ตอนที่ 190 มีวาสนาต่อกัน
ข้ามปีใหม่ไปยังไม่ถึงวันที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ ฟู่ซินก็โทรมาบอกว่า เขาจะแต่งงานในวันที่ 1 เดือนพฤษภาคมนี้แล้ว จางฉุ้ยเหลียนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เธอเลยโทรไปคุยกับเซี่ยจวิน แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินน้ำเสียงโมโหของเซี่ยจวิน “จะไม่แต่งได้ไงล่ะ ก็เจ้าสาวท้องแล้ว”
จางฉุ้ยเหลียนอ้าปากค้างในทันที ว่าที่เจ้าสาวตั้งท้องก่อนแต่งแบบนี้ มันไม่เกินไปหน่อยหรือ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพื่อนกับฟู่ซิน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่กล้าถามเรื่องแบบนี้กับเขา ได้แต่รอให้วันแต่งวันที่ 1 เดือนพฤษภาคมเท่านั้น ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถาม
หลังจากผ่านยุค 80 ไปแล้ว เรื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดามาก แต่มันก็เป็นยุคสมัยที่เลวร้ายที่สุด เพราะมันมีแรงกดดันมหาศาล คนส่วนใหญ่ไม่ยินดีกับการแต่งงานเช่นนี้ ถึงแม้ว่าอยากจะแสวงหาอิสระและความสุข แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับภาระของครอบครัวด้วยเช่นกัน สุดท้ายก็สู้วิถีชีวิตของเชี่ยวเชี่ยวลูกสาวของเธอหลังยุค 90 ไม่ได้ เพราะอย่างน้อยในชาตินี้ฐานะทางการเงินของพ่อแม่ก็ดีขึ้นมาก
แต่ถึงจะอยู่ในสมัยยุคนั้น การแต่งงานแบบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะยินดี และก็บางมีครอบครัวที่ยังไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก พวกเขามักะรู้สึกว่าผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัว และครอบครัวสั่งสอนไม่ดี
แม้แต่เซี่ยจวินยังรู้สาเหตุการแต่งงานของฟู่ซิน เพราะอย่างนั้นแล้วผู้ใหญ่ในตระกูลฟู่เองก็ต้องรู้ด้วยเช่นกัน การจะรับเจ้าสาวเข้าบ้านได้ ถ้าไม่เป็นเพราะอยากได้หลานจนเป็นบ้า ก็ต้องเป็นเพราะฟู่ซินชอบผู้หญิงคนนี้เอามาก ๆ
เดือนเมษายน จางฉุ้ยเหลียนอุ้มลูกกลับไปที่บ้าน เพื่อไปร่วมงานแต่งงานของฟู่ซินกับตงลี่หวา ในเวลาเดียวกันก็ถือโอกาสพักอยู่ที่เมือง Q ด้วยพักหนึ่ง เธออยากให้คังคังหย่านม เด็กที่มีอายุครบ 1 ขวบแล้วก็ควรที่จะหย่านมแม่ได้แล้ว
เมื่อเห็นว่าหลานชายจะมาพักอยู่ด้วย อันหลงและกู้เต๋อไห่ก็ยินดียิ่งกว่าอะไรดี พวกเขาชอบใจจนทำอะไรไม่ถูก ถึงจะเอ็นดูคังคังที่ไม่เห็นแม่นาทีเดียวก็ร้องไห้ แต่ก็ยังคิดว่าการตัดสินใจของจางฉุ้ยเหลียนเป็นเรื่องที่ดี
ในขณะที่นึกย้อนกลับไปถึงหลานสาวหลานชายในบ้านของตัวเองก่อนหน้านี้ ที่โดนพ่อแม่ตามใจยิ่งกว่าอะไรดี กู้เต๋อไห่และอันหลงก็ปรึกษาหารือกันอย่างลับ ๆ ว่า จะทำยังไงถึงจะเลี้ยงหลานให้ออกมาเป็นเด็กดีมีคุณธรรมครบทุกด้าน แต่มันก็เป็นแค่คำพูดเท่านั้น เพราะสุดท้ายหลังจากต้อนรับหลานเข้าบ้านแล้ว พวกเขาก็เอาใจหลานยิ่งกว่าจางฉุ้ยเหลียนเสียอีก
