ตอนที่ 87 ปี 1990
จางฉุ้ยเหลียนได้รับเงินค่าต้นฉบับงวดสุดท้ายจากสำนักพิมพ์ประจำมณฑลประมาณ 100 กว่าหยวน แต่เรื่องที่ทำให้เธอดีใจมากที่สุดก็คือนิยายเรื่องสั้นเรื่องแรกของเธอนั้นได้รับการตอบรับจากสักนักพิมพ์แห่งหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นิยายเรื่องสั้นของเธอบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่ต่อต้านการกดขี่ข่มเหงและโชคชะตา อีกทั้งนิยายของเธอก็ให้ความรู้สึกเชิงบาก นิยายเรื่องสั้นของเธอมีตัวอักษรรวมกันทั้งหมดประมาณ 30,000 กว่าตัวอักษร แต่ถึงแม้ว่าเงินค่าต้นฉบับที่สำนักพิมพ์ส่งมาให้เธอมันจะไม่ได้มากมายอะไร แต่มันก็มากถึง 10,000 หยวนเลยทีเดียว เมื่อจางฉุ้ยเหลียนได้ลองคิดคำนวนเงินจำนวนนี้ หลังจากที่เธอหักค่าภาษีออกไปแล้ว ก็ถือว่าเงินที่เธอจะได้รับนั้นมันก็มากมายเลยทีเดียว
เธอไม่กล้าที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้มากนัก เธอเพียงแค่เขียนจดหมายไปบอกกับกู้จื้อเฉิง และบอกเรื่องนี้ให้กับเซี่ยจวินและตงลี่หวารู้เพียง 2 คนเท่านั้น
และเมื่อเซี่ยจวินได้ยินข่าวที่น่ายินดีเช่นนี้ เขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ถึงวันเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่เขาก็ยืนหยัดที่จะใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเพื่อปีที่ดี ประการแรกก็คือ เพราะนิยายเรื่องสั้นเรื่องแรกของจางฉุ้ยเหลียนได้รับการตีพิมพ์ และประการที่สองก็คือ เขาต้องการที่จะปัดเป่าสิ่งโชคร้ายที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ให้ออกไป
เซี่ยหลี่ห้าวเดินตามจางฉุ้ยเหลียนไปยังร้านค้าต่าง ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่เพียงแต่เค้าจะได้เสื้อผ้าตัวใหม่แล้วเท่านั้น เขาก็ยังได้อุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นต้องใช้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องว่าทำไมคุณลุงคุณป้าและพี่สาวถึงพากันมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่โตแห่งนี้ แต่เขาก็รู้ได้จากสิ่งของทั้งหมดที่เขาได้รับจากจางฉุ้ยเหลียน ว่าถ้าเธอไม่ประสบความสำเร็จในด้านการเรียน เธอก็คงกำลังจะแต่งงานแล้วจริง ๆ
ทางด้านจางฉุ้ยเหลียน พวกเขาก็กำลังเตรียมตัวฉลองวันปีใหม่กันอย่างคึกคัก ส่วนด้านของเช่าหวาตอนนี้หล่อนก็กำลังทำสงครามเย็นกับจางกว่างฝูอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนทะเลาะกันรุนแรงถึงเพียงนี้ นั่นจึงทำให้เช่าหวาทำอาหารในส่วนของตัวเองและลูกชายของหล่อนเพียงเท่านั้น
