ตอนที่ 287 ไอศกรีมทอด
ตั้งแต่เกิดมาทั้งสองชาติ ครั้งนี้คงเป็นการทะเลาะกับแม่สามีครั้งแรกของจางฉุ้ยเหลียน อีกทั้งยังถือไพ่เหนือกว่าด้วยท่าทางของผู้ชนะ
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดที่จะออกจากบ้านของหูจิ่นเหมิงผู้เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ไม่ว่าจางฉุ้ยเหลียนโน้มน้าวอย่างไร หูจิ่นเหมิงก็ยังยืนยันที่จะจากไป
การกระทำเช่นนั้น ทำให้จางฉุ้ยเหลียนโกรธจนหมดความอดทน คว้ากระเป๋าในมือของหูจิ่นเหมิงแล้วโยนลงพื้นโดยแรง จากนั้นก็ตะคอกเสียงดังว่า “เธอจะหยุดได้หรือยัง ? ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือ นี่คือบ้านของฉัน คนอื่นจะพูดอย่างไรก็ปล่อยให้พูดไป ยิ่งฉันห้ามเธอไม่ให้ไปเท่าไร เธอก็ยิ่งทำตัวน่ารำคาญมากขึ้นเท่านั้นหรือ ? ”
หูจิ่นเหมิงยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร “คุณน้า คุณน้าปล่อยหนูไปเถิด หนูเข้าใจทุกอย่างแล้ว คุณน้าเป็นลูกสะใภ้ การอยู่กับครอบครัวสามีมันไม่ง่ายเลย”
จางฉุ้ยเหลียนถึงกับผงะ ไม่รู้ว่าเด็กสาวหมายความว่าอย่างไร ทำไมเด็กอายุแค่นี้จึงคิดถึงปัญหาตรงนี้ได้ ไม่นานหูจิ่นเหมิงก็พูดเสียงเบา “คุณน้า หนูคิดดีแล้วค่ะ ตอนนี้ครอบครัวของคุณน้าเกิดเรื่องมากมายไม่เว้นแต่ละวัน หนูอยู่ที่นี่ต่อก็คงไม่มีประโยชน์ หนูบอกคุณลุงแล้วค่ะ ให้เขาเช่าห้องพักให้หนูแล้ว”
จางฉุ้ยเหลียนปวดหัวแทบระเบิด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันไปปลอบขวัญลูกชายที่ตกอยู่ในอาการขวัญผวา “ได้ ถ้าจะเช่าห้องตอนนี้ก็คงเช่าไม่ได้แล้ว เอาแบบนี้นะ เธออยู่ที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปหาห้องเช่ากับคุณลุงแล้วกัน ตกลงไหม ? ”
หูจิ่นเหมิงส่ายหน้า จากนั้นก็กัดฟันพลางครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมา “คุณน้า หนูต้องไปค่ะ ทำร้ายคนอื่นแล้วยังทำตัวหยิ่งทระนงอีก วันนี้หนูโดนชี้หน้าด่าอย่างไร้ศักดิ์ศรี ไม่จำเป็นต้องด่าหนู แต่นี่คือการกระทำไม่ไว้หน้าหนูเลยสักนิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หนูยิ่งไม่สามารถถ่วงความเจริญของคุณน้าได้”
จางฉุ้ยเหลียนนึกไม่ถึงว่าหูจิ่นเหมิงจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ พอนำมาเปรียบเทียบกับเธอ กลับทำให้รู้สึกว่าตนนั้นเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
แท้จริงแล้วนี่เป็นเรื่องปกติ หากถูกเลี้ยงมาในสภาพแวดล้อมไหน สิ่งแวดล้อมเหล่านั้นก็จะหล่อหลอมให้มีนิสัยแบบนั้น ดั่งช่วงอายุของหลินไต้อวี้และคนอื่นในนวนิยายเรื่อง (ความฝันในหอแดง) ที่ไม่ได้ดูโตแต่อย่างใด แต่ใครบ้างจะไม่มีจิตใจงดงาม ? เท่าที่เห็นในตอนนี้ ผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายในครอบครัวทำให้เฉินเฉี่ยวหยิง กู้จื้อชิวและติงหลงหลง มีชีวิตแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหวไม่ใช่หรือ ?
