ตอนที่ 237 ล้างสมองก่อนลงสนามจริง
กู้จื้อเฉิงถอดรองเท้าพลางเอ่ยปากถามออกไปว่า “ที่นายแสดงท่าทางภูมิอกภูมิใจขนาดนี้ แสดงว่านายบอกความจริงกับครอบครัวของนายแล้ว และภรรยาของนายก็ให้อภัยแล้วใช่ไหม ? ”
ฟู่ซินส่ายหน้าทันควัน ก่อนจะพูดออกไปว่า “ใช่ที่ไหนกันล่ะ ฉันก็แค่กัดฟันดึงดันไม่ยอมรับต่างหาก ถึงอย่างไรหล่อนก็จับไม่ได้คาหนังคาเขา แล้วอีกอย่าง ทำไมฉันจะต้องยอมรับด้วย การที่ผู้ชายจะออกไปเจอกับสังคมและสำมะเลเทเมากับสาวน้อยแรกรุ่นข้างนอก มันก็เป็นเรื่องปกติจะตายไป และฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะแต่งเข้าบ้านด้วย ใช่ไหมล่ะ ? ”
เมื่อจางฉุ้ยเหลียนได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เธอเมินหน้าหนีไปทางอื่น และส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับคิดในใจว่า : นี่น่ะหรือเหตุผล คิดว่าตัวเองทำถูกต้องแล้วอย่างนั้นหรือ
“แล้วคนในบ้านว่ายังไงบ้างล่ะ ? ” กู้จื้อเฉิงนั่งลง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้มและถามขึ้น
พฤติกรรมของฟู่ซินไม่มีใครยอมรับได้ แล้วอีกอย่างก็เป็นเพราะเรื่องนี้ เฉียนเหมยเซียจึงได้ไปโวยวายที่บ้านตระกูลกู้ นั่นจึงทำให้ฟู่ซินรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก หลังจากที่รู้ข่าวนี้ เขาก็ตรงกลับมาที่บ้านทันที หลังจากที่ฟู่ซินกลับไปที่บ้าน เขาก็พบว่าเฉียนเหมยเซียอุ้มลูกไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แม่ของเขาบอกว่า หล่อนอุ้มลูกลงไปข้างล่างเพื่อที่จะพาลูกไปอาบแดด ฟู่ซินรู้อยู่แก่ใจดีว่า หล่อนต้องการที่จะอุ้มลูกกลับไปที่บ้านแม่ เพื่อหลบเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น
เขาเล่าเเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แม่ของเขาฟัง “เหมยเซียรู้สึกเบื่อเวลาที่ต้องอยู่แต่บ้านเลี้ยงลูก หล่อนอยากจะออกไปทำงานข้างนอก แต่ผมไม่ยอม ช่วงนี้ก็เลยมักจะมีปากเสียงกันอยู่บ่อย ๆ ” เขาไม่กล้าบอกว่าเฉียนเหมยเซียต้องการให้แม่ของเขากลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง และทุกครั้งที่ทั้งสองคนอยู่บ้านด้วยกัน ก็มักจะทะเลาะกันอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำตัวเชื่อฟังภรรยาของตัวเองเหมือนกับกู้จื้อเฉิง แต่เขาก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างที่จะไกล่เกลี่ยยากระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้มันเป็นอย่างไร
“จะออกไปทำงานอะไร ลูกยังไม่หย่านมเลย แล้วอีกอย่าง ถ้าหล่อนออกไปทำงาน แล้วงานบ้านล่ะจะทำอย่างไร ถึงลูกไม่พูดแม่ก็รู้ว่า หล่อนไม่พอใจแม่ ที่แม่ควบคุมการใช้เงินของหล่อนมากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ไม่สามารถให้หล่อนใช้เงินตามใจชอบได้ หล่อนอยากจะให้แม่ออกไปจากบ้านหลังนี้ใช่ไหม” หญิงชรามองมาที่ลูกชายของตัวเองด้วยแววตาที่เฉลียวฉลาด ก่อนจะหัวเราะเยาะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลูกไม่ต้องมาหลอกแม่เสียให้ยากหรอก อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่า ตอนนั้นที่แม่ทะเลาะกับพี่สะใภ้ใหญ่ของลูก หล่อนก็เป็นคนบอกให้พี่ชายของลูกย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เรื่องนี้ลูกก็รู้อยู่แก่ใจดี พวกผู้ชายอย่างลูกน่ะ แต่งงานแล้วก็หลงภรรยาจนลืมแม่ของตัวเอง อกตัญญูที่สุด”
