ตอนที่ 288 นอนเตียงเดียวกันแต่ฝันไม่เหมือนกัน
อันหลงให้ความสำคัญกับเรื่องถูกคนอื่นเหยียบย่ำมาก เพราะเรื่องนี้ทำให้เธอไม่อาจทำใจยอมรับต่อหน้าคนในครอบครัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนไม่ยอมรับความจริง ดังนั้น หลายวันมานี้เธอจึงแสดงพฤติกรรมว่าไม่แคร์ใครทั้งนั้น
ทว่าในความเป็นจริง เธอแคร์มาก ทั้งยังรู้สึกตลอดเวลาเลยด้วย เธอไม่ได้หวังให้คนอื่นพบจุดจบของการแต่งงานคือโดนเฉดหัวออกจากบ้าน หวังให้คนทั้งโลกด่ากู้เต๋อไห่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น แต่ก็จนปัญญาเพราะสองแม่ลูกจางฉุ้ยเหลียนไม่ใช่คนแบบนั้น ทำให้เธอไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับครอบครัว และรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก
เห็นเช่นนั้น ตงลี่หวาก็รู้สึกเสียใจภายหลังไม่ได้ เธอไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็พูดออกไปจนได้ ดั่งสุภาษิตว่า น้ำที่สาดออกไปแล้วไม่สามารถเอากลับมาได้
อันหลงไม่ได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนอย่างที่คิดไว้ แต่เดินเข้ามาหาแล้วหมุนตัว ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้อย่างหนักหน่วง ทุกคนในบ้านต่างก็เป็นผู้หญิง เมื่อเห็นเธอร้องไห้เช่นนี้ ตงลี่หวาก็รู้สึกแย่ขึ้นมา ผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันพากันมานั่งบนโซฟา และร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้นแต่อย่างใด
จางฉุ้ยเหลียนไม่ได้ขัดขวางหูจิ่นเหมิง โชคดีที่เด็กสาวไม่บอกสาเหตุแท้จริงที่ต้องออกจากบ้านกับมู่จิ้นหนาน บอกแค่เพียงว่าบ้านนั้นมีปัญหาใหญ่ ถ้าอยู่ต่อคงจะไม่สะดวก
มู่จิ้นหนานไม่ได้ถามอะไรมากมาย นอกจากยื่นเงินจำนวน 20,000 หยวนให้จางฉุ้ยเหลียน เพื่อช่วยหาที่อยู่อันเหมาะสมแก่หูจิ่นเหมิง ทันทีที่จางฉุ้ยเหลียนเห็นจำนวนเงินก็ตื่นตกใจไม่น้อย นี่คือเงินค่าเช่าห้องแต่จำนวนมันเพียงพอจะซื้อบ้านได้เลย
เมื่อจางฉุ้ยเหลียนคิดไปคิดมาหลายตลบก็ได้คำตอบว่าไม่สามารถปล่อยหูจิ่นเหมิงให้ห่างไกลจากตัวเองได้ เวลาอาหารหรือทำงานเธอต้องสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง แต่ถ้าอยู่ใกล้ก็ไม่มีบ้านที่เหมาะสมเลย ไม่มีโครงการไหนเข้าตาสักนิด
ฟู่ซินเห็นเธอวุ่นวายเช่นนี้ก็อดปวดหัวไม่ได้ เขาอยากแบกเรื่องนี้ไว้เอง จึงยกบ้านชั้นบนของตนให้ เพราะคุณย่าของหูจิ่นเหมิงยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จึงไม่มีใครคอยดูแลหูจิ่นเหมิง ความหมายของมู่จิ้นหนานคือต้องการพี่เลี้ยงที่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่การทำความสะอาดห้อง ซักผ้า และทำอาหารให้หลานสาว
งานนี้ผูซูเฟินอยากยึดมาเป็นของตน งานซักผ้า เก็บกวาดห้องก็ได้แล้วเดือนละ 300 หยวน นี่ถือเป็นโอกาสอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แค่คนเดียวจะสกปรกซกมกมากมายแค่ไหนกันเชียว ? หล่อนแค่อยู่ในบ้านก็ได้ 300 หยวน ใครจะทำงานและหาเงินเข้าเนื้อตัวเอง ?