หูจิ่นเหมิงมองปมปัญหาอย่างเจ้าเล่ห์ ทว่าสิ่งที่หล่อนพูดก็ไม่ผิด การที่อันหลงไล่แขกต่อหน้าต่อตาเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของหล่อน ที่ให้เข้ามาอาศัยอยู่ก็เพียงเพื่อแสดงความกตัญญูเท่านั้น ซึ่งการทำตัวเป็นเจ้าของแบบนี้มันคงจะเร็วเกินไป
หลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนได้กลับชาติมาเกิดใหม่ นิสัยทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เธอไม่ได้มองไปที่ปัญหาเพียงอย่างเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างได้บอกว่าผิดเป็นครู โดนงูกัดครั้งเดียวกลัวไปหลายสิบปี สร้างผลกระทบต่อคนรอบข้างโดยง่าย ดังนั้น ถึงแม้ว่าหูจิ่นเหมิงพูดแทงเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจ แต่สีหน้าของเธอก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
ถึงกระนั้น เธอก็ยังเห็นด้วยกับแนวความคิดของอีกฝ่ายไม่น้อย เธอพาหูจิ่นเหมิงไปส่งโรงแรมที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง จากนั้นก็อุ้มคังคังเข้าไปอยู่ในโรงแรมเป็นเพื่อนหูจิ่นเหมิง เนื่องจากมาอยู่ในสภาพแวดล้อมแปลกตาจึงทำให้คังคังรู้สึกคึกคักขึ้นมาไม่น้อย
อีกฝั่งหนึ่ง ตงลี่หวาตามหาตัวทั้งสามคนไม่พบ พวกเธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทันใดนั้น อันหลงก็เหมือนจะเดาบางอย่างขึ้นมาได้ จึงปล่อยโฮและพูดขึ้นมาว่า “เธอดูสิ เธอดู นี่คือหน้าตาและศักดิ์ศรีของฉันนะ หล่อนอุ้มคังคังออกไปโดยไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ หล่อนไม่รู้หรือว่าคนแก่แบบเราคิดมากแค่ไหน”
ตงลี่หวาแอบเข้าข้างจางฉุ้ยเหลียนอยู่ในใจ นิสัยของหล่อนเป็นคนพูดตรง เมื่อเห็นกระเป๋าหนังสือของหูจิ่นเหมิงและกระเป๋าเดินทางอีกหนึ่งใบไม่อยู่ในห้องแล้ว ก็เดาได้ในทันทีว่าทั้งสามคนหนีออกจากบ้านไปแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าหนีไปที่ใด ปัญหาคือพวกหล่อนพาคังคังหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้อาวุโสในบ้านไปด้วย
เมื่อได้ยินอันหลงเอาแต่ตำหนิจางฉุ้ยเหลียนอยู่ฝ่ายเดียว ก็อดพูดย้อนด้วยน้ำเสียงประชดประชันไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอปากโป้งพูดมาก พวกเขาจะหนีไปแบบนี้ไหม ? เด็กคนนั้นมาอยู่ที่บ้านเราก็เป็นความคิดของหล่อนเพียงคนเดียว แต่เธอกลับไม่พอใจ ดันไปพูดกับผู้ใหญ่ของเด็กแบบนั้น ตลอดทั้งคืนเด็กคนนั้นยังไม่ได้กินข้าวเลยสักคำ แถมยังต้องมาฟังเธอพล่ามโดยเปล่าประโยชน์อีก”
อันหลงถึงกับผงะทันที นึกไม่ถึงว่าตงลี่หวาที่ไม่เคยปริปากพูดเรื่องนี้จะโพล่งคำพูดประชดประชันใส่อย่างไม่น่าเชื่อ และยิ่งนึกไม่ถึงว่ายังมีหน้ามาโทษกันอีก
อันหลงโกรธจนหน้าร้อนผ่าว เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านได้ทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก ตอนนี้ถึงขนาดหญิงชนบทที่ไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อนก็กล้าตำหนิเธออย่างไม่น่าเชื่อ
“เธอยังมีหน้ามาว่าฉันอีกหรือ ? ไม่เห็นว่าเธออบรมสั่งสอนลูกสาวอย่างไร สามีไม่อยู่บ้านแต่ก็ริอ่านทำตัวเป็นผู้นำ ต่อหน้าแม่สามียังกล้าพูด ไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง เอาแต่ออกไปสร้างปัญหานอกบ้านไม่เว้นแต่ละวัน เธอยังมีหน้าว่าฉันอีก ทำไมไม่ว่าลูกสาวที่อุ้มคังคังหนีไปของเธอเล่า!”
