ตอนที่ 148 ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
เมื่อถึงเดือนมีนาคม นักศึกษาทุกคนก็ได้รับเอกสารที่จะต้องนำไปยื่นกับทางโรงเรียน จากนั้นทุกคนก็เดินทางไปฝึกงานตามที่อยู่ที่เขียนไว้บนเอกสารนั้น
จางฉุ้ยเหลียนเอาเหล้าชั้นดีไปให้กับคุณลุงยามตงที่หน้าป้อมยาม ลุงตงรับมันไว้ด้วยความดีใจในทันที เขาพูดกับจางฉุ้ยเหลียนด้วยใบหน้าอาลัยอาวรณ์ว่า “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แค่พริบตาเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว เห้อ ต่อไปก็ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่เธอถึงจะมาหาตาลุงแก่ ๆ คนนี้อีก”
จางฉุ้ยเหลียนมักจะเห็นลุงตงชอบเอามือถูเข่าของตัวเองอยู่เสมอ เธอเลยพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “เข่าของลุงเป็นไงบ้างคะ ? ”
ลุงตงฝืนยิ้มออกมา “ช่วงสองวันนี้รู้สึกเจ็บหน่อย ๆ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอก อ้อใช่ ยัยหนู เธอยังเขียนนิยายพวกนั้นอยู่ไหม ? ”
จางฉุ้ยเหลียนพยักหน้าอย่างตอบรับ “ค่ะ หนูยังเขียนอยู่ พี่ชายสุดหล่อของหนูก็ช่วยหนูเอาไว้เยอะมากเลย ตอนนี้ก็ตีพิมพ์ไป 1 เล่มแล้วค่ะ พวกเขากำลังส่งมาให้หนู 10 เล่ม อีกสองวันก็น่าจะถึงแล้วล่ะค่ะ”
ลุงตงพยักหน้า “อือ พอมาถึงแล้วก็เอามาให้ลุงสักเล่มนะ จริงด้วย เอาไปให้ท่านอธิการบดีจางด้วยสิ เขาเองก็พูดถึงเธออยู่บ่อย ๆ เธออย่าลืมเขาเชียวล่ะ”
จางฉุ้ยเหลียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ลืมหรอกค่ะ ไม่ลืมหรอกค่ะ ลูกของพี่ชายสุดหล่อของหนูอายุก็จะครบเดือนแล้ว หนูว่าท่านอธิการบดีจางต้องไปร่วมอวยพรด้วยอย่างแน่นอน พอถึงเวลานั้นหนูค่อยเอาไปให้เขาสักเล่มก็ได้”
ในวิทยาลัยแห่งนี้ ท่านอธิการบดีจางกับเพื่อนสนิทของเขาอย่างลุงตงก็ปฏิบัติต่อจางฉุ้ยเหลียนดีเสมอมา ทั้งหอพักมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้ฝึกสอนอยู่ในเมือง บางทีคนที่เป็นใบเบิกทางให้เธอคงเป็นท่านอธิการบดีจาง
เขาหวังมาตลอดว่าจางฉุ้ยเหลียนจะเรียนต่อให้สูงกว่านี้ แล้วในอนาคตจะได้กลับมาเป็นครูสอนในวิทยาลัยเดิม แต่น่าเสียดายที่เธอทำไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าตอนเธอบอกท่านอธิการบดีจางว่าตัวเองจะย้ายไปอยู่ที่กรมทหาร เขาจะรู้สึกผิดหวังมากขนาดไหน
จางฉุ้ยเหลียนมารายงานตัวที่โรงเรียนประถมตงฟาง มีนักศึกษามาฝึกสอนอยู่ที่นี่ทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็นหญิง 8 ชาย 2 หนึ่งในนั้นเป็นครูผู้ชายสอนพละ
ครูพละคนนี้มีชื่อว่าหลิวเหยียน เขาหน้าตาดีมาก แม้แต่คนที่เคยเป็นแม่คนมาก่อนอย่างจางฉุ้ยเหลียนยังอดมองเขาไม่ได้
เขาไม่ใช่หนุ่มหล่อ คิ้วหนา ตาโต ท่าทางกล้าหาญ และไม่เหมือนพวกที่ชอบเล่นกีฬา ริมฝีปากของเขาสีแดงระเรื่อ ผิวขาวดุจน้ำนม ตัวผอมสูง พอยิ้มดวงตาทั้งสองข้างก็โค้งตาม
