ตอนที่ 154 หมั้นหมาย
ตงลี่หวาตกใจจนต้องอ้าปากค้างอยู่นานสองนาน และแม้แต่เสียงของหล่อนก็หายไปเช่นกัน
คิ้วของกู้เต๋อไห่เลิกขึ้น และยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “เราจะเอาเปรียบฉุ้ยเหลียนไม่ได้ ฉุ้ยเหลียนเป็นเด็กดีที่หาตัวจับยาก ผมว่าแผนของเสี่ยวเฉิงก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน ถ้าพ่อตาคิดว่ามันยังไม่ดีพอ พวกเรายังพอหารือกันใหม่ได้”
เช่าหวาเดาว่าเซี่ยจวิน ตงลี่หวา และจางฉุ้ยเหลียนจะเชื่อว่าคุณย่าของจางฉุ้ยเหลียนจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงพวกเขาจะไม่พอใจมากขนาดไหน แต่ก็ต้องแต่งงานให้เร็วที่สุด
แม้อันหลงจะไม่ค่อยชอบครอบครัวฝั่งแม่ผู้ให้กำเนิดของจางฉุ้ยเหลียน แต่หล่อนก็เข้าใจในตัวจางฉุ้ยเหลียน ถ้าจางฉุ้ยเหลียนแต่งงานกับกู้จื้อเฉิง มันย่อมดีกว่าลูกสะใภ้ที่หล่อนไม่รู้หน้าค่าตามาก่อน และอันหลงก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า หล่อนควบคุมจางฉุ้ยเหลียนได้ง่ายกว่า
เพียงแต่หล่อนไม่ชอบขี้หน้าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของจางฉุ้ยเหลียนจริง ๆ พวกเขาทำหน้าตาราวกับว่าอยากจะขายลูกสาวออกไปเร็ว ๆ อย่างไรอย่างนั้น ช่างน่าขยะแขยงซะจริง ตัวหล่อนเองก็มีลูกสาวเช่นกัน หากในอนาคตกู้จื้อชิวจะแต่งงาน หล่อนก็จะทำตัวขึ้นหิ้งอย่างแน่นอน
“แค่นี้น่ะหรือ ? แม้แต่พิธีรับเจ้าสาวก็ไม่มี ? นี่มันแต่งงานหรือว่าหมั้นหมายกันแน่ ? ” ตงลี่หวาอารมณ์เสีย หล่อนคิดว่านี่มันเป็นการเอาเปรียบลูกสาวของหล่อนเกินไปแล้ว
งานใหญ่ระดับงานแต่งงาน แม้แต่แขกมาร่วมดื่มสุรามงคลยังไม่มี คนที่เขาไม่รู้เรื่องคงคิดว่าฝ่ายหญิงหนีตามผู้ชายไป แบบนั้นมันจะดีได้อย่างไร
“สุรามงคลไม่ได้ตกลงกันว่าจะกลับมาจัดทีหลังหรือ ? ไอ้หยา สมัยเราก็แค่หอบผ้าห่มสองผืนไปที่บ้านแม่สามีก็แค่นั้นไม่ใช่หรือ ? ดีหน่อยก็ขี่ลา เป่า ๆ ตี ๆ มีอะไรดีกัน” เช่าหวาโบกมือไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในใจกลับแอบหัวเราะ เหอะ ! ไม่มีอะไรเลยก็ยิ่งดีน่ะสิ
สองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันก็ต้องทะเลาะกันอยู่แล้ว อีกอย่างจางฉุ้ยเหลียนก็เป็นพวกหัวสูงผ่านไปไม่กี่วันเดี๋ยวก็คงจะรู้สึกผิดหวัง เธอไปใช้ชีวิตยากลำบากอยู่ในกรมทหารแบบนั้น พอลองมาคิดดูอีกทีแม้แต่คนให้คุยด้วยก็ยังไม่มี ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องทรมานมากแน่นอน ขอแค่เธอรู้สึกไม่ดี ชีวิตก็จะยากลำบากยิ่งกว่าเดิม
เช่าหวาแสดงสีหน้าอ่อนโยนออกมา แต่ในใจของหล่อนกลับคำนวณไว้อย่างดีแล้ว ในอนาคตหากจางฉุ้ยเหลียนต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของแม่สามีอย่างยากลำบาก เธอก็ต้องกลับมาบ่นที่บ้านของตัวเองอย่างแน่นอน เธอจะต้องบ่นและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อีกทั้งก่อนแต่งงานเธอก็ไม่เคยคบหากับเจ้าเด็กทหารคนนี้มาก่อน พอถึงเวลานั้นเช่าหวาค่อยแสร้งทำเป็นด่าเซี่ยจวินและตงลี่หวาว่าดูคนผิด จากนั้นในใจของจางฉุ้ยเหลียนก็จะเห็นถึงความแตกต่างระหว่างพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดและพ่อแม่บุญธรรมขึ้นมา
แม้จางฉุ้ยเหลียนจะไม่รู้ว่าเช่าหวากำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่เธอก็รู้ดีว่าถึงแม้ในเวลานี้เธอจะไม่รู้ แต่แม่ผู้ให้กำเนิดของเธอจะต้องวางแผนอะไรไม่ดีอยู่แน่ ๆ
กู้จื้อเฉิงเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะออกมาราบรื่นขนาดนี้ ราบรื่นจนเขารู้สึกไม่ดี ในเวลานี้เขาก็ส่งสายตาไปให้ผู้เป็นพ่อ กู้เต๋อไห่จึงได้ยิ้มหวานและพูดถึงเรื่องเงินค่าสินสอดทองหมั้นขึ้นมา
อันหลงเองก็เครียดขึ้นมา หล่อนอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจ้าสิงโตสองตัวที่ไม่คายเงินออกมาเลยอยากจะได้เงินค่าสินสอดทองหมั้นเท่าไหร่
แต่ใครจะรู้ว่าในเวลานี้จู่ ๆ เช่าหวาก็หลั่งน้ำตาออกมา “ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ฉันทำผิดต่อฉุ้ยเหลียนเอาไว้มาก ไม่ค่อยได้ใส่ใจเธอ ฉันเองก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร แล้วอีกอย่าง เงินเก็บเป็นสินเดิมของลูกสาวฉันก็ไม่มี เรื่องเงินค่าสินสอดทองหมั้นนี่ คงต้องฟังเหล่าเซี่ยแล้วล่ะ”
จางฉุ้ยเหลียนตกตะลึงขึ้นมาทันที เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเช่าหวาจะเอาเรื่องดี ๆ แบบนี้ผลักไปให้กับเซี่ยจวิน ถ้าหล่อนพูดออกมาว่าต้องการค่าเงินสินสอด 8,000 หยวน จางฉุ้ยเหลียนก็เข้าใจได้อยู่ แต่นี่หล่อนกำลังเล่นบ้าอะไร ?
