ตอนที่ 281 แต่งงานใหม่
กู้จื้อชิวคิดว่าคนในตระกูลกู้ต้องแก่งแย่งสมบัติเพราะเรื่องนี้ จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาคงรู้สึกละอายแก่ใจบ้าง อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้กู้เต๋อไห่ดีขึ้นมาบ้าง
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเธอยังเด็กและเด็กเกินไปจริง ๆ
หลังจากที่พ่อแม่หย่ากัน ต้องยกสมบัติให้กับลูกของตน เรื่องนี้พวกเขาเข้าใจดี เพียงแต่ดูเหมือนว่าแม่เฒ่าเฝิงจะมีแผนร้ายอยู่ในใจและไปสร้างปัญหาถึงในร้านหนังสือตั้งสองครั้งสองครา แต่ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว
อายุปูนนี้ยังหย่ากัน เรื่องนี้ได้สร้างความฮือฮาต่อคนในสมัยนี้มากทีเดียว หลังจากบอกเรื่องนี้กับกู้จื้อเฉิงไปแล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็เตรียมรอรับความโกรธอย่างสงบ
เขากลับพูดว่าจางฉุ้ยเหลียนมีความรับผิดชอบมาก ถ้าเธอตัดหางปล่อยวัดไม่สนใจอยากจะปลูกผลไม้บนภูเขาก็เข้าใจได้ เพียงแต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่ทัน พ่อแม่ได้ตัดสินใจหย่ากันแล้ว เรื่องนี้ได้สร้างผลกระทบให้จางฉุ้ยเหลียนไม่น้อยไปกว่าบรรดาพี่น้องในตระกูลกู้สักนิด
ในชาติที่แล้ว กู้เต๋อไห่เกิดป่วยหนักก่อนการปลดประจำการ การป่วยในครั้งนั้นของเขามีความเกี่ยวข้องกับอันหลงอย่างมาก พูดได้ว่าได้สร้างความโกรธเกลียดให้กับคนในตระกูลกู้ไม่น้อย
หลังจากพ่อผู้ให้กำเนิดของกู้เต๋อไห่ตายจากไป แม่เฒ่าเฝิงต้องเลี้ยงดูลูก ๆ เพียงลำพัง ต่อมาหล่อนได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งและใช้ชีวิตร่วมกับเขานานหลายปี อีกทั้งยังให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งแต่กลับไม่ได้เลี้ยงดูเป็นอย่างดี
หลังจากสามีคนที่สองตายจาก กู้เต๋อเปิ่นก็ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองและทำไร่องุ่นขึ้น แม่เฒ่าเฝิงจึงย้ายมาใช้ชีวิตอยู่กับกู้เต๋อเปิ่น อาหารก็ทำไม่เป็น น้ำก็หาดื่มเองไม่ได้ เอาแต่ทรมานทุกคนด้วยสารพัดวิธี เพราะความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ไม่สามารถปรองดองกันได้
ต่อมากู้เต๋อไห่เกิดป่วยขึ้นมา แต่ไม่มีใครเลยไปดูแล แม่เฒ่าเฝิงจึงตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่กับลูกชาย ไม่นานกู้เต๋อไห่ก็จากโลกนี้ไป แม่เฒ่าเฝิงพาลูกสาวลูกชายไปโวยวายอยู่พักใหญ่ ค่าจัดงานศพหรือแม้แต่ทรัพย์สินทุกอย่างภายในบ้านก็จะต้องแบ่งเป็นสัดส่วนทั้งสิ้น