ขณะมองดูสาว ๆ ไม่กี่คนที่อยู่ข้าง ๆ ทำตัวระริกระรี้ จางฉุ้ยเหลียนก็อดอิจฉาไม่ได้ หนุ่มสาวหนอหนุ่มสาว ผู้หญิงที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น คอยวิ่งไล่ตามจีบกันในสนามแบบนี้ เธอทำไม่ได้หรอก
ครูฝึกสอนที่มาใหม่ถูกแบ่งไปประจำห้องเรียนต่าง ๆ ในมือของแต่ละคนจะถือสมุดจดบันทึกเล่มเล็ก พอเด็ก ๆ เห็นครูหน้าใหม่เข้ามาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แม้แต่เจ้าพวกตัวแสบที่อยู่ข้างหลังก็ทำตัวเป็นเด็กดีขึ้นมาเมื่อได้อยู่ร่วมห้องกับคุณครูคนสวย
เพื่อนร่วมโต๊ะของจางฉุ้ยเหลียนเป็นเด็กผู้ชายที่หุ่นล่ำบึกและกำยำมาก เขาเพิ่งอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แต่เขาก็สูง 175 เซนติเมตรแล้ว เขาเป็นหัวโจกของห้อง เด็กผู้ชายในห้องทุกคนล้วนแต่เชื่อฟังเขาทั้งนั้น
เด็กน้อยคนนี้ชอบนักศึกษาฝึกสอนคนใหม่อย่างจางฉุ้ยเหลียนเป็นอย่างมาก จางฉุ้ยเหลียนแกล้งเขา เขาก็กล้าพูดตอบกลับอย่างเปิดเผย
“เธอมีพรสวรรค์ด้านการวาดภาพมากเลยนะ ! ” จางฉุ้ยเหลียนเห็นตอนนี้ตัวละครประกอบหนังสือเรียนภาษาจีนของเด็กคนนี้ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว จะเห็นได้ว่าสมองของเขาเปี่ยมไปด้วยจินตนาการมากขนาดไหน
นี่เพิ่งจะเปิดเรียนได้ไม่กี่วันเอง เขาก็วาดหนังสือจนลายพร้อยไปหมดแล้ว เจ้าเด็กคนนี้เขิน อายขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนชอบภาพวาดของเขาจริง ๆ เขาหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น ในนั้นเต็มไปด้วยภาพวาดฝีมือเขาทั้งนั้น
ขณะมองภาพวาดในหนังสือที่งดงามดั่งหงส์ร่อนมังกรรำของเฉิงเทียนอี ลายเส้นพวกนั้นมันบ่งบอกถึงจิตใจคน จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าผลการเรียนของเจ้าเด็กคนนี้ก็งั้น ๆ แต่ตัวอักษรกลับเขียนออกมาได้อย่างสวยสดงดงาม จะเห็นได้ว่าเขาเป็นคนทุ่มเทตั้งแต่เด็ก แค่พลิกหนังสือแต่ละหน้าดูก็จะเห็นทักษะของเด็กคนนี้แล้ว
เด็กคนอื่นไม่มีอะไรมากไปกว่าการลอกเลียนแบบหรือการวาดเขียนตามจินตนาการ ประมาณว่าวาดเป็นรูปเป็นร่างได้ก็พอแล้ว แต่ในหนังสือของเฉิงเทียนอี กลับเป็นภาพแรเงาที่ซับซ้อน วาดได้ดีเสียยิ่งกว่าผู้ใหญ่ ทำให้จางฉุ้ยเหลียนอดชมเชยว่าเขาเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ไม่ได้
พอได้คำชมแบบนั้น เฉิงเทียนอีก็ยกให้จางฉุ้ยเหลียนเป็นคนสนิทของตัวเองทันที เพื่อเอาใจจางฉุ้ยเหลียน เขาแทบจะเอาภาพวาดทั้งหมดของตัวเองให้เธอดู
