ตอนที่ 71 8,000 หยวน
เช่าหวานั้นเป็นคนฉลาด หล่อนได้ระดมญาติพี่น้องและเพื่อนของหล่อนมากมาย เพื่อมาปรึกษาหารือเรื่องคู่หมายของจางฉุ้ยเหลียน และสุดท้ายหล่อนตัวสินใจเลือกคู่หมายจากตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยมาให้กับจางฉุ้ยเหลียนทั้งหมด 2 ตระกูล
ตระกูลแรก บ้านของพวกเขานั้นอยู่ที่มณฑลหลินเตียน เมืองซินเซียน ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในชนบท พวกเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันพืช พวกเขามีลูกทั้งหมด 3 คน และคนที่จะมาเป็นคนรักของจางฉุ้ยเหลียนก็คือ ลูกชายคนที่สามของตระกูล ชื่อว่า ฟู่ซิน
ตระกูลฟู่นั้นมีฐานทางบ้านที่ดีมากเลยทีเดียว อีกทั้งโรงงานผลิตน้ำมันพืชของพวกเขาก็เป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวในชนบทนั้นด้วย พวกเขามีเครื่องสกัดน้ำมันถั่วเหลือง 2 เครื่องเพื่อขายให้กับคนในชนบท และพวกเขาก็ยังมีเครื่องนวดแป้งสำหรับนวดแป้งทำเส้นหมี่ขาวอีกด้วย
เดิมทีพี่ใหญ่ของตระกูลฟู่จบการศึกษาแค่ระดับชั้นมัธยมปลายเท่านั้น และเขาก็มักจะปฏิบัติตัวกับคนอื่นด้วยการยึดมั่นในคุณธรรมมาโดยตลอด เขาได้ไปสู่ขอครูคนหนึ่งมาเป็นภรรยา หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว พวกเขาก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่มีลูก ส่วนลูกคนที่สองของตระกูลฟู่นั้นเป็นผู้หญิง หล่อนแต่งงานออกเรือนไปได้หลายปีแล้ว และตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับครอบครัวของตัวเอง
และลูกคนที่สามของตระกูลฟู่ ก่อนหน้านี้เขาไปทำงานเป็นทหารอยู่ 3 ปี แต่ตอนนี้เขาออกจากทหารและกลับมาช่วยงานที่บ้านแล้ว ด้วยความที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี และเจ้าตัวเองก็เป็นคนขยันขันแข็งไม่เกียจคร้าน ด้วยความที่พี่สะใภ้ใหญ่ของเขานั้นเป็นครูสอนโรงเรียนประถม ดังนั้นลูกคนที่สามพวกเขาจึงอยากจะได้ภรรยาเป็นครูบ้าง เลือกไปเลือกมาสุดท้ายก็ดันไปถูกใจจางฉุ้ยเหลียนเข้า ตอนนี้เขาก็เลยกลายมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของเช่าหวาไปโดยปริยาย
และก็ยังมีเด็กหนุ่มอีกหนึ่งครอบครัวในชนบท คนนี้เช่าหวาหมายตาเอาไว้นานมากแล้ว ถึงแม้ว่าหล่อนจะมีชีวิตอยู่ในเมือง แต่หล่อนก็ไม่เคยเห็นคนรวยในเมืองมาก่อน นั่นจึงทำให้หล่อนคิดว่าคนรวยในชนบทนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว เพราะพวกเขาต่างก็มีที่ดิน มีนา เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ชีวิตเช่นนี้ก็ถือว่าดีที่สุดสำหรับหล่อนแล้ว
เมื่อเช่าหวาได้เห็นสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ยแล้ว หล่อนก็รู้ได้ในทันทีว่า การใช้กำลังแรงกายและการใช้กำลังสมองในการคิดหาเงินนั้นมันย่อมดีกว่าการพึ่งเงินเดือนที่ไม่รู้จะเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่เสียอีก
