ตอนที่ 260 หาเรื่อง
เช้าวันรุ่งขึ้น ยังไม่ทันที่จางฉุ้ยเหลียนจะได้พาคังคังมาที่บ้านของแม่สามี บ้านแม่สามีของเธอก็ลุกเป็นไฟซะแล้ว
เมื่อวานอันหลงพูดเต็มปากเต็มคำว่า หล่อนจะทำซาลาเปา ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงต้องลงไปซื้อน้ำส้มสายชูมา 1 ขวด แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่เฒ่าเฝิงไปสัญญาอะไรไว้กับลูกชายคนโต คราวนี้หล่อนจึงได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดทำให้ลูกสะใภ้รองไม่เหลือศักดิ์ศรี สร้างปัญหาตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้อันหลงโมโหควันออกหู แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่กล้าต่อว่าใด ๆ ออกไป
เรื่องแรกเลยก็คือ ช่วงเช้าตรู่แม่เฒ่าเฝิงบอกว่าไม่อยากปล่อยหนักที่ห้องน้ำ จะออกไปหาห้องน้ำข้างนอกให้ได้ ไม่ว่าอันหลงจะโน้มน้าวยังไงหล่อนก็ไม่ฟัง ภายใต้ความหดหู่ อันหลงเลยต้องพาแม่เฒ่าไปเดินตลาดเช้า
ขากลับอันหลงก็เลยซื้อปาท่องโก๋ แป้งทอด และเต้าฮวยกลับมา เพราะหล่อนไม่เหลือแรงพอที่จะทำซาลาเปาแล้ว แต่หล่อนกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อแม่เฒ่าเฝิงนั่งลง และเหลือบไปเห็นปาท่องโก๋ หล่อนจะเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง
“แกไม่ได้บอกว่าจะทำซาลาเปาหรือ แล้วนี่มันอะไรกัน ? ฉันอายุเยอะขนาดนี้แล้ว จะกินของที่มีน้ำมันเยอะขนาดนี้ได้ยังไง ? แกอยากให้ฉันตายเร็ว ๆ ล่ะสิใช่ไหม ? ” อันหลงทำหน้าน้อยใจ จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปว่า “แม่คะ ฟังที่แม่พูดสิ ที่หนูซื้อของพวกนี้มา ก็เพราะว่าหนูทำซาลาเปาไม่ทัน แม่กินของพวกนี้รองท้องไปก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวหนูจะเข้าไปทำไส้ซาลาเปา แล้วจะนึ่งซาลาเปาให้แม่กิน”
“จากความหมายที่แกพูดมา แกจะบอกว่าฉันเป็นคนผิดใช่ไหม ? การที่ฉันไปเข้าห้องน้ำมันขัดขวางเวลาทำอาหารของแกมากงั้นสิ ? แล้วทำไมแกถึงไม่ลุกขึ้นมาทำตั้งแต่เช้าล่ะ ห๊ะ ? ” แม่เฒ่าเฝิงไม่ยอมแพ้ อันหลงดูออกว่า ไม่ว่าหล่อนจะพูดอะไรออกไปมันก็ผิดทั้งนั้น หล่อนเลยตัดสินใจจะไม่เถียงต่อ เพราะว่ายังไงตอนนี้ก็ไม่มีซาลาเปาให้กินอยู่แล้ว
หลังจากที่เกาหลีม่านคอยโน้มน้าวอยู่ ๆ ข้าง ๆ แม่เฒ่าเฝิงถึงจะยอมสงบลงและหยิบตะเกียบขึ้นมากินอาหาร
ในที่สุดคลื่นลมยามเช้าก็สงบลง เมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็เป็นเวลา 08.00 น.แล้ว แต่จางฉุ้ยเหลียนก็ยังไม่มา แม่เฒ่าเฝิงเลยเริ่มด่าคนอื่นขึ้นมาอีกรอบ บอกว่าจางฉุ้ยเหลียนลูกสะใภ้คนนี้ทำตัวโอหัง ไม่ยอมให้หล่อนได้ใกล้ชิดหลานชาย กำลังรังเกียจยายแก่ ๆ บ้านนอกอย่างหล่อน