คนอื่นเต็มใจรับเงินก้อนนี้ แต่ถ้าเป็นแม่ของฟู่ซินคงดูไม่ดีแน่ ประการแรกคือ ฟู่ซินไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแค่ 300 หยวนก้อนนี้ ปล่อยให้แม่ของตนไปซักผ้าทำความสะอาดบ้านให้คนอื่นช่างดูไม่มีเกียรติ ประการที่สอง ถึงอย่างไรมู่จิ้นหนานก็เป็นคนมีความสามารถมากคนหนึ่งสำหรับเขา ตอนที่เขามีชื่อเสียงเล็กน้อยอยู่ในเมือง Q ก็ได้มู่จิ้นหนานหยิบยื่นโอกาสให้ตั้งมากมาย
ฟู่ซินบอกกับผูซูเฟินว่าเงินก่อนนี้ไม่เหมาะกับบ้านเราสักเท่าใด ในเมื่อเด็ก ๆ อยู่ชั้นบน อีกทั้งนิสัยของมู่จิ้นหนานและครอบครัวของเขา จะเป็นอย่างไรหากทำความสะอาดห้องไม่ดี ?
ตอนนี้ผูซูเฟินก็มีทุกอย่างเพียบพร้อมแล้ว ไม่ว่าลูกชายจะพูดอะไรก็เชื่อไปเสียทุกอย่าง เนื่องจากงานนี้ไม่ใช่งานหนัก เธอจึงยกงานนี้ให้เฉียนเหมยเซี่ยแทน หล่อนไม่มีงานทำเอาแต่เลี้ยงลูกอยู่บ้านเป็นหน้าเป็นตาให้สามีเท่านั้น
หลังจากที่หูจิ่นเหมิงย้ายเข้ามาในคืนนั้น ฟู่ซินก็ออกคำสั่งกับเฉียนเหมยเซี่ยว่า “อีกสองวันหลังจากนี้ เธอต้องทำความสะอาด เก็บข้าวของที่ชั้นบน เก็บขยะในห้องน้ำ ถูพื้น แล้วเอาเสื้อผ้าของเด็กไปซักในเครื่องซักผ้า”
เฉียนเหมยเซี่ยไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟู่ซินต้องดีกับคนนอกมากขนาดนี้ ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำความสะอาดชั้นบนด้วย ทันทีที่ได้ยินคำสั่งนี้จึงไม่พอใจขึ้นมาทันที “ฟู่ซิน ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ มีสิทธิ์อะไรสั่งให้ฉันไปปรนนิบัติรับใช้หล่อน ? เด็กผู้หญิงฐานะร่ำรวยขนาดนั้น ทำความสะอาดห้องไม่เป็นหรือ ? ถึงต้องให้ฉันซักผ้าให้หล่อน ทำแบบนี้ได้อย่างไร แล้วให้เงินฉันเท่าไหร่มิทราบ ? ”
“เงิน เงิน เงิน อะไรก็เงิน!” ผูซูเฟินตะโกนเสียงดังจากนอกประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย “เธอกินกินนอนนอนอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ควรจ่ายเงินให้ครอบครัวเราด้วยไม่ใช่หรือ? ไม่รู้เรื่องสักอย่าง รู้แค่เรื่องเดียวคือเงิน!”
เฉียนเหมยเซี่ยโดนแม่สามีด่าจนตาแดงก่ำ เงยหน้ามองฟู่ซินด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากนั้นก็บ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “เห็นฤทธิ์แม่ของคุณแล้วใช่ไหม ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็เอาแต่ว่าฉัน”
ฟู่ซินมองไปยังไขมันหน้าท้องของเฉียนเหมยเซี่ย จึงขมวดคิ้วและเมินหน้าหนีไปมองส่วนอื่นของหล่อนแทน จากนั้นก็พูดโน้มน้าวเบา ๆ ว่า “เธอไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้หรอก แม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นหลานสาวของพี่ชายฉัน เขามีประโยชน์สำหรับฉัน จะไม่ประจบเขาได้ยังไง!”