ฟู่ซินฟังแม่ของตัวเองพูดติเตียนด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นเขาก็โพล่งออกไปว่า “ตอนนี้หล่อนก็กำเริบเสิบสานยิ่งกว่าแต่ก่อน เรียกร้องอยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยเฝ้าร้าน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าตระกูลเฉียนยัดเยียดความคิดอะไรให้หล่อน พวกเขาอาจจะบอกหล่อนว่า ผมกับจางฉุ้ยเหลียนเป็นชู้กัน ทำให้เหมยเซียเป็นบ้า หล่อนไม่คิดที่จะมาถามผมหรือจางฉุ้ยเหลียนก่อนเลยสักคำ แต่เมื่อสองสามวันก่อนกลับเลือกที่จะไปโวยวายที่บ้านตระกูลกู้ คาดว่าตอนนี้ทางนั้นก็คงจะร้อนใจไม่น้อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงชราก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน หล่อนไปที่บ้านตระกูลกู้ทำไม แล้วหล่อนไปทำอะไรที่บ้านตระกูลกู้ จางฉุ้ยเหลียนเป็นสะใภ้บ้านนั้นไม่ใช่หรือ แล้วแม่ก็ได้ข่าวมาว่าสามีของหล่อนก็กลับมาจากกรมทหารแล้วด้วย”
ฟู่ซินได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาอย่างคนหมดแรง “แม่ครับ เหมยเซียไปหาพ่อแม่สามีของฉุ้ยเหลียน เพื่อให้ฉุ้ยเหลียนกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของพวกท่าน แม่ยังดูไม่ออกอีกหรือครับ”
หญิงชราหันซ้ายแลขวาและครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินมาครึ่งค่อนวัน ก่อนจะเอ่ยปากถามลูกชายออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “งั้น…ลูกจะบอกว่าลูกกับหล่อนไม่ได้มีอะไรในกอไผ่อย่างนั้นหรือ ? ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่ซินก็ถึงกับหลุดขำออกมาทันที ก่อนจะพูดออกไปว่า “แม่ครับ เราสองคนจะไปมีอะไรกันได้ยังไงล่ะ ผมเองก็เคยเป็นทหารมาก่อน ทหารที่ทำผิดศีลธรรมลักลอบคบชู้กับภรรยาของคนอื่นมันก็เป็นเรื่องที่ผิด ถ้าผมทำผมก็คงจะถูกยิงตายไปแล้ว แล้วอีกอย่างตอนนี้ผมก็ยังหาผู้หญิงในแบบที่ผมต้องการไม่ได้ แล้วทำไมผมจะต้องไปหาผู้หญิงที่มีลูกแล้วด้วยล่ะครับ ผมไม่ได้อยากจะมีภรรยาแบบนั้นสักหน่อย”
หญิงชราคิดขึ้นมาได้ว่า เหตุผลที่ลูกชายของหล่อนพูดมานั้นมันก็ถูกต้อง เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงตบมือลงไปบนหน้าขาของตัวเองอย่างแรง และด่ากราดออกไปว่า “แม่รู้ว่านังผู้หญิงหน้าด้านไม่มีสมองคนนั้นทำเรื่องไม่ดี แล้วตระกูลกู้ว่ายังไงบ้างล่ะ พวกเขาได้มาหาลูกรึเปล่า”