อันหลงมีความเกรงใจต่อตงลี่หวามาก จึงไม่พูดคำที่น่าเกลียดกว่านี้ออกไป เพียงแต่ไม่อยากให้ตงลี่หวาคล้อยตามลมเท่านั้น คิดว่าหากพูดจบแล้วตงลี่หวาอาจจะปิดปากเงียบเหมือนที่ผ่านมาก็ได้
ในเวลานี้ จางฉุ้ยเหลียนพาเด็กน้อยทั้งสองไปหาอะไรกินในร้านไก่ทอดที่ค่อนข้างดูดีร้านหนึ่ง ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่และใกล้โรงแรม มีชื่อว่าร้านไก่ทอดแองโกลา ความพิเศษอยู่ตรงการทอดไก่แบบตุรกี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของทานเล่นจำพวกน่องไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ น้ำอัดลม และไอศกรีมทอด
คาดว่าเจ้าของร้านชอบไปทานอาหารฟาสต์ฟู้ดตามที่ต่าง ๆ ซึ่งร้านสไตล์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกร้าน KFC ซึ่งได้รับความนิยมในเมืองปักกิ่ง ดังนั้นร้านไก่ทอดตุรกีแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยลูกค้าประเภทครอบครัว ที่ผู้ใหญ่พาเด็กมานั่งทาน
พอได้ยินว่ามีไอศกรีมทอด เด็กทั้งสองก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา จางฉุ้ยเหลียนจึงหันไปถามหูจิ่นเหมิงด้วยความอยากรู้ “เธอน่าจะเคยทานอาหารในโรงแรมอยู่บ่อย ๆ ไม่เคยเห็นไอศกรีมทอดหรือ ? ”
หูจิ่นเหมิงส่ายหน้าแล้วยิ้มตื่นเต้น “ไม่เคยค่ะ แฮมเบอร์เกอร์เคยกิน ไวน์แดง กาแฟ หนูก็เคยดื่ม แต่ไอศกรีมทอดแบบนี้หนูไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ว่ามีหน้าตาแบบไหน”
ปกติแล้วอาหารที่คังคังชอบที่สุดก็คือไอศกรีมและมันฝรั่งปรุงรสทอดที่คุณยายทำให้ทาน เขาเข้าใจว่าแบบไหนเรียกทอด การทอดก็คือการเอาเนื้อหรือมันฝรั่งแบบแผ่นแบบแท่งลงในหม้อ รอจนร้อนและเหลืองกรอบ ถึงด้านนอกจะร้อนแต่ด้านในจะแตกตัวเป็นน้ำ รสชาติอร่อยไม่รู้ลืม
จางฉุ้ยเหลียนมองไปทางอาหารที่เรียกว่าข้าวไก่ทอดตุรกี ซึ่งในความจริงก็คือข้าวหน้าบิบิมบับนั่นเอง ไม่มีน้ำสลัด ไม่มีทั้งมะเขือเทศ จางฉุ้ยเหลียนไม่ชอบรสชาตินี้เอาเสียเลย จึงหยิบแฮมเบอร์เกอร์ขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่นานไอศกรีมทอดก็ถูกยกมาเสิร์ฟ เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องมีอะไรไหลเยิ้มออกมาแน่นอน เป็นไอศกรีมทรงกลมที่ซื้อมาจากโรงงานไอศกรีม ด้านนอกถูกห่อด้วยแป้งขาวหนาหนึ่งชั้น จากนั้นก็เอาไปทอดในกระทะให้เหลืองกรอบนอกนุ่มใน และทำการราดด้วยซอสอีกชั้นก่อนถูกส่งออกมา
