ตอนที่ 191 ภรรยาของฟู่ซิน
เหมยเซียมาสอบถามเรื่องของจางฉุ้ยเหลียนกับหลี่เหยา เมื่อได้ยินคำถามของน้องสาวสามี หลี่เหยาก็เอาแต่เบะปากและมองไปที่ครอบครัวนี้ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย สามีของหล่อนหรี่ตามอง อีกทั้งไขมันบนใบหน้าของเขาก็สั่นเทา จากนั้นเขาก็รีบออกคำสั่งว่า “รีบพูดมาเร็ว ๆ เข้าสิ มัวแต่ลีลาอยู่ได้ ! ”
“เพื่อนของฉันคนนี้เป็นคนเก่ง ! ตอนที่หล่อนยังเรียนวิทยาลัยอยู่ หล่อนก็เป็นคนโลภ พอเห็นเงินตาก็เป็นประกายแล้ว” หลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนทะเลาะกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่วิทยาลัยในครั้งนั้น ต่อมาก็ไม่มีข่าวคราวอะไรของหล่อนแพร่ออกมาอีก เรื่องที่หล่อนทำงานหาเงินคนในหอพักต่างก็รู้ดี ส่วนเรื่องถักเสื้อไหมพรมขาย ทำงานเสริมที่โรงอาหารของวิทยาลัย และเขียนบทความและนวนิยายหาเงินเป็นครั้งคราว ทุกคนในวิทยาลัยต่างก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน
“ได้ยินมาว่าสมัยนั้นหล่อนมีคนรักอยู่คนหนึ่ง แต่คนที่บ้านไม่เห็นด้วย ว่ากันว่าบ้านของหล่อนดูผู้ชายที่มีฐานะไม่เลวคนหนึ่งไว้ให้หล่อนแล้ว หลังจากที่รู้เรื่องจางฉุ้ยเหลียนก็โมโหโวยวายในวิทยาลัยทันที และคนที่บ้านของหล่อนอยากให้หล่อนแต่งงานด้วยก็คือ น้องเขยของฉันตอนนี้นั่นแหละ แล้วเรื่องหลังจากนี้ฉันก็ไม่รู้แล้ว แต่พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้ถึงขั้นจะตบแต่งเป็นสามีภรรยากันหรอกนะ แต่เขาก็รับลูกชายของหล่อนเป็นลูกบุญธรรมของตัวเอง หึ ! เรื่องนี้มันน่าสนใจจริง ๆ ”
เมื่อได้ยินเรื่องราวทุกอย่างแล้ว เหมยเซียก็ถึงกับหน้าถอดสี หล่อนกำมือแน่น จากนั้นก็บ่นออกมาทันทีว่า “ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่า เขาต้องมีคนที่ชอบอยู่แล้วแน่ ๆ และยัยผู้หญิงคนนั้นก็คือจางฉุ้ยเหลียน ไม่แน่ลูกของหล่อนก็อาจจะเป็นลูกของเขาก็ได้”
หลี่เหยาและทุกคนตกตะลึงในทันที จากนั้นหล่อนก็รีบส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อทันที “ไม่มีทาง จางฉุ้ยเหลียนเป็นคนรักศักดิ์ศรีและเย่อหยิ่งสุด ๆ ”
แต่หลี่เหยาก็คิดไม่ถึงเลยว่าเหมยหรงน้องสาวคนโตของสามีของหล่อนจะตะโกนออกมาว่า “งั้นที่เธอพูดมาหมายความว่ายังไง จางฉุ้ยเหลียนไม่ชอบน้องเขยของเราอย่างนั้นหรือ ? ”
เหมยเซียจ้องมองไปที่หลี่เหยา เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็หันมาจ้องที่หล่อนเป็นตาเดียว หล่อนก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงอึดอัดว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันจะบอกว่าจางฉุ้ยเหลียนไม่ทำเรื่องพรรค์นั้นหรอก และที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น ก็เพราะฉันไม่อยากจะให้น้องสาวของสามีคิดมาก พวกเขาทั้งสองคนก็เพิ่งจะแต่งงานกัน จะไปก่อเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ! ”