ฟู่ซินทอดถอนหายใจออกมา พร้อมกับแสดงสีหน้าลำบากใจไม่น้อย “เรื่องนี้ต้องโทษพวกเขาแล้วล่ะที่ไม่ยอมมาหาผมก่อน ฉุ้ยเหลียนก็ไม่ได้มาหาผม และถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวตัวน้อยประจำตระกูลกู้ไม่มาด่ากราดใส่ผมถึงในร้าน ผมก็คงจะไม่รู้เรื่องนี้หรอกครับ ได้ยินมาว่า พ่อของหล่อนโกรธมากจนต้องเรียกกู้จื้อเฉิงกลับมาที่บ้านอย่างเร่งด่วน อีกทั้งยังปิดประตูไม่ต้องรับจางฉุ้ยเหลียนอีกต่างหาก จนจางฉุ้ยเหลียนคิดอยากจะเลิกเป็นหุ้นส่วนร้านกับผมเลยทีเดียว”
สำหรับเรื่องที่พวกเขาต้องเรียกตัวกู้จื้อเฉิงให้กลับมาที่บ้านโดยด่วนนั้น หญิงชราก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากจริง ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าทั้งสองบ้านได้เกิดความร้าวฉานกันขึ้นแล้ว ชายชราผู้นี้ก็เลอะเลือนเสียจริง ๆ แต่จู่ ๆ หล่อนก็คิดได้ว่า ถ้าลูกสะใภ้ของตัวเองไปทำเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้จริง ๆ หล่อนก็คงจะตามไปจิกหัวลูกสะใภ้และตบสักฉาดสองฉาด ไม่ก็ไปโวยวายจนเรื่องราวใหญ่โตเป็นแน่ และหล่อนก็จะไม่สนใจด้วยว่า จะเป็นความผิดของลูกชายของตัวเองหรือไม่
เมื่อหล่อนได้ยินมาว่าจางฉุ้ยเหลียนต้องการที่จะเลิกเป็นหุ้นส่วนร้าน หล่อนจึงรีบโพล่งถามด้วยความตื่นตกใจทันทีว่า “มันจะสร้างผลกระทบต่อธุรกิจของเราไหม หล่อนลงทุนไปเท่าไหร่ แม่ยังพอมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย พี่ใหญ่ของลูกก็ออกเงินให้ลูกได้ เราเอาเงินไปอุดรอยรั่วก่อน แล้วค่อยมาว่ากันทีหลังก็ได้นะ”
ฟู่ซินยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงลำบากใจว่า “แม่ครับ มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินหรอก ผมก็เคยบอกแม่ไปแล้วว่า ฉุ้ยเหลียนเป็นคนที่ทำให้ผมร่ำรวยได้ เพราะอย่างนั้นแม่ว่าผมจะไปหาคู่หูร่วมธุรกิจดี ๆ แบบนี้ได้จากที่ไหนอีกล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงชราจึงได้พูดถากถางออกไปว่า “ลูกเองก็เคยเป็นทหารมาก่อน แต่กลับไม่รู้จักลัทธิวัตถุนิยม แม่ขอถามลูกหน่อย ตอนที่ลูกได้เรียนรู้จากหนังสือสีแดงตอนเด็ก ๆ ลูกบอกกับแม่เองว่า ลูกอยากเป็นนักวัตถุนิยม แล้วลูกเป็นอะไรไป ตอนนี้ดันลืมไปซะแล้วอย่างนั้นหรือ”
ฟู่ซินคลายมือที่กำลังกอดอกลงทันที จากนั้นก็เอนกายพิงโซฟา ก่อนจะพูดราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ว่า “แม่ครับ เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์อยู่อีกมากมาย จางฉุ้ยเหลียนจะใช่คนที่ทำให้ผมร่ำรวยที่สุดไหม ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เท่าที่ผมเห็น ผมสามารถดำเนินธุรกิจค้าขายไปพร้อมกับหล่อนได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ยิ่งมันไม่น่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหาเงินได้มากขึ้นเท่านั้น แล้วแม่ว่าเหตุผลนี้มันสมเหตุสมผลพอไหมล่ะครับ ? ”
หญิงชราพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ใช่ ตอนแรกที่ลูกต้องไปกู้เงินจากธนาคารมาก็ไม่ใช่เพราะหล่อนเป็นคนสนับสนุนลูกหรอกหรือ ตอนนั้นลูกก็กู้เงินมาตั้งหลายหมื่นหยวน ทำให้แม่อดกลัวว่ามันจะล้มเหลวไม่ได้ แต่ต่อมาธุรกิจของลูกก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะดีขนาดนี้”