จางฉุ้ยเหลียนจึงตกใจกับโลกที่แล้งน้ำใจต่อกันเช่นนี้ ความสัมพันธ์ที่ฝังรากลึกลงไปในกระดูก บางครั้งก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เรื่องคนอื่นคือความสนุก เรื่องของตัวเองกลับไม่รู้จักคิดดี ๆ
ชาตินี้ กู้เต๋อไห่ได้หย่ากับภรรยาจริง ๆ จางฉุ้ยเหลียนเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าต้องมีกี่เรื่องที่สามารถสร้างความโกลาหลได้เหมือนทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกเพราะการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตน
ส่วนในตระกูลกู้ คนที่สร้างปัญหากลับไม่รู้ตัว วันปีใหม่นี้ก็ต้องแตกแยกกันไปคนละทิศละทาง ตั้งแต่อันหลงแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้หลายสิบปี ไม่เคยคิดว่าตนจะได้นั่งทานอาหารในวันปีใหม่กับลูกสาวและลูกสะใภ้แค่ 3 คนมาก่อน
กู้เต๋อไห่มองไปทางกลุ่มที่สร้างปัญหาให้ครอบครัวที่พากันจุดประทัดอยู่ข้างนอกอย่างสนุกสนาน มีไก่ตุ๋นและเป็ดตุ๋นเตรียมพร้อมอยู่ในครัว เศษเมล็ดแตงโมกระจัดกระจายเต็มพรม ทุกคนพากันนอนดูรายการโทรทัศน์ภาคค่ำอย่างสบายอกสบายใจ คนเยอะก็จริง แต่คนที่สนิทใจที่สุดกลับไม่มีแม้แต่คนเดียว
ไม่มีภรรยาที่รู้ฟ้ารู้ฝนไปเสียทุกอย่าง ที่คอยยกสลัดหูหมูเย็นมาเสิร์ฟให้เขาได้กินแกล้มเหล้า ไม่มีลูกสาวเจ้าเล่ห์มาคอยอ้อนขออั่งเปา ไม่มีลูกชายและลูกสะใภ้โทรศัพท์มาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ไม่มีหลานชายตัวน้อยมาโวยวายขอกินอมยิ้ม
บ้านหลังนี้ไม่มีอะไรเลย การแตกแยกไปคนละทิศละทางทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก
แม่เฒ่าเฝิงเห็นท่าทางเหม่อลอยของเขา ก็ยื่นมือออกไปกระทุ้งเรียกสติลูกชายที่นั่งอยู่ข้างกาย ซึ่งในตอนนั้นกู้เต๋อเปิ่นก็หันมามองผู้เป็นแม่และน้องชายพร้อมทำปากจู่เล็กน้อย จากนั้นก็เห็นกู้เต๋อไห่ลุกขึ้นและเดินเข้าห้องไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย เมื่อเห็นเช่นนั้นผู้เป็นแม่จึงได้แต่เบะปากและพูดขึ้นว่า “เห็นไหม จะไปคิดถึงสะใภ้แพศยา คนที่ไม่มีอนาคตร่วมกันอีกทำไม!”
กู้เต๋อเปิ่นยิ้มและพูดว่า “มันก็เป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรก็เพิ่งหย่ากันได้ไม่นาน ใช้ชีวิตด้วยกันมาตั้งนาน คงจะไม่คุ้นชินในวันสองวันนี้หรอก”
แม่เฒ่าเฝิงได้แต่เบะปากอย่างไม่ใส่ใจ นึกย้อนกลับไปในตอนนั้น ตัวหล่อนเองก็ไม่ได้ทำตัวแบบนี้ หล่อนสามารถแต่งงานใหม่ได้ แล้วเขามีบ้านมีงานทำจะกลัวอะไร?