เช่าหวาเห็นท่าทีของจางฉุ้ยเหลียนทุกอย่าง ขณะเดียวกันน้ำตาก็เริ่มไหลริน “แกดูตัวเองสิ จนถึงตอนนี้แกก็ยังไม่ยอมเชื่อแม่ผู้ให้กำเนิดของแกเลย ฮือ ฮือ แกจะแต่งงานออกเรือนแล้ว คนเป็นแม่อย่างฉันรู้สึกแย่มากนะรู้ไหม เงินมันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ ! ”
จางฉุ้ยเหลียนไม่เชื่อคำพูดของเช่าหวามานานแล้ว มุมปากของเธอยกยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ในเมื่อหล่อนเล่นละครได้ งั้นเธอก็จะเล่นละครได้เหมือนกัน อีกทั้งยังเล่นดีกว่าหล่อนอีก
ต่อจากนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็ยกมือขึ้นมาปิดหน้า แล้วซุกหน้าเข้าไปร้องไห้ตรงหน้าอกของตงลี่หวา พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “หนูไม่อยากแต่งงานแล้ว หนูยังตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ไม่หมดเลย ฮือ ฮือ ฮือ หนูไม่อยากแต่งงานเลยสักนิด”
“หา ? ” เช่าหวาหยุดร้องไห้ทันที หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าจางฉุ้ยเหลียนจะเล่นละครแบบนี้ต่อหน้าแม่สามี จางกว่างฝูโมโหจนยกเท้าขึ้นมาถีบหล่อนใต้โต๊ะ และเกลียดที่หล่อนทำให้จางฉุ้ยเหลียนก่อเรื่องแบบนี้
“เธอดูตัวเองสิ ทำให้ลูกต้องร้องไห้ตามถึงจะหยุด” จางกว่างฝูยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วชูขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อกู้เต๋อไห่ “ก่อนที่จะแต่งงานเหล่าบรรดาลูกสาวก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ มักจะรู้สึกไม่อยากจากอ้อมแขนของพ่อแม่ไป”
หลังจากพูดจบเขาก็หันไปพูดกับเซี่ยจวินต่อว่า “ไอ้หยา เหล่าเซี่ย มาเถอะพวกเรามาดื่มด้วยกันสักแก้ว ! ”
เซี่ยจวินยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ฉันเองก็เข้าใจเสี่ยวเฉิง ตอนเป็นทหารก็มีวันหยุดแค่ไม่กี่วัน ถ้าพูดกันตามตรง คนเป็นพ่ออย่างฉันก็รู้สึกไม่ดีจริง ๆ ถ้าพวกเธอบอกว่ายังมีเวลาอีกสองสามวัน งั้นพวกเราก็จะติดต่อพวกเพื่อน ๆ และญาติให้มากินข้าวด้วยกันสักมื้อ พอเสร็จเรื่องทางนี้แล้ว วันมะรืนเธอก็คงต้องกลับไปที่กรมทหารแล้ว”
จากนั้นเซี่ยจวินก็ตบมือลงบนหน้าขาของตัวเอง “ได้ ฉันยอมยกลูกสาวคนนี้ให้เธอ แต่ฉันบอกเธอไว้ก่อนเลยนะว่า เธอจะรังแกลูกสาวของฉันไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเธอรังแกลูกสาวของฉัน ไม่ว่าจะต้องไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวยังไง ฉันก็จะไปรับตัวลูกสาวของฉันคืนมา”
หลังพูดคำพูดประโยคนี้ออกมาดวงตาของเซี่ยจวินก็แดงก่ำ ตงลี่หวาก็หันหลังไปเช็ดน้ำตา
อันหลงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หล่อนก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แม้แต่หล่อนเองก็รู้สึกปวดใจไปด้วย ในที่สุดหล่อนก็เข้าใจแล้วว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนรักจางฉุ้ยเหลียนจากใจจริง พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอคู่นี้พูดมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว แต่แม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็เช็ดน้ำตาแค่หยดสองหยดเท่านั้น ทั้งหมดนั่นมันก็เป็นแค่ฟ้าร้องดัง ฝนตกปรอย อันหลงไม่รู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนจะรู้สึกเสียใจเลยสักนิด
(ฟ้าร้องดัง ฝนตกปรอยคือ การทำอะไรที่เกิดกระแสโด่งดังอย่างมาก แต่พอทำจริงกลับเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น)
ตั้งแต่ต้นจนจบตงลี่หวาพูดแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น อีกอย่างหล่อนก็ยังกุมมือของจางฉุ้ยเหลียนเอาไว้ตลอด พอได้เผชิญหน้ากับอาหารแสนอร่อยบนโต๊ะพวกนี้ หล่อนกลับไม่แตะต้องมันเลยสักนิด เซี่ยจวินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เอาแต่ดื่มเบียร์อยู่ตลอด สีหน้าก็บูดบึ้ง ในเวลานี้พวกเขาทั้งสองคนก็ตาแดงทั้งคู่ จะเห็นได้ว่าทั้งสองคนทำใจไม่ได้จริง ๆ
กู้จื้อเฉิงลุกขึ้นยืน เขาทำความเคารพแบบทหารด้วยท่าทางจริงจัง และพูดคำพูดดี ๆ ออกมายกใหญ่ จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสามแก้วติด ถึงจะยอมหยุด
กู้เต๋อไห่เองก็เห็นภาพสะเทือนใจ เขาเห็นทั้งสองครอบครัวไม่มีใครพูดถึงเรื่องเงินค่าสินสอดทองหมั้นสักที ตัวเองเลยเริ่มพูดขึ้นมาเอง “พวกเราทำให้ฉุ้ยเหลียนเสียเปรียบเรื่องพิธีงานแต่งงาน พอเรียนจบแล้วเธอก็ยังต้องไปอยู่ในกรมทหารอีก จะหางานได้รึเปล่าผมเองก็ยังรับประกันไม่ได้ พ่อตาเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องบ้านของพวกเขา ถ้าจะให้พูดกันตามตรง ผมเองก็ไม่รู้ว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่ในเมือง Q ไหม บ้านใหม่ก็คงเป็นได้แค่บ้านของผม แต่ก็ยังโชคดีที่ที่กรมทหารมีบ้านให้อยู่”
กู้เต๋อไห่หยุดพูดจากนั้นก็ฉีกยิ้มออกมา “พอลองมาคิดคำนวณดูแล้ว แต่งภรรยาคนหนึ่งเหมือนไม่ได้เสียเงินสักหยวนแบบนี้ ตัวผมเองก็รู้สึกไม่ดีจริง ๆ งั้นผมก็จะให้เงินค่าสินสอดทองหมั้นฉุ้ยเหลียน 8,000 หยวนก็แล้วกัน อยากจะซื้ออะไรก็จะได้เอาไปซื้อได้”
จางฉุ้ยเหลียนตกตะลึง เธอคิดไม่ถึงว่าตระกูลกู้จะเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาสู่ขอเธอ นี่มันเกินไปหน่อยรึเปล่า ขนาดชาติที่แล้วเงินสินสอดของเธอก็ยังได้แค่ 4,000 หยวน และในตอนนั้น มันก็เป็นเงินเก็บทั้งหมดของตระกูลกู้แล้วด้วย
“ไม่ ไม่ ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณลุง ไม่ต้องให้เยอะขนาดนั้นก็ได้ ! ” จางฉุ้ยเหลียนทำอะไรไม่ถูก เธอหันไปมองกู้จื้อเฉิง
พอเขาเห็นเธอลนลานทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ กู้จื้อเฉิงจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นเรื่องที่ทางบ้านของเราคุยกันแล้ว ฉันเองก็ไม่มีเวลาเตรียมสินเดิมเป็นเพื่อนเธอด้วย เธออยากได้อะไรเธอก็ซื้อเอาเลยนะ”