ในตอนนั้นหล่อนก็ทำได้เพียงแค่ด่าออกไปด้วยถ้อยคำหยาบเพียงแค่คำสองคำเท่านั้น และใครจะไปนึกล่ะว่า หลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนแต่งงานแล้ว เธอจะให้ลูกชายของหล่อนเดินทางลงใต้ อีกทั้งฟู่ซินก็ยังพูดเสมอว่าไม่ว่ายังไงเขาก็จะยอมเชื่อฟังคำพูดของจางฉุ้ยเหลียน และเขาก็ไม่สนใจด้วยซ้ำว่า เขาจะถูกจูงไปในสถานที่แบบไหน
หลังจากที่ลูกชายของหล่อนเดินทางลงใต้ไปแล้ว ลูกสะใภ้ของหล่อนก็หยิบเอาแผนที่กลับมาจากโรงเรียน จากนั้นก็ชี้ไปที่มณฑลเสฉวนที่อยู่ในแผนที่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองดู ตอนนั้นเองที่หล่อนได้เห็นว่าเมืองนั้นมันอยู่ตรงไหน หล่อนก็ตกใจจนแข้งขาอ่อนไปหมด ประเทศจีนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล หล่อนอาศัยอยู่เหนือสุดของประเทศจีน แต่ลูกชายของกลับต้องไปดูงานทางตอนใต้สุดของประเทศจีนอย่างนั้นหรือ
ตอนนั้นหล่อนโกรธจนอยากจะบุกเข้าไปถามครอบครัวของจางฉุ้ยเหลียนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่า พวกเขาเลี้ยงดูลูกสาวกันยังไง ทำไมถึงได้ปล่อยให้ลูกสาวมาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแบบนี้ ต่อมาเมื่อหล่อนคิดได้ว่าถ้าตระกูลจางไม่ยอมรับ ส่วนตระกูลเซี่ยหล่อนก็ไม่สามารถเข้าไปยั่วยุได้ ถ้าลูกชายหาเงินกลับมาได้จริง ๆ จะไม่เป็นการตบหน้าหล่อนหรอกหรือ
ฟู่ซินเดินทางไปที่เซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้เป็นว่าเล่น ขนาดพี่สะใภ้และพี่ชายของเขาก็ยังพูดเลยว่า เขาเข้าขั้นโรคจิตแล้ว ซึ่งนั่นมันก็ทำให้หล่อนวิตกกังวลจนต้องไปพึ่งเทพพึ่งหมอผีกันเลยทีเดียว เพราะหล่อนอยากจะรู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนนั้นเป็นนังปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์และเป็นคนที่จะมาสร้างความหายนะให้กับคนอื่นรึเปล่า แต่ร่างทรงได้บอกกับหล่อนว่า จางฉุ้ยเหลียนนั้นมีออร่าสีทองเปล่งปลั่งออกมาจากตัว ไม่ใช่ใครจะสร้างความวุ่นวายให้เธอได้ง่าย ๆ ร่างทรงจึงให้ของบางอย่างกับหล่อนมา และให้หล่อนนำมันไปจุดธูปถวายเหล้าและสาปแช่งจางฉุ้ยเหลียน
หญิงชราเชื่อสนิทใจและคิดว่าจะบูชากราบไหว้มันไว้ในห้องเล็ก ๆ ภายในบ้านจริง ๆ ไม่นานฟู่ซินก็กลับมาพร้อมกับเงินก้อนโต สำหรับหญิงชราที่อาศัยอยู่ในชนบทอย่างหล่อน จำนวนเงินนั้นมันก็เป็นตัวเลขทางคณิตศาสตร์ที่หล่อนไม่กล้าที่จะคิดด้วยซ้ำ หลังจากที่เข้าใจแล้วว่า ทำไมลูกชายของหล่อนถึงได้เงินก้อนใหญ่นั้นกลับมา ใครจะไปเชื่อล่ะว่า ผู้หญิงอย่างจางฉุ้ยเหลียนจะเป็นตัวนำโชคจริง ๆ
ต่อมาหล่อนจึงได้รีบไปทำลายเครื่องเซ่นไหว้ที่วางอยู่ในห้องนั้นทิ้งทันที และไม่เชื่อคำพูดของร่างทรงเทพอะไรนั่นอีกเลย เทพหลอกลวงพูดจาไร้สาระ ถ้าทำให้จางฉุ้ยเหลียนเป็นอะไรขึ้นมา ก็อาจจะเป็นการใส่ความคนดีโดยไม่รู้ตัวก็ได้