เฉียนเหมยเซี่ยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของฟู่ซิน เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็เข้าใจได้ในทันที ก่อนจะถามอย่างกระตือรือร้น “พี่ชายที่มีความสามารถคนนั้นใช่ไหม ? คนที่ซื้อโทรทัศน์ในร้านทีเดียวหลายเครื่องน่ะหรือ ? ”
ฟู่ซินพยักหน้าเล็กน้อย เห็นเช่นนั้นเฉียนเหมยเซี่ยก็ดีใจขึ้นมา “ที่แท้เป็นเขานี่เอง ฉันรู้เรื่องนี้ ตอนแรกจางฉุ้ยเหลียนบังเอิญไปเหยียบก้อนขี้หมาจับพลัดจับพลูจนได้ช่วยชีวิตหลานสาวของเขาไว้ ก็เลย…” พูดถึงตรงนี้ เฉียนเหมยเซี่ยก็แสดงท่าทางตื่นตกใจขึ้นมาแล้วถามพร้อมดวงตาเปล่งประกายแวววาวว่า “เด็กผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม ? ที่หนีไปทางตอนใต้เพื่อขอทาน ? ”
เห็นฟู่ซินไม่ตอบรับ ก็รู้ในทันทีว่าครั้งนี้หล่อนเดาถูก รู้เช่นนั้นก็กระโดดลงจากเตียงด้วยความดีใจขั้นสุด จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าและเริ่มรื้อหาเสื้อผ้า ฟู่ซินมองไปทางหล่อนแล้วถามอย่างเอือมระอา “เธอจะทำอะไร ? ”
เฉียนเหมยเซี่ยตอบโดยไม่ได้หันหน้ากลับไปมองแต่อย่างใด “ฉันกำลังหาผ้าเช็ดหน้า เอาไว้เช็ดฝุ่นให้คุณหนูไง พรุ่งนี้ค่อยไปซื้อไม้ถูพื้นอันใหม่ รับรองว่าฉันจะทำความสะอาดห้องของหล่อนอย่างหมดจดไร้คราบ พื้นสะอาดแวววับเป็นเงาอย่างไม่ผิดหวังแน่นอน ! ”
ฟู่ซินไม่รู้ว่าเหตุใดหล่อนจึงเปลี่ยนใจตกลงรับงานนี้อย่างกะทันหัน อีกทั้งทัศนคติก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดีด้วย เฉียนเหมยเซี่ยถอนหายใจพร้อมกับพลิกหาผ้าเช็ดหน้าที่หล่อนไม่เคยใช้ออกมาหลายผืน จากนั้นก็ถือมันไว้ในมือ ยิ้มให้กับฟู่ซิน “ใครบอกสักคำว่าจะไม่ทำ ? คุณเป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่นะ ทำไมแค่หลักทำนองคลองธรรมแค่นี้ถึงไม่เข้าใจ ? ”
ถึงแม้ว่าเฉียนเหมยเซี่ยมักจะมองฟู่ซินอยู่เสมอ แต่การที่สามีภรรยาคู่นี้ได้พูดจากันแบบนี้ เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนและมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ถึงแม้หล่อนจะไม่รู้แต่ก็ยังพอเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร
ขอแค่ผู้ชายคนนี้มีเงินมีความสามารถ ถึงแม้ไม่จำเป็นต้องไปเกลือกกลั้วกับดอกไม้ริมทางก็ตาม แต่มักจะมีผู้หญิงไร้สมองแวะเวียนเข้าหาไม่ขาดสาย เพียงแต่ตอนนี้หล่อนได้ให้กำเนิดลูกสาวแล้ว ถ้าสามารถให้กำเนิดลูกชายได้ หล่อนก็จะครอบครองตำแหน่งภรรยาเพียงคนเดียวของเขาเอาไว้กับตัว
ครอบครัวของหล่อนเคยบอกไว้ ในเมื่อฟู่ซินไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินและไม่กลัวเงินค่าปรับก็ตาม ต่อให้หล่อนให้กำเนิดลูกคนที่สอง สาม สี่และห้าออกมา อย่างไรเขาก็เลี้ยงดูได้ ดูจากพฤติกรรมที่เห็นได้ยากยิ่งที่เขาปฏิบัติต่อคังคังแล้ว มั่นใจได้เลยว่าเขาจะต้องให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวอย่างแน่นอน