และความเห็นแก่ตัวของเช่าหวาก็คือ หล่อนคิดว่าถึงอย่างไรจางฉุ้ยเหลียนก็ถือว่าเป็นเด็กสาวชาวเมือง เธอมีการศึกษา อีกทั้งเธอก็ยังเป็นเด็กสาวชาวเมือง ถ้าเธอได้แต่งงานกับคนในชนบท ต่อไปหล่อนก็จะมีผักกินในฤดูร้อน มีแตงกวากินในฤดูใบไม้ร่วง และมีผักแห้งกินในฤดูหนาว นอกจากนี้ก็ยังมีซาลาเปาถั่วเหลืองและอย่างอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วนให้กินตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
บวกกับที่หล่อนเป็นหญิงสาวที่ช่างเลือก เพียงแค่ตระกูลของพวกเขามีเงินมากกว่าที่หล่อนคาดคิดเอาไว้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
และฐานะทางบ้านของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ดีมากเลยทีเดียว บ้านของพวกเขานั้นมีสมาชิกในครอบครัวค่อนข้างเยอะ พวกเขามีลูกทั้งหมด 8 คน โดยแบ่งเป็นหญิง 4 คนและชาย 4 คน
พ่อของพวกเขานั้นดูแลลูกชายทั้ง 4 คนเป็นอย่างดี นั่นจึงทำให้ลูกชายของเขามีความสามารถกันทุกคน ส่วนเหล่าบรรดาลูกสาวทั้ง 4 คนของเขา ก็ได้แต่งงานออกเรือนกันไปหมดแล้ว ซึ่งลูกสาว 3 ใน 4 คนนั้น ก็มีงานมีการทำดี ๆ ทำและมีอนาคตที่ดีมากอีกด้วย
เช่าหวาชอบในความสามารถพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่นของพ่อตระกูลนี้ อีกทั้งแม่ของตระกูลนี้ก็รู้จักการประจบสอพลอและช่างพูดช่างจาเป็นพิเศษอีกด้วย พ่อของตระกูลนี้เคยทำอาชีพเป็นนักบัญชีมาก่อน ปกติแล้วเขาจะชอบไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ของเขาอยู่เสมอ และเขาก็ถือโอกาสตอนที่ได้พบปะกับเพื่อนก่อนที่เขาจะเกษียณหางานดี ๆ ให้กับลูก ๆ ของเขา และตัวเองก็ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขในชนบท
และคนที่จะมาเป็นคู่หมายของจางฉุ้ยเหลียนก็คือลูกชายคนที่สี่ของตระกูล เขาทำงานเป็นคนขับรถไฟ เช่าหวามักจะรู้สึกอิจฉาคนที่ได้ทำงานแบบนี้เป็นที่สุด เพราะหล่อนรู้สึกว่าคนเหล่านี้มีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เช่าหวาก็อดที่จะกลอกตาไปมาไม่ได้ เมื่อหล่อนนึกไปถึงคุณปู่ของจางฉุ้ยเหลียนที่อยู่ข้างบ้าน “คุณดูพ่อของคุณสิ เขามีอะไรดี ๆ ในชีวิตบ้าง มีลูกชายตั้งสองคน แต่กลับใช้งานไม่ได้แม้แต่คนเดียว”
จางหว่างฝูพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พ่อของฉันเป็นแค่ช่างไม้ธรรมดา ๆ ไม่ได้ทำงานในสำนักงานใหญ่ ๆ นี่ !”
เช่าหวาเบะปาก จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปว่า “พอเลย !คุณเห็นตระกูลเฉียนนั่นไหม แล้วคุณคิดไหมว่าทำไมพวกเขาถึงได้ใช้แซ่เฉียนที่แปลว่าเงินล่ะ ! พี่คนโตของตระกูลทำงานเป็นหัวหน้าสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในเมือง ส่วนลูกคนที่สองก็เป็นหัวหน้าในองกรณ์ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ลูกคนที่สามเป็นสัตวแพทย์ และลูกคนที่สี่ขับรถไฟนำขบวน คุณว่าในบรรดาลูกชายทั้งสี่คนของเขา มีใครบ้างที่ด้อยกว่าพวกคุณสองพี่น้องล่ะ!”