“หลังจากฉลองวันปีใหม่เสร็จ แกต้องหาคู่ให้เขา ต้องหยุดคิดถึงคนเก่าได้แล้ว !” ทันทีที่แม่เฒ่าเฝิงเอ่ยปาก กู้เต๋อเปิ่นก็ตกใจจนมือไม้อ่อนแม้แต่ลูกแพร์แช่แข็งก็จับไว้ไม่อยู่
อายุขนาดนี้แล้ว หลานชายก็มีแล้ว ยังจะหาสะใภ้คนที่สองมาให้ลำบากอีก ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงมีคนไม่เห็นด้วยแน่
กระนั้น เขากลับได้ยินมารดาพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “คราวนี้ต้องหาคนรู้จักหน้าที่ของตน ไม่เอาเหมือนคนเก่าแล้วนะ แค่รู้จักแต่งหน้าแต่งตาเขียนคิ้วทาปากและพูดจาไพเราะไม่พอ แกต้องหาคนที่รู้จักหน้าที่ของตน ทำงานบ้าน และจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้”
กู้เต๋อเปิ่นรู้สึกว่าหน้าผากผุดเม็ดเหงื่อขึ้นมาทันที “อายุก็ปูนนี้แล้ว ยังต้องแต่งงานมีสะใภ้อีก”
แม่เฒ่าเฝิงเบิกตากว้าง “ทำไม แกยังหวังให้สะใภ้ของแกมาทำอาหารให้กินไปตลอดชีวิตอีกหรือ? ฉันคงได้ตายก่อน แล้วแกจะอยู่ที่นี่ต่อไปยังไงหา?”
กู้เต๋อเปิ่นไม่หวังอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต หลัก ๆ ก็แค่อยู่เป็นเพื่อนมารดาเท่านั้น ตอนนี้น้องชายก็หย่ากับภรรยาไปแล้ว พี่ชายอย่างเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าทุกอย่างจะกลายมาเป็นเช่นนี้? ทั้งคู่บอกจะหย่าก็หย่ากันทันที ลูกชายที่โตขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่สนใจ
“แกวางใจเถอะ ถ้ายังคิดถึงคนพวกนั้น ก็คงหย่าไม่ได้ หึ ล่อเสือออกจากถ้ำให้ฉัน คิดว่าสร้างปัญหาแค่นี้แล้วฉันจะกลัว ผลสุดท้ายเป็นอย่างไร? โง่ไปเลย!” แม่เฒ่าเฝิงแสดงความลำพองใจออกมา
จางฉุ้ยเหลียนคิดไว้ว่าหลังจากฉลองวันปีใหม่แล้ว จะหาวันว่างพาคังคังและกู้จื้อชิวออกไปกินข้าวข้างนอกกับพ่อสามีสักมื้อ แต่ปีใหม่นี้ทุกอย่างพลิกผันไปแล้ว ซึ่งเธอเองก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อย
ถึงแม้ว่าอันหลงไม่พูดอะไร แต่ก็ใจกว้างมากพอ จึงให้อั่งเปาแก่กู้จื้อชิวและคังคังมากกว่าปีไหน ซึ่งจางฉุ้ยเหลียนรู้ดีแก่ใจ หล่อนคงกลัวว่าตอนที่พวกเธอไปเยี่ยมกู้เต๋อไห่ ฝั่งนั้นจะมีเงินไม่มากพอให้อั่งเปาลูกหลาน เพราะอยากให้พวกเธอแสดงความกตัญญูต่อกู้เต๋อไห่มากหน่อย
ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาก็ยังเข้มข้นไม่น้อย คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าตราบใดที่ยังพูดจาดี ๆ ต่อกัน ทั้งคู่ก็ยังคงทำตัวเหมือนเก่าก่อน บ้านที่เต็มไปด้วยความสุขจนเปี่ยมล้นย่อมดีกว่า
สองวันมานี้กู้จื้อเฉิงได้รับโทรศัพท์แค่สายเดียว เมื่อคืนเขาก็แอบไปดื่มเหล้าผิดกฎจนเมาหัวราน้ำ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ต้องหย่ากัน เรื่องนี้ได้สร้างผลกระทบต่อเขาอย่างมาก
ถึงอย่างไรกู้จื้อชิวก็ต้องหอบเอาทัศนคติที่นิ่งเฉยไปด้วย หล่อนเคยเห็นวิธีปฏิบัติอันไม่เป็นธรรมที่แม่เฒ่าเฝิงทำกับมารดา กู้เต๋อไห่ก็รู้ความจริงเรื่องนี้ดี แต่กลับเข้าข้างคนอื่นทำให้กู้จื้อชิวผิดหวังไม่น้อย