นี่มันอะไรกัน ? จางฉุ้ยเหลียนใช้หางตาเหลือบมองไปที่เช่าหวา และเป็นกังวลว่าหล่อนจะเอาเงินค่าสินสอดของเธอไปทั้งหมดไหม
พอเช่าหวาได้ยินจำนวนเงินที่มากมายขนาดนี้ ดวงตาของหล่อนก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างที่คิด ในใจกระพือปีกขึ้นมาทันที หล่อนแอบภูมิใจในตัวเองว่า หล่อนนั้นมีสายตาที่แหลมคมจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลกู้จะมีเงินมากมายขนาดนี้ แค่เปิดปากก็ให้สินสอด 8,000 หยวนแล้ว พอถึงตอนนั้นหล่อนขอแบ่งออกมาสักครึ่งหนึ่งก็พอ
“ไม่เยอะหรอก ! ไม่เยอะเลยจริง ๆ ! ” เซี่ยจวินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เพราะถ้าลูกสาวของเราเรียนจบจากวิทยาลัย เธอก็จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ถ้าเธอไม่แต่งงานกับกู้จื้อเฉิง เธอก็คงจะเป็นครูอยู่ในเมืองได้เงินเดือน 300 หยวนไปแล้ว ถ้าคิดเป็นปีก็จะได้เงินราว ๆ 3,600 หยวน อีกอย่างลูกสาวของเราก็อายุแค่นี้ แต่เธอก็ทำเรื่องพวกนั้นได้แล้ว จะไปคุ้มกับเงินพวกนี้ได้ยังไง ลูกเองก็ไม่ได้ขาดเงิน จะตกใจไปทำไม ? ”
เซี่ยจวินรู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนให้พวกเขาปิดบังเรื่องที่เธอเขียนนิยายและทำธุรกิจพวกนั้นกับตระกูลจางมาโดยตลอด เขาเองก็เชื่อว่าตระกูลกู้ก็เข้าใจดี ทุกคนเลยอยู่ในอาการสงบนิ่งไม่มีใครยอมเปิดปากพูดออกมาสักคน
เช่าหวากลับเริ่มสงสัย หล่อนเลยลองถามขึ้นมา “ไอ้หยา ช่วงหลายปีมานี้ฉุ้ยเหลียนไปทำอะไรมาหรือ ? แม้แต่เงิน 8,000 หยวนก็ไม่อยู่ในสายตา” หรือว่าจางฉุ้ยเหลียนจะหาเงินได้ก้อนใหญ่ แต่เธอไม่ยอมบอกหล่อนกันนะ ยัยตัวแสบนี่เก่งจริง ๆ เช่าหวารู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องเงินเป็นพิเศษ แต่ทันใดนั้นเองหล่อนก็คิดขึ้นมาได้ว่าซาลาเปาของจางฉุ้ยเหลียนในเวลานั้นก็ทำเงินได้ไม่เท่าไหร่เอง หรือว่าช่วงสองปีที่ผ่านมานี้เธอแอบทำการค้าอื่น แล้วไม่บอกหล่อนอย่างนั้นหรือ ?
พอคิดว่าช่วงระยะเวลาสองปีที่ผ่านมานี้เช่าหวาได้เงินน้อยมาก หล่อนก็รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาทันที ใบหน้าเริ่มมีสีหน้าร้อนรน น้ำเสียงเองก็เปลี่ยนเป็นแหลมคม
เซี่ยจวินขมวดคิ้วแล้วทำเสียงดุ “หล่อนอยู่วิทยาลัยก็ต้องกินต้องใช้และต้องเที่ยวกับเพื่อน ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปหาเงินได้ล่ะ ? เธอคงไม่รู้ว่าช่วงที่ลูกเข้าเรียนวิทยาลัยปีแรก ลูกต้องล้างจานเพื่อแลกกับตั๋วซื้ออาหารในโรงอาหารใช่ไหม ? ”
เช่าหวาโดนเซี่ยจวินต่อว่าจนอารมณ์โมโหของหล่อนก่อนหน้านี้หายไปทันที หล่อนได้แต่บ่นพึมพำออกมาว่า “หล่อนก็โตขนาดนั้นแล้ว หาเงินเลี้ยงตัวเองแล้วมันเป็นความผิดของฉันรึไง เหอะ ! ”
ต่อจากนั้นตงลี่หวาก็ได้รับซองสีขาวจากมือของอันหลงมาหนึ่งซอง ในนั้นมีเงินอยู่ปึกหนึ่ง คนในครอบครัวต่างก็ปรึกษาหารือกันแล้วว่า พรุ่งนี้ทั้งสองคนไปจดทะเบียนสมรสกัน จากนั้นช่วงเย็นพวกเขาทั้งสองครอบครัวก็จะมารวมตัวกันกินข้าวที่บ้าน
