิดถึงเรื่องที่ยากลำบากที่สุดเมื่อชาติที่แล้วของกู้จื้อเฉิงได้
กู้จื้อเฉิงเตรียมการย้ายตำแหน่งงานไว้เรียบร้อยแล้ว แต่การเตรียมตัวเหล่านี้ต้องอาศัยความขยันในการทำงานเพื่อปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงกว่าในกองกำลังทหาร ความพยายามเพียงอย่างเดียวที่จะต้องติดต่อกับโลกภายนอก ก็คือการจับจ้องจิ้นเหวินอยู่ตลอดเวลา เขาได้นำภาระหน้าที่รับผิดชอบในการบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยให้กับเจ้าตัว
แต่นิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาของกู้จื้อเฉิงก็ไม่เคยเปลี่ยน การปฏิบัติตัวในการเข้าสังคมช่างห่างไกลจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง จู่ ๆ จะให้เข้าไปทำธุรกิจ อย่าว่าแต่จะหาเงินได้หรือไม่ได้เลย การต้องเจอกับฟู่ซินหลายครั้ง เขาก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว
เรื่องนี้ในสายตาของเขาก็แย่มาก ๆ อยู่แล้ว ก็รู้อยู่แม่ของเขาจะต้องเอ่ยถึงเรื่องการหย่าร้างแน่นอน ทั้งสองฝ่ายต้องแบ่งสมบัติกันด้วยความเกรงใจ แม่ของเขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของลูกสะใภ้ จากนั้นพ่อของเขาที่เพิ่งจะได้สถานะโสดก็แต่งงานใหม่
แต่เรื่องนี้แย่มากสำหรับกู้จื้อเฉิง เขาพะว้าพะวงจนต้องโทรศัพท์ไปหาบิดา
บางครั้งจางฉุ้ยเหลียนก็เผลอหลุดปากออกไปว่าจางฉุ้ยจวินและภรรยาท้องก่อนแต่ง ดังนั้นจึงได้รีบจัดงานแต่งสายฟ้าแลบ ในเวลาไม่ถึงครึ่งปีเด็กคนนี้ก็ออกมาลืมตาดูโลก เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอับอายของตระกูลเป็นที่สุด กู้จื้อเฉิงห้ามตัวเองไม่ให้ดูถูกน้องสะใภ้ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนคนนี้ไม่ได้
ในสถานการณ์แบบนี้ จางฉุ้ยเหลียนไม่กล้าแม้แต่จะซุบซิบนินทาเรื่องไม่ดีของฟู่ซินต่อหน้าเขา นั่นคือเรื่องต่ำช้าแก่แดดและไม่มีมโนสำนึกของฟู่ซิน แม้แต่เรื่องที่เธอไม่ถูกใจก็ยังห้ามเอ่ยให้กู้จื้อเฉิงฟัง กู้จื้อเฉิงจึงกระวนกระวายใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตัดความสัมพันธ์กับคนแบบนั้นไปเลยก็ได้
คนเพียงคนเดียว ตอนนี้เขาได้มุ่งเป้าไปในเรื่องของการทำธุรกิจ ซึ่งทำให้จางฉุ้ยเหลียนพึงพอใจในการกระทำนี้ของกู้จื้อเฉิงอย่างมาก แต่โอกาสยังมาไม่ถึง
ตอนนี้กู้จื้อเฉิงสามารถออกไปทำธุรกิจขนาดเล็กอะไรก็ได้ หรือจะขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเหมือนก่อนหน้านั้นก็ย่อมได้ แค่ดูตามสถานการณ์ของตน กระนั้นกู้จื้อเฉิงจะต้องติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับฟู่ซินและมู่จิ้นหนานมากขึ้น