วันนี้ฟู่ซินคุยกับหล่อนอย่างกระตือรือร้นมากทีเดียว แถมยังปฏิบัติกับหล่อนดีมากอีกด้วย นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นคนน่าเชื่อถือแต่แค่ไม่อยากพลาดโอกาสในการได้ปฏิบัติดี ๆ กับหล่อนเท่านั้นเอง
คิดได้ถึงตรงนี้ เฉียนเหมยเซี่ยก็คิดว่าคาดเดาจุดประสงค์ของฟู่ซินถูกต้อง หล่อนจึงยิ้มหวานหยาดเยิ้มออกมา “พี่ใหญ่คนนี้เอาใจใส่คนอื่นมาก ตอนแรกจางฉุ้ยเหลียนได้สร้างบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับตระกูลนี้ โทรศัพท์ไปหาเขากริ๊งเดียวก็บินตรงมารับหลานสาวของเขาทันที เพื่อการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในครั้งนี้ ทำให้คุณทั้งสองคนหาเงินได้เท่าไหร่หรือคะ ? ฉันจะดูแลหลานของเขาเป็นอย่างดี จะได้สร้างผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ให้เราในอนาคต คุณว่าฉันทำบัญชีด้วยดีไหม ? ”
ฟู่ซินถึงกับนิ่งเงียบทันที กระนั้นในใจก็กำลังคลี่ยิ้มอย่างขมขื่น คาดว่าแม่ของเขาก็น่าจะคิดแบบนี้เหมือนกัน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แค่ไม่อยากให้จางฉุ้ยเหลียนต้องมาลำบากกับเรื่องพวกนี้เท่านั้น
แท้จริงแล้วนิสัยของจางฉุ้ยเหลียนก็ไม่ชอบแส่เรื่องคนอื่นหรอก เธอเกลียดเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ที่สุด แต่เธอก็ยังเป็นเจ้านายที่ดี รู้จักบุญคุณคน แถมยังขี้ใจอ่อนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอีกด้วย พอใช้ชีวิตร่วมกับหูจิ่นเหมิงมานานจึงคิดว่าหล่อนเป็นหนึ่งในครอบครัวของเธอไปแล้ว
ตอนนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในบ้านกลายเป็นโจ๊กเละ ๆ ในหม้อเดียว พ่อแม่สามีหย่าร้าง น้องสาวของสามีก็ไม่รู้ไปอยู่ฝ่ายไหนดี เหนือหัวก็ผู้อาวุโสทั้งหก ข้างล่างก็เด็กไม่เอาไหนคนหนึ่ง งานในร้านก็ไม่กล้าให้เธอเข้ามาแทรกแซง เลยต้องปล่อยให้เธอดูแลเด็ก ๆ หรือ ?
นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่อง ตัวเธออยากขอบคุณมู่จิ้นหนาน ไม่ว่าอย่างไร หากเขาตกอยู่ในช่วงเวลายากที่สุด เธอก็จะยื่นมือไปช่วยอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าฟู่ซินจะไม่สนใจความคิดของมู่จิ้นหนานก็ตาม แต่ทุกคนจะไม่เข้าใจเด็กคนหนึ่งด้วยงั้นหรือ ? ถึงแม้ว่ามู่จิ้นหนานจะเกรงใจจางฉุ้ยเหลียนก็ตาม กระนั้นเธอก็ไม่วางใจที่จะให้เด็กสาวออกไปอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของฟู่ซินอย่างฉับพลัน ว่าแต่ช่วงนี้มู่จิ้นหนานมีปัญหาอะไรงั้นหรือ ? แม่ก็นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หลานสาวก็ไปเรียนต่างถิ่น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้ทอดทิ้งคนที่สนิทที่สุดทั้งสองคนได้ล่ะ ?
