ตอนที่ 180 ลูกสาวกลับมาไม่ได้แล้ว
เมื่อจางฉุ้ยเหลียนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็เห็นตงลี่หวานั่งอยู่ตรงหน้าของเธอแค่คนเดียว และเมื่อตงลี่หวาเห็นว่าลูกสาวของตัวเองฟื้นแล้วหล่อนก็รีบถามออกไปทันที “ลูกเป็นยังไงบ้าง ? ”
จางฉุ้ยเหลียนมองไปรอบ ๆ ห้องแต่เธอก็ไม่เห็นว่ากู้จื้อเฉิงจะอยู่ในห้องนี้แต่อย่างใด เพราะอย่างนั้นสีหน้าของเธอเลยมืดมนลงไปในทันที “กู้จื้อเฉิงล่ะคะ ? ทำไมตอนนี้เขาไม่อยู่ข้าง ๆ หนู ? แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหน ? ”
อันหลงก็ไม่อยู่ อีกทั้งน้องสาวของสามีอย่างกู้จื้อชิวก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน หรือว่าครอบครัวนี้จะให้ความสำคัญแต่เสี่ยวกู้น้อย และไม่สนว่าเธอจะเจ็บปวดจากการโดนมีดผ่าตัดยังไงอย่างนั้นหรือ !
ตงลี่หวาไม่รู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนกำลังรู้สึกแย่ หล่อนเลยพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มว่า “แม่สามีของลูกกำลังอุ้มหลานไปตรวจร่างกายอยู่ เพราะลูกคลอดช้ากว่ากำหนดมาหลายวัน ส่วนเสี่ยวเฉิงพาก็พาพ่อของลูกออกไปซื้ออาหารข้างนอก และถือโอกาสนี้หาที่อยู่ให้ครอบครัวได้พักผ่อนด้วย ! ”
ในใจของจางฉุ้ยเหลียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ดี เธอคิดว่าพอตื่นมาตัวเองจะได้เห็นท่าทางร้อนรนและเป็นทุกข์ของกู้จื้อเฉิง แต่ใครจะไปรู้ว่าสามีตัวดีของเธอจะออกไปหาอาหารและที่พักให้กับครอบครัวอย่างสบายใจแบบนี้
เธอถามตงลี่หวาออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึงว่า “แล้วลูกของหนูเป็นยังไงบ้างคะ ? ถึงแม้ว่าเขาจะต้องต้องตรวจร่างกาย แต่ก็ไม่เห็นว่าจะต้องตรวจวันนี้เลยนี่ ! คนเป็นแม่อย่างหนูยังไม่ได้เห็นหน้าเขาเลย ไม่คิดกันบ้างรึไง ! ”
ตงลี่หวาเห็นจางฉุ้ยเหลียนทำตัวไม่มีเหตุผล หล่อนเลยเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมานิดหน่อย ด้วยความที่ลูกสาวของหล่อนก็เป็นภรรยาที่มีความสุขที่สุขบนโลกแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้ถึงความสุขนั้นเลยอย่างนั้นหรือ ? ขณะที่ตงลี่หวากำลังจะเอ่ยปากสั่งสอนลูก แต่หล่อนก็คิดขึ้นมาได้ซะก่อนว่า หล่อนไม่ควรด่าลูกสาวที่คลอดหลานชายของตัวเองออกมาจนเธอเกือบตาย !