กู้จื้อเฉิงไม่เข้าใจการกระทำที่เปิดเผยต่อหน้าสาธารณะของฟู่ซิน ทำอย่างไรเขาถึงจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจกับเถ้าแก่แบบมู่จิ้นหนานให้เข้าใจได้
ความคิดเหล่านี้ลอยวนเวียนอยู่ในสมองของจางฉุ้ยเหลียนตลอดเวลา แต่เธอก็ยังส่งยิ้มให้กู้จื้อเฉิงและพูดว่า “คุณอยากทำธุรกิจงั้นหรือ ? ”
กู้จื้อเฉิงพยักหน้า “อื้ม ผมรู้ว่าการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณมีวิสัยทัศน์กว้างไกลก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่หรือ ครอบครัวของเราต้องพึ่งพาคุณ เราขัดขวางความเจริญของคุณมานานหลายปี ผมตัดสินใจแล้ว ต่อไปผมจะทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ ได้โปรดช่วยชี้แนะแนวทางให้ผมด้วย”
จางฉุ้ยเหลียนแสยะยิ้มออกมา “คุณคิดว่าฉันเป็นเทพเจ้าหรือไง จึงคิดว่าฉันจะช่วยชี้แนะแนวทางให้คุณได้ ฉันแค่จดจำวิธีการของคนอื่นว่าพวกเขาทำอย่างไรถึงร่ำรวยเงินทอง แล้วถ้าคุณคิดว่าฉันโชคดีขนาดนั้น ไหนคุณลองบอกมาสิว่ามีเรื่องอะไรที่ฉันทำได้สำเร็จบ้าง ? ”
ในขณะที่พูด น้ำเสียงของเธอก็ยิ่งอ่อนโยนลง “ฉันหมดปัญญา ขัดสนและถูกบีบบังคับ ตอนนี้เราเองก็ไม่ได้ติดขัดเรื่องเงินทอง คุณจะไปหาเรื่องใส่ตัวอีกทำไม คุณดูสิ เรามีร้านขายหนังสือ พ่อของฉันก็ทำโรงงานซ่อมรถ ฉันมีบ้านเช่า 2 หลัง ต่อไปมันก็จะถูกรื้อถอนและเปลี่ยนเป็นบ้านหลายหลัง เราขัดสนเรื่องเงินทองตรงไหนหรือ ? ”
กู้จื้อเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็พูดกับจางฉุ้ยเหลียนว่า “ต่อไปฉันจะเปิดโรงเรียนอนุบาล ทำงานกับเด็ก ๆ ในวันที่คุณทำงานไม่ได้แล้ว ธุรกิจนี้อาจดูน่ารำคาญในสายตาคนอื่น แต่มันก็ทำเงินได้ดี ถึงตอนนั้นก็เปิดรับสมัครอาจารย์มาช่วยในวันที่คุณไม่ไหว ไม่สู้เท่าคุณมีกิจการของตนเอง ไม่ว่าจะมีกิจการของตนหรือทำงานในสำนักงานรักษาความปลอดภัยก็แล้วแต่คุณจะเลือก”
แต่งงานกันแล้วก็ต้องมีคุณธรรมต่อกัน กู้จื้อเฉิงเกิดความร้อนใจ เพราะเรื่องเปลี่ยนงานจึงทำให้เขาเสียใจและไม่มีความสุข
เรื่องที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ในใจก็คงไม่พ้นเรื่องอุทกภัยน้ำท่วมในปี 98 ที่จางฉุ้ยเหลียนเคยบอกไว้ ซึ่งนั่นทำให้เขาเข้าใจในทันที ความสามารถของเขาเพียงคนเดียวมีข้อจำกัด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด แต่ก็ยังคิดที่จะทำอะไรสักอย่าง
บัดนี้ จางฉุ้ยเหลียนได้หอบเอาความหวังและกำลังใจยิ่งใหญ่มาให้กับการทำกิจการของเขา กู้จื้อเฉิงสัมผัสรับรู้ถึงอนาคตได้ในทันที ถึงแม้ว่าจะยังสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง
MANGA DISCUSSION