แต่ก็น่าสงสารพวกเขาจริง ๆ ที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาไม่เคยสนใจการทะเลาะกันของพ่อกับแม่เลย ในทุก ๆ วันนอกจากจางฉุ้ยจวินจะเล่นเกมส์แล้ว เขาก็มักจะทำงานอดิเรกอย่างอื่นที่เขาชอบอยู่เสมอ ๆ เขาคลั่งไคล้นักร้องวงเสี่ยวหู่ตุ้ยมาก และเขาก็ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่ง เขาจะต้องแต่งตัวแบบนักร้องวงนี้ให้ได้
วันเฉลิมฉลองปีใหม่ในปีนี้จะเป็นวันที่เซี่ยหลี่ห้าวจะไม่มีวันลืมเลือนไปตลอดชีวิต เขาไม่เคยเห็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย มิน่าล่ะแม่ขอเขาจึงมักจะบอกกับเขาเสมอ ๆ ว่าคุณลุงสามนั้นมีเงิน และครั้งนี้เขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าชีวิตของคนมีเงินนั้นเป็นอย่างไร
มีสิ่งของจำนวนมากถูกขนเข้ามาในบ้านราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวตลอดสองวันที่ผ่านมานี้ มันมีทั้งอาหารหน้าตาน่ากินมากมายหลากหลายอย่าง อีกทั้งก็ยังมีเสื้อผ้าสวย ๆ จำนวนมากอีกด้วย คุณป้าสะใภ้สามรับหน้าที่ตัดกระดาษเป็นรูปต่าง ๆ เพื่อนำไปแปะติดกับหน้าต่าง ส่วนพี่สาวก็ยังรับหน้าที่เขียนกลอนตุ้ยเหลียนที่เอาไว้แปะติดหน้าประตูบ้าน
การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในวันนี้สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก คุณลุงสามตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด เขาพาจางฉุ้ยเหลียนออกไปจุดประทัดจำนวน 500 นัดที่ลานหน้าบ้าน อีกทั้งคุณลุงสามก็ยังซื้อดอกไม้ไฟมาให้เขาจุดอีกด้วย
อาหารเช้าในวันนี้ก็คือไข่ดาวราดซอสเปรี้ยวหวาน ไข่ดาวกลม ๆ แต่ละฟองถูกราดไว้ด้วยซอสเปรี้ยวหวานด้านบนจนหยาดเยิ้ม เมื่อเห็นไข่ดาวที่น่ากินเหล่านั้นแล้ว เซี่ยหลี่ห้าวก็กินมันเข้าไปถึง 6 ฟองเลยทีเดียว ส่วนอาหารหลักก็คือหมั่นโถวชุบไข่ไก่สีเหลืองนวลทอดลงในกระทะที่มีน้ำมันเดือดกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับโจ๊กสีขาวร้อน ๆ หนึ่งถ้วย และผักดองที่ตั้งเรียงรายเกือบครึ่งโต๊ะ
ตั้งแต่เขาได้มาอยู่ที่บ้านของคุณลุงสาม เซี่ยหลี่ห้าวก็เพิ่งจะรู้ว่าพี่สาวของเขาไม่เพียงแต่จะเรียนเก่งแล้วเท่านั้น ผักดองที่อยู่ในบ้านที่กินทุกวันก็ไม่มีทางซ้ำกันก็ยังเป็นฝีมือของเธอทั้งหมดอีกต่างหาก ขนาดมันฝรั่งที่เขารู้จักรสชาติของมันดี เพราะได้กินอยู่บ่อย ๆ เมื่อตกมาอยู่ในมือของพี่สาวแล้ว เธอก็มักจะรังสรรค์มันออกมาได้อีกหลากหลายเมนูนับไม่ถ้วน
และมื้ออาหารในช่วงเวลา 15.00 น. ก็เป็นมื้อที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด อีกทั้งมันก็ยังอร่อยกว่าอาหารสำเร็จที่แม่ของเขามักจะออกไปซื้อมาจากข้างนอกเป็นไหน ๆ และอาหารแต่ละอย่างจางฉุ้ยเหลียนก็มักจะทำออกมาเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เธอให้เหตุผลว่าเราจะต้องเก็บท้องไว้กินอาหารในมื้อค่ำที่แสนอร่อยมากกว่านี้