อีกทั้งหลังหย่าร้างก็ง่ายแสนง่าย ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาในบ้าน ในใจของกู้จื้อชิวถือว่านี่คือการหักหลัง
เวลายังคงเดินต่อไปช้า ๆ กู้จื้อชิวไม่อยากไปเจอกู้เต๋อไห่ ไม่ว่าอันหลงจะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ได้ผล จางฉุ้ยเหลียนพาคังคังไปเจอเขาหลายครั้ง เส้นผมสีขาวบนศีรษะและใบหน้าที่บ่งบอกอายุของกู้เต๋อไห่ทำให้จางฉุ้ยเหลียนปวดใจไม่น้อย
หล่อนเคยโน้มน้าวหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล จางฉุ้ยเหลียนจึงไม่เอ่ยเรื่องนี้เพื่อให้หลานมีความสุขในช่วงเวลาที่สมควรมีความสุข
สองค่ำเดือนสองมังกรเงยหัว เทศกาลประจำเดือนกุมภาพันธ์ จางฉุ้ยเหลียนส่งหัวหมูไปให้กู้เต๋อไห่ก่อนวันเทศกาลตามธรรมเนียม แต่กลับได้ยินข่าวคราวที่ยากจะทนฟังได้ว่ากู้เต๋อไห่กำลังจะแต่งงานใหม่
เธอกลัวว่าจะเป็นเพียงข่าวลือ จึงไม่กล้าถามกู้เต๋อเปิ่นตามตรง แต่เนื่องจากเถ้าแก่เหนียงเจ้าของร้านอาหารที่สนิทกันนอกเมือง มักจะซุบซิบคนโน้นคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอได้สั่งหัวหมูต้มสุก 3 หัวกับร้านอาหารแห่งนี้ล่วงหน้า เพื่อส่งไปให้บ้านกู้เต๋อไห่ 1 หัว ส่งให้เช่าหวา 1 หัว และเก็บไว้ให้บ้านตนอีก 1 หัว ส่วนจางกว่างฝู เธอแบ่งส่วนของบ้านตัวเองให้เขาครึ่งหนึ่งก็พอ
เพียงแค่เถ้าแก่ร้านอาหารเข้ามาถามเธอด้วยท่าทางลึกลับ จางฉุ้ยเหลียนก็คงเสแสร้งต่อไปไม่ได้
จางฉุ้ยเหลียนไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับอันหลงผู้เต็มไปด้วยความหวังได้ และยิ่งไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับกู้จื้อชิวจนทำให้หล่อนเข้าใจผู้เป็นพ่อผิดไป นอกจากนี้ก็ไม่บอกกับกู้จื้อเฉิงผู้อยู่ห่างไกล สุดท้ายเธอจึงโทรศัพท์ไปบอกให้กู้เต๋อไห่มารับหัวหมูที่ร้านเอง ส่วนตัวเธอก็นำหัวหมูที่เหลืออีก 2 หัวกลับบ้าน
จางฉุ้ยเหลียนหั่นหัวหมูพร้อมครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ในครัว ในเมื่อเถ้าแก่เหนียงรู้เรื่องนี้ได้ก็แสดงว่าทุกคนก็รู้เรื่องนี้ได้เช่นกัน ถ้าอันหลงออกไปข้างนอกและบังเอิญเจอคนรู้จัก หรือมีคนตั้งใจเข้ามาสอบถาม เกรงว่าเรื่องนี้คงได้ถึงหูในอีกสองสามวันแน่
หลังจากรู้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป ? ร้องไห้ฟูมฟายหรือล้มป่วย ? เดิมทีกู้จื้อชิวเป็นเด็กขี้เล่นมากกว่าโกรธใครง่าย ๆ อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เธอกลัวว่าหล่อนจะมองหน้าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อไม่ติด และทำให้บาดแผลในใจลึกเข้าไปอีก คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือกู้จื้อเฉิง เธอควรบอกหรือไม่บอกดีนะ ? ถ้าบอกไปแล้วสามีจะรับได้ไหม ? ผู้ชายที่รักในศักดิ์ศรีของตนจะไม่รู้สึกสะทกสะท้านเมื่ออยู่ต่อหน้าได้อย่างไร ? สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกจะกลายเป็นอย่างไรต่อไป
ตอนนี้จางฉุ้ยเหลียนมีเรื่องให้คิดวนเวียนในหัวมากมาย ตำหนิตนเองมากกว่ากลัว เธอมักรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความผิดของตน ?