“แล้วนี่มันเป็นเรื่องที่พวกเราก่อรึไงล่ะ ? นี่มันเป็นเรื่องที่ไอ้ฟู่ซินตาต่ำนั่นเป็นคนก่อชัด ๆ แล้วเพื่อนคนนั้นของเธอก็หน้าไม่อายจริง ๆ เด็กที่จบจากวิทยาลัยอย่างพวกเธอเป็นแบบนี้ทุกคนเลยรึไง ? ” เหมยหลิงน้องสาวคนรองของสามีเริ่มต่อว่า และหล่อนก็ไม่ได้ปกปิดสีหน้าและท่าทางเลยสักนิดว่าตัวเองไม่ชอบหลี่เหยา
การที่ไม่มีใครในตระกูลเฉียนชอบหลี่เหยามันก็ไม่ได้ไม่มีสาเหตุแต่อย่างใด และสาเหตุของมันก็เป็นเพราะคนรักเก่าของหลี่เหยาก็ทำงานการรถไฟเช่นกัน ส่วนเรื่องในสมัยก่อนของหลี่เหยา ตระกูลเฉียนเองก็ยังรู้สึกไม่พอใจ เพียงแต่ลูกชายคนโตของตระกูลเฉียนก็เป็นม่ายและยังมีลูกชายอีก 1 คน และเขาก็หาคนรักที่เหมาะสมไม่ได้สักที
และด้วยความที่หลี่เหยาสามารถกุมหัวใจของลูกชายเพียงคนเดียวของเขาจนอยู่หมัด พวกเขาเลยไม่อาจทำอะไรผู้หญิงคนนี้ได้ ในตอนนี้หลี่เหยาก็โดนคนในตระกูลเฉียนต่อว่าจนรู้สึกอึดอัด หลังจากที่กระแทกประตูให้เปิดออกแล้ว หล่อนก็วิ่งเข้าไประบายอารมณ์โกธรในห้องทันที
“พวกเธอนี่ก็จริง ๆ เลย มีอะไรก็พูดกันดี ๆ สิ จะไปรังแกหล่อนทำไม ? ” เมื่อพี่ชายคนโตของตระกูลเฉียนเห็นหลี่เหยาโมโห เขาก็อดไม่ได้ที่จะด่าทอน้องสาวออกไป
“พี่ขึ้นเสียงกับพวกเราอย่างนั้นหรือ แล้วเราว่าอะไรภรรยาของพี่ไม่ได้เลยรึไง ? อะไร ๆ พี่ก็ต้องฟังหล่อน พี่เสียสติไปแล้วงั้นหรือ ? ” เหมยหรงเป็นพวกชอบระเบิดอารมณ์ หล่อนไม่ชอบพี่สะใภ้หน้าไหว้หลังหลอกคนนี้มาโดยตลอด
เหมยหรงชอบดูถูกคนชนบท ปกติหล่อนก็ชอบพูดเหน็บแนมพี่สะใภ้ไร้ยางอายคนนี้อยู่แล้วอีกทั้งหล่อนก็ยังพูดยุยงหลานชายและลูกชายของตัวเองอีกด้วยว่า ไม่ต้องไปสนใจผู้หญิงคนนี้ หล่อนพูดว่าร้ายหลี่เหยาสารพัด นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงแตกร้าวกันสุด ๆ
“เธอลองไปคุยกับป้าของฟู่ซินดูสิ เราจะต้องรู้เรื่องอะไรมากขึ้นแน่ ! ” เหมยหลิงราดน้ำมันใส่น้องสาว ทำท่าทางราวกับว่าหล่อนนั้นหวังดีกับเหมยเซียสุด ๆ
ขณะมองไปที่ประตูห้องนอนที่กำลังปิดสนิทอยู่ พี่ชายคนโตของตระกูลเฉียนก็ตะโกนออกไปเสียงดังลั่นว่า “ไอ้หยา ออกมาเถอะ ทุกคนจะได้ปรึกษาหารือกัน ! ”
หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ๆ หลี่เหยาถึงได้ยอมเปิดประตูออกมา หล่อนเอนตัวพิงขอบประตู จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ฉันไม่กล้ายุ่งเรื่องของครอบครัวคุณหรอก และฉันก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ด้วย ! ”
ในตอนนี้น้องสาวทั้งสามคนของสามีก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแล้ว สามีของหลี่เหยาจึงเดินเข้ามาจับมือของหล่อน จากนั้นเขาก็พูดออกไปว่า “เธอว่า เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้”
หลี่เหยากลอกตาไปมา “จะคิดยังไงได้ล่ะ ? ถึงรู้ความจริงแล้วพวกคุณจะทำอะไรได้อีก ? ใครจะมาพิสูจน์ได้ว่าสองคนนั้นมีอะไรกันรึเปล่า ? ขนาดสามีของจางฉุ้ยเหลียนยังไม่สนใจเลย แล้วพวกคุณจะสอดมือเข้าไปยุ่งทำไม ? เพิ่งจะแต่งงานกันก็อยากจะหย่าแล้วอย่างนั้นหรือ ? ”
เหมยหรงถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปเสียงแข็งว่า “แต่เราจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้ตระกูลฟู่มาอธิบายเรื่องนี้กับเรา ! ”
หลี่เหยารู้สึกจนปัญญา หล่อนเบะปากและไม่พูดไม่จา เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น เหมยหรงก็คิดว่าหลี่เหยากำลังดูถูกหล่อน หล่อนจึงหันไปมองตาขวางและถามออกไปด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “เธอยิ้มอะไร ? ”
หลี่เหยาถามกลับ “ฉันยิ้มอย่างนั้นหรือ ? จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ฉันยิ้มได้ล่ะ ? มันมีอะไรน่าดีใจกัน ? ”
เหมยหรงพูดออกไปด้วยความโมโห “อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ เมื่อกี้เธอยิ้มอยู่ชัด ๆ เธอกำลังดูถูกฉันอยู่ใช่ไหม ! ” จากนั้นหล่อนก็ตะโกนออกมาอีกว่า “เพราะเธอไม่เห็นว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะอย่างนั้นเธอเลยไม่โกรธใช่ไหมล่ะ ? น้องสาวของสามีเธอเพิ่งจะแต่งงาน แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ว่ายังไงตระกูลฟู่ก็ต้องมาอธิบายเรื่องนี้ให้เราฟัง ยังไงพวกเขาก็ต้องอธิบาย ! ”
หลี่เหยาแขวะกลับ “งั้นเธออยากจะไปมีเรื่องทะเลาะกับยายเฒ่าตระกูลฟู่อย่างนั้นหรือ ? เจ็บแล้วก็ไม่รู้จักจำรึไง ? เถียงชนะแล้วยังไงล่ะ ? เรียกร้องเงินแล้วก็ขอหย่าอย่างนั้นหรือ ? แต่ถ้าไม่หย่า หลังจากนี้ต่อไป น้องสาวของเธอจะใช้ชีวิตกับผู้ชายของหล่อนในบ้านหลังนั้นได้ยังไง ? ”
หลังจากพูดจบหลี่เหยาก็หันไปมองที่เหมยเซีย จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปว่า “ก่อนที่เธอจะแต่งงาน พวกพี่สาวของเธอก็ช่วยทำให้แม่สามีของเธอไม่พอใจแล้ว ตอนนี้พวกหล่อนก็ยังคิดจะช่วยเธอทะเลาะกับสามีอีก เธอลองคิดดูว่าพี่สาวดีกับเธอมากขนาดไหน จริงใจยิ่งกว่าอะไรดี”
เหมยหลิงตบโต๊ะ และตะโกนออกไป “เธอเลิกยุยงคนอื่นได้แล้ว พูดเรื่องพวกนั้นไปแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมา พวกเราทำกับน้องสาวแบบนั้นแล้วมันทำไม น้องสาวของพวกเราก็รู้ดีว่า พวกเราปฏิบัติต่อครอบครัวนี้ยังไง พี่ใหญ่เองก็รู้ดีเช่นกัน ไม่ต้องให้คนนอกอย่างเธอมาบอกหรอก ! ”
หลี่เหยาเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ สามี จากนั้นหล่อนก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “คุณได้ยินแล้วใช่ไหม น้องสาวของคุณพูดว่าอะไร พวกหล่อนบอกว่าฉันเป็นคนนอก และการที่ภรรยาเก่าขอหย่ากับคุณ คุณก็น่าจะรู้สาเหตุของมันดี ฉันเพิ่งจะแต่งงานกับคุณได้ไม่นาน แต่ตอนนี้ฉันก็ได้รับบทเรียนจากน้องสาวของคุณแล้ว”
เหมยหรงโมโห หล่อนยื่นมือออกมาและหวังจะตบหลี่เหยา “เหลวไหลสิ้นดี เธอมันชั่ว ตัวเองหน้าไม่อาย ก็อย่ามาทำให้พวกเราขายหน้าไปด้วยสิ”
หลี่เหยาซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของสามี พร้อมกับเถียงอีกฝ่ายกลับไป “ฉันทำอะไร พี่ชายของเธอก็รู้ดี ก่อนที่ฉันจะแต่งงานกับเขา พวกเราก็คุยกันชัดเจนแล้ว ฉันเต็มใจและไม่รังเกียจที่เขามีลูกติดหรือเรื่องที่เขาเคยแต่งงานมาก่อน ส่วนทำไมฉันถึงอยากอยู่กับเขา เขาก็รู้อยู่แก่ใจดี ส่วนพวกเธอ ขนาดว่าแต่งงานออกไปแล้วก็ยังเอาแต่สร้างเรื่องวุ่นให้คนในครอบครัว แข่งกันคิดวางแผนชั่วร้าย สร้างเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ พวกเธอลองบอกมาสิว่า พวกเธอเป็นคนยังไงกันแน่ ! ”
เหมยหรงโมโหจนร้องไห้โฮออกมา หล่อนกำลังจะเอื้อมมือออกไปตบหลี่เหยา แต่หล่อนก็โดนพี่ชายของหล่อนห้ามเอาไว้ เมื่อเห็นว่าตัวเองทำอะไรหลี่เหยาไม่ได้ หล่อนเลยพ่นคำพูดสกปรกออกมาแทน
หลี่เหยาวิ่งเข้าไปหาเหมยเซีย จากนั้นหล่อนก็พูดโน้นน้าวออกไปว่า “เธอลองคิดดูดี ๆ สิว่าสิ่งที่ฉันพูดมันถูกต้องไหม ก่อนหน้านี้ถงถงก็ทำตัวดีกับฉันมาตลอด แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้เปลี่ยนไปล่ะ เป็นเพราะฉันไม่ดีกับเขาอย่างนั้นหรือ หรือเป็นเพราะพวกคุณอาของเขาคอยพูดว่าร้ายฉันลับหลังให้เขาฟัง ตอนนี้ถงถงก็เลยคิดว่าที่แม่ของเขาเลิกกับพ่อของเขาสาเหตุมันเป็นเพราะฉัน พวกหล่อนไปบอกเขาว่าเป็นเพราะฉันแต่งงานกับพ่อเขา แม่เขาเลยไม่กลับมาหาเขาอีก เธอคิดว่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะพี่สาวของเธอไหมล่ะ แต่เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะ”
เหมยหรงเดินออกไปหยิบไม้กวาดมา หลังจากที่หล่อนเดินเข้ามาแล้ว หล่อนก็ฟาดมันลงไปที่หัวของหลี่เหยาทันที หลังจากที่โดนทำร้ายร่างกาย หลี่เหยาก็ตะโกนออกไปด้วยความโมโหว่า “เรื่องที่มอมเหล้าฟู่ซิน และทำให้เขาเปลี่ยนน้องสาวของตัวเองจากข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เธอคิดว่าแผนชั่ว ๆ นี่เป็นแผนของพี่สาวของเธอไหมล่ะ ? ตอนที่พวกเธอทั้งสองคน ‘สมสู่’ กันอยู่ในบ้าน พวกหล่อนกลับหนีหายไม่ยอมอยู่ในบ้าน แต่พอตอนที่พวกเธอทั้งสองคนจะแต่งงานกัน พวกหล่อนกลับไม่อยากให้พวกเธอได้แต่งงานกันดี ๆ เรียกร้องจะเอาเงินค่าสินสอดทองหมั้นจากฝ่ายชายให้ได้ ถ้าพวกเขาไม่ให้ พวกหล่อนก็จะไม่ยอมให้เธอแต่งงาน แสร้งทำเป็นคนโง่ต่อหน้าคนอื่น แต่ในใจพวกหล่อนกลับตั้งเป้ามาที่เธอ ยังไม่ทันที่เธอจะได้แต่งงานเข้าบ้านเขา ยายเฒ่าตระกูลฟู่ก็มาชี้หน้าด่าแล้ว แล้วเรื่องทุกอย่างมันก็มาตกอยู่ที่เธอ นี่น่ะหรือคือสิ่งที่พี่สาวควรทำ ถ้าฉันไม่สนับสนุนพวกหล่อน พวกหล่อนก็จะบอกว่าฉันไม่ได้เห็นพวกหล่อนเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอคิดลองดูเอาเองแล้วกันนะว่า เธอยังจะเชื่ออะไรพวกหล่อนได้อยู่อีกไหม ! ”
เหมยหรงโมโหจนแทบคลั่ง หล่อนเอื้อมมือออกไปคว้าหัวของหลี่เหยาเอาไว้ จากนั้นก็กระชากมันลงพื้น สามีของหลี่เหยาแทรกตัวเขามาห้าม เขาดันให้หลี่เหยาไปอยู่ที่ด้านหลังของเขา จากนั้นก็ชี้หน้าด่าเหมยหรง “เลิกทะเลาะกันได้แล้ว รู้จักแต่หาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ! ”
เหมยหลิงทนดูไม่ได้อีกต่อไป หล่อนพูดออกไปอย่างเข้าข้างพี่สาวของตัวเองว่า “พี่เอาแต่ต่อว่าพวกเรา ทำไมพี่ไม่ต่อว่าเธอบ้างล่ะ ห๊ะ ? เอาแต่ปกป้องภรรยาของตัวเอง นังหน้าไม่อายนี่มันมีดีอะไรนักหนา ? ”
ลูกชายคนโตของตระกูลเฉียนหันไปจ้องมองน้องสาวคนรอง “ไม่ว่าหล่อนจะเลวยังไง หล่อนก็ดีกว่าพวกเธอก็แล้วกัน นอกจากจะพูดยุยงคนอื่นไปวัน ๆ แล้ว พวกเธอทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ห๊ะ ? ”
เหมยหลิงตะโกนออกไปอย่างไม่ยอมว่า “ฉันไปพูดยุยงคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเราทำลายครอบครัวตั้งแต่ตอนไหน ? ”
ลูกชายคนโตของตระกูลเฉียนจึงตะคอกออกไปเสียงดังว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเธอไปพูดกับถงถงแบบนั้นล่ะ ? พวกเธอยังอยากให้แม่ของถงถงกลับมาอีกใช่ไหม ? แต่เรื่องทุกอย่างมันก็เป็นเพราะพวกเธอไม่ใช่รึไง ที่ทำให้ฉันต้องหย่ากับแม่ของเขา ? ตอนนี้แม่ของเขาก็ไปหาผู้ชายคนใหม่แล้ว หล่อนยังจะกลับมาอีกรึไง ? พวกเธอคิดว่าสิ่งที่พวกเธอทำมันยังเป็นสิ่งที่มนุษย์เขาทำกันอยู่ไหม ? ”
เหมยหลิงเงียบในทันที หล่อนหันกลับไปมองที่พี่สาว เหมยหรงเองก็เสียงอ่อนลงเช่นกัน “แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นแม่ผู้กำเนิดของถงถง ถึงหล่อนจะไม่ดีขนาดไหน แต่หล่อนก็ยังเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเขา ตอนนี้หล่อนก็เลิกกับผู้ชายคนนั้นแล้วไม่ใช่หรือ……”
ลูกชายคนโตของตระกูลเฉียนด่าทอน้องสาวออกไปอีกว่า “แล้วถ้าหลี่เหยามีลูกล่ะ ? ลูกของพวกเราสองคนจะไม่น่าสงสารอย่างนั้นหรือ ? ”
เหมยหรงรู้สึกอายจนโมโห หล่อนเตะเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ จนมันล้มลงไป จากนั้นหล่อนก็ด่าทอออกมาทันทีว่า “ทำดีก็ไม่ได้ดี ฉันจะไม่สนใจอะไรพวกเธอแล้ว พวกเธออยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ ! ” หลังจากที่ใส่รองเท้าเสร็จ หล่อนก็เปิดประตูแล้ววิ่งออกจากบ้านไปด้วยความโมโหทันที