เพราะบ้านตระกูลเซี่ยอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร จางกว่างฝูและเช่าหวาเลยตามตระกูลเซี่ยกลับมายังตึกเจ็ดชั้นที่พวกเขาเช่าอยู่
จางฉุ้ยเหลียนเอาเงิน 3,000 หยวนออกมาจากซองแล้วยื่นมันไปให้กับเช่าหวา “แม่ นี่เป็นเงินสินสอด 3,000 หยวน พ่อเซี่ยของหนูไม่ต้องการ หนูก็เลยเอาเงินนี่ให้พ่อกับแม่ ถือว่าเป็นค่าที่แม่คลอดหนูมา จะได้ทำให้พ่อกับแม่ไม่ต้องขาดทุน”
เช่าหวาตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้หล่อนจะได้เงินกลับไปด้วย และนี่ก็อยู่เหนือความคาดหมายของหล่อนไปมาก
ระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน จางฉุ้ยเหลียนก็เห็นว่าเช่าหวากับจางกว่างฝูคุยกันไปเดินกันไปอยู่ด้านหลัง ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ว่าพวกเขากำลังคิดหาวิธีเอาเงินสินสอดทั้งหมดไปจากเธอ และการที่พวกเขาบอกว่าไม่ต้องการสินสอดสักแดงเดียวอะไรนั่นมันก็เป็นแค่คำพูดหลอกลวงทั้งนั้น
เพราะอย่างนั้นจางฉุ้ยเหลียน เซี่ยจวิน และตงลี่หวาจึงได้คุยกันว่า พวกเขาตัดสินใจจะให้เงินเช่าหวาและจางกว่างฝู 3,000 หยวน แต่สองสามีภรรยาตระกูจางจะต้องเซ็นสัญญารับเงิน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นการให้เปล่า
“ทำไมพวกเรายังต้องเซ็นสัญญารับเงินอีกล่ะ ? ” เช่าหวามองเงินก้อนหนาด้วยความโลภ โชคดีที่หล่อนยังไม่ได้สูญเสียสติไปอย่างสมบูรณ์ เลยแกล้งทำเป็นปฏิเสธว่า “ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันไม่ต้องการเงินจากแก พอถึงเวลาแล้วฉันก็จะให้สินเดิมกับแกนิดหน่อย ส่งแกออกไปอย่างมีความสุข”
จางฉุ้ยเหลียนเลิกคิ้วพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาให้เงินสินสอดเรามา 8,000 หยวนแบบนี้แล้ว แม่คิดว่าหนูไม่ต้องไปรายงานพวกเขาหรือว่าหนูเอามันไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ? พอถึงตอนนั้นอย่ามากลับคำบอกว่าหนูเอาเงินไปซ่อนไว้ใช้ส่วนตัวก็แล้วกัน เพราะหนูก็ไม่อยากดึงลิ้นนั่นออกมาหรอกนะ”
ตงลี่หวายื่นกระดาษและปากกาไปให้พวกเขาทั้งสองคน ส่วนจางฉุ้ยเหลียนก็อธิบายว่า “หนูเขียนใบเสร็จรับเงินเอาไว้ ด้านบนระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามอบเงินสินสอดให้พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดฝ่ายเจ้าสาว พ่อกับแม่ลงนามหน่อย ตระกูลกู้เองก็จะได้ไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีก”
เอาเงินสินสอดให้พ่อแม่ เจ้าสาวป้ายแดงไม่เก็บเงินเอาไว้ใช้นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติจะตายไป เช่าหวาแอบได้ใจ สุดท้ายหล่อนก็ยังคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ว่าจะพูดยังไงจางฉุ้ยเหลียนก็คลานออกมาจากท้องของหล่อน ถ้าเป็นอย่างนี้ ต่อไปถ้าหล่อนปากหวานหน่อย หล่อนก็จะได้กำไรดี ๆ แบบนี้อีกไม่ใช่หรือ ? ถ้าไม่มาสัมผัสคงไม่รู้ว่าตระกูลกู้นี่มีเงินเยอะจริง ๆ !
MANGA DISCUSSION