จางฉุ้ยเหลียนไปร่วมงานแต่งงานของฟู่ซิน ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น แต่เจ้าสาวกลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ครอบครัวฝั่งเจ้าสาวก็หัวเราะพูดคุยกันอย่างมีความสุข จางฉุ้ยเหลียนจ้องไปที่หน้าท้องของเจ้าสาว มันก็ไม่ได้ดูผิดปกติเลยแม้แต่น้อย เธอเลยแอบบ่นในใจว่า หรือฝ่ายเจ้าสาวจะหลอกให้แต่งงานด้วย หรือว่าเจ้าสาวจะแท้งแล้ว ฟู่ซินถึงได้ไม่มีความสุขแบบนั้น แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก ครอบครัวฝั่งเจ้าสาวก็ไม่น่าจะมีความสุขถึงขนาดนี้สิ
แต่ทันใดนั้นเองจางฉุ้ยเหลียนก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่โต๊ะครอบครัวฝั่งเจ้าสาว หลี่เหยา ? ! หล่อนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หล่อนคือภรรยาของพี่ชายของฝ่ายเจ้าสาวที่เซี่ยจวินพูดถึงอย่างนั้นหรือ
และตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันก็ได้กระจ่างแล้ว ตอนที่เธอเรียนจบเหล่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างก็นินทาหลี่เหยาว่า เพื่อให้ได้อยู่ทำงานในเมืองต่อ หล่อนถึงกับยอมแต่งงานกับผู้ชายที่เคยแต่งงานมาแล้ว และแก่กว่าหล่อนถึง 10 ปี แถมหล่อนยังต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงอีก คนส่วนมากต่างก็คิดว่าหล่อนมันไร้ค่า แต่ก็มีคนบอกว่าสร้อยทองที่หลี่เหยาใส่มันดูแวววาวมาก
แต่จากที่เซี่ยจวินพูดมาก่อนหน้านี้ ครอบครัวสามีของหลี่เหยาก็ไม่ได้ดีเหมือนอย่างที่เห็น จางฉุ้ยเหลียนไม่ได้นั่งโต๊ะแถวหน้า เธอแค่นั่งอยู่กับกลุ่มคนที่ไม่รู้จัก
“ฉุ้ยเหลียน ? ไอ้หยา ใช่เธอจริง ๆ ด้วย ? ” ผู้หญิงย้อมผมสีแดงเข้มคนหนึ่งตะโกนเรียกจางฉุ้ยเหลียน หลังลองมองดูดี ๆ แล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็ยังจำหล่อนไม่ได้
“ไอ้หยา ฉันเป็นป้าของฟู่ซินไง เธอลืมฉันไปแล้วหรือ ครอบครัวของฉันขายปลา แม่ของเธอชอบมาซื้อปลาจากฉันบ่อย ๆ ตอนนั้นคนที่แนะนำฟู่ซินให้เธอรู้จักก็คือฉันเอง ! ” ดวงตาของฟู่ผิงเป็นประกาย บนใบหน้าของหล่อนก็มีคำว่าดีใจประดับเอาไว้ตัวใหญ่ ๆ หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าคู่ดูตัวที่ยังเรียนไม่จบวิทยาลัยในตอนนั้นของฟู่ซินจะมาร่วมงานแต่งงานของเขาในวันนี้ด้วย