จางกว่างฝูถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว นั่นยิ่งทำให้เช่าหวารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก เมื่อหล่อนนึกถึงลูกชายของตัวเอง หล่อนก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “ลูกชายของคุณก็โตแล้ว อย่างมากสุดเขาก็อาจจะได้เป็นแค่คนขับรถบรรทุกก็เท่านั้น เราไม่ได้สนใจเรื่องอนาคตของเขาหรอก แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเราหาพ่อสามีที่ดีแบบนี้ให้กับจางฉุ้ยเหลียนได้ มันก็จะเป็นผลดีต่อลูกชายของเราด้วยไม่ใช่หรือ”
เมื่อพูดจบหล่อนก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาในทันที “ไม่รู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนจะชอบคนไหนนะ ฉันตื่นเต้นจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปหมดแล้วเนี่ย”
จางกว่างฝูส่งเสียง เหอะ ออกมา พร้อมกับแสดงสีหน้าดูถูกเล็กน้อย “หล่อนมีนิสัยแบบนั้น ถ้าลูกชายในตระกูลนั้นไม่ชอบหล่อน มันก็คงจะไม่แปลกหรอก เธอจะให้หล่อนเลือกคู่หมายทำไมล่ะ ? หล่อนเป็นใครไม่ทราบถึงจะได้เป็นคนเลือกพวกเขา ! ”
เช่าหวาไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดที่จางกว่างฝูพูดออกมานั้นไม่น่าฟังแต่อย่างใด หล่อนพูดออกไปว่า “ฉันกลัวว่าสุดท้ายแล้วเด็กหนุ่มจากทั้งสองตระกูลนี้จะไม่ชอบจางฉุ้ยเหลียนน่ะสิ แบบนี้มันก็หมายความว่าความพยายามที่ฉันทำมาทั้งหมดมันก็สูญเปล่า”
จางกว่างฝูขมวดคิ้วแน่น และพูดว่า “อีกอย่างหล่อนก็ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว หล่อนจะยังนึกถึงเราอยู่รึเปล่าล่ะ เหอะ ! ? ”
เช่าหวาเบะปาก จากนั้นหล่อนก็พูดออกมาว่า “เธอ ? เธอไม่กล้าขัดคำสั่งของฉันหรอก คุณคิดว่าฉันควบคุมเธอไม่ได้อย่างนั้นหรือ ? ”
จางกว่างฝูหัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ย “เธอน่ะหรือจะควบคุมหล่อนได้ ? ฉันไม่เชื่อหรอก”
เช่าหวาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าลำพองใจว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอมีแผนการอะไรอยู่ในใจ เรื่องที่เธอเป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ การไม่ได้เรียนต่อ และนั่นก็คือจุดอ่อนของเธอ ถ้าเธอกล้าไม่เชื่อฟังฉันล่ะก็ ฉันจะไปโวยวายที่วิทยาลัยของเธอเลย ถ้าไม่เชื่อก็คอยดู!”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง หลังจากที่จางกว่างฝูครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้ จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับหยิบบุหรี่ออกมา ก่อนจะพูดกำชับออกไปอีกครั้งว่า “เธอหาเวลาไปคุยกับตระกูลเซี่ยเถอะ ให้พวกเขาช่วยพูดโน้มน้าวฉุ้ยเหลียนอีกแรง และก็บอกพวกเขาไปว่าตอนนี้เราหาคู่หมายให้กับฉุ้ยเหลียนได้แล้ว พวกเขาไม่ต้องมายุ่ง!”
เช่าหวาเองก็กลัวว่าถ้าพวกเธอยิ่งยื้อเวลาออกไปนานเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จะยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น ในเช้าวันต่อมา หล่อนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่บ้านตระกูลเซี่ยในทันที แต่หล่อนกลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีใครอยู่ที่บ้านของพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว ญาติของพวกเขาคนอื่น ๆ หล่อนก็ไม่รู้จัก สุดท้ายหล่อนจึงต้องเดินไปสอบถามกับเพื่อนบ้านของพวกเขา ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาไปที่ไหนกันแน่
เพื่อนบ้านของพวกเขาบอกกับหล่อนว่า ตระกูลเซี่ยย้ายไปเปิดร้านในเมืองแล้ว เพราะที่นั่นทำงานได้เงินดีกว่า และอีกอย่างพวกเขาก็ย้ายออกไปตั้งนานแล้วด้วย
เช่าหวาถึงกับอึ้งในทันที หล่อนเอาแต่พึมพำด้วยความกระวนกระวายอยู่ในใจว่า : แย่แล้ว ๆ ตระกูลเซี่ยเอาตัวจางฉุ้ยเหลียนไปแล้ว เงินสินสอดทองหมั้นก็ไม่มีเหลือแล้ว ไม่มีอะไรเหลือแม้แต่อย่างเดียว
จางกว่างฝูที่นั่งรออยู่ฟังข่าวอยู่ในบ้าน ไม่นานเขาก็เห็นเช่าหวาเดินร้องไห้กลับเข้ามา เมื่อหล่อนเดินเข้ามาในบ้านและหย่อนก้นลงนั่งบนเตียงแล้ว หล่อนก็เริ่มโวยวายเสียงดังในทันที เสียงของหล่อนนั้นดังจนทำเขาตกใจคิดว่ามีใครตายอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่ฟังเช่าหวาพูดจบ จางกว่างฝูก็ถึงกับเหงื่อแตกออกด้วยความร้อนใจในทันที แต่ต่อมาเขาก็คิดขึ้นได้ว่า “ไม่หรอกน่า เธอบอกเองไม่ใช่หรือว่าเรื่องที่ฉุ้ยเหลียนให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือการเรียนที่วิทยาลัยแห่งนั้น หล่อนไม่มีทางย้ายตามพวกเขาไปหรอก หล่อนจะต้องอยู่ที่วิทยาลัยแน่ ๆ ”
เมื่อเช่าหวาได้ยินดังนั้น หล่อนก็วางใจลงเล็กน้อย จากนั้นหล่อนก็ตะโกนเรียกจางฉุ้ยจวิน เมื่อเขาเดินเข้ามา หล่อนก็รีบดึงมือของเขาไว้และถามขึ้นว่า “แกยังจำวิทยาลัยที่พี่สาวของแกเรียนอยู่ได้ไหม ? ”
จางฉุ้ยจวินพยักหน้าเป็นการตอบรับ จากนั้นก็เปลี่ยนโทนเสียงให้ดูแข็งกร้าวขึ้นและตอบกลับไปว่า : “จำได้!”