ฟู่ซินไม่รู้ว่าแม่ของเขาเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน ได้ยินเพียงแค่คำบ่นพร่ำเพ้อของหญิงชรา “ใช่แล้วครับ ถ้าครอบครัวของหล่อนเกิดปัญหา เราก็ต้องยื่นมือไปช่วย และก่อนหน้านี้หล่อนก็ได้ช่วยเด็กผู้หญิงเอาไว้คนหนึ่ง แล้วแม่ดูสิครับว่า ผลของการกระทำนั้นของหล่อนมันส่งผลดีให้เรามากขนาดไหน เพราะชั่วพริบตาเดียวมันก็ทำให้ธุรกิจของเราใหญ่โตขึ้นมากขนาดนี้แล้ว และมันก็มากพอที่ผมจะไม่ต้องเปิดร้านไปได้อีก 3 ปีเลยนะครับ”
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ลูกชายของตัวเองหาเงินก้อนใหญ่กลับมา ในใจของหญิงชราก็ยังร้อนรุ่มตื่นเต้นไม่หาย หล่อนคลี่ยิ้มและพูดออกไปว่า “นั่นน่ะสิ คนดีย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี จะว่าไปแล้ว คู่หูแบบนี้ก็หาได้ยากเหมือนกันนะ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ หญิงชราก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หล่อนจึงรีบโพล่งถามออกไปด้วยความตื่นตกใจว่า “ตอนนี้สามีของจางฉุ้ยเหลียนก็กลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันใหญ่โตรึเปล่า”
ฟู่ซินได้แต่ทอดถอนใจออกมา “แม่ครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าตระกูลเฉียนจะทำแบบนี้ ตอนนี้เหมยเซียก็เอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านแม่ของหล่อน”
หญิงชรานึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนก่อนลูกสะใภ้ของหล่อนก็บอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้น จึงได้รีบออกไป พอกลางดึกหล่อนก็กลับเข้ามาที่บ้าน ส่วนทางด้านของฟู่ซิน เขาก็ไม่ได้กลับบ้านเหมือนเคย เมื่อวานหล่อนก็แสดงท่าทางแปลก ๆ เอาแต่เหม่อลอยทั้งวัน ทำตัวเหมือนวัวสันหลังหวะ เอาแต่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฟู่ซินที่ไม่ยอมกลับบ้าน
“ไป พาแม่ไปบ้านตระกูลเฉียนเดี๋ยวนี้เลย แม่อยากเห็นว่าผู้หญิงคนนี้จะมาเล่นลูกไม้อะไรอีก ครั้งนี้แม่จะเก็บของเอาไปให้หล่อนด้วย”
ในเวลานี้หญิงชราก็มีแรงฮึดสู้เกินพิกัดแล้ว ฟู่ซินจึงได้ดึงตัวหล่อนกลับมานั่ง และพูดออกไปว่า “แม่ไม่ต้องยุ่งเลย หยุดเลยครับ ตอนนี้ตระกูลเฉียนน่าจะกำลังสับสนอยู่ไม่น้อย เราทั้งสองฝ่ายควรจะหันหน้ามาคุยกันดี ๆ แล้วอีกอย่าง เหมยเซียจะไปทำอะไรได้”
“จะทำอะไรได้งั้นหรือ ถ้าหล่อนชิงสิทธิ์ในการควบคุมเงินภายในบ้าน และไล่แม่ออกจากบ้านล่ะ” หญิงชราเบิกตากว้างและพูดออกไปว่า “ลูกอยู่แต่ข้างนอกจะไปรู้อะไร ให้หล่อนกินฟรี ดื่มฟรี บูชาหล่อนอยู่แต่ในบ้าน แค่นี้มันยังไม่พออีกหรือ เหอะ ! ”
ฟู่ซินครุ่นคิดสักพักใหญ่ ๆ จากนั้นก็ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาตระกูลเฉียนทันที เมื่อสัญญาณดังขึ้น ไม่นานพี่สะใภ้ใหญ่ของเฉียนเหมยเซียก็กดรับสาย ฟู่ซินเองก็ขี้เกียจจะเสวนาไร้สาระกับหล่อน จึงได้พูดออกไปตรง ๆ ว่า “เฉียนเหมยเซียกลับที่ไปบ้านใช่ไหม ? ฝากพี่บอกหล่อนด้วยว่า อย่าคิดว่าการหนีกลับบ้านหลังจากที่ก่อเรื่องใหญ่โตเอาไว้ ผมจะทำอะไรไม่ได้นะ สั่งให้หล่อนกลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีก”