ทันทีที่กัดไปบนแป้งกรอบด้านนอกคำแรก ไอศกรีมที่อยู่ด้านในก็ไม่ได้ละลายแต่อย่างใด หรือนี่ไม่ใช่ไอศกรีม หูจิ่นเหมิงกินไอศกรีมทอดอย่างอารมณ์ดี ถูกปากกว่าเฟรนช์ฟรายส์เสียอีก
ในตอนนั้นเอง เธอก็พบว่ายังไม่ได้ซื้อโค้ก แต่น้ำส้มบรรจุขวดขนาดเล็กแล้วก็น้ำสาลี่อัดลมที่บรรจุอยู่ในขวดคล้ายขวดเบียร์ก็เป็นที่แพร่หลายอย่างมากทีเดียว เด็กทั้งสองกอดขวดน้ำสาลี่อัดลมและดื่มอย่างมีความสุข จนคังคังลืมเรื่องที่ตะโกนออกไปว่าไม่ต้องการแม่เมื่อสักครู่จนหมด
พอท้องอิ่ม เขาก็ยื่นมือมาจูงมือจางฉุ้ยเหลียนและเรียกเธอว่าแม่
ทั้งสามคน ‘หนีออกจากบ้าน’ โดยไม่รู้เลยว่าอาวุโสทั้งสองในบ้านต้มโจ๊กเสร็จไปหนึ่งหม้อแล้ว
ทุกคนล้วนมีขอบเขตของตน ขอบเขตของตงลี่หวาและเซี่ยจวินคือจางฉุ้ยเหลียน ถ้าเซี่ยจวินยังอยู่ก็ไม่มีใครหน้าไหนมาขัดขวางอนาคตของจางฉุ้ยเหลียนได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจยอมรับและไม่ผูกใจเจ็บกับสองสามีภรรยาจางกว่างฝู เขาลืมภาพเหตุการณ์ที่จางฉุ้ยเหลียนมาขอความช่วยเหลือด้วยท่าทางน่าสงสารไม่ได้ เธอบอกว่าจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยถูกทำลายหมดสิ้นอย่างน่าเวทนาขั้นสุด เรื่องที่ตงลี่หวาเกลียดที่สุดคือคนอื่นมาพูดเรื่อง ‘รับเลี้ยงบุตรบุญธรรม’ ต่อหน้า เธอมองจางฉุ้ยเหลียนเหมือนลูกในไส้ อีกทั้งยังเข้าใจสภาพจิตใจของเด็กคนนี้มากด้วย จางฉุ้ยเหลียนสนิทกับเธอมากกว่าเช่าหวา ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางยอมสิ้นเปลืองให้พวกเธอย้ายมาอยู่เมืองใหญ่ขนาดนี้หรอก
ยิ่งไปกว่านั้น คือทั้งสองครอบครัวก็อยู่ติดกันเป็นเพื่อนบ้าน ทำทุกอย่างราวกับอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งเชื่อว่าเธอจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิต มีความสุขกับลูกสาวและลูกหลานที่กตัญญูรู้คุณเหมือนครอบครัวทั่วไป
เห็นกันอยู่ว่าอันหลงทำตัวเหมือนสุภาษิตที่ว่า กาอันไหนไม่เปิดก็หยิบอันนั้น มักจะหยิบยกเรื่อง ‘รับเลี้ยงบุตรบุญธรรม’ มาพูดต่อหน้าเสมอ และยังกล่าวว่าเธอไม่รู้จักสั่งสอนลูกอีก บอกว่ารากฐานของจางฉุ้ยเหลียนนั้นไม่ดี มีพ่อแม่ที่ไม่น่าเชื่อถือคู่หนึ่งจึงกลายเป็นเด็กชั่วช้าไปโดยปริยาย
ตงลี่หวาอ้ำอึ้ง พยายามหาข้อแก้ต่างมาโต้แย้ง เธอจะไปมีฝีปากแรงกล้าเหมือนอันหลงได้อย่างไร ? เมื่อก่อนเธอเอาแต่พึ่งพาตนเอง ไม่คิดจะด่ากับผู้หญิงตระกูลกู้เหล่านั้นแต่อย่างใด ทว่าหญิงปากร้ายในตระกูลกู้ยังไม่เท่าคนที่อยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นานและถูกไล่ออกจากบ้านคนนี้เลย