แต่อันหลงกลับไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด เพราะการที่คังคังไม่มามันก็ตรงกับใจของหล่อนพอดี เพราะหล่อนก็ไม่รู้ว่ายายแก่คนนี้จะทำอะไรหลานรักของหล่อนอีก แต่สุดท้ายก็ทนฟังคำพูดหยาบคายและการบังคับของยายแก่คนนี้ไม่ไหว อันหลงจึงต้องโทรไปหาจางฉุ้ยเหลียนที่บ้าน
“ไม่รับสาย ! ” หลังจากที่อันหลงโทรไปสองสายก็ไม่มีใครรับ หล่อนเลยวางโทรศัพท์แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาน่าจะออกมากันแล้ว ที่บ้านคงไม่มีใครอยู่แล้วล่ะมั้ง ! ”
แต่เมื่อรอจนมาถึงเวลา 09.00 น. ก็ยังไม่เห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนจะพาลูกมาสักที แม้แต่ตัวอันหลงเองก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้วเช่นกัน หล่อนไม่ได้กลัวว่าคนพวกนี้จะถากถางหล่อน แต่หล่อนเริ่มกังวลว่าสองแม่ลูกคู่นี้ไปอยู่ที่ไหนกันแน่
“ก๊อก ๆ ๆ ” ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังนั้น อันหลงรีบพุ่งตัวออกไปเปิดประตูทันที ท่าทางไม่เหมือนกับคนอายุ 50 กว่าปีเลยสักนิด และเมื่อประตูออก หล่อนก็เห็นคังคังใส่หมวกสีแดงและกำลังมองที่หล่อนพร้อมรอยยิ้ม
“คุณย่า ! ” เขายื่นมือน้อย ๆ ทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า
เมื่อเห็นดังนั้น อันหลงก็ใจอ่อนยวบลงมาทันที “ไอ้หยา ขี้อ้อนแต่เช้าเลยหรือหลานรักของย่า”
อันหลงอุ้มหลานด้วยรอยยิ้ม พอเห็นจางฉุ้ยเหลียนกำลังหอบถุงของใบใหญ่ หล่อนก็เอื้อมมืออีกข้างหนึ่งออกไปช่วยถือ จากนั้นพวกเธอสองคนแม่ลูกก็ช่วยกันแบกถุงใบใหญ่นั้นเข้ามาในบ้าน
เพียงการกระทำที่แสนเรียบง่ายนี้ ก็ทำให้จางฉุ้ยเหลียนซาบซึ้งจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เพราะนี่เป็นการกระทำตามจิตใต้สำนึกของอันหลง หล่อนเห็นว่าของมันหนักเกินไป กลัวว่าจางฉุ้ยเหลียนถือไม่ไหว เรื่องอบอุ่นหัวใจเช่นนี้ อย่าว่าแต่ชาติที่แล้วเลย เพราะแม้แต่ในชาตินี้จางฉุ้ยเหลียนก็ยังไม่เคยเห็นมัน
ดูเหมือนว่าตอนนี้อันหลงจะเห็นเธอเป็นคนในครอบครัวจริง ๆ แล้ว หล่อนเริ่มเอ็นดูเธอจากใจจริง
แม่เฒ่าเฝิงยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเหมือนชูสีไทเฮาเช่นเดิม ส่วนกู้เต๋อเปิ่นและลูกชายออกไปออกกำลังกายยามเช้า จางฉุ้ยเหลียนเพิ่งจะวางของลง เธอก็ได้ยินเกาหลีม่านพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคลุมเครือว่า “เพิ่งจะมาเอาตอนนี้ ? คงจะตื่นสายล่ะสิท่า ? ”
จางฉุ้ยเหลียนจึงพูดออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “หนูเป็นผู้หญิงที่มีลูก อีกทั้งยังต้องทำงาน หนูจะไปมีโชคได้นอนตื่นสายได้ยังไงล่ะคะ ? ตั้งแต่เช้าตรู่หนูก็ตื่นมาป้อนนมคังคังแล้ว หลังจากนั้นก็อุ้มเขาไปที่ทำงาน พอสั่งงานเรียบร้อยแล้ว หนูก็ไปซื้อผลไม้ ผัก แล้วก็เนื้อที่ตลาด ไอ้หยา เหนื่อยจริง ๆ เลย”
จางฉุ้ยเหลียนนำของไปไว้ในห้องครัวก่อน จากนั้นก็เลือกผลไม้สองสามอย่างออกมาจากถุง อันหลงจึงอุ้มหลานเดินตามจางฉุ้ยเหลียนเข้าไปในห้องครัว ขณะมองไปที่ด้านนอกหล่อนก็กดเสียงลงต่ำ จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ไม่รู้พวกเขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก เริ่มหาเรื่องปวดหัวให้ตั้งแต่เช้า อีกเดี๋ยวเธอก็ออกไปซะนะ อย่ามารอให้โดนทรมานอยู่ที่นี่เลย”
ขณะที่จางฉุ้ยเหลียนมองไปที่อันหลง เธอก็คิดว่านี่เพิ่งจะผ่านไปแค่คืนเดียวเอง แต่สีหน้าของหล่อนก็ซีดเซียวมากขนาดแล้ว อีกทั้งน้ำเสียงของหล่อนก็ยังแฝงไปด้วยความจริงใจที่หายาก ทันใดนั้นจู่ ๆ จางฉุ้ยเหลียนก็เข้าใจขึ้นมาได้ในทันทีว่า หล่อนคงเป็นห่วงว่าเธอจะโดนคุณย่าของสามีรังแก แต่เธอก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่ไม่รู้ความสักหน่อย เธอไม่กลัวคนพวกนั้น และเธอก็หาเงินด้วยตัวเอง แล้วเธอยังจะต้องไปสนใจคนที่มาขอความช่วยเหลือจากบ้านตัวเองอีกทำไม?
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่คะ แม่วางใจเถอะค่ะ หนูจะไม่ยอมให้พวกเขามารังแกหนู และหนูก็จะไม่ยอมให้พวกเขามารังแกแม่ด้วย มีบางคำที่แม่พูดไม่ได้ แต่หนูพูดได้นะคะ” จางฉุ้ยเหลียนส่งสายตาปลอบใจให้แม่สามี มือรีบล้างผลไม้แล้วยกออกไปให้แขกอย่างรวดเร็ว
“ไอ้หยา ไม่ต้องซื้อของพวกนี้มาหรอก ในบ้านมีอะไรก็กินอันนั้นก็ได้ เด็กอย่างเธอนี่ใช้เงินเก่งจริง ๆ ” ขณะพูดเกาหลีม่านก็รีบหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หล่อนยื่นไปให้แม่สามีก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อยินเสียงถึงความ ‘กรอบ’ หลังจากนั้นหล่อนก็รีบหยิบแอปเปิลขึ้นมาอีกลูก แล้วกัดกินมันทันที
จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มออกมา จากนั้นเธอก็พูดออกไปว่า “หนูก็ไม่ได้ตั้งใจซื้อมาเยอะแยะอะไรหรอกค่ะ เพราะถึงอย่างไรหนูก็เป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ จะกตัญญูต่อแม่สามีของตัวเองก็เป็นเรื่องที่สมควรทำจริงไหมล่ะคะ และคราวนี้คุณย่าก็มาเยี่ยมเราถึงบ้าน หนูเองก็ต้องพยายามแสดงความกตัญญูจริงไหมคะ”
อันหลงรีบเข้ามาต่อบทสนทนาทันที หล่อนชื่นชมว่าจางฉุ้ยเหลียนกตัญญูต่อตัวเองมากขนาดไหนในเวลาปกติ บางเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นหล่อนก็ตีไข่ใส่สีลงไป พูดซะจนจางฉุ้ยเหลียนรู้สึกเขินเอง