เมื่อพูดจบเขาก็กดวางสายทันที ผ่านไปราว ๆ 15 นาที พี่ชายของภรรยาของเขาก็โทรศัพท์กลับมา แต่เมื่อรับสายกลับเป็นเสียงของพี่สาวคนรองของเฉียนเหมยเซีย ในบรรดาพี่น้องตระกูลเฉียน หล่อนเป็นคนที่คุยรู้เรื่องมากที่สุด หล่อนส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ จากนั้นก็พูดกับฟู่ซินว่า “น้องเขย ทำไมต้องโกรธเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นด้วยล่ะ ยังไงเหมยเซียก็เป็นภรรยาของนายนะ แถมยังให้กำเนิดลูกสาวของนายด้วย สองสามีภรรยาโกรธกันมันก็เป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวเรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านไป แต่ลูกล่ะ นายจะทำยังไง ? ”
แม่ของฟู่ซินที่กำลังยืนฟังอย่างตั้งใจอยู่ข้าง ๆ ก็แย่งโทรศัพท์จากมือของลูกชาย จากนั้นหล่อนก็ตะคอกใส่หูโทรศัพท์กลับไปทันทีว่า “คลอดลูกแล้วยังไงล่ะ ถ้าเก่งจริงก็เลี้ยงเองสิ บอกที่อยู่มาให้ฉันเดี๋ยวนี้ และตอนนี้ฉันก็หาผู้หญิงที่สามารถให้กำเนิดหลานชายให้ฉันได้แล้ว อย่ามาริอาจทำตัวเป็นหมาหวงก้างไม่เข้าเรื่อง ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงก็คงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก”
เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้กับฟู่ซิน จากนั้นหล่อนก็ตะโกนออกไปเสียงดังเพื่อให้ฝั่งนั้นได้ยินว่า “ลูกวางสายไปเลย แม่ขอบอกไว้เลยนะว่า ภรรยาแบบนี้ลูกยังกล้าที่จะไปรับกลับมาอีกอย่างนั้นหรือ ถ้าลูกจะไปรับหล่อนกลับมา แม่จะตายอยู่ที่บ้านนี่แหละ ไม่ต้องไว้หน้ากันแล้ว พังพินาศกันไปให้หมดเลย”
ฟู่ซินวางสายไป สองแม่ลูกต่างก็หันมามองหน้ากัน จากนั้นก็พากันไปเก็บของอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอการมาของตระกูลเฉียน เฉียนเหมยเซียก็ได้ยินประโยคนี้เช่นกัน หล่อนไม่กล้าที่จะไม่กลับไป เพราะหล่อนรู้ว่าฟู่ซินและแม่ของเขาไม่มีทางมารับหล่อนอย่างแน่นอน
ในยุคสมัยที่สามารถให้กำเนิดทารกได้เพียง 1 คนต่อ 1 ครัวเรือนนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่พี่ใหญ่ของตระกูลฟู่ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ ความหวังของทุกคนในตระกูลฟู่จึงตกมาอยู่ที่หล่อน ตระกูลฟู่ไม่พอใจที่หล่อนให้กำเนิดลูกสาว ซึ่งเรื่องนี้หล่อนเองก็รู้อยู่เต็มอก
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีเสียงเปิดประตูดังมาจากนอกบ้าน เมื่อเปิดประตูออกไป ฟู่ซินก็เจอกับคนในตระกูลเฉียนที่มายืนออกันอยู่เต็มหน้าบ้านของเขาไปหมด จากนั้นพวกเขาต่างก็พยายามเบียดเสียดกันเข้ามาในบ้าน
เฉียนเหมยหรงได้พุ่งตัวเข้าเป็นคนแรก จากนั้นก็เอ่ยปากถามแม่ของฟู่ซินออกไปทันทีว่า “ไอ้หยา ที่คุณป้าพูดในสายเมื่อสักครู่นี้ คุณป้าหมายความยังไง ? ”
MANGA DISCUSSION