จางฉุ้ยเหลียนได้ใจหัวโจกตัวน้อยของห้องคนนี้แล้ว วันข้างหน้าเวลาจะสร้างสถานการณ์ให้มั่นคงในชั้นเรียนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และเธอก็ได้มาประจำอยู่ที่ชั้นเรียนชั้นนี้เป็นชั้นแรก ตามลำดับแล้วเธอน่าจะได้อยู่ประจำชั้นนี้ ขอแค่มีเฉิงเทียนอีอยู่ข้างเธอ อย่างน้อยเธอก็แก้ปัญหาเรื่องวินัยในชั้นเรียนที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดนี้ได้แล้ว
จางฉุ้ยเหลียนกำลังทำงานอย่างมีความสุข ส่วนทางด้านเช่าหวากลับกำลังลำบากจนมือไม้อยู่ไม่สุข
แม่เฒ่าเช่าสร้างปัญหาน่าปวดหัวให้หล่อน แม่เฒ่าเช่าคิดจะให้จางฉุ้ยเหลียนกับเจ้าตาบอดนั่นแต่งงานกัน พอเช่าหวาพูดกับผู้เป็นแม่ได้ไม่สะดวกใจ หล่อนก็เลยต้องไปคุยกับพี่สะใภ้แทน
เดิมทีเช่าหวาก็เป็นคนพูดไม่เข้าหูอยู่แล้ว หลังพูดมาได้ไม่กี่ประโยคหล่อนก็ทำให้พี่สะใภ้โมโห พี่สะใภ้กับน้องสะใภ้เลยทะเลาะกันขึ้นมา เวลาพบปะญาติมิตรก็ไม่มองหน้ากัน แต่ก็ยังอดด่ากันไม่ได้
หลังจากการทะเลาะดังกล่าว จู่ ๆ เช่าหวาก็เริ่มคิดว่าจางฉุ้ยเหลียนที่ไม่เคยโดดเด่นในสมัยก่อนได้เปลี่ยนกลายเป็นหมั่นโถวที่หอมหวานไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้รู้ว่าเธอเรียนจบวิทยาลัย คนส่วนใหญ่ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
เมื่อไม่นานมานี้บ้านตระกูลเฉินก็เพิ่งจัดงานแต่งงานไป คนหนึ่งทำงานอยู่ใน “สังคมเกษตรกร” ส่วนอีกคนหนึ่งทำงานด้านเงินทุนและวัสดุของรัฐ แบบนี้ที่ดินในบ้านก็มีคนดูแล และอีกคนก็มีเงินเดือนทุกเดือน
พวกเขามีความสามารถก็เลยหางานให้ลูกสะใภ้ได้แล้ว เช่น สถานที่คัดแยกขยะ โกดังข้าว ทำงานให้ภาครัฐที่ตำบลหรือหมู่บ้าน พวกเขาไม่เรียกร้องอะไรมาก แค่อ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็นก็พอ
ฐานะทางบ้านของเฉินซานสี่ก็ไม่เลว เพียงแค่ตัวเขามีความพิการทางสายตา ทำงานหนักไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องทำบัญชียังพอทำได้ ที่บ้านมีที่ดินหลายแปลงสามารถจ้างคนไปทำแทนได้ แต่ทำไมถึงอยากได้จางฉุ้ยเหลียนแค่คนเดียวล่ะ เพราะอย่างนั้นต้องมีคนไปพูดเรื่องของจางฉุ้ยเหลียนให้พวกเขาฟังแน่นอน
ภรรยาของต้าสี่เป็นพนักงานคิดเงินในหมู่บ้าน ตัวหล่อนไม่ได้มีการศึกษาอะไร แต่ตอนแต่งงาน พ่อของต้าสี่พูดไว้ว่า เขาเป็นพนักงานคิดเงินในหมู่บ้าน ต่อไปพอเกษียณแล้วเขาจะยกงานนี้ให้หล่อน
เมื่อสองปีก่อนลูกสะใภ้คนโตก็ได้รับตำแหน่งต่อจากพ่อของสามีจริง ๆ ในแต่ละวันก็แค่นั่งทำบัญชีอยู่ในห้องทำงานก็เท่านั้น
ภรรยาของเอ้อสี่ก็มีงานทำ หล่อนทำงานในสหกรณ์ สหกรณ์เป็นของสาธารณะชน ในแต่ละเดือนไม่ว่าจะขายได้มากน้อยแค่ไหนหล่อนก็ได้เงินเท่าเดิม และเป็นงานของหน่อยงานภาครัฐ พอแก่ตัวแล้วก็มีเงินเกษียณ
ส่วนซานสี่จะค่อนข้างยากหน่อย เพราะดวงตาของเขาไม่ดี ตอนนี้จะให้ทำงานอะไรก็ยาก จึงจำเป็นต้องหาผู้หญิงที่มีความสามารถสักคน เดิมทีบ้านนั้นให้พี่สะใภ้ของเช่าหวาเป็นคนหาคู่หมายให้ลูกชาย พี่สะใภ้ของหล่อนก็แนะนำคู่หมายให้พวกเขาไปสองสามคนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ชอบ ในขณะที่ไม่มีตัวเลือกเหลือแล้ว จู่ ๆ พี่สะใภ้ของเช่าหวาก็คิดถึงจางฉุ้ยเหลียนขึ้นมา