ในที่สุดจางฉุ้ยเหลียนก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมป้าของฟู่ซินถึงไม่ได้รับความรักจากสามี หล่อนเป็นคนไร้สมองมากจริง ๆ ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ในวันนี้ หล่อนเป็นญาติฝั่งเจ้าบ่าว แขกเหรื่อในงานต่างก็มาเพื่อครอบครัวของพวกเขากันทั้งนั้น แต่ป้าของเจ้าบ่าวกลับวิ่งมาหาเธอพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง คนที่นั่งอยู่รอบ ๆ เลยเริ่มตื่นตัวรอดูสถานการณ์ขึ้นมาทันที ช่างเป็นอะไรที่น่าสนใจจริง ๆ
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง” ฟู่ผิงนั่งลงข้าง ๆ จางฉุ้ยเหลียน ท่าทางสนิทสนมแบบนั้น ทำเหมือนกับทั้งสองคนคุ้นเคยกันมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“หนูไม่มีวาสนาเป็นสามีภรรยากับฟู่ซิน แต่พวกเราก็เป็นหุ้นส่วนกัน หลังจากที่คุณป้าแนะนำให้พวกเรารู้จักกัน ฟู่ซินก็เปิดโรงงานเหมืองทรายใช่ไหมล่ะคะ” จางฉุ้ยเหลียนพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฟู่ผิงก็พูดพร้อมกับหัวเราะออกมา “ไอ้หยา ฉันรู้น่า เหมืองนั่นทำให้น้องชายของเธอได้เปิดบ่อนการพนันไง แถมน้องชายของเธอก็ยังเกือบติดคุกอีกต่างหาก” จากนั้นหล่อนก็ลดเสียงลง “เธออย่าให้พี่สะใภ้ของฉันเห็นเธอเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้นหล่อนได้ฆ่าเธอตายแน่”
จางฉุ้ยเหลียนหัวเราะออกมา “นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับหนู ตำรวจเองก็ไม่ได้ขังน้องชายของหนูด้วย อีกอย่างวันนี้หนูก็มาร่วมยินดี หล่อนจะทำให้หนูลำบากได้ยังไง ? ”
ฟู่ผิงเบะปาก หลังนั่งอยู่ครู่หนึ่งหล่อนก็เค้นเสียง “หึ” ออกมา จากนั้นก็เดินจากไป จางฉุ้ยเหลียนมองตามแผ่นหลังของหล่อนไป หล่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างแม่ของฟู่ซินอย่างที่คิด ต่อจากนั้นหล่อนก็พูดอะไรบางอย่างกับผู่ชูเฟิง จากนั้นไม่นานพวกหล่อนหันมามองเธอ เมื่อผู่ชูเฟิงหันมาเห็นเธอ สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไปทันที
จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าชีวิตในวันข้างหน้าของฟู่ซินต้องน่าสงสารมากแน่ ๆ การมีป้าที่ชอบก่อเรื่องไร้สาระเช่นนี้ตัวเขาเองก็ต้องลำบากมากอย่างแน่นอน
ในเมื่อคนตระกูลฟู่ไม่ต้อนรับเธอ งั้นเธอก็รีบกลับไปดูลูกชายที่บ้านดีกว่า จางฉุ้ยเหลียนทักทายเซี่ยจวิน หลังบอกลาฟู่ซินแล้วเธอก็เดินออกมาทันที ฟู่ซินเองก็เดินมาส่งจางฉุ้ยเหลียนที่หน้าประตู แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะได้มาเจอกับหลี่เหยาที่นี่
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ? ” การปรากฎตัวของจางฉุ้ยเหลียนทำให้หลี่เหยาแปลกใจเป็นอย่างมาก
ฟู่ซินหันไปขมวดคิ้วถามจางฉุ้ยเหลียน “พวกเธอสองคนรู้จักกันหรือ ? ”
จางฉุ้ยเหลียนพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ใช่ พวกเราเรียนที่วิทยาลัยเดียวกันน่ะ”
ฟู่ซินพยักหน้าเข้าใจ “พี่สะใภ้ พวกเรามีวาสนาต่อกันจริง ๆ ” จากนั้นหลี่เหยาก็หันไปพูดกับฟู่ซินด้วยรอยยิ้มว่า “ขอพวกเราคุยกันหน่อย เจ้าบ่าวรีบเข้าไปในงานเถอะ”
ฟู่ซินไม่ได้คิดอะไรเพียงตบบ่าของจางฉุ้ยเหลียนเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปต้อนรับแขกที่มาร่วมงานต่อ
“พวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน ? ” หลังร่างสูงของฟู่ซินหายเข้าไปในงานแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เหยาก็หายไปเช่นกัน หล่อนแสดงสีหน้าเย็นชาออกมาราวกับเห็นจางฉุ้ยเหลียนเป็นผู้หญิงกลางคืนที่น่ารังเกียจอย่างไรอย่างนั้น
“ดูไม่ออกเลยนะว่า เธอจะดีกับน้องสาวของสามีขนาดนี้ ! ” จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าหลี่เหยาจิตไม่ปกติ ดังนั้นเธอเลยป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ หึ ! แม่เฒ่าบ้านเราภูมิใจกับการแต่งงานครั้งนี้มาก” หลี่เหยาทำหน้าได้ใจ “ได้ยินว่าเธอแต่งกับทหารคนหนึ่ง เหมือนกับเสี่ยวเจี๋ยไม่มีผิด ทหารไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งอำนาจ มีอะไรดีกันล่ะ”
จางฉุ้ยเหลียนไม่รู้เรื่องของคนอื่น แต่เธอทนไม่ได้ที่หลี่เหยาว่าร้ายทหารแบบนั้น “จะเงินเยอะหรือว่าเงินน้อยมันก็ไม่สำคัญหรอก อย่างน้อยผู้ชายก็ต้องจริงใจกับภรรยา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ผู้ชายที่ไม่มีทั้งเงินทั้งยังบ้ากาม บุ๋นบู๊ไม่ได้เรื่องแต่กลับภรรยานี่เก่งเป็นว่าเล่น”
พอเห็นหลี่เหยาทำสีหน้าบึ้งตึง จางฉุ้ยเหลียนก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “จะว่าไปเธอก็มีวาสนากับบ้านนี้เหมือนกันนะ พี่สะใภ้ก็มาแต่งงานกับพ่อม่ายลูกติดกลายเป็นแม่เลี้ยง ส่วนน้องสาวสามีก็ท้องก่อนแต่ง ช่างเป็นครอบครัวที่น่าแต่งเข้าบ้านด้วยจริง ๆ เลย ! ”
หลี่เหยาหน้าถอดสี หล่อนชี้หน้าจางฉุ้ยเหลียนและพูดออกไปว่า “ธะ….เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง…” เรื่องพรรค์นี้บ้านทางฝั่งเจ้าสาวไม่มีทางพูดออกไปแน่นอน งั้นก็มีแค่บ้านทางฝั่งเจ้าบ่าวเท่านั้น แต่ตระกูลฟู่ไม่กลัวที่จะเสียศักดิ์ศรีบ้างเลยรึไง จะมีใครบ้างที่อยากจะตบหน้าของตัวเองแบบนี้
จางฉุ้ยเหลียนเห็นหลี่เหยาไม่พูดไม่จา เหมือนหล่อนจะตกใจจนพูดไม่ออก หลังจากนั้นหล่อนก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างเย็นชาแล้วเชิดหน้าเดินออกไป ในขณะเดียวกันจางฉุ้ยเหลียนก็รู้สึกสงสารฟู่ซินเป็นอย่างมาก
หลังจากแต่งงานฟู่ซินก็พาเจ้าสาวไปพบญาติ ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ต้องมีเซี่ยจวินด้วยอยู่แล้ว จางฉุ้ยเหลียนอุ้มลูกออกมาดูหน้าเจ้าสาว และเธอก็ไม่กล้าให้อีกฝ่ายแตะตัวของคังคัง