ทันใดนั้นเองพวกเธอก็ได้ยินเสียงของคุณหมอผู้หญิงท่านหนึ่งเดินเข้ามา คุณหมอคนนั้นพูดกับจางฉุ้ยเหลียนด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “ไอ้หยา คุณฟื้นแล้วหรือ ! เร็วจริง ๆ เลย แล้วตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า ? ”
จางฉุ้ยเหลียนรู้ว่าคุณหมอผู้หญิงคนนี้คือคนที่ผ่าคลอดให้เธอ เธอจึงยิ้มและพูดออกไปว่า “ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ รู้สึกสบายดีมาก ๆ ต้องขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ! ”
และแล้วคุณหมอคนนั้นก็ทำหน้าอิจฉาจางฉุ้ยเหลียนและพูดออกไปว่า “คุณนี่โชคดีจริง ๆ เลย ที่ได้แต่งงานเข้ามาอยู่ในครอบครัวที่ดีขนาดนี้ สามีของคุณรักคุณมาก ส่วนแม่สามีของคุณก็เป็นคนดีมากเช่นกัน”
จางฉุ้ยเหลียนหันไปมองตงลี่หวาด้วยความประหลาดใจ เธอไม่เข้าใจว่าคำพูดพวกนี้คุณหมอไปเอามาจากไหน ทันใดนั้นเองคุณหมอก็เงียบไป จากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ไอ้หยา แม่ของคุณยังไม่ได้เล่าให้คุณฟังล่ะสิ ใช่ไหม ? ”
ต่อจากนั้นหล่อนก็อธิบายถึงสถานการณ์อันตรายในช่วงเวลานั้นให้จางฉุ้ยเหลียนฟัง และแม้แต่ผู้หญิงที่มีลูกแล้วพอได้ยินก็ต้องอิจฉากันทุกคน
จางฉุ้ยเหลียนคิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อต้องเผชิญกับการเลือกเก็บผู้ใหญ่หรือเด็กเอาไว้ แม่สามีของเธออย่างอันหลงจะเลือกเก็บเธอเอาไว้แทน นี่มันเหมือนกับความฝันชัด ๆ เพราะในชาติที่แล้วหล่อนก็เป็นคนที่เกลียดเธอมากที่สุด และในช่วงเวลานั้นเธอก็ไม่รู้ว่า หล่อนพยายามภาวนาตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่จะขอให้เธอออกไปโดนรถชนตาย แต่ในชาตินี้เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่า หล่อนจะเป็นฝ่ายบอกว่าหล่อนเลือกที่จะเก็บผู้ใหญ่เอาไว้อย่างนั้นหรือ ? อีกทั้งในตอนนั้นเธอก็อาจจะต้องเสียมดลูกไปและไม่สามารถมีลูกได้อีก
การไม่มีหลานไม่ใช่สิ่งที่หล่อนเสียใจมากที่สุดหรอกหรือ ? จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย และในตอนที่เธอกำลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น เธอก็ลืมไปเลยว่าเธอได้ให้กำเนิดลูกชายหรือว่าลูกสาว
“ดีแล้วล่ะ คนที่ทำดีย่อมได้ดี คุณดูสิว่าตอนนี้คุณก็ไม่เป็นอะไรเลยไม่ใช่หรือ ? ถึงแม้ว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้มันจะอันตรายมากแค่ไหน แต่คุณก็ได้ลูกชายอวบอ้วนออกมาคนหนึ่ง ต่อไปคุณก็รอมีความสุขได้เลย หมอคิดว่าพอเด็กคนนี้โตขึ้น เขาจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน ! ” หลังจากพูดจบหล่อนก็หัวเราะและเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
จางฉุ้ยเหลียนตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้าง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นอย่างนี้ไปได้ ทำไมถึงเป็นลูกชาย ไม่ใช่ว่าควรจะเป็นลูกสาวหรอกหรือ ? ถึงแม้ว่าเธอจะมีลูกช้ากว่าชาติที่แล้วครึ่งปี และชั่วชีวิตนี้เธอก็สามารถคลอดลูกได้แค่คนเดียว ลูกที่มีวาสนากับเธอไม่ใช่เชี่ยวเชี่ยวหรอกหรือ
ทำไมเชี่ยวเชี่ยวกลายเป็นผู้ชายไปได้ล่ะ ? เรื่องนี้มันไม่น่าเป็นไปได้นะ ? นี่มันไม่ใช่หลักวิทยาศาสตร์ด้วยไม่ใช่หรือ ? ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย แล้วเชี่ยวเชี่ยวลูกสาวของเธอไปอยู่ที่ไหนล่ะ ?
จางฉุ้ยเหลียนยกมือขึ้นมาจับหัวของตัวเองอย่างคิดไม่ตก เธออยากจะไปลากตัวของใครสักคนมาถามเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง แต่เธอจะไปถามเรื่องนี้กับใครได้ล่ะ ? เธอต้องไปถามกับพระโพธิสัตว์กวนอิมหรือองค์ไท้ช่างเหล่าจวินหรือ ?
อันหลงเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับหลานชาย ทันใดนั้นเองจางฉุ้ยเหลียนก็เงยหน้าแล้วกรีดร้องออกมาทันที “รีบเอามาให้หนู รีบเอาเขามาให้หนู”
ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าจางฉุ้ยเหลียนได้รับผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนนี้ เพราะอย่างนั้นเธอถึงได้ทำตัวลนลานเช่นนี้ พวกเขาเลยไม่ได้คิดอะไรกับท่าทางของเธอ หญิงชราสองคนปรึกษาหารือกันแล้วจึงพากันเดินไปที่ข้างเตียง
พอจางฉุ้ยเหลียนเปิดผ้าห่อตัวออก เธอก็เห็นอวัยวะเพศที่เชี่ยวเชี่ยวไม่อาจมีได้ในชาติที่แล้วอยู่จริง ๆ และแน่นอนว่าลูกของเธอในชาตินี้ต้องเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน หลังจากที่เธอได้กลับชาติมาเกิดใหม่ในครั้งนี้ นอกจากชะตาชีวิตของเธอที่เปลี่ยนไปแล้ว เธอก็เปลี่ยนชะตาชีวิตของเชี่ยวเชี่ยวด้วย
อันหลงเห็นจางฉุ้ยเหลียนมองเด็กด้วยท่าทางตกตะลึง หล่อนเลยเดินเข้าไปจัดผ้าห่อตัวไว้ดังเดิม ด้วยความที่หล่อนกลัวว่าเด็กจะไปทับแผลของจางฉุ้ยเหลียน หล่อนเลยเอาเด็กมาอุ้มไว้เอง
ในเวลานี้กู้จื้อเฉิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารในมือพอดี พอเขาเห็นว่าทุกคนกำลังมองไปที่จางฉุ้ยเหลียนที่กำลังทำท่าทางนิ่งอึ้งอยู่ เขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และรีบเดินเข้าไปหาเธอด้วยความดีใจ “ฟื้นแล้วหรือ ? เธอเห็นลูกชายของเราแล้วใช่ไหม ! หน้าตาของเขาน่ารักน่าชังมากเลยนะ เหมือนกับเธอไม่มีผิด ! ”
แต่ทุกคนกลับคิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากที่กู้จื้อเฉิงพูดจบ จางฉุ้ยเหลียนจะโผเข้ากอดกู้จื้อเฉิง ซุกตัวในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้โฮออกมาเสียงดังลั่น เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ทุกคนก็รู้สึกงุนงงในทันที ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะฟังเสียงร้องไห้ที่ปวดร้าวของจางฉุ้ยเหลียน ตงลี่หวาก็ลูบดวงตาที่ร้อนผ่าวของตัวเอง แล้วอธิบายให้อันหลงและคนอื่นฟังเบา ๆ ว่า “เมื่อกี้คุณหมอได้เข้ามาตรวจดูอาการของเธอ แล้วคุณหมอก็ได้เล่าเรื่องที่พวกคุณเลือกเก็บผู้ใหญ่และไม่เก็บเด็กเอาไว้ให้เธอได้ฟัง จางฉุ้ยเหลียนคงจะรู้สึกสะเทือนใจ เห้อ ! ทุกคนในโรงพยาบาลนี้ต่างก็บอกว่า เธอโชคดีที่ได้มีครอบครัวที่ดีแบบนี้ ! ”
พอกู้จื้อเฉิงได้ยินคำอธิบายของแม่ยาย เขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วก้มลงไปมองจางฉุ้ยเหลียนพร้อมกับลูบหัวของเธอเป็นการปลอบโยน “ไอ้หยา เรื่องแค่นี้เอง การที่เธอร้องไห้ออกมาแบบนี้ มันก็สมควรแล้วล่ะ ! จริงไหม ? โชคดีที่ลูกชายของเราไม่เป็นอะไร ! ฉันกลัวแทบแย่ว่าตอนที่เธอตื่นขึ้นมาเธอจะเกลียดฉัน ! ”
จางฉุ้ยเหลียนร้องห่มร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอร้องไห้ด้วยความปวดใจ เธออยากบอกกู้จื้อเฉิงออกไปมากว่า เดิมทีแล้วพี่มีลูกสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งชื่อว่าเชี่ยวเชี่ยว เมื่อก่อนคนที่พี่รักและเอ็นดูมากที่สุดก็คือหล่อน หล่อนเป็นสิ่งสุดท้ายสำหรับพวกเรา ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ขอแค่มันไม่ทำร้ายเชี่ยวเชี่ยว พี่ก็สามารถให้อภัยฉันได้เสมอ และสาเหตุที่พี่หย่ากับฉันเมื่อชาติที่แล้ว ก็เพราะฉันทำเรื่องที่ผิดต่อเชี่ยวเชี่ยว ฉันทำให้หล่อนต้องบาดเจ็บ……
แต่ตอนนี้ไม่มีเชี่ยวเชี่ยวแล้ว ลูกสาวของพี่กับฉันไม่อยู่แล้ว สวรรค์คงจะไม่ชอบแม่ที่ไร้ความสามารถอย่างฉัน แม้แต่โอกาสชดเชยก็ไม่มีให้ฉัน ลูกสาวของฉันต้องไม่ยอมให้ฉันได้เป็นแม่ของหล่อนต่อแน่ ๆ ดังนั้นหล่อนถึงได้ไปเกิดใหม่ในบ้านของคนอื่น
เสียงร้องไห้ที่รุนแรงและเศร้าโศกนี้ทำให้คนฟังถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมา มีใครหลายคนหยุดอยู่ที่หน้าห้องเธอ พวกเขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรกันที่ทำให้ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกเสร็จร้องไห้จนไม่สนใจร่างกายของตัวเองเช่นนี้
ต่อมาก็มีคนที่เพิ่งรู้เรื่องได้ไม่นานมาอธิบายให้ทุกคนฟัง พอทุกคนได้ยินต่างก็ถอนหายใจออกมา เมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญเราก็จะได้เห็นสันดานคน และรู้ว่าใครคนนั้นควรค่าที่เราจะฝากชีวิตเอาไว้ได้ไหม
ตอนที่ไม่มีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น คำพูดหวาน ๆ พวกนั้นมันมีประโยชน์อะไรขึ้นมาล่ะ ? ดูจากครอบครัวนี้ ในช่วงเวลาที่สำคัญสามีของเธอก็เลือกที่จะปกป้องภรรยาและยอมที่จะสละชีวิตของลูกเพื่อเลือกแม่ ส่วนแม่สามีก็ใช้ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่ลูกสะใภ้อาจจะต้องเสียมดลูกไป หล่อนยังเลือกที่จะสละหลานคนแรกของตัวเองไปได้
ต้องรู้ก่อนว่าในยุคสมัยนี้ ประเทศจีนออกกฎหมายว่าทุกครอบครัวจะสามารถมีลูกได้แค่คนเดียว ดูจากเครื่องแบบของผู้ชายแล้ว นั่นเป็นชุดของทหาร ขนาดแค่ชาวบ้านมีลูกคนที่สองก็ยังถือว่าทำผิดกฎหมาย แล้วอย่างทหารล่ะมันจะขนาดไหน ?