เพราะต้นเหตุจากแม่เฒ่าเช่า เหล่าบรรดาลูกสาวในตระกูลเช่าเลยดูไร้ค่า เดิมทีตอนอยู่บ้านตัวเองก็ไม่มีที่ยืนอยู่แล้ว พวกสะใภ้คนอื่น ๆ ก็ไม่เห็นหัว ถึงจางฉุ้ยเหลียนจะเรียนจบวิทยาลัยแล้วมันยังไงล่ะ ในสายตาของพวกเขามันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าพ่อแม่บุญธรรมของเธอเท่านั้นแหละ
งานศพในปีนั้น ป้าสะใภ้คนนี้เห็นจางฉุ้ยเหลียนปรากฎตัวออกมาราวกับดอกไม้ แววตาของหล่อนจึงแฝงด้วยความตกใจ และยังรู้สึกอิจฉาในใจ บ่นพึมพำว่าตัวเองไม่มีโชค ลูกที่คลอดออกมาก็ไม่ชอบเรียนหนังสือ
ตอนที่หล่อนโดนคนบ้านตระกูลเฉินบีบบังคับจนไม่มีทางเลือก หล่อนก็ได้เอ่ยถึงชื่อของจางฉุ้ยเหลียนขึ้นมา ถ้ายัยเด็กคนนี้ได้แต่งกับหลานชายของตัวเอง ต่อไปพี่ชายพี่สะใภ้จะไม่มองตัวเองสูงส่งยิ่งกว่าเดิมหรือ ?
หลังกลับไปปรึกษากับแม่สามี แม่เฒ่าเช่าก็ดีใจจนออกหน้าออกตา แต่พวกเขาเองก็รู้ดี เรื่องพรรค์นี้หากตกมาอยู่ที่ลูกชายของตัวเองก็ยังคิดว่ามันยากเกินเอื้อม แล้วลูกชายคนที่สามที่พิการอย่างนั้นจะไม่ยิ่งยากไปกันใหญ่หรือ ? นั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนปัญญาอ่อนเพ้อฝันเลยนะ
โชคดีที่พี่สะใภ้คนนี้รู้จักแม่สามีของตัวเองดี รู้ว่าแม่เฒ่าเช่าเป็นพวกหน้าเงินและรักศักดิ์ศรี ในสายตาแม่เฒ่าผู้หญิงไม่ควรมีชีวิตที่ดีกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะเช่าหวาที่หล่อนไม่ชอบขี้หน้ามาโดยตลอด
แม่เฒ่าเช่าเคยมีชีวิตอยู่ในบ้านแม่ของตัวเองอย่างทุกข์ทน แต่งออกไปแล้วก็ยังเหมือนไปเจอเวรเจอกรรมมาอีกหลายขุม ผู้ชายของตัวเองเอาแต่ดื่มเหล้าเมามายทั้งวัน หากไม่ได้เป็นเพราะหล่อนแข็งแกร่งและมีความสามารถมากพอ หล่อนก็คงประคองครอบครัวนี้ไปไม่รอด แม่เฒ่าเช่าก็เลยคิดว่า ลูกหลานในบ้านตัวเองก็ต้องมีชีวิตในแบบที่ตัวเองกำหนด
ดังนั้นลูกสาวตระกูลเช่าเลยมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ค่อยมีความสุข มีเพียงแค่เช่าหวาคนเดียวที่เป็นข้อยกเว้น เพราะแม่สามีของหล่อนไม่ได้ร้ายกาจ ระหว่างสะใภ้ด้วยกันเองก็ไม่ได้มีความความขัดแย้งใด ๆ
ลูกสาวคนอื่น ๆ พอกลับบ้านแม่แล้ว หากไม่ได้บ่นว่าแม่สามีร้ายกาจก็ต้องร้องไห้บอกว่าสามีไม่ดีกับตัวเอง มีเพียงแค่เช่าหวาเท่านั้น ในช่วงที่แต่งงานใหม่ ๆ ทุกครั้งที่กลับมาที่บ้านแม่ หล่อนก็มักจะเล่าอย่างอิ่มเอมใจเสมอว่าตัวเองรังแกพี่สะใภ้ยังไงบ้าง ทำให้ใจของแม่เฒ่าเช่าเสียสมดุล ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าลูกสาวคนนี้
พี่น้องคนอื่น ๆ ของเช่าหวาต่างก็รู้นิสัยแปลก ๆ นี้ของผู้เป็นแม่ดีอยู่แก่ใจ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่ดี แต่พวกเขาก็ไม่ยอมเผยออกมาให้ผู้เป็นแม่ได้เห็นอย่างแน่นอน ทุกครั้งที่กลับบ้านแม่ไม่มีใครใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ หน้าตาหมดอาลัยตายอยาก สภาพเวทนาเป็นยังไงพวกเธอก็ทำให้เป็นอย่างนั้น พอบนโต๊ะมีอาหารจานเนื้อก็ทำเป็นเหมือนไม่เคยเห็นมันมาก่อน หากจะกินหรือว่าไม่กิน ก็จะไม่ยอมลุก มีเพียงการกระทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้แม่เฒ่าเช่าพอใจได้ ตอนใกล้จะกลับก็หอบพวกข้าวขาว น่องไก่อะไรพวกนั้นกลับไปด้วย
มีเพียงเช่าหวาเท่านั้นที่เหมือนคนโง่ หล่อนคิดว่ายิ่งพวกพี่น้องมีสภาพชีวิตไม่ดีมากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งอวดเบ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่หล่อนก็ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งตัวเองมีชีวิตดีกว่าพวกพี่น้องมากเท่าไหร่ แม่ของหล่อนก็ยิ่งไม่ชอบหล่อนมากขึ้นเท่านั้น
ช่วงหลายปีมานี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่แม่ของหล่อนคิดว่าหล่อนทำดี นั่นก็คือเอาลูกสาวที่เลี้ยงไม่ไหวไปให้คนอื่น เพราะอย่างนั้นแม่เฒ่าเช่าถึงได้รู้ว่าเช่าหวาเป็นเพียงแค่เด็กอ่อนหัด และเห็นหล่อนเป็นแค่เรื่องสนุกเท่านั้น
คิดไม่ถึงว่าผ่านไปหลายสิบปี เศษขยะที่ยัยอ่อนหัดนี่คลอดออกมาจะกลายมาเป็นนักศึกษาวิทยาลัยแบบนี้ และทำให้หลานชายคนอื่น ๆ ของหล่อนดูด้อยค่า อีกทั้งนังเด็กนั่นยังกล้าต่อกรกับหล่อน
เนื่องจากอยู่ไกลหล่อนเลยสั่งสอนจางฉุ้ยเหลียนไม่ได้ แต่หล่อนก็เฝ้ารอคอยให้หลานสาวคนนี้ดวงซวยมาตลอด
ตอนลูกสะใภ้มาพูดเรื่องนี้กับหล่อน หล่อนยังรู้สึกไม่ดีอยู่หน่อย ๆ ทำไมลูกชายตระกูลเฉินถึงต้องไปชอบยัยตัวซวยนั่นด้วย การให้ยัยเด็กนั่นแต่งงานกับคนใกล้ตัวทำให้หล่อนโมโหตัวเองยิ่งกว่าเดิม
แต่พอได้ยินว่าเป็นเฉินซานสี่เจ้าเด็กตาบอดคนนั้น หล่อนก็มีความสุขขึ้นมาทันที และลูกสะใภ้ยังพูดอีกว่า หากการแต่งงานครั้งนี้สำเร็จตระกูลเฉินยินดีให้เงินแม่สื่อ 500 หยวน
ได้ระบายความโมโหแล้วยังได้เงินอีก แม่เฒ่าเช่าถึงได้ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งกับเช่าหวา
จากการคาดเดาของทุกคน เช่าหวาต้องต่อสู้กับสายฟ้ายกหนึ่ง ความสัมพันธ์ของพี่สะใภ้และน้องสามีก็ลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง แต่มันกลับทำให้คนจำนวนมากรู้ว่าตอนนี้จางฉุ้ยเหลียนยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน
แม่เฒ่าเช่ามีแรงมากกว่าใครเพื่อน หล่อนจะหาสามีให้กับจางฉุ้ยเหลียนให้ได้ แต่พอเจอกับสภาพครอบครัวของฝ่ายชายที่ค่อนข้างดี หล่อนกลับโยนทิ้ง มีคนจำนวนมากต่างก็บอกว่าตอนนี้แม่เฒ่าสติเลอะเลือนไปแล้ว
“แต่คนพวