ตอนที่ 310 ท้องคนที่สอง
การใช้เส้นสายและอ้างความสัมพันธ์กับพวกคนใหญ่คนโตถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของคนบนเกาะ C ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามพวกเขามักจะอ้างถึงชื่อคนอื่นเสมอ ซึ่งดูก็รู้ว่าเรื่องการอ้างความสัมพันธ์แบบนี้มันล้ำหน้าเสียยิ่งกว่าผู้คนในเมือง Q ( เมืองชิงต่าว ) เสียอีก ดูท่าว่าจะเป็นนิสัยที่ฝึกกันมานานจนช่ำชองแล้วล่ะ
หญิงชราเอ่ยปากเพื่อหวังให้จางฉุ้ยเหลียนเดินคอตกกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าเศร้าหมอง มิหนำซ้ำยังโอ้อวดจนเกินเหตุอีกด้วย ตั้งแต่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่ จางฉุ้ยเหลียนยังไม่เจอกับประสบการณ์อันโชกโชนในการดำเนินชีวิต ไม่ค่อยมีประสบการณ์เถียงคนแก่รุ่นคุณย่าคุณยายแบบนี้บ่อยนัก
เธอไม่ได้มีความคิดอำมหิตแบบนั้น ถ้าครอบครัวของคุณมีญาติที่เป็นผู้นำระดับนั้น ทำไมเขาไม่หางานที่สร้างเงินได้มากกว่าการเป็นชาวไร่ชาวนาให้คุณทำล่ะ จะมาทนตรากตรำหลังชี้ฟ้าหน้าสู้ดินแบบนี้ทำไม
จางฉุ้ยเหลียนยิ้มเย็นชา จากนั้นก็มองหญิงชราอย่างไม่เกรงกลัว “เอาล่ะ คุณรีบไปเรียกหลานออกมาดีกว่า ดูท่าทางคุณแบบนี้แล้ว ฉันมองไม่เห็นเลยว่าเขาจะมีอนาคตตรงไหน ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินประโยค กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ ไหมนะ”
จางฉุ้ยเหลียนมองแม่สามีกับลูกสะใภ้ที่แสดงสีหน้างุนงง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงชราที่แสดงทีท่าไม่พอใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรด้วยสีหน้าสะใจ “ฉันตั้งใจมาเตือนคุณไว้อย่างหนึ่ง ถ้าอยากพล่ามก็ควรไปพล่ามในที่ไม่มีใครได้ยิน อย่าเหมือนกับที่คุณทำเมื่อสักครู่ วิ่งแจ้นมาพูดว่าร้ายฉันถึงใต้ชายคาละแวกเดียวกันแบบนี้ มันไม่ใช่ ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณตั้งใจพูดให้ฉันได้ยินหรือไม่อยากให้ฉันได้ยินกันแน่”
เมื่อพูดจบก็แสดงสีหน้ายียวนกวนประสาทและเหยียดหยามขั้นสุด จากนั้นก็เดินลงจากหลังคาช้า ๆ และออกจากบ้านไปซื้อเตียงเด็กให้คังคัง เตียงนั้นเป็นของเด็กผู้หญิงที่ชื่อหมิงหมิงซึ่งไม่ได้ใช้แล้ว เธอคิดว่าเตียงนอนของเด็กยังมีประโยชน์สำหรับคังคัง อีกทั้งในสมัยนี้ก็ไม่มีใครสนใจเรื่องการซื้อเตียงเด็กมือสองมาใช้
หลานของเช่าหวาคลอดแล้ว เพราะเป็นลูกหลานของตระกูลจาง ตงลี่หวาจึงควักเงินจำนวน 100 หยวนออกมาจ่ายลับหลังจางฉุ้ยเหลียน เช่าหวารับเงินมาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก จากนั้นก็พูดจาเยาะเย้ยราวกับว่าพวกเขานำเงินที่เก็บซ่อนไว้มาให้ลับหลังจางฉุ้ยเหลียนอย่างไรอย่างนั้น
อันหลงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลานของเธอคลอดทั้งที เธอให้เงินรับขวัญแค่ 10 หยวน ต่อไปไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่หรือวันเกิด เธอก็คงจะให้แค่ 1 หยวนน่ะสิ ถ้าเราให้ 50 หยวน เธอก็ว่ายังน้อยเกินไปเลย”
เช่าหวาตอบกลับด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “คุณป้าใหญ่ของหลานเป็นคนเปิดเผย ทำไมถึงไม่คิดเรื่องนี้ด้วย นี่หลานเพียงคนเดียวของหล่อนเชียวนะ ให้แค่ 100 หยวน ไม่ขี้งกไปหน่อยหรือไง”
อันหลงหรี่ตามอง “เงินที่หล่อนหามาได้ ไม่ใช่ว่าเอาไปให้ลูกชายของเธอแต่งงานกับสะใภ้คนนั้นหมดแล้วหรือ แถมตอนนี้ร้านก็ปิดไปแล้วด้วย หล่อนต้องผันตัวไปเป็นชาวเกาะหาปลาเลี้ยงชีพ ถ้ารู้อย่างนี้ฉันไปรับตัวมาอยู่ข้าง ๆ และใช้ทั้งชีวิตที่เหลือเลี้ยงลูกให้หล่อนดีกว่า ”
ดูเหมือนเช่าหวาจะคิดแบบเดียวกัน ตอนนี้จางฉุ้ยเหลียนไม่ได้หาเงินได้มากมายเหมือนแต่ก่อน จะอยู่บ้านของแม่สามีในตำแหน่งสะใภ้ที่หาเงินเก่งก็คงไม่ได้ ตอนนี้แม่สามีของเธอเริ่มเอาแต่ใจและโอ้อวด จนกระทั่งเรียกร้องความชอบธรรมจากผู้อื่นว่าให้พาคังคังกลับบ้าน
อันหลงไม่ได้ใส่ใจกับความคิดของเช่าหวา ตอนนี้หล่อนสนใจแค่เรื่องของกู้จื้อชิวเท่านั้น กู้จื้อชิวเรียนจบและมีงานทำ ถึงแม้ตอนนี้จะบอกว่าเป็นงานที่ไม่ค่อยเหมาะสมกับตัวเองเท่าไร แต่อาชีพที่กู้จื้อชิวเลือกนั้นดี ตอนเรียนในมหาวิทยาลัย หล่อนปฏิบัติตัวดีมาโดยตลอด ตอนนี้หล่อนจึงมีโอกาสได้ทำศุลกากรในเมืองที่มีสภาพแวดล้อมดีอย่างแมนจูเรีย ที่นั่นถูกยกให้เป็นถ้วยข้าวทองคำแห่งหนึ่งเลยทีเดียว สามารถหาคู่ชีวิตได้อย่างไม่ต้องกังวล แค่ค่อย ๆ หากันไป
อันหลงคิดเช่นนี้ อยากหาคู่ชีวิตที่ดีให้กู้จิ้อชิว แต่เนื่องจากฐานะในครอบครัว ทำให้ไม่สามารถหาคนที่ดีแบบนั้นได้ และถึงจะดีกว่ากู้เต๋อไห่ ก็ดีเกินไปจนกลายเป็นการกดดันลูกสาว ถึงแม้ว่าครอบครัวจะไม่มีเงินแถมยากจนข้นแค้นก็ตาม แต่ในยุคนั้น หล่อนเองก็ไต่ระดับไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าทุกคน มองข้ามความจนไปตลอดชีวิต จนกระทั่งแก่ตัวลงกลับกลายเป็นโดนตัดหางปล่อยวัด ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ
ดังนั้น หล่อนจึงไม่ยอมให้ลูกสาวซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด อย่างน้อยก็น่าจะหาคนที่เหมาะสมกับลูกสาวในทุกด้าน พ่อแม่สามีแบบเช่าหวานี้อย่าได้หามาทำร้ายลูกสาวเด็ดขาด
เมื่อคิดเรื่องนี้ได้ อันหลงก็ถึงกับนั่งไม่ติดอีกต่อไป หล่อนส่งคังคังให้ตงลี่หวา จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟไปยังแมนจูเรียทันที
หล่อนอยากไปเห็นสภาพแวดล้อมในที่ทำงานของกู้จื้อชิว อยากหาที่พักดี ๆ ให้ลูกสาว แต่ความจริงแล้วหล่อนอยากไปเห็นชายหนุ่มว่าเหมาะสมกับลูกสาวหรือไม่ต่างหาก เพื่อคิดหาทางให้กู้จื้อชิวแต่งงานและดูแลมารดาได้อย่างราบรื่น
แต่การมาของหล่อนในครั้งนี้ ทำให้ตงลี่หวาเหนื่อยเพิ่มขึ้นด้วย ต้องดูแลทั้งหลานและดูแลธุรกิจร้านหนังสืออีก โชคดีที่จางฉุ้ยเหลียนพาคังคังไปฝากไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก ถึงเวลาก็ไปส่งที่โรงเรียนจนกระทั่งเลิกเรียนค่อยไปรับกลับ ตงลี่หวาจึงได้มีเวลาผ่อนคลายบ้าง
พอญาติของตระกูลกู้ได้ยินว่าอันหลงไปเยี่ยมลูกสาว พวกเขาก็มาเดินรอบ ๆ ร้านหนังสือหลายครั้ง บางครั้งก็คอยมาเป็นไม้กันหมาให้กู้เต๋อไห่ ไม่ได้ตั้งใจมาร้านหนังสือจริงจัง
ปลายเดือนพฤศจิกายน ในที่สุดอันหลงก็กลับมาเล่าให้ตงลี่หวาฟังด้วยความดีอกดีใจ หล่อนตั้งใจไปที่นั่นก็เพื่อไปหาญาติที่เคยหมั้นหมายว่าจะให้ลูกหลานแต่งงานกัน ตอนนี้ทั้งสองคนก็กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
ตงลี่หวาไม่ได้มีกระจิตกระใจเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น เพราะในเวลานี้ลูกสาวของหล่อนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
จางฉุ้ยเหลียนตั้งท้อง ทั้งสองคนดีใจเป็นอย่างมาก ทว่าตงลี่หวาและเซี่ยจวินกลับเป็นกังวล เพราะถ้าเก็บเด็กคนนี้ไว้ อนาคตของกู้จื้อเฉิงก็เป็นอันต้องจบลง แต่เมื่อได้ยินความตั้งใจของทั้งสองคน ต่อให้กู้จื้อเฉิงต้องเปลี่ยนงาน เขาก็ยอมเพื่อให้เด็กคนนี้ได้มีโอกาสลืมตาดูโลก
เซี่ยจวินไปเยี่ยมกู้เต๋อไห่ อยากให้ช่วยโน้มน้าวลูกชายของเขา ถึงอย่างไรกู้จื้อเฉิงก็เดินมาไกลได้ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าผ่านช่วง 2 ปีนี้ไปจะมีเพิ่มอีกคนก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องไม่ใช่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ แต่กู้เต๋อไห่ไหนเลยจะกล้าพูดกับกู้จื้อเฉิง สองพ่อลูกมีระยะห่างต่อกันมากขนาดนี้ เขาทำได้เพียงแค่บอกให้ดูแลเด็กดี ๆ เท่านั้น พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ถึงอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
ตงลี่หวาร้อนใจแต่ก็น้ำท่วมปาก ร้อนรนใจแทนจางฉุ้ยเหลียน แม่สามีคนนี้ไม่ได้แสดงทีท่าว่าเป็นห่วงสามีของตน แถมยังทำเหมือนว่าเขาเป็นคนนอกด้วยซ้ำ พ่อกับแม่ผู้ให้กำเนิดมาเรียกร้องถึงหน้าประตูบ้านย่อมทำได้ทุกอย่าง ตอนนี้จางฉุ้ยเหลียนไม่มีงานทำ ถ้ากู้จื้อเฉิงเปลี่ยนงานอย่างไรก็ต้องกลับมาเลี้ยงลูกที่บ้าน วันเวลาผ่านไปอย่างยากลำบาก แต่ถึงกระนั้นพวกเขาทั้งสองก็ยังมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เลี้ยงดูทั้งสี่ชีวิตได้โดยไม่ขัดสน
ในเวลานี้ จางฉุ้ยเหลียนเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ชีวิตบนเกาะเพิ่งจะราบรื่น เธอมีความสุขที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนนิสัยดีอีก 2-3 คน แต่แล้วเธอก็ตั้งท้อง ส่งผลให้แผนที่วางไว้ของทั้งสองปั่นป่วน ทุกเรื่องต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้กู้จื้อเฉิงได้ยื่นหนังสือขอย้ายงานเรียบร้อยแล้ว
กู้จื้อเฉิงเปรียบเสมือนอากาศบนเกาะแห่งนี้ กองกำลังทหารประจำการในเมืองนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทันที อนาคตของกู้จื้อเฉิงไม่สามารถเดินต่อไปได้แล้ว แม้จะคงสภาพเดิมไว้ก็ยังถือว่าไม่เลว แต่เปลี่ยนงานใครจะรู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
เมื่อเขาพูดถึงเรื่องหนังสือที่ส่งไป คนรอบข้างก็พากันเดือดขึ้นไม่น้อย คนที่ไม่รู้ความจริงต่างก็ให้ครอบครัวของตนวิ่งมาถาม มาดูว่ายังมีเรื่องลับลมคมในอะไรที่พวกเขายังไม่รู้อีกไหม
ข่าวนี้ดังกระฉ่อนไปไกล แม้แต่ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ไกลอีกฟากหนึ่งถึงกับโทรศัพท์มา ทุกคนแอบนินทาอยู่ในใจว่ากู้จื้อเฉิงคิดอะไรถึงยังได้อยู่ในกองกำลังนานหลายสิบวัน ตัดขาดจากโลกภายนอกแบบนั้นจะทำอะไรได้
เนื่องจากจางฉุ้ยเหลียนเห็นกู้จื้อเฉิงซูบผอมลงทุกวัน จึงเข้าใจว่าเขาคงไม่อยากเปลี่ยนงานเร็วขนาดนี้ แต่เพราะเชื่อเรื่อง ‘การกลับชาติมาเกิดใหม่’ ของจางฉุ้ยเหลียน หรือพูดอีกอย่างก็คือเรื่องที่ ‘เกิดขึ้นในฝัน’ เขาจึงได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวที่ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้าคนนี้ ถึงขนาดรู้ว่าเด็กคนนี้ชอบกินอะไร ชอบกินรสชาติแบบไหน ชอบกระโปรงสีอะไร ในเมื่อมีโอกาสได้มาเกิดบนโลกใบนี้แล้ว มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยโอกาสนี้ไป
ระหว่างอนาคตและลูกสาว สุดท้ายเขาก็เลือกอย่างหลังโดยไม่ลังเล เขาพูดโน้มน้าวจางฉุ้ยเหลียนว่า “ถึงอย่างไรมันก็เกิดขึ้นล่วงหน้าตั้ง 2 ปี ตัดสินใจเร็วก็จะได้ปล่อยวางเร็ว คนส่วนใหญ่กลับอายและพาลโกรธแทนเราเอง”
จางฉุ้ยเหลียนประกาศข่าวเรื่องตนท้องลูกคนที่สองออกไป ทุกคนจึงเข้าใจว่าพวกเขาทำผิดกฎของประเทศแอบมีลูกคนที่สอง
กระนั้น ก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่วาทศิลป์ เพื่อนบ้านส่วนใหญ่ล้วนไม่เชื่อ “ถ้าพวกเขามีลูกสาวก็ดีไป ถ้าเกิดเป็นลูกชายก็ยังเป็นเรื่องปกติ แต่มีลูกชายไปแล้ว จะมีลูกคนที่สองอีกทำไมล่ะ”
MANGA DISCUSSION