เจ้าสาวมีชื่อว่าเหมยเซีย อายุมากกว่าจางฉุ้ยเหลียน 1 ปี หน้าตาของหล่อนก็ธรรมดา ๆ แต่ผิวของหล่อนนั้นขาวดุจหิมะ ส่วนดวงตาของหล่อนก็เล็กไปหน่อย เพียงแค่ยิ้มก็ไม่เหลือตาแล้ว หล่อนมักจะพูดเสียงเบา และท่าทางของหล่อนก็ดูเหมือนจะเป็นคนดีมากคนหนึ่ง
เหมยเซียอยู่ดูเด็กในห้องนอน ส่วนจางฉุ้ยเหลียนและตงลี่หวาก็กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว หลังรับประทานอาหารเสร็จ สองสามีภรรยาก็เดินมาดูร้านซ่อมรถของเซี่ยจวินด้านล่าง เจ้าสาวหันไปมองของที่แขวนอยู่รอบ ๆ ร้านด้วยความสนใจ จางฉุ้ยเหลียนเลยใช้โอกาสนี้ถามฟู่ซิน
“ฉันเห็นวันแต่งงานนายดูไม่ค่อยมีความสุขเลย มีเรื่องอะไรงั้นหรือ ? ” จางฉุ้ยเหลียนจับตาดูเหมยเซีย ขณะเดียวกันก็พูดขึ้นมาเบา ๆ “ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร แต่ตอนนี้นายก็แต่งงานกับหล่อนแล้ว นายก็ควรทำดีกับหล่อนหน่อย ในท้องนั่นก็เป็นลูกของนาย นายต้องเห็นแก่หน้าลูกหน่อยไม่ควรเย็นชาใส่หล่อนแบบนั้นนะ”
ตอนอยู่บนตึก จางฉุ้ยเหลียนเห็นฟู่ซินทำท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เหมยเซียก็พูดจากระซิบกระซาบเหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
ฟู่ซินจ้องมองไปที่หลังของเหมยเซีย พร้อมกับพูดกระซิบออกมาเบา ๆ ว่า “หลังดูตัวแล้วพวกเราสองคนก็ไปได้ดีพอสมควร ถึงหล่อนจะเชื่อฟังคำพูดของคนในบ้านมากไปหน่อยก็เถอะ ต่อมาเราสองคนก็เลิกกัน แต่ฉันกลับคิดไม่ถึงเลยว่าพี่ชายของหล่อนจะเชิญฉันไปกินข้าวที่บ้าน พี่น้องของหล่อนเริ่มมอมเหล้าฉัน แล้วหลังจากนั้นฉันกับหล่อนก็มีอะไรกันบนเตียงที่บ้านของหล่อน…”
จางฉุ้ยเหลียนซ่อนความตกใจเอาไว้ไม่อยู่ “ไม่ใช่มั้ง บ้านของพวกเขาเลยหรือ ? แล้วแม่ของหล่อนไม่เข้ามาดูรึไง ? ”
ฟู่ซินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ถ้าเธอจะบอกว่า ฉันโดนวางกับดักมันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว ถึงฉันจะดื่มไปเยอะ แต่ฉันก็รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ฉันเป็นคนทำเอง ในเมื่อเกินเลยไปแล้วแค่แต่งงานก็จบแล้วนี่จริงไหม แต่พวกเขาก็ให้หล่อนมาแต่งงานกับใครไม่แต่ง แต่ดันให้มาแต่งกับฉัน หลังจากที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังบ้านนี้แล้ว ก็ต้องรอดูต่อไปว่าใครจะวางแผนใส่ใครต่อไป ! ”
ตอนที่ฟู่ซินนอนอยู่บนเตียงเล็ก ๆ นั่น หลังจากที่เหมยเซียเข้ามาแล้ว หล่อนก็ล็อคประตูแล้วถอดเสื้อผ้าออก ผู้ชายอย่างเขาก็ไม่ได้โง่ รู้ว่าพอแตะต้องหล่อนแล้วจะมีจุดจบยังไง ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการศักดิ์ศรี ตัวเองก็จะไปกลัวเสียเปรียบทำไมล่ะ ? เขาจะไม่แต่งซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้ ?