ก่อนหน้านี้ที่เซี่ยลี่ห้าวฉลองปีใหม่ที่บ้านของตัวเอง หลี่หงก็มักจะทำไก่ตุ๋นเห็ดหอมและเนื้อตุ๋นเพียงอย่างหนึ่งหม้อเท่านั้น และหล่อนก็มักจะแบ่งไก่ตุ๋นออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเอาไว้กินตอนบ่าย ส่วนที่สองก็เอาไว้กินตอนมื้อค่ำ ส่วนเนื้อตุ๋น หลังจากที่ตุ๋นเสร็จแล้วหล่อนก็จะหั่นมันให้เป็นชิ้นพอดีคำและจัดใส่จาน จากนั้นหล่อนก็จะทำซอสกระเทียมสับที่ทำมาจากซอสถั่วเหลืองผสมกับกระเทียมสับคุกเคล้าให้เข้ากัน อาหารอื่น ๆ ก็จะเป็นอาหารจำพวกผัดผักกาด ลูกชิ้นหมูต้มหัวไชเท้า ขาหมูตุ๋นและวุ้นหนังหมู ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้สำหรับเขามันก็ถือได้ว่าเป็นการฉลองปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่แล้ว
และในวันนี้เซี่ยหลี่ห้าวก็ได้เห็นฝีมือการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของจางฉุ้ยเหลียนแล้ว เพราะนอกจากเธอจะทำไก่ตุ๋นเห็ดหอม ขาหมูตุ๋นและปลาน้ำแดงตามประเพณีการฉลองปีใหม่แล้ว เธอก็ยังทำผัดมะเขือยาวอีกด้วย และเมื่อเขาได้เห็นผัดมะเขือยาวจานนี้ เขาก็เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาในทันทีว่าในฤดูกาลกาลนี้ จางฉุ้ยเหลียนไปหามะเขือยาวที่สดใหม่ขนาดนี้มาจากไหน และเขาก็เพิ่งจะรู้ว่าการนำมะเขือลงไปทอดในน้ำมันก่อน จากนั้นค่อยนำมันมาผัดทีหลังจะทำให้ผัดมะเขือยาวจานนี้ดูน่ากินและมีกลิ่นที่หอมเย้ายวนได้มากถึงขนาดนี้
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีซี่โครงตุ๋นผัดซอสแดงใส่ถั่วฝักยาว ซึ่งรสชาติของมันก็อร่อยมากกว่าการที่ได้กินเนื้อมากเลยทีเดียว แล้วก็ยังมีถั่วทอดกรอบที่เขาสามารถกินได้ไม่อั้นอีกด้วย อีกทั้งก็ยังมีมันเทศเคลือบน้ำตาลที่ผ่านการทอดด้วยน้ำมันมาแล้วอีกหนึ่งจาน
และอาหารจานเด็ดของการเฉลิมฉลองปีใหม่ในครั้งนี้ก็คือ เนื้อหมูชุบแป้งทอดผัดซอสเปรี้ยวหวาน ก่อนหน้านี้เขาเคยแต่ได้ยินชื่อของมัน แต่เขาก็ไม่เคยได้กินมันมาก่อนเลย และนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้กินมัน และในโลกใบนี้ก็คงจะไม่มีอาหารจานไหนที่จะอร่อยไปกว่าเนื้อหมูชุบแป้งทอดผัดซอสเปรี้ยวหวานจานนี้อีกแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่เหมือนกัน แต่ที่บ้านของเขาก็ทำอาหารเฉลิมฉลองปีใหม่เพียงแค่ 6 อย่างเท่านั้น แม่ของเขาเคยบอกกับเขาว่าวันปีใหม่เป็นวันที่เราจะกินอะไรก็ได้ที่เราอยากกิน อยากกินอะไรก็สามารถกินได้อย่างเต็มที่ แต่ทุกครั้งหลังจากผ่านวันเฉลิงฉลองปีใหม่ไปแล้ว เขากับน้องชายก็มักจะท้องเสียเสมอ เพราะพวกเขาทั้งสองคนกินของที่เป็นไขมันมากเกินไป อีกทั้งยังกินในปริมาณที่เยอะมากอีกด้วย