ส่วนทางด้านของแม่เฒ่าเฝิง หล่อนกลับเผยสีหน้าที่มืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อันหลงก็ทำราวกับไม่เห็นมันอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งหล่อนก็ยังพูดขึ้นมาอีกว่า “พวกคุณคิดดูสิว่าต่อหน้าแม่สามีลูกสะใภ้ก็ควรทำตัวอย่างนี้ไม่ใช่หรือ เธอทำผิดอะไรฉันก็ต่อว่าเธอ แต่เธอกตัญญูต่อฉัน ฉันย่อมรู้ดี ไม่ว่าเรื่องนอกเรื่องในเธอก็เป็นคนจัดการทั้งนั้น พอมีของดี ๆ เธอก็มักจะส่งมาเพื่อแสดงความกตัญญูกับพวกเราสองสามีภรรยาก่อนเสมอ บางครั้งตอนบ้านแม่ของเธอมีของดีอะไร เธอก็จะคิดถึงฉันเป็นคนแรก พวกคุณดูอย่างเมื่อวานสิ ฉันยังไม่ทันได้บอกเธอเลยว่า ฉันออกไปรับพวกคุณ พอกลับมาก็เห็นเธอตุ๋นเนื้อวัวให้ฉันกินแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลยสักนิด เพราะมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว”
จางฉุ้ยเหลียนพูดเสริมออกไป “ไอ้หยา นี่มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกค่ะ ก็เมื่อวานมีคนเอาเนื้อวัวมาให้พ่อหนู และหนูก็คิดว่าเนื้อวัวนั่นจะต้องมาจากมองโกลแน่นอน หนูก็เลยเอามาให้บ้านนี้กิน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หนูจะได้เจอกับพวกคุณป้าพอดี”
แม่ลูกคู่นี้เข้าขากันได้ดีสุด ๆ พูดอย่างกับว่างานอดิเรกอย่างหนึ่งของจางฉุ้ยเหลียนก็คือ การหาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อเอาของดี ๆ จากบ้านแม่มาให้บ้านแม่สามีอย่างไรอย่างนั้น พูดซะจนแม่เฒ่าเฝิงอดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองมาที่ภรรยาของลูกชาย มองซะจนหน้าของเกาหลีม่านร้อนผ่าว
“ไอ้หยา ของดีเยอะแยะขนาดนี้ ไม่เห็นว่าเธอจะส่งไปให้คุณย่าของเธอกินบ้างเลยล่ะ ! ” เกาหลีม่านเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะจู่ ๆ หล่อนก็พูดคำพูดเปรี้ยว ๆ พวกนี้ออกมา แต่เพิ่งจะพูดจบประโยค หล่อนก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะหล่อนรู้ดีว่านี่มันเป็นกับดัก
อันหลงตาโตไม่พอใจขึ้นมาอย่างที่คิด และเริ่มพูดถึงของดีที่ตัวเองส่งไปให้กับแม่สามีเพื่อแสดงความกตัญญูอย่างคล่องปาก “คราวก่อนบ้านเราก็ส่งแกะไปให้ทั้งตัว พี่สะใภ้ไม่เห็นหรือ ? และแกะตัวนั้นก็เป็นของที่ฉุ้ยเหลียนเอามาจากบ้านแม่ของเธอเหมือนกัน นี่ผ่านไปยังไม่ถึงเดือนพี่สะใภ้ก็ลืมแล้วอย่างนั้นหรือ ? แล้วก็ยังมีช่วงปีใหม่เมื่อปีก่อนอีก เธอก็ยังซื้อโสมกับเขากวางส่งไปให้ นั่นยังไม่ดีพออีกหรือ ? ”