หลังจากที่เขาเป็นฝ่ายรุกเองมันก็กลายเป็นเรื่องดีขึ้นมา เขาคิดว่าหลังจากที่เขาทำเรื่องนี้ไปแล้ว ครอบครัวนี้จะต้องทำตาขวางบอกให้เขาเป็นฝ่ายรับผิดชอบแน่ แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เขาออกมาจากห้อง ในบ้านก็ไม่มีคนอยู่แล้ว ทุกคนออกไปข้างนอกกันหมด
ฟู่ซินคิดว่าเรื่องนี้มันก็น่าสนใจดี หลังจากที่เขาเกินเลยครั้งนั้นไปแล้ว เขาก็ไปที่บ้านหลังนั้นบ่อย ๆ ทุกครั้งที่เขามาถึงก็จะไม่มีคนอยู่บ้านเสมอ หลังจากที่ทำแบบนั้นไปครั้งสองครั้ง ท้องของหล่อนก็ใหญ่ขึ้นแล้ว
พอผู่ชูเฟิงได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นท้อง หลังจากที่ดีใจเสร็จหล่อนก็พูดออกมาว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ หล่อนคิดว่าการกระทำของผู้หญิงคนนี้ไม่ดี เพราะอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้ก็คงจะไม่ดีด้วยเหมือนกัน แต่ฟู่ซินกลับเข้าไปเกลี้ยกล่อมแม่ของเขาว่า ถ้าแม่ของเขาไม่ต้องการเด็กคนนี้ เขาจะให้หล่อนไปทำแท้ง
แม่ของเขาก็รอหลานมานานขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหล่อนก็ต้องการทั้งนั้น หล่อนตบโต๊ะตัดสินใจยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ทันที หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวทางฝั่งเจ้าสาวก็ทำตัวควบคุมโอรสสวรรค์บัญชาเจ้าผู้ครองแคว้น มาโวยวายเรียกร้องเงิน และถ้าพวกเขาไม่ได้ พวกเขาก็จะไปแจ้งความจับฟู่ซิน
ผู่ชูเฟิงแม่ของเขาเป็นคนยังไง ฟู่ซินย่อมรู้ดีที่สุด และก็น่าเสียดายที่พวกเขาเอาเรื่องนี้มาข่มขู่แม่ของเขา และถ้าแม่ของเขาไม่จัดการกับเรื่องนี้ มันก็เหมือนหล่อนไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา สุดท้ายจุดจบก็ต้องเป็นผู่ชูเฟิงที่ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น
ก่อนที่เหมยเซียจะคลอดลูก ผู่ชูเฟิงก็ยังปฏิบัติตัวดีกับหล่อนอยู่บ้าง แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป แต่ก็เป็นโชคดีที่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนอาศัยอยู่ในเมืองและไม่ต้องกังวลอะไรมาก
ขณะมองไปที่ท่าทีของฟู่ซินที่กำลังพูดคุยกับจางฉุ้ยเหลียนอยู่ เหมยเซียก็รู้สึกอารมณ์เสียอยู่ในใจ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขาทั้งสองคน หล่อนก็ยังไม่เคยเห็นว่าเขาจะอบอุ่นขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีเสน่ห์ขนาดนี้ล่ะ ? ทั้งสองคนเป็นอะไรกันแน่ ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าลูกในท้องของหล่อนเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย แต่ทำไมเขาถึงมีลูกบุญธรรมมา 1 คนแล้วล่ะ ?
หัวใจของเหมยเซียเต้นรัว หล่อนคิดจะกลับไปถามพี่สะใภ้ที่บ้าน ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิทยาลัยเดียวกันกับพี่สะใภ้ของหล่อนไม่ใช่หรือ อย่างน้อยหล่อนก็ต้องรู้อะไรบ้างแหละ !
MANGA DISCUSSION