ปีนี้เขาได้มาเฉลิมฉลองปีใหม่ที่บ้านคุณลุงสาม ซึ่งที่บ้านของคุณลุงสามก็ได้ทำอาหารเฉลิมฉลองปีใหม่ทั้งหมด 10 อย่าง ประกอบไปด้วย ไก่ตุ๋นเห็ดหอม ปลาน้ำแดง ขาหมูตุ๋น เนื้อหมูชุบแป้งทอดผัดซอสเปรี้ยวหวาน ซี่โครงหมูตุ๋น อาหารที่เป็นเนื้อมีทั้งหมด 5 อย่าง ส่วนอาหารที่เป็นจำพวกผักก็จะมีผัดมะเขือยาว มันเทศเคลือบน้ำตาล และถั่วทอดกรอบเลย เขาสามารถกินได้ไม่อั้นราวกับคนตะกละตะกลามคนหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งพี่สาวของเขายังทำผักห้าสี (เป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยผักห้าสีคุกเคล้ากับเส้นคล้าย ๆ กับเส้นแก้วราดซอส) และวุ้นหนังหมูเป็นอาหารแบบเย็นอีกด้วย
เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะได้กินอาหารรสเลิศทั้งหมดนี้ไหมในชีวิตนี้ แต่ก็โชคดีที่เขาได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณลุงสาม เพราะอย่างนั้นเขาจึงได้กินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะกินอาหารเหล่านี้ด้วยท่าทางตะกละตะกลาม และเขาก็รู้ด้วยเช่นกันว่าถ้าเขากินอาหารอร่อย ๆ พวกนี้มากเกินไป มันก็จะทำให้เขารู้สึกอับอาย
หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็ปล่อยให้เซี่ยหลี่ห้าวออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อเป็นการย่อยอาหารที่เขากินเข้าไป เพราะอย่างนั้นเซี่ยหลี่ห้าวจึงออกไปวิ่งเล่นกับเด็ก ๆ ที่อยู่ในละแวกนี้ เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ เขาจึงได้วิ่งกลับมาที่บ้าน
เขาไม่เคยได้สัมผัสกับค่ำคืนที่แสนอบอุ่นและมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อน เมื่อก่อนแม่ของเขามักจะออกไปเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อนบ้านเสมอ ๆ ส่วนพ่อของเขาก็คอยเอาแต่ยืนลุ้นอยู่ข้าง ๆ พวกเขาสองพี่น้องจึงทำได้เพียงแค่นั่งแทะเมล็ดแตงโมพร้อมกับดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านเพียงเท่านั้น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบจะ 23.00 น. พ่อกับแม่ของเขาถึงจะกลับมาที่บ้าน
เมื่อแม่ของเขากลับเข้ามาในบ้านแล้ว หล่อนก็จะเดินเข้าไปอุ่นเนื้อตุ๋นในครัว จากนั้นก็นึ่งปลา และผัดมันฝรั่งหั่นฝอย จากนั้นแม่กับพ่อของเขาก็ช่วยกันห่อเกี๊ยวจนถึง 00.00 น. หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็จะนั่งล้อมวงกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งและเข้านอนไปด้วยกัน
แต่ที่บ้านของคุณลุงสามไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เขาได้นั่งดูโทรทัศน์กับคุณลุงสามและคุณป้าสะใภ้สามบนเตียงในห้องนอนแคบ ๆ ของพวกเขา อีกทั้งเขาก็ยังได้กินของกินเล่นจำพวกถั่วทอดกรอบ เมล็ดแตงโม น้ำตาล แล้วก็ผลไม้แช่อิ่มที่ตั้งวางเรียงรายกันอยู่จนเต็มโต๊ะอีกด้วย คุณลุงสามนั้นชอบกินลูกแพรแช่แข็ง ส่วนคุณป้าสะใภ้สามก็ชอบกินเมล็ดแตงโม
และในขณะที่เขากำลังดูโทรทัศน์อยู่นั้น จางฉุ้ยเหลียนพี่สาวของเขาก็ได้ถือถ้วยบะหมี่เดินเข้ามาในห้องถ้วยหนึ่ง เธอวางมันลงไปบนโต๊ะ จากนั้นก็เลื่อนเก้าอี้มาตั้งใกล้ ๆ กับคูณลุงสามและคุณป้าสะใภ้สาม ก่อนจะนั่งลงดูโทรทัศน์พร้อมกันกับทุกคน
ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองต่อรายการในโทรทัศน์ได้ทุกรายการ บางครั้งพวกเขาก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานเสียงดังไปกับรายการเหล่านั้น แต่บางครั้งพวกเขาก็รู้สึกว่ารายการพวกนั้นมันไม่สนุกเลยสักนิดจึงหันมานั่งเล่นไพ่ด้วยกันแทน
จางฉุ้ยเหลียนนั่งดูรายการโชว์ทางโทรทัศน์พร้อมกับครุ่นคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ในหัวไปด้วย บทเพลงที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยใหม่ ต่างก็มีต้นกำเนิดมาจากปี 1990 กันทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นบทเพลง ต้นไม้ใหญ่ (好大一棵树 ห่าวต้าอี้เคอชู่) และ ดอกซานตานตานบานสะพรั่ง (山丹丹的花开红艳艳 ชานตานตานเตอะฮวาคายหงเหยี้ยนเหยี้ยน)
และนักแสดงอย่างจูฉือเหมาและเฉินเพ่ยซือก็ยังคงครอบครองตำแหน่งดาวเด่นในงานแสดงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิในปี 1990 ไปโดยปริยาย อีกทั้งในปีนี้จาวเปิ่นซานก็ได้มาร่วมแสดงในงานนี้ด้วย เขาเดินเข้ามาในเวทีด้วยลักษณะท่าทางที่เหมือนกับคนที่มาจากรัฐจ้าว อีกทั้งเขายังใส่หมวกเหมือนคนในรัฐจ้าว และพูดสำเนียงของคนในรัฐจ้าวอีกด้วย และการแสดงของเขาในชุดนี้ก็มีชื่อว่า นัดดูดตัว (相亲เซียงซิน)
ในช่วงเวลานี้ไม่มีใครรู้เลยว่า จาวเปิ่นซานหนุ่มน้อยตะวันออกเฉียงเหนือตาตี๋ที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้คนคนนี้จะกลายเป็นนักแสดงที่โดดเด่นมากที่สุดในอนาคต
ทันในนั้นจางฉุ้ยเหลียนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอคิดว่าในเมื่อเธอก็มีดัชนีทองคำที่แข็งแกร่งอย่างการที่เธอได้กลับชาติมาเกิดในครั้งนี้ นั่นก็แสดงว่าเธอสามารถเปลี่ยนเรื่องราวร้าย ๆ เหล่านั้น ให้กลับกลายเป็นเรื่องที่ดีได้ผ่านการที่เธอล่วงรู้อนาคตได้อย่างนั้นหรือ ?