“เหอะ ! ไม่รู้ว่าใครเอาของพวกนั้นไปต้มทำเหล้าหมดแล้ว ตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้เห็นพวกมันเลยสักชิ้น ! ” แม่เฒ่าเฝิงบ่นออกมาอย่างเย็นชา และเสียง ‘เหอะ!’ ที่ดังออกมา ก็ทำให้เกาหลีม่านรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
เมื่อได้ยินดังนั้น หล่อนจึงรีบพูดออกไปด้วยเสียงหนักใจว่า “อา เขากวางพวกนั้นก็พอได้นะ ตอนนี้เขากวางปลอมก็มีเยอะจะตายไป บังเอิญตอนนั้นพี่ใหญ่เจ็บขาพอดี ฉันก็เลยเอาไปต้มเหล้าให้เขากิน” ต่อจากนั้นหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะตอนที่หล่อนเพิ่งจะเอาเขากวางกับโสมไปทำเหล้าเสร็จ ก็เป็นเวลาเดียวกับวันเกิดพ่อของหล่อนพอดี หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าจะส่งอะไรไปเป็นของขวัญดี เพราะไม่ว่าจะส่งอะไรไปก็เสียเงินทั้งนั้น กู้เต๋อเปิ่นเลยจับงูตัวหนึ่งใส่ลงในไหเหล้า สุดท้ายหล่อนก็เอาเหล้าเขากวาง โสม เก๋ากี้ และงูเป็น ๆ ในไหนั้น ส่งไปอวยพรวันเกิดพ่อตัวเอง
เก๋ากี้ราคาถูก ส่วนงูคำโบราณก็กล่าวเอาไว้ว่า งูใหญ่อยู่บนเขา แต่ในป่าก็มีไม่น้อย แม้ว่าโสมและเขากวางจะไม่ใช่วัตถุดิบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ก็ไม่ใช่วัตถุดิบที่ทุกบ้านจะหาได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะของที่ไม่ต้องออกไปเสียเงินซื้อ สองสามีภรรยาคู่นี้เลยได้โอกาสยืมดอกไม้ถวายพระ
เดิมทีแม่เฒ่าเฝิงก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเทียบกับอันหลงแล้ว หล่อนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที ยิ่งเทียบกับคนอื่นก็ยิ่งรู้สึกแย่ หล่อนเลยเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง หล่อนมักจะรู้สึกว่าลูกสะใภ้ใหญ่ไม่ได้ใส่ใจตัวเอง เหมือนที่หลานสะใภ้ใส่ใจภรรยาของเหล่าซื่อ
และลูกสะใภ้ใหญ่ก็ชอบส่งของไปให้บ้านแม่มากกว่า ส่วนหลานสะใภ้ชอบเอาของมาจากบ้านแม่เอามาให้บ้านแม่สามีของตัวเอง เมื่อหล่อนคิดได้แบบนี้ เกาหลีม่านก็ขมขื่นขึ้นมาในทันที และด้วยความที่หล่อนติดตามแม่เฒ่ามาชั่วชีวิต ขอแค่แม่เฒ่าขมวดคิ้ว เกาหลีม่านก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
เกาหลีม่านคิดในใจว่าแย่แล้ว หล่อนเลยรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาโยนไปที่ตัวคังคังทันที และจู่ ๆ ก็เริ่มเป็นห่วงเป็นใยหลานชายตัวน้อยขึ้นมา
อันหลงเผยสีน้าดูถูก ในใจตำหนิว่าเกาหลีม่านทำตัวไม่เหมือนผู้ใหญ่จริง ๆ ในเมื่อบอกว่าเอ็นดูหลาน แล้วทำไมหล่อนถึงมาเจอหลานด้วยมือเปล่าล่ะ ? ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะไม่ได้เตรียมของอะไรมา แต่วันนี้หล่อนของหล่อนก็ยังมาที่บ้านอีกไม่ใช่หรือ หรือว่าหล่อนไม่คิดจะทำอะไรเพื่อหลานเลย ?