ศักดิ์ศรีที่อุตส่าห์แบกไว้ตลอดชีวิต ถูกทำลายลงในชั่วพริบตา ไหนจะเหตุผลไร้สาระพวกนั้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญหน้าตัวต่อตัวนี้ช่างเป็นความกดดันไม่น้อยสำหรับตงลี่หวา
ตงลี่หวาตอกกลับด้วยท่าทางน่าสงสาร อันหลงจึงรีบโต้กลับด้วยท่าทางดุดันทันที
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ เธอดูอย่างกู้เต๋อไห่สิ ตอนเด็ก ๆ เขาไม่ได้แย่ไปกว่าจางฉุ้ยเหลียนสักเท่าไรหรือ ? ตั้งแต่แต่งงานกัน ครอบครัวฝ่ายฉันก็เห็นเขาเป็นเหมือนลูกชายมาโดยตลอด ตอนที่เขาต้องผ่าตัดริดสีดวงทวาร พี่ชายของฉันก็มาช่วยดูแลเขา แต่พี่น้องของเขากลับมีจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงหมาป่า ไม่มีใครมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาลและใกล้ถึงวันขึ้นปีใหม่ ทางนั้นจึงพาลูกหลานมาเยี่ยมเขา ก็เพื่อเสื้อผ้าชุดใหม่และเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น” อันหลงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร เป็นต้องฉุนเฉียวทุกที จากนั้นมักหยิบยาหยอดตาขึ้นมาหยอด
“ฉันจะบอกให้ ลูกสาวคนนี้ของเธอเลี้ยงมาเสียข้าวสุกเปล่า ๆ เหอะ รอให้พวกเธอแก่จนไม่มีแรงทำงานก่อนสิ หล่อนจะไม่สนใจพวกเธอ แต่จะไปสนใจพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคู่นั้น พวกเธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ไม่มีเงินก็ไม่มีใครเลี้ยงดูหรอก” อันหลงมองไปทางสีหน้าที่ยิ่งฟังยิ่งตกใจกลัวเข้าไปทุกทีอย่างลำพองใจ จากนั้นก็พูดเยาะเย้ยต่อ “ด้านบนเป็นพ่อแม่สามี ด้านล่างเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แล้วมีความจำเป็นอะไรต้องแบ่งเวลาไปดูแลเธอสองคนอีกล่ะ ? พวกเธอทั้งสองก็แก่มากแล้ว ควรมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง อย่างเช่นบ้านพักคนชรา เคยได้ยินไหม ? ”
ตงลี่หวาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า คว้าไม้กวาดที่พิงอยู่ข้างประตูขึ้นมาฟาดใส่อันหลง “ฉันปล่อยให้เธอพูดจาไร้สาระเกินไปแล้ว ฉันปล่อยให้เธอพูดแย่ ๆ จนไม่น่าให้อภัย ถ้าฉันเป็นกู้เต๋อไห่ก็จะทิ้งเธอเหมือนกัน!ถ้าต้องทิ้ง ผิดบาปเธอต้องแบกรับเอง สมน้ำหน้าที่ปล่อยให้ผู้ชายเหยียบเธอได้ เหยียบได้เหยียบดี เหยียบจนต้องร้องขอชีวิต !”
ทุกครั้งที่อันหลงถูกฟาดก็มักจะหลบได้เสมอ ทว่าฝีปากร้ายกาจของตงลี่หวายังคงพ่นคำเสียดสีออกมาไม่จบสิ้น ทำให้หล่อนตกใจไม่น้อย
MANGA DISCUSSION