ในยามที่กำลังครุ่นคิดนั้น ภาพตรงหน้าก็มืดลงอย่างฉับพลัน เฉียนเหมยเซี่ยเอื้อมมือไปปิดไฟในห้อง จากนั้นก็ทำการปิดประตูลงกลอน ฟู่ซินมองเห็นแค่เพียงเงาดำในความมืด ค่อย ๆ นั่งลงบนเตียง ไม่นานก็กระโจนใส่ร่างของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมที่ทำให้รู้สึกหลงใหลทว่ามันคือกลิ่นนมจาง ๆ ต่างหาก ฟู่ซินตื่นตัวขึ้นมาในทันที นี่คือแม่ผู้ให้กำเนิดลูกสาวของเขานั่นเอง เด็กผู้หญิงที่ดูสะอาดสะอ้าน มีน้ำมีนวล มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ในอ้อมกอดเมื่อตอนนั้น กลายเป็นภรรยาที่ต้องแต่งงานอยู่ร่วมบ้านในตอนนี้
ฟู่ซินนึกขึ้นได้ว่าตนปฏิบัติตัวเฉยเมยกับหล่อนมากในช่วงนี้ ทำให้เผลอใจอ่อนยื่นมือออกไปลูบคลำร่างกายของหล่อนเสียไม่ได้ อืม สมบูรณ์อวบอิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก รสสัมผัสที่ค่อนข้างหนักหน่วง จนต้องออกแรงบีบจับอย่างรุนแรงขึ้นอีก
ครั้งนี้ เฉียนเหมยเซี่ยตั้งตัวไม่ทัน รู้สึกเจ็บจนต้องส่งเสียงร้องอุทานออกมา ฟู่ซินรู้สึกว่าน้ำเสียงแปลกหูนั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังเอื้อมมือออกไปตามสัญชาตญาณ ปล่อยให้มันลื่นไหลไปตามอารมณ์
ในส่วนที่ไม่น่าจะเต็มไม้เต็มมือ เขาก็ลูบไล้ไปบนชั้นเนื้อหนา ๆ เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปลูบไล้ชั้นตั้งแต่เอวจนถึงสะโพก ไม่ว่าตรงไหนก็เต็มไปด้วยชั้นไขมัน ในส่วนนี้มีแต่เนื้อย้วย ๆ ขนาดใหญ่ คลำเจอแต่เนื้อย้วย ไม่ให้รับสัมผัสเต่งตึงเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เพียงแต่จะมีน้ำมีนวลเท่านั้นแต่มันยังเกินคำว่าอวบอิ่มอีกด้วย
อยู่ ๆ ภาพห่วงยางว่ายน้ำ 2 ชั้นของเฉียนเหมยเซี่ยก็ปรากฏขึ้นในสมองของฟู่ซิน เส้นผมที่ยาวสยายไม่เปลี่ยนแปลงมานานหลายปีของหล่อน หนังศีรษะมันเยิ้ม จุดด่างดำที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุนั่นอีก
อารมณ์ความใคร่ในตัวพลันหายไปหมดสิ้น เนื้อที่อยู่ในมือก็เปรียบเสมือนเผือกร้อน ๆ เขาออกแรงผลักเฉียนเหมยเซี่ยออกด้านข้างส่งผลให้หล่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ซึ่งในระหว่างนั้นหล่อนก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกมา
เมื่อได้สติกลับมา ฟู่ซินก็ยืนขึ้นและเดินไปหน้าประตูห้อง เฉียนเหมยเซี่ยไม่รู้ควรพูดอะไรต่อไป ทำได้แค่พยุงตัวขึ้นจากพื้นพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้น
ฟู่ซินเกิดอาการลังเลเล็กน้อย จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว ที่ต้องกลายมาอยู่ในสภาพนี้ไม่ใช่เพราะต้องให้กำเนิดลูกสาวของเขาหรอกหรือ ถ้าเดินออกไปแบบนี้ ต่อไปชีวิตของหล่อนคงย่ำแย่มากกว่านี้
อดทนเอาไว้ ความอึดอัดนี้ต้องผ่านไป เมื่อคิดได้ฟู่ซินก็รีบถอดเสื้อผ้าออกทันที จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนเตียง โน้มตัวกระซิบข้างหูของเฉียนเหมยเซี่ยที่กำลังอ่อนแรงว่า “หยุดร้องได้แล้ว รีบนอนเถอะ”
เฉียนเหมยเซี่ยไม่กล้าถามว่าตนไม่ดีตรงไหน แต่เมื่อเห็นฟู่ซินยอมนอนข้างกาย หล่อนก็รีบปาดน้ำตา แม้ว่าไม่ยอมลึก ๆ ในใจก็ตาม แต่ก็ยังเปลื้องผ้าและเข้านอนอย่างมีความสุข !
MANGA DISCUSSION