เงินไม่ให้ก็ได้ แต่หล่อนจะไม่รู้จักซื้อลูกอมมาเอาใจหลานบ้างเลยรึไง ? ไม่อยากเห็นหลานดีใจ แล้วหล่อนยังอยากจะมายืมเงินที่บ้านหลังนี้อีกอย่างนั้นหรือ ท่าทีพื้นฐานยังไม่มี หึ ! ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็ไม่มีให้ยืมเหมือนกัน !
สำหรับแม่เฒ่าเฝิงและเกาหลีม่าน พวกหล่อนคงจะไม่มีทางคิดได้ เพราะในสายตาของพวกหล่อน อันหลงเป็นผู้หญิงที่มีชาติกำเนิดไม่ดี การที่บ้านนี้ยอมให้หล่อนแต่งเข้ามาได้ก็ถือว่าเมตตามากแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรต้องพูดมาก
ตอนเจอกันเมื่อวาน จางฉุ้ยเหลียนสัมผัสได้แค่ว่าพวกหล่อนไม่พอใจแม่สามีของเธอ แต่พอมาวันนี้จางฉุ้ยเหลียนก็ได้รู้แล้วว่า ที่จริงแล้วพวกหล่อนก็เหมือนกับเลือกกระดูกออกมาจากไข่ พวกหล่อนไม่ชอบชาติกำเนิดของแม่สามีของเธอ และก็ยิ่งไม่ชอบที่ผู้หญิงคนนี้มีชีวิตที่ดีกว่าพวกหล่อน
ตอนทำเกี๊ยวมื้อกลางวัน อันหลงไม่ได้ใช้มีดสับหมู แต่หล่อนใช้เครื่องบดแบบใช้มือหมุนแทน ในยุคสมัยนี้เจ้าเครื่องนี้มีราคาไม่แพง เพราะอย่างนั้นชาวบ้านทั่วไปจึงไม่ค่อยมีใครซื้อกัน
นอกจากคนขายเครื่องเทศป่น คนทำพริกป่น พริกไทยป่นก็จะใช้บ่อยหน่อย จางฉุ้ยเหลียนจำได้ว่าตอนที่เธอมาอยู่บ้านตระกูลกู้ใหม่ ๆ อันหลงก็ใช้เครื่องบดแบบใช้มือหมุนนี่บดเนื้อเช่นกัน
เธอคิดว่านี่คืออุปกรณ์ที่สะดวกสบาย ช่วยให้การทำครัวง่ายมากขึ้น และไม่ได้เป็นของสิ้นเปลืองที่ไม่จำเป็น
แต่อุปกรณ์ชิ้นเล็กแค่นี้ กลับทำให้สุภาพสตรีในตระกูลกู้ทั้งสามรุ่นทำสงครามกันได้ ท้ายที่สุดเกาหลีม่านก็ลากแม่เฒ่าเฝิงออกมาด้วยความโมโห แล้วทั้งสองคนก็ยังเป็นฝ่ายเริ่มไปฟ้องร้องก่อน
แม้ว่าอันหลงและกู้เต๋อไห่จะเป็นสามีภรรยาที่ฟันฝ่าความทุกข์ยากมาด้วยกัน แต่พวกเขาก็ยังมีปากเสียงกัน ทำสงครามเย็น และสุดท้ายจบลงด้วยการแยกกันอยู่ จนกระทั่งปีใหม่ กู้จื้อชิวถึงได้โน้มน้าวแม่ให้กลับมาจากบ้านลุงได้……
MANGA DISCUSSION