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ยังเลือกเก็บผู้ใหญ่เอาไว้ ท้ายที่สุดนายทหารก็มีจิตใจที่สูงส่ง !
ตงลี่หวาทนดูต่อไปไม่ได้จริง ๆ หล่อนก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงตัวของจางฉุ้ยเหลียนขึ้นมา จากนั้นก็ต่อว่าเธอทันที “พอได้แล้ว ! ลูกอยู่ไฟจะร้องไห้ไม่ได้ รีบกลั้นน้ำตาเอาไว้เดี๋ยวนี้ กว่าที่ลูกจะคลอดลูกออกมาได้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ลูกจะมาทรมานตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ”
ดวงตาของจางฉุ้ยเหลียนร้อนผ่าว แผลผ่าตัดบนตัวก็เริ่มปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง เธอรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังทำตัวไม่พอใจเหมือนแม่เสือเฒ่า
แม่ลูกย่อมเข้าใจกันดี เหมือนเด็กผู้ชายตัวน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่เมื่อกี้สัมผัสได้ว่าแม่ของตัวเองไม่พอใจ เขาเลยเบะปากและเริ่มร้องไห้ในทันที แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นของเขา อันหลงกลับดีใจออกมา “ไอ้หยา สงสัยหลานชายของฉันจะหิวแล้ว มา มา ดื่มนมแม่ซะนะ ! ”
พอเห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนจะให้นมลูก เซี่ยจวินก็เดินออกไปนอกห้อง ส่วนกู้จื้อชิวก็จ้องมองไปที่จางฉุ้ยเหลียนที่กำลังยื่นมืออกไปรับตัวของเด็กน้อยด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย เมื่อรับเด็กน้อยมาแล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็หันหลังให้ทุกคน จากนั้นเธอก็ถอดเสื้อออกและให้นมลูก
แต่เมื่อเด็กคนนั้นดูดอยู่นานสองนาน ก็ยังไม่ได้ดื่มนมเลยสักหยด เขาเลยเริ่มหัวร้อนกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง ตงลี่หวาทำหน้าตามึนงง แล้วบ่นในใจว่า “ทำไมถึงไม่มีน้ำนมเลยล่ะ ? ”
จางฉุ้ยเหลียนเองก็สงสัย ในชาติที่แล้วหลังจากที่เธอคลอดเชี่ยวเชี่ยวออกมา ผ่านไปแค่ 2 ชั่วโมง เธอก็ให้นมลูกได้แล้ว น้ำนมตัวเองก็มีเพียงพอ หรือมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่มีอะไรให้กินล่ะ ? หรือเธอต้องนวดก่อนอย่างนั้นหรือ ?
กู้จื้อเฉิงตอบสนองเร็วกว่าคนอื่นเขาวิ่งออกไปเรียกคุณหมอในทันที คุณหมอเดินเข้ามาอธิบายด้วยรอยยิ้ม “อ้อ เพราะเกิดจากการผ่าคลอด ปกติแล้วต้องรอให้ถึงสามวันก่อน เธอถึงจะให้นมได้ มันไม่เหมือนกับการคลอดตามปกติ พวกคุณเอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนมานวดให้เธอ เดี๋ยวก็มีน้ำนมออกมาเองค่ะ”
อันหลงเอ็นดูหลานชายที่ไม่ได้ดื่มนม พอเห็นว่าต้องรอให้ผ่านไป 3 วันแล้วเขาถึงจะดื่มนมได้ หล่อนก็คิดว่าแบบนั้นหลานชายของหล่อนไม่ต้องหิวตายไปก่อนหรือ ? หล่อนเลยรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาทันที “ไอ้หยา งั้นตอนนี้เด็กหิวแล้วต้องให้กินอะไรล่ะ ? ”
คุณหมอพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ให้เขารอไปก่อน ไม่หิวตายหรอกค่ะ วางใจได้ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ พวกคุณก็ชงนมผงมาให้เขาดื่มก่อนได้”
เด็กคนนี้ช้าจริง ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช้ากว่าคนอื่น เพราะอย่างนั้นกู้จื้อเฉิงเลยต้องออกไปซื้อนมผง อันหลงลองเอานมผงที่ชงแล้วไปแตะปากของเด็กน้อยสองสามครั้งก่อนจะให้เขาดื่มจริง ๆ
ตงลี่หวารู้ว่าหลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนได้รับการผ่าตัด เธอก็ต้องปลดปล่อยของเสียออกมาให้หมดก่อนถึงจะกินข้าวได้ เพราะอย่างนั้นแล้วการที่แม่ไม่สามารถกินข้าวได้ แล้วเธอจะไปให้นมลูกได้ยังไง ด้วยความที่โรงพยาบาลอยู่ไกลจากบ้านมาก พวกเขาเลยไปพักอยู่ที่โรงแรมราคาประหยัดแทน หลังจากนั้นตงลี่หวาก็ต้มซุปหัวไชเท้ามาให้ลูกสาวดื่ม และหลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนขับของเสียออกไปหมดแล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถกินข้าวได้สักที
ด้วยความที่เด็กไม่มีนมให้ดื่ม ได้แต่ดื่มนมผงอันน่าอนาถ อันหลงจึงซื้อของบำรุงน้ำนมมาให้จางฉุ้ยเหลียนเพียบ จากนั้นหล่อนก็ยกของพวกนั้นให้ตงลี่หวาเอาไปทำอาหาร เช่น ซุปเต้าหู้ปลาไน ซุปถั่วเหลืองเท้าหมู และซุปไก่ดำ ตงลี่หวาต้องทำซุปพวกนี้มาให้จางฉุ้ยเหลียนดื่มสามวันติด เมื่อเข้าวันที่สี่ ในที่สุดเจ้าตัวน้อยก็ได้ดื่มนมจากเต้าของแม่ประมาณสองสามหยด เมื่อมาถึงวันที่ห้า ภายใต้ความหวังของทุกคน ในที่สุดจางฉุ้ยเหลียนก็สามารถให้นมเองได้ไม่ต้องใช้นมผงอีกต่อไป
หลังจากพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งอาทิตย์ จางฉุ้ยเหลียนก็ได้ตัดไหมแล้วกลับบ้านพร้อมแผลที่หน้าท้องอันน่าเกลียดของเธอ
ติงเหมยที่กำลังอุ้มลูกออกมารับลมด้านนอก หล่อนก็เห็นการกลับมาของครอบครัวของจางฉุ้ยเหลียน ก็แค่คลอดลูกชาย ท้องโดนลงมีดแค่นั้นมีอะไรต้องดูแลกันนักหนา
หล่อนเบะปาก จากนั้นก็ตบตัวลูกสาวเบา ๆ อย่างได้ใจ “โชคดีที่ลูกรักแม่ ไม่ต้องให้แม่ต้องไปรับกรรมแบบนั้น แค่คลอดลูกก็จ่ายเงินตั้งหลายพันหยวน เป็นพวกผลาญเงินจริง ๆ ! ”
จางฉุ้ยเหลียนได้ตงลี่หวาช่วยประคองลงมาจากรถ และยังมีคุณยายคนหนึ่งที่แต่งตัวแบบตะวันตกอุ้มเด็กลงมา อีกทั้งยังมีเด็กผู้หญิงกับชายแก่อีกคนหนึ่งช่วยกันถือของเดินเข้าไปในบ้าน ส่วนผู้บัญชาการกู้ก็ขับรถออกไป
“นี่บ้านแม่สามีกับบ้านแม่ของเธอมาที่นี่หมดเลยอย่างนั้นหรือ ? ” ติงเหมยหลี่ตาและคลี่ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ฉันจะรอดูสิว่าพวกแกจะไปซุกหัวนอนอยู่ที่ไหน ! ”
MANGA DISCUSSION