เช้าตรู่วันที่สองเช่าหวาก็รีบพาจางกว่างฝูและจางฉุ้ยจวินเดินทางไปวิทยาลัยแห่งนั้นในทันที ทั้งสามคนนั่งรถโดยสารประจำทางตรงไปยังวิทยาลัยของจางฉุ้ยเหลียน
“ไอ้หยา!ทำไมเราถึงต้องมากันเช้าขนาดนี้ด้วยล่ะ!” ในตอนนี้ทั้งสามก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูวิทยาลัยที่จางฉุ้ยเหลียนเรียนอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นนักศึกษาเดินกันให้วุ่นเข้า ๆ ออก ๆ หอพักของตัวเอง เพื่อตรงไปเข้าเรียนบนอาคารเรียนเหล่านั้น พวกเขาก็ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียวและพูดไม่ออกขึ้นมาในทันที และที่วิทยาลัยแห่งนี้ก็ยังมีลานขนาดใหญ่ สนามฟุตบอล สนามบาส และสนามปิงปองอีกด้วย
มีนักศึกษาหลายคนที่ไม่คาบเรียน ต่างก็พามาวิ่งอยู่ในสนามกันอย่างคึกคักมากทีเดียว
“วิทยาลัยแห่งนี้เป็นวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังสอบเข้ายากมาก ๆ อีกด้วย!” จางกว่างฝูพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ามีความสุขอย่างมาก แต่เขากลับลืมมันไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาคัดค้านไม่ให้ลูกสาวมาเรียนต่อที่นี่มากแค่ไหน
“เอาล่ะ ๆ หยุดดูได้แล้ว” เช่าหวามองไปทางเด็กหนุ่มรูปร่างดี อีกทั้งยังหน้าตาดีกว่าครึ่งในวิทยาลัยแห่งนี้ แต่เมื่อหล่อนหันกลับมามองที่ลูกชายของตัวเองที่มีลักษณะราวกับเป็นอันธพาล หล่อนก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
นอกเหนือจากนี้ หล่อนก็ยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเพื่อน ๆ ของจางฉุ้ยเหลียนต่างก็อยู่ในกลุ่มคนแบบนี้ทั้งนั้น ในอนาคตบางคนก็ได้เป็นอาจารย์ และบางคนก็ได้เป็นข้าราชการ อีกทั้งคนที่ได้เข้าไปทำงานในธนาคารก็ดีมากไม่ใช่หรือ ?
เมื่อคิดถึงเด็กหนุ่ม “ผู้ร่ำรวย” ที่ตัวเองหาให้กับจางฉุ้ยเหลียนแล้ว เช่าหวาก็คิดว่าเด็กหนุ่มพวกนั้นดูต่ำต้อยขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและมีการศึกษาในวิทยาลัยแห่งนี้
“ไป ไปตามพี่แกมา ! ” เช่าหวาผลักจางฉุ้ยจวินไปข้างหน้า ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
“ไอ้หยา พอได้แล้วล่ะ ฉันคิดว่าวิธีการของเธอไม่ได้ผลหรอก!” จางกว่างฝูเปลี่ยนความคิดทันใด “เธอดูคนเหล่านี้สิ เพื่อน ๆ ของหล่อนก็ดูดีกว่าคนที่เธอหามาให้หล่อนตั้งเยอะไม่ใช่หรือ ? อีกอย่างคนในวิทยาลัยก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ การที่ฉุ้ยเหลียนจะหาคนฐานะดี ๆ ในวิทยาลัยแห่งนี้ก็ออกจะง่าย ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับสักที ? ”
จางฉุ้ยจวินเองก็แสดงสีหน้าเห็นด้วย แต่เช่าหวากลับมีสีหน้าเคร่งเครียด “พวกเธอจะไปเข้าใจอะไร!”