เหมยหลิงเองก็เดินตามออกไปเช่นกัน หล่อนไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เพียงแค่เดินตามหลังพี่สาวออกไปเงียบ ๆ เท่านั้น เหมยเซียได้แต่ตกตะลึง ขนาดหล่อนกลับมาที่บ้านแล้ว หล่อนก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี พอเห็นว่าพี่ชายคนโตกำลังโมโหควันออกหู เหมยเซียก็พูดอธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “พวกพี่สาวก็แค่หวังดี พี่อย่าโกรธเลยนะ”
หล่อนหันไปมองที่หลี่เหยาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปว่า “พี่สะใภ้ พี่ไม่ต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องของฉันหรอก พวกเราต่างก็เป็นพี่น้องกัน พวกหล่อนไม่มีทางคิดร้ายกับฉันแน่นอน”
หลี่เหยาหัวเราะออกมาจนท้องแข็ง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันล่ะปวดหัวกับความไร้เดียงสาของเธอจริง ๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดว่าพี่สาวของเธอหวังดีกับเธออยู่อีกหรือ เธอฝันอยู่รึไง”
เหมยเซียชักสีหน้า หล่อนพยายามอดกลั้นความโกรธเอาไว้ “ฉันไม่อยากฟังที่เธอพูดแล้ว เพราะเธอมันเป็นคนหยิ่งผยอง จากที่เธอพูดมา พี่สาวของฉันไม่อยากให้ฉันได้ดี แล้วถ้าฉันไม่มีความสุข พวกหล่อนจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ ? ”
“ก็จะได้วางอำนาจไงล่ะ เธอลองคิดดูสิว่าพี่ชายของเธอก็ไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายอะไร แต่พวกหล่อนกลับใช้ชีวิตสุขสบายแล้วจากนั้นก็ชี้นิ้วใส่พวกเธอ สามีของเธอก็หน้าตาไม่เลว อีกทั้งยังมีเงินอีก และถ้าการที่เธอได้ดีมากเกินไป มันก็จะทำให้พวกหล่อนดูแย่ลงไม่ใช่หรือ” หลี่เหยาพูดกับเหมยเซียด้วยรอยยิ้ม เหมยเซียเอาส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม
“เธอเองก็ไปพักเถอะ อย่าเอาแต่ยืนตรงนี้เลย” ลูกชายคนโตของตระกูลเฉียนโมโหจนตอนนี้หัวของเขามันปวดไปหมดแล้ว เขาโบกมือไปมาให้หลี่เหยา จากนั้นก็พูดออกไปว่า “เธอรีบกลับเข้าห้องไปได้แล้ว เอาแต่ยืนเอะอะโวยวายอยู่ตรงนี้มันน่ารำคาญจะตายไป พวกเธอแต่ละคนก็ไม่มีใครดีทั้งนั้นแหละ น่ารำคาญ น่ารังเกียจกันจริง ๆ ! ”
หลี่เหยาไม่ได้สนใจเหมยเซียอีกต่อไป หล่อนหันหลังและเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที เมื่อเห็นว่าน้องสาวของตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม ลูกชายคนโตของตระกูลเฉียนก็ถามเหมยเซียออกไปว่า “ยังจะมัวมายืนรออะไรอีก ? ยังไม่กลับบ้านไปอีกหรือ ? ”
เหมยเซียอึก ๆ อัก ๆ อยู่นานสองนาน ท้ายที่สุดหล่อนก็มองพี่ชายพร้อมน้ำตา “พี่….พี่ว่า….พี่ว่าต่อไปฉันจะทำยังไงดี ? ”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น ลูกชายคนโตของตระกูลเฉียนก็ถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธ “ตอนนี้เธอก็แต่งงานแล้ว เธอยังจะต้องมาถามพวกเราอีกหรือ กลับบ้านไปถามสามีของเธอโน้นไป ! ”
MANGA DISCUSSION