แต่ตอนที่เธอได้เห็นจางกว่างฝูอ้วนขึ้น 20 กิโลกรัมจนมีใบหน้าอวบอิ่มสมบูรณ์กำลังกินเนื้อหมูอย่างเอร็ดอร่อย ในใจของจางฉุ้ยเหลียนจึงสงบลงในชั่วพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิด
จางกว่างฝูก็ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เอาแต่กินเหล้าอย่างสำราญใจกับกู้เต๋อไห่โดยไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่สนใจแต่เรื่องกินอย่างเดียว เรื่องลูกสะใภ้ ลูกชาย ลูกสาว จนบัดนี้เขากลายเป็นตาเฒ่าเฝ้าบ้านผู้ซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบใครและรู้จักเก็บเงินไว้เลี้ยงดูตัวเองยามแก่เฒ่า หรือว่าเขาจะเปลี่ยนไปแล้วอย่างแท้จริง ?
กู้เต๋อไห่เดิมทีเป็นคนแบบไหน ถ้าคิดจะทำอะไร จางฉุ้ยเหลียนจะควบคุมได้อย่างนั้นหรือ ?
ในเมื่อเขามองเห็นถึงสาเหตุของความบาดหมางระหว่างแม่ผู้ให้กำเนิดและภรรยาอย่างชัดเจน และยังสามารถเข้าใจชีวิตในครอบครัวรวมทั้งความรู้สึกอับอายในอดีตด้วย
เขาพูดได้ว่าความไม่พอใจในตนเองนั้นยิ่งใหญ่กว่าความจริงเสียอีก ซึ่งก็ยิ่งชัดเจนเข้าไปอีกว่าความอับอายของเขายิ่งใหญ่กว่าปัญญา
ดังนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ต่างก็เป็นทางเลือกของทุกคนเองทั้งนั้น จางฉุ้ยหลินเห็นจางฉุ้ยเหลียนกล้าทำในเรื่องยากที่สุดและไม่มีทางเป็นไปได้ ลองลิ้มลองและค้นหา สร้างโอกาส และเปลี่ยนแปลงโชคชะตา ดังนั้นเขาจึงเลือกผู้หญิงที่ตัวเองชอบ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ ‘เหมาะสม’ ที่หลังจากแต่งงานแล้วก็ตัดหางปล่อยวัด
จางฉุ้ยเหลียนรู้สึกดีในใจอย่างมาก แต่ความรู้สึกนี้กลับอยู่ได้ไม่ถึงสองชั่วโมง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เธอก็เห็นสามีที่ไม่ได้กลับบ้านเลยตลอด 3 ปีเต็มคนนั้น เขากำลังนั่งสีหน้าตึงเครียดอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ส่วนแม่สามีก็เอามือปิดปากสะอึกสะอื้นเสียงเบาราวกับนักเรียนกระทำความผิด กู้จื้อชิวก็หวาดกลัวจนหน้าเปลี่ยนสี ขย้ำชายเสื้อโดยที่ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว
จางฉุ้ยเหลียนไม่รู้ว่ากู้จื้อเฉิงมีความสามารถเช่นนี้อยู่ เธอไม่เคยเห็นด้านนี้ของเขาเลยทั้งสองชาติ ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะยังเป็นกังวลอยู่ก็ตาม
“คุณกลับมาได้ยังไงคะ ? ทำไมไม่บอกกล่าวกันก่อน ! ” เมื่อสิ้นเสียง กู้จื้อเฉิงจึงกวาดตามองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
MANGA DISCUSSION