นักศึกษาที่นั่งในบริเวณนั้น ต่างก็พากันหันไปมองทางผู้หญิงที่มีรูปร่างอึดทึกทนคนหนึ่ง อีกทั้งหล่อนยังพูดหยาบคายได้อย่างคล่องแคล่วด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในเวลานี้หล่อนกำลังถ่มน้ำลายใส่ผู้ชายสองคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าหล่อน คนหนึ่งดูมีอายุ และอีกคนหนึ่งก็ยังดูเด็ก หล่อนกำลังยืนเท้าสะเอวและด่ากราดอย่างชำนาญราวกับว่าหล่อนมี “อาชีพ” ด่าคนอย่างไรอย่างนั้น
“จางฉุ้ยเหลียน นังลูกไม่รักดี สอบเข้าวิทยาลัยได้แล้วก็ไม่เห็นหัวพ่อกับแม่ อีกทั้งตอนนี้ เธอยังไม่ทันเรียนจบก็มาทำปีกกล้าขาแข็งกับฉันแล้ว เหอะ เธอจะหาคนรักดี ๆ อย่างผู้จัดการธนาคารได้อย่างนั้นหรือ ? เหอะ ! คิดจะประจบสอพลอญาติ ๆ อย่างนั้นใช่ไหม ? พวกเขาคงจะไม่มีวันปลายตามาสนใจคนอย่างเธอหรอก ? ” เช่าหวากลอกตาไปมาอย่างสุดทน
“เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้บอกเธอให้หาคนรักเป็นคนชนบทไง เหอะ เหอะ คนที่ไม่เคยผ่านโลกอย่างเธอ เห็นแค่ปืนใหญ่จะไปเป็นคนดีได้อย่างไร ? ไร้สาระสิ้นดี!” เช่าหวาหักนิ้วมือของตัวเองพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความลำพองใจว่า “หน้าตาของเธอที่ทั้งทั้งดำทั้งน่าเกลียด วัน ๆ อยู่แต่หน้าเตาฟืนแบบนั้น ทำไมพวกเขาถึงอยากจะได้ไปเป็นลูกสะใภ้อย่างนั้นหรือ ? มันก็เพราะบ้านของเธออยู่ในเมืองต่างหากล่ะ พวกเขาถึงอยากได้เธอไปเป็นลูกสะใภ้ ! ”
จางกว่างฝูพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ใช่ ๆ ๆ เพราะอย่างนั้นพวกเขาถึงอยากนัดดูตัวหล่อนสินะ อื้อ ฉันเห็นด้วยกับเธอ เท่าที่ดู ๆ แล้ว คนขับรถไฟก็ไม่เลวนะ ดูท่าเด็กหนุ่มคนนั้นน่าจะซื่อสัตย์จริงใจมากด้วย อีกอย่างพี่น้องก็เยอะ ถ้าใครที่มีความเจริญแล้ว ก็น่าจะช่วยเสี่ยวจวินของเราได้บ้าง ”
เช่าหวาถ่มน้ำลายออกมาอีกครั้ง “เห้อ! เพราะคุณสายตามืดบอดแบบนี้ไง ถึงได้คอยแต่สร้างความปัญหาให้กับเราอยู่เรื่อย!”
“ตระกูลฟู่ต่างหากที่ดีกว่า!คุณนี่มันโง่จริง ๆ เลย! ” เมื่อเช่าหวาเห็นสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสงสัยของสามี หล่อนจึงพูดอธิบายออกไปว่า “ตระกูลพวกเขามีโรงงานผลิตน้ำมันพืชและเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ใหญ่มากขนาดนั้น คุณลองคิดดูสิว่าพวกเขาจะทำเงินได้เท่าไหร่ใน 1 ปี? ในบรรดาลูกชายทั้งสองคนของเขา สะใภ้ใหญ่ก็ป่วยจนไม่สามารถมีลูกได้ คุณลองคิดไตร่ตรองดูสิ ว่าถ้าฉุ้ยเหลียนคลอดลูกชายออกมาแล้ว ต่อไปมันจะเป็นยังไง ? ”
เมื่อสองพ่อลูกตระกูลจางได้ยินดังนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายลุกวาวขึ้นมาในทันที จางฉุ้ยจวินถึงอดถามขึ้นมาด้วยความร้อนใจไม่ได้ว่า “แม่ แล้วทำไมแม่ถึงรู้ว่าหล่อนมีลูกไม่ได้ล่ะ ? ”
เช่าหวาส่ายหัว จากนั้นก็เบะปากด้วยความลำพองใจ “ฉันเป็นใครล่ะ ? ฉันก็ต้องออกไปถามมาน่ะสิยะ ? ”
ในขณะที่พูด หล่อนก็ได้เล่าเรื่องที่ไปสอบถามมาให้กับสองพ่อลูกฟัง “สะใภ้ใหญ่คนนั้นเป็นครูสอนเด็กประถม แต่ความจริงแล้ว หล่อนก็เป็นแค่ครูผู้ช่วยเท่านั้น”
และในขณะที่เช่าหวากำลังพูดอยู่นั้น หล่อนก็ได้แสดงสีหน้ารังเกียจและดูถูกออกมา “หล่อนไม่เหมือนกับฉุ้ยเหลียนของเราหรอก เพราะฉุ้ยเหลียนมีดีกรีเป็นถึงนักศึกษาวิทยาลัย แล้วหล่อนเป็นใครล่ะ ก็แค่เด็กมัธยมคนหนึ่งเท่านั้น”
“ฉันเคยเห็นสะใภ้ใหญ่คนนั้นมาแล้ว หล่อนทั้งดำ ทั้งผอมโคร่ง ฉันก็ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ให้หล่อนเข้ามาช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่กลับให้หล่อนไปเป็นครูผู้ช่วยแทน ถึงจะเป็นคนรวย แต่กลับไร้กำลัง ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นครูสอนจริง ๆ ไม่ได้หรอก” เช่าหวากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ได้ยินมาว่าหล่อนเป็นโรคท่อนำไข่อักเสบด้วยนะ โรคนี้แหละที่ทำให้หล่อนมีลูกไม่ได้ ไอ้หยา แม่สามีก็ใจกว้างเหลือเกิน ทอดทิ้งหล่อนไม่ได้ อีกทั้งก็วางใจไม่ได้ด้วย ”
เมื่อจางกว่างฝูได้ยินประโยคนี้ เขาก็รู้สึกวางใจได้ทันที “อา งั้นก็ดีเลยสิ เพราะฉุ้ยเหลียนของเราก็ดีกว่าคนอื่นเป็นไหน ๆ อีกอย่างร่างกายของหล่อนก็แข็งแรง และเงินค่าสินสอดทองหมั้นของหล่อนก็อาจจะสูงถึง 8,000 เลยก็ได้!”
จางฉุ้ยจวินจวินเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ “8,000 หยวน ? มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ ? ”
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของลูกชาย เช่าหวากลับแสดงสีหน้านิ่งเฉยออกมา : “เด็กคนนี้จะไปเข้าใจอะไร ? 8,000 หยวนเยอะที่ไหนกันล่ะ ? ฉันไม่ร้องขอ 10,000 หยวน ก็ดีมากเท่าไหร่แล้ว เพราะพี่สาวของแกเป็นยอดของนางงามแห่งนางทั้งปวงเลยนะ!”
และในเวลานี้ จางฉุ้ยเหลียนก็ได้จามออกมาอย่างแรง จนหวังโต้วโต้วถึงกับต้องหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ออกมาเสียงดัง “จาม 1 ครั้งคือคิดถึง จาม 2 ครั้งคือด่า จาม 3 ครั้งคือพูดถึง มีคนกำลังคิดถึงเธออยู่แน่ ๆ เลย!”
จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มออกมา ในขณะเธอกำลังจะพูดโต้กลับหวังโต้วโต้วออกไป เธอก็ต้องยกมือสองข้างขึ้นมาปิดปากและจามออกมาอีก 2 ครั้งในทันที เกาปินจึงพูดออกมาอย่างคล้อยตามว่า “ดูท่าจะไม่ใช่คิดถึงแล้วแหละ มีคนกำลังพูดถึงเธออยู่ต่างหาก !”
MANGA DISCUSSION