แต่มันก็น่าเสียดายที่เธอจำได้เพียงแค่เศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับเธอได้เพียงบางส่วนก็เท่านั้น เธอไม่สามารถล่วงรู้ตัวเลขลอตเตอรี่ที่จะออกรางวัลได้ทุกปี ไม่รู้ว่าจะต้องไปขุดหาแร่ทองที่ไหน เธอไม่สามารถทำนายอนาคตได้ และยังไม่รู้ด้วยว่าจะขัดขวางเรื่องราวร้าย ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเหล่านั้นได้อย่างไร
เธอรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าคอมพิวเตอร์มันคืออะไร แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าทุกคนต่างก็ต้องเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กันทั้งนั้น ในตอนที่เชี่ยวเชี่ยวลูกสาวของเธอยังเรียนอยู่ในระดับชั้นประถม หล่อนก็ได้ใช้คอมพิวเตอร์แล้ว และต่อมาหล่อนก็ได้กลายเป็นเจ้าแม่แห่งการสั่งของออนไลน์ในที่สุด
เธอไม่รู้ว่าหุ้นตัวไหนจะขายได้ราคาดี และเธอก็ไม่อยากจะเล่นหุ่นที่มีความเสี่ยงสูงนั่นด้วยเช่นกัน แต่เธอก็รู้ว่าในอนาคตราคาบ้านก็จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าตอนนี้เธอซื้อบ้านในปักกิ่ง แล้วในอนาคตล่ะมันจะเป็นอย่างไร ? อย่าว่าแต่ปักกิ่งเลย แม้แต่เมือง Q ก็มีหลายคนที่ผันตัวเองมาจากคนจนกลายมาเป็นคนรวย เพราะรัฐบาลเวนคืนที่มาสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงกันไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างน้อยเธอก็สามารถซื้อบ้านที่อยู่แถวชานเมืองห่างไกลออกไปจากผู้คน หรือแม้แต่นกก็ยังไม่แวะเวียนไปเอาไว้ล่วงหน้าสัก 2 หลัง จากนั้นเธอก็ทำพินัยกรรมยกมรดกทั้งหมดให้กับลูก ๆ ของเธอได้
“ฉุ้ยเหลียน ฉุ้ยเหลียน ทำไมถึงได้นั่งเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้ล่ะ ? ” ตงลี่หวาสะกิดจางฉุ้ยเหลียนเบา ๆ เพื่อเรียกสติเธอ จากนั้นหล่อนก็คลี่ยิ้มพร้อมกับถามออกไปว่า : “คิดอะไรอยู่หรือ ? ”
เซี่ยหลี่ห้าวก็เร่งเร้าจางฉุ้ยเหลียนด้วยความกระวนกระวายใจว่า : “พี่ พี่รีบออกไพ่สิครับ คุณป้าสะใภ้สามลงไพ่ J มา 2 ใบ พี่จะเอาไหมครับ ? ”
เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยจวินจึงได้พูดแก้ต่างให้จางฉุ้ยเหลียนออกไปว่า “ลูกอาจจะกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ เธอก็อย่าไปเรียกลูกสิ เดี๋ยวลูกก็ลืมหมดหรอก ให้ลูกนั่งคิดไปนั่นแหละดีแล้ว”
จางฉุ้ยเหลียนหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเธอก็พูดโกหกออกไปว่า “หนูคิดออกแล้วล่ะค่ะว่าหนูลืมทำอะไร ไอ้หยา พ่อเล่นแทนหนูไปก่อนนะคะ หนูจะไปห่อเกี๊ยวก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน”
แบบนี้ก็เท่ากับว่าตอนนี้เซี่ยจวินจะต้องเล่นทั้งสองไพ่ทั้งสองกองเพียงคนเดียว จางฉุ้ยเหลียนวิ่งออกไปเอาแผ่นเกี๊ยวที่เธอคลึงไว้ก่อนหน้านี้มา ตงลี่หวาทำท่าจะลุกขึ้นไปช่วยเธอ แต่หล่อนกลับถูกเซี่ยจวินคว้าตัวเอาไว้ก่อน “พอเลย ๆ ลูกมีเรื่องที่จะต้องคิด เธออย่าเข้าไปกวนลูกเลย”
ตงลี่หวาถามขึ้นด้วยความไม่รู้ว่า “ถ้าลูกจะคิดก็ปล่อยให้ลูกคิดไปสิ ฉันจะไปทำงานนะ ไม่ได้ไปพูดกับลูก”
เซี่ยจวินจึงได้แสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่จริง ๆ อย่างนั้นหรือ ? ดูจากสีหน้าของลูกในตอนนี้แล้ว ลูกจะต้องกำลังคิดถึงเรื่องที่เช่าหวามาก่อเรื่องที่บ้านของเราอย่างแน่นอน”
ตงลี่หวาพยักหน้าอย่างเข้าใจ คิ้วของหล่อนขมวดเข้าหากัน จากนั้นหล่อนก็พูดปรึกษากับเซี่ยจวินต่อว่า “ถ้าพวกเขาอยากจะให้ลูกแต่งงานกับเด็กหนุ่มตระกูลฟู่นั่นจริง ๆ งั้นเราก็บอกเรื่องของเสี่ยวกู้กับพวกเขาดีไหม”
เซี่ยจวินส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ “พอเลย ๆ เธอไม่เห็นเหรอว่าหรือว่าพวกเขาชั่วร้ายมากขนาดไหน ? แค่เงินค่าสินสอดจำนวน 8,000 หยวน พวกเขาก็ยังทำถึงขนาดนี้ แล้วถ้าเธอไปพูดเรื่องของเสี่ยวกู้กับพวกเขา พวกเขาจะไม่ทำลายงานแต่งของจางฉุ้ยเหลียนหรือ ? ”
ตงลี่หวาหมดหนทาง หล่อนจึงทำได้แต่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงเพียงเท่านั้น “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ ? ไอ้หยา ฉันกังวลจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
เซี่ยจวินครุ่นคิดพักใหญ่ จากนั้นเขาจึงได้พูดตัดสินใจออกไปว่า “ฉันจะเขียนจดหมายไปหาเสี่ยวกู้เอง ฉันจะบอกเขาว่าให้มาจัดการเรื่องของฉุ้ยเหลียนให้ชัดเจน ให้เขารีบคิดเรื่องแต่งงาน จากนั้นก็รีบมาสู่ขอฉุ้ยเหลียนของเรา แล้วเรื่องอื่นก็ค่อยว่ากันทีหลัง”
ตงลี่หวาถึงกับหน้าซีดราวกับไก่ต้มในทันที “เราจะทำอย่างนั้นได้หรือ ? ”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก หล่อนจึงถามหยั่งเชิงออกไปว่า “ถ้าเจ้าตัวไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวของเราล่ะ ? นี่มันก็เหมือนกับว่าเราไปเร่งเร้าเขามากเกินไปรึเปล่า ? เราไม่สงวนท่าทีเอาไว้แบบนี้ เขาอาจจะดูถูกเราได้นะ”
เซี่ยวจวินเบิกตากว้างด้วยความไม่พอใจ “เธอพูดจาเหลวไหลอะไร ? คนรักกันไม่แต่งงานกัน ก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิงน่ะสิ ? ถ้าเขาไม่อยากแต่งงานกับจางฉุ้ยเหลียน แล้วเขาจะฝากสมุดบัญชีไว้กับลูกทำไม ? เธอลองคิดดูสิ ? ”
เมื่อตงลี่หวาถูกเซี่ยจวินตำหนิ หล่อนก็คิดขึ้นมาได้ในทันที หล่อนปรบมือเสียงดังพร้อมกับพูดออกไปว่า “จริงด้วย เจ้าตัวจะต้องคิดเรื่องนี้อยู่แน่ ๆ ไอ้หยา ฉันนี่มันขี้หลงขี้ลืมจริง ๆ เลย”
เมื่อพูดจบ หล่อนก็ไม่ได้กระวนกระวายใจอีกต่อไป อีกทั้งหล่อนก็ไม่ได้สนใจที่จะเล่นไพ่ต่อด้วยเช่นกัน หล่อนขยับตัวไปด้านข้างพร้อมทั้งใช้มือคิดคำนวณตัวเลขในใจเบา ๆ ว่าหล่อนควรที่จะเตรียมสินเดิมให้กับฉุ้ยเหลียนไว้เท่าไหร่ดี วันเวลานี่มันผ่านไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ เพียงแค่พริบตาเดียวลูกสาวของหล่อนก็จะได้แต่งงานออกเรือนแล้วหรือนี่
ส่วนเซี่ยหลี่ห้าวที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคนในขณะนี้ เขาก็หันซ้ายทีขวาที เพราะไม่เข้าใจเนื้อหาที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน แต่เรื่องหนึ่งที่เขามั่นใจมากก็คือ จางฉุ้ยเหลียนจะต้องแต่งงานแล้ว
MANGA DISCUSSION