ตอนที่ 275 ไกลหัวใจ
จางฉุ้ยเหลียนหยิบบัญชีธนาคารที่แม่สามีมอบให้ เธอต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนถึงวันปีใหม่ คงจะโทษในความละโมบโลภมากของเธอไม่ได้ การให้เงินก้อนนี้กับมิตรสหายหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สู้เท่าเก็บไว้ให้ลูกชายของตน
เธอไม่ได้เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแต่อย่างใด เธอคิดแค่เพียงว่าเงินจำนวนนี้ของพ่อแม่ฝ่ายสามีไม่ใช่ของตัวเอง ซึ่งเธอยังให้ความเคารพต่ออุดมการณ์ของตน ต่อให้อดตายก็ไม่มีวันขอกินเด็ดขาด สวรรค์เจ้าคะ หรือเป็นเพราะพ่อสามีไม่สบายจึงมาขอเงินโดยไม่ได้คำนึงถึงตัวเธอ? ถ้าเธอไม่ให้ กู้จื้อเฉิงก็ต้องเห็นด้วยน่ะสิ? พวกญาติเหล่านั้นมีใครบ้างจะมาสนใจพ่อแม่สามีถ้าไม่ใช่เธอ
จางฉุ้ยเหลียนเก็บเงินก้อนนี้อย่างสงบเยือกเย็น เธอรู้และเข้าใจดีว่าเงินก้อนนี้เป็นไพ่ใบสุดท้ายของแม่สามีแล้ว เธอจะทำให้เนินเขาที่สามารถมองเห็นได้เพียงลูกเดียวกลายเป็น 4 ลูกจากการช่วยเหลือของมู่จิ้นหนาน อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่มู่จิ้นหนานก็เก่งมากอยู่แล้ว
“ไม่รู้ว่าลูกสาวบ้านไหนจะได้มีชีวิตสุขสบายแถมยังได้สามีที่เป็นเหมือนดั่งประติมากรรมรูปปั้นอย่างมู่จิ้นหนาน!” จางฉุ้ยเหลียนปลงอนิจจังต่อมู่จิ้นหนาน เหมือนกับที่คนอื่นรู้สึกทอดถอนใจกับกู้จื้อเฉิง
กู้จื้อเฉิงไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวคนอื่น แม้จะพูดว่านี่เป็นกฎระเบียบในค่ายทหารก็ตาม แต่ก็ยังมีคนอื่นโดนดึงดูดไปไม่น้อย สุดท้ายก็เข้าไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงในฐาน ซึ่งแน่นอนว่าบรรดาชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นต่างก็อยากให้ลูกหลานได้ทหารมาเป็นคู่ชีวิตทั้งสิ้น
เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ในค่ายมาเนิ่นนาน ย่อมมีคนชื่นชอบในตัวกู้จื้อเฉิงอยู่แล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาแต่งงานมีภรรยาและลูกชาย ถึงกระนั้นก็ยังมาคิดไม่ซื่ออยากได้ไปครอบครองอยู่อีก
“ไอ้หยา ไปมั่วสุมกับผู้หญิงข้างนอกเรียกว่าทำลายชีวิตครอบครัวทหาร แต่การที่พวกนายมาหาภรรยาในพื้นที่แห่งนี้ กลับไม่ได้ถูกเรียกว่าทำลายครอบครัวทหาร แล้วจะกังวลเรื่องนี้ทำไม ในบ้านเกิดของฉันก็มีให้เห็นมากมาย” คำพูดของผู้ชายที่มีรูปร่างไม่สูงมากนัก เขาพูดภาษาจีนกลางในสำเนียงกวางตุ้ง
กู้จื้อเฉิงไม่สนใจคนรอบข้างที่ลุกขึ้นโวยวาย จากนั้นก็กระตือรือร้นถามผู้ชายคนนั้นว่าการหาภรรยาในบ้านเกิดมันผิดกฎหมายหรือ ? ผู้ชายคนนั้นจึงตอบกลับมาด้วยสีหน้าลำพองใจว่า “ประชาชนไม่พูด ทหารไม่สืบสาวราวเรื่อง ฉันไม่พูดเธอไม่พูดแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นได้ ? ภรรยาคนเก่าให้กำเนิดลูกชายไม่ได้ แต่ให้กำเนิดเด็กผู้หญิง แล้วจะให้ทำอย่างไร ? ”
ในเวลานั้นก็มีคนเกิดความสนใจขึ้นมา “ตอนนี้ประเทศเรามีกฎหมายให้มีลูกได้เพียง 1 คนต่อ 1 ครัวเรือนเท่านั้น แต่หลังจากให้กำเนิดลูกสาวก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ภรรยาที่ให้กำเนิดลูกสาว นายจะจดทะเบียนได้อย่างไรกัน ? ”
คน ๆ นั้นเบะปากอย่างไม่ใส่ใจ พูดแค่เพียงว่าเป็นธรรมเนียมของครอบครัว ความคิดเก่าแก่ของคนที่นั่นร้ายแรงมาก เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน จำนวนผู้ชายย่อมเยอะกว่าผู้หญิง ให้กำเนิดลูกชายเพียงคนเดียวก็ยังไม่เพียงพอ อย่างน้อยจะต้องให้กำเนิดลูกชายถึง 4 คน ลูกสาวจะกลายเป็นสมาชิกของครอบครัวอื่น จึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า เมื่ออายุมากขึ้นย่อมไม่มีเรี่ยวแรงในการทำงานอีกต่อไป สุดท้ายต้องพึ่งพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน ดังนั้นหากไม่มีลูกชายก็หมายความว่าจะไม่มีใครมาดูแลยามแก่เฒ่าอย่างแน่นอน ไม่มีลูกชายก็ต้องทนโดนคนอื่นหัวเราะเยาะ
กู้จื้อเฉิงรู้สึกเอือมระอากับความคิดที่ล้าสมัยและเก่าคร่ำครึเอามาก ๆ อีกทั้งยังแสดงท่าทีเย็นชากับผู้หญิงที่คิดเข้ามาเกาะด้วย มีผู้หญิงบางคนคิดไม่ซื่อ รู้สึกชื่นชอบในตัวกู้จื้อเฉิงจนไม่เคารพประเพณีอันดีงาม และค่อย ๆ เข้ามาตามความคิดของตน
คนที่นี่มีความคิดแตกต่างกับกู้จื้อเฉิงทั้งนั้น เขาคิดว่าการได้อยู่ในสถานที่ปิดกั้นข่าวสารจากภายนอกแล้วจะสามารถอยู่ได้อย่างสงบอย่างน้อย 3 ปี จึงค่อยเปลี่ยนอาชีพกลับไปอยู่ที่บ้าน ข้อเสียหลักของที่นี่คงไม่พ้นคนเก่าคนแก่ค่อนข้างมีจำนวนเยอะ มักมีความคิดค่อนข้างลำเอียงไปหน่อย และมักให้ความสำคัญกับเรื่องราวมากกว่าผู้คน
เขาคิดไม่ถึงว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ และคิดไม่ถึงด้วยว่าที่นี่จะมีคนชนบทแวะเวียนเข้ามาไม่ซ้ำหน้า ที่ชนบทมักมีคนเข้ามาทำธุรกิจขนาดเล็ก พอได้ไปเที่ยวบนภูเขาและชนบทก็ถูกคนที่ไม่ปฏิบัติตามประเพณียั่วยวน แล้วเรื่องก็กลายมาเป็นเช่นนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
พวกที่มาทำธุรกิจนั้น หลังจากได้สัมผัสกับชีวิตต่างเมืองก็ได้เรียนรู้ในสิ่งไม่ดีแทนที่จะเรียนรู้สิ่งดี ๆ กลับปฏิบัติตัวออกนอกลู่นอกทาง หย่าร้างกับภรรยา เรื่องที่ทำให้กู้จื้อเฉิงไม่พอใจก็คือคนเหล่านี้ไม่คิดละอายแต่คิดว่าเป็นเกียรติ ราวกับว่าการมีภรรยามากจะเป็นจุดสูงสุดที่คนอื่นต้องเงยหน้ามอง
โชคดีที่ประชาชนที่อยู่ในค่ายทหารเหล่านี้ยังคงความซื่อสัตย์แต่แรกเริ่มไว้ได้ ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนต่างถิ่นเหล่านั้น เพราะรู้สึกว่าเจ้าชู้ การวางตัวไม่หนักแน่นและไม่รอบคอบเอาเสียเลย
หลังจากได้สัมผัสกับคนที่อยู่นอกค่ายเหล่านั้นแล้ว กู้จื้อเฉิงแทบไม่ได้ออกไปพื้นที่นอกค่ายแต่อย่างใด กระนั้นก็ยังมีคนใหม่บางคนไม่อาจต้านทานแรงเย้ายวนจนทำให้พลาดกระทำความผิดไป จึงถูกกู้จื้อเฉิงลงโทษตามกฎ ส่งผลให้เรื่องนี้ค่อย ๆ ลดน้อยลง
เขาไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับจางฉุ้ยเหลียนได้ แต่ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งรู้สึกว่าตนมีภรรยาที่เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลมาก ได้ยินจางฉุ้ยเหลียนเล่าแต่เรื่องดี ๆ ไม่มีให้เศร้าหมอง เขาก็รู้สึกเสียใจต่อผู้หญิงที่ต้องลำบากมากมายคนนี้
เรื่องราวในบ้าน เขาได้ยินมาจากกู้จื้อชิวแล้ว เรื่องการใช้ชีวิตของแต่ละคนเขาก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่ช่วยพูดโน้มน้าวนิด ๆ หน่อย ๆ ในบางครั้ง แต่ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าพ่อแม่รู้สึกละอายใจต่อคนในบ้าน แม้การจ่ายเงินเพื่อซื้อความสบายจะเป็นเรื่องปกติ
จางฉุ้ยเหลียนไม่รู้ว่ากู้จื้อเฉิงรู้เรื่องนี้แล้ว เมื่อเธอกลับบ้านก็เห็นบัญชีธนาคารวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา ตอนออกจากบ้านแม่สามี เธอก็เห็นคนขับรถของพ่อสามีขับรถสวนเข้ามา ทันทีที่คิดได้ว่าจะต้องมีสงครามใหญ่เกิดขึ้น เธอก็เข้าไปหลบอยู่ในร้านค้าที่อยู่ถัดไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น กลับไปรอกู้จื้อเฉิงที่บ้าน
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง กู้จื้อชิวก็เดินมาเคาะประตูบ้านของจางฉุ้ยเหลียน เธอจึงพาคังคังและหูจิ่นเหมิงไปฝากไว้บ้านตงลี่หวาที่อยู่ถัดไปทันที กู้จื้อชิวเริ่มเล่าข่าวร้ายที่สุดของบ้านสามีให้ฟัง
“ทันทีที่แม่กลับมาถึง ก็ให้ฉันโทรศัพท์หาพี่เลย ก่อนพี่จะมา แม่ได้โทรศัพท์หาพ่อด้วย พี่สะใภ้ โชคดีนะที่ออกไปเดินเล่น จึงไม่เห็นพ่อกับแม่ของฉันทะเลาะกันอย่างรุนแรง ทำให้ฉันกลัวมาก!” กู้จื้อชิวจึงวิ่งมาหลบที่บ้านจางฉุ้ยเหลียน ไม่ยอมกลับบ้านไปเห็นแม่ร้องห่มร้องไห้
จางฉุ้ยเหลียนได้แต่ทอดถอนใจ “เธอหลบที่นี่ก่อนก็ได้ รอให้แม่ใจเย็นกว่านี้ก่อน เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ว่าแต่สร้อยข้อมือถูกขายที่ไหนล่ะ? เราซื้อมันกลับมาดีไหม!”
กู้จื้อชิวส่ายหน้า “นั่นเป็นสินสอดที่คุณยายตั้งใจให้แม่และให้คุณป้าอีกคนละเส้น แม่บอกว่าถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด พวกเขาก็ไม่เคยแตะต้องมันเลย แม้คุณป้าต้องชดใช้เงินกับธุรกิจจนไม่มีเหลือกินในบ้าน ก็ไม่เคยหยิบมันออกมาใช้แต่อย่างใด ครั้งนี้พ่อทำเกินไป เห็นอยู่ว่าสร้อยเส้นนั้นมีความหมายแต่ก็ยังขายไปซึ่งหน้า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ขายสร้อยข้อมือหรอก แต่มันอยู่ที่เขาต้องการไล่แม่ออกจากบ้าน”
กู้เต๋อไห่พุ่งกลับบ้านด้วยความโกรธ ทันทีที่เปิดประตูก็ถูกอันหลงใช้ชุดชาทุบศีรษะจนเลือดตกยางออก กู้จื้อชิวที่ยืนอยู่ในห้องรับแขกกำลังเกิดอาการสับสน ไม่รู้ต้องไปหลบหรือเข้าไปโน้มน้าวดี แต่เมื่อเห็นบิดาหัวแตกจนเลือดไหล หล่อนก็กุลีกุจอไปหยิบผ้าก๊อซและยาทาแผลสด
ยังไม่ทันถือผ้าก๊อซเดินถึงตัว ก็ถูกกู้เต๋อไห่ด่าจนต้องหมุนตัวกลับเข้าห้อง “ไม่เห็นอารมณ์ฉันหรือไง ไสหัวออกไป!”
พออันหลงเห็นลูกสาวโดนด่า ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น คว้าอะไรได้ก็โยนใส่เขาทั้งหมด หลายปีมานี้เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะใช้ความรุนแรง กู้เต๋อไห่เองก็ถูกกรอกหูมา ทั้งคู่พูดจาไม่ดีใส่กัน ซึ่งไม่คิดว่าคำพูดที่ออกมาจากปากจะเกิดผลลัพธ์ไม่ดีตามมา
กู้เต๋อไห่กล่าวหาอันหลงว่าเป็นคนอกตัญญูต่อแม่สามี ไม่เป็นภรรยาที่รู้จักอดทน ครอบครัวของพวกเขาดีกว่าครอบครัวคนอื่นก็เลยรับแม่สามีมาอยู่ด้วย แต่เพราะหล่อนใจแคบ เขาจึงทำได้เพียงแบกรับชื่อเสียงลูกอกตัญญูบนหลังต่อไป
อันหลงโต้กลับทันควัน “แม่ของคุณต่างหากไม่ชอบฉัน พี่สะใภ้ของคุณก็รังแกฉัน แล้วทำไมฉันต้องอดทนด้วย ฉันก็ทนมามากพอแล้วนะ ”
กู้เต๋อไห่บันดาลโทสะ “หล่อนเป็นชาวไร่ไม่รู้หนังสือ จะไปทำอะไรได้ ? ตลอดชีวิตนี้พวกหล่อนได้ออกจากบ้านกี่ครั้ง จะไปมีความคิดแบบนั้นได้ยังไง ? คุณยอมนิดยอมหน่อยจะเป็นอะไรไป ? เพราะโดนทำเกินกว่าเหตุใส่ หล่อนถึงไม่ชอบคุณไงล่ะ ? ”
อันหลงไม่ยอมจึงตะคอกเสียงดังกลับไป “ฉันทำเกินกว่าเหตุยังไง ? ฉันทำแบบนั้นตอนไหน ฉันจะกล้าหรือ ? แม่ของคุณต่างหากที่ไม่สนใจฉัน แล้วยังมีหน้ามาว่าฉันทำเกินกว่าเหตุอีกหรือ ? ”
สองสามวันที่ผ่านมานี้ กู้เต๋อไห่อารมณ์เสียมาก เพราะรู้สึกว่าตนช่วยภรรยาในเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจถึงความยากลำบากในตัวเขาสักนิด ไม่ได้มีเพียงแค่ทรัพย์สินเงินทองเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เขายังให้สิ่งของนอกกายอีกไม่น้อย แม่เฒ่าเฝิงคงมีชีวิตได้อีกไม่กี่ปี ร่างกายของพี่ใหญ่ก็เกือบจะกลับมาเดินได้เป็นปกติแล้ว ทำไมเธอไม่เข้าใจบ้าง ก็ในบ้านไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองเลยนี่
“คุณไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุอย่างนั้นหรือ ? คุณบอกว่าเมื่อก่อนมักจะซื้อของให้แม่สามีอยู่เสมอ มันเหมาะสมไหม ? ซื้อนมผงเอย รากบัวผงสำเร็จรูป และยังมีของใช้อีกมากมาย” กู้เต๋อไห่ยังพูดไม่จบ อันหลงก็สวนกลับทันที “นมผงรากบัวผงแล้วยังไง ไม่ดีหรือ ? หญิงชนบทยังอยากกินรังนกและโสมเลยไม่ใช่หรือ ? ”
“แล้วคุณซื้อของพวกนี้มาทำไม ? คุณใช้ชีวิตตามกระแสมาตลอด ซื้อขาหมูมาก็แพงใช่เล่น คุณไม่คิดว่าตัวเองใช้ชีวิตโอเวอร์อย่างนั้นหรือ ? คุณซื้อเค้ก 5 ปอนด์กลับไป แล้วมันกินได้กี่มื้อ ? นิสัยแม่ผมก็มักจะเก็บไว้ให้กับแขกคนอื่นอยู่แล้ว แต่ยิ่งปล่อยไว้นานวันเข้าก็กินไม่ได้ แต่หล่อนก็ยังจะกินอีก เรื่องนี้ผมเคยพูดกับคุณไปแล้วไม่ใช่หรือ ? คุณฟังเข้าหูบ้างไหม ? เปล่าเลย คุณไม่ฟังอะไรเลยสักอย่าง”
กู้เต๋อไห่รู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ได้กดดันอยู่ในใจมาก หลายปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่มีความสุขเลย เมื่ออันหลงได้ยินคำว่า ‘นานวันเข้าก็กินไม่ได้ แต่หล่อนก็ยังจะกินอีก’ ก็อดกลอกตามองบนอย่างเอือมระอาไม่ได้ จากนั้นก็บ่นอุบคนเดียวว่า “เห็นแก่กิน”
การที่แม่เฒ่าเฝิงนำแป้งขาว หมี่ขาว ไข่ไก่และขาหมูออกมาวางโชว์ มันมีประโยชน์มากนักหรือ ? ทั้งหมดที่กินเข้าปากไป มีแค่ของที่วางเด่นสะดุดตาอยู่ในบ้านเท่านั้น ตราบใดที่มีคนมาหน้าบ้านหรือแม้แต่นั่งเย็บพื้นรองเท้า ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็จะเห็นของพวกนี้
หล่อนมักอวดว่านี่เป็นของพรีเมียมที่ลูกชายซึ่งไปเป็นทหารอยู่ในเมืองส่งมาให้ เป็นของที่คนในบ้านไม่มีทางได้กิน แม่เฒ่าเฝิงทำตัวโอเวอร์เกินเหตุต่อหน้าคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะมีแค่ทางนี้เท่านั้นถึงจะทำให้หล่อนเป็นที่จดจำ
แป้งหมี่ขาวใครบ้างจะไม่มี ใครบ้างจะมองไม่เห็น ตอนที่มาถึงหน้าบ้าน แม่เฒ่าเฝิงก็มักจะถือหมั่นโถวออกมาคุยกับแขกอยู่เสมอ “เธอเห็นขนมปังขาวที่ลูกชายฉันซื้อมาไหม มันไม่เหมือนกันเลยนะ”
ขนมปังขาวก็คือขนมปังขาว จะมีความแตกต่างได้อย่างไร ? อีกอย่างลูกชายของหล่อนก็เป็นทหาร มันเป็นของที่ทางค่ายให้เป็นของขวัญเท่านั้น ไม่ต้องควักเงินจ่ายแล้วจะเรียกว่ากตัญญูรู้คุณได้หรือ ? ตลกเกินไปแล้ว
ความคิดของผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกัน เขาให้เงินค่าครองชีพกับแม่เฒ่าเฝิงทุกวัน อังหลงก็ยอมที่จะซื้อของชิ้นใหญ่ปีละครั้ง ปีนี้ได้เปลี่ยนมาซื้อโทรทัศน์ให้กับหล่อน ปีหน้าก็ค่อยซื้อเครื่องซักผ้าให้
เงินจำนวน 200 หยวนต่อเดือน แต่ถ้าเดือนนั้นหล่อนป่วยต้องเสียค่ารักษาพยาบาลไปทั้งสิ้น 300 หยวน แต่กลับไม่มีใครเห็น ไม่สู้เอาโทรทัศน์จอใหญ่มาวางไว้ไม่ดีกว่าหรือ นั่นถึงจะเรียกว่าความกตัญญูของกู้เต๋อไห่
เมื่อกู้เต๋อไห่เห็นอันหลงไม่พูดอะไร จึงคิดว่าเธอเชื่อฟังในคำพูดของตน น้ำเสียงจึงค่อย ๆ อ่อนโยนลง จากนั้นก็พูดโน้มน้าวอันหลงว่า “ตอนนี้ครอบครัวของเราก็ไม่เลวแล้วนะ เด็กทั้งสองก็มีอนาคต ของกินในบ้านก็ไม่เคยขัดสน ร้านหนังสือของคุณก็รุ่งเรือง การช่วยญาติ มันไม่เกี่ยวอะไรไม่ใช่หรือ ? เราอายุตั้งขนาดนี้แล้ว คุณคิดดูว่าหากเป็นคุณจะยอมให้ลูกชายลำบาก โดยไม่สนใจได้หรือ ? ”
อันหลงยิ้มเย็นชา “ไม่ว่าคุณพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถึงอย่างไรเงินที่มีอยู่ในบ้าน ฉันก็จ่ายมันไปหมดแล้ว เว้นเสียแต่จะปิดกิจการร้านหนังสือ ไม่อย่างนั้นคุณจะขุดเอาเงินมาจากไหน!”
กู้เต๋อไห่ได้ยินก็ถลึงตาใส่เพราะความโกรธ จากนั้นกำหมัดและด่ากราดออกไป “เธอเอาเงินไปทำบ้าอะไรหมด ห๊ะ ? ”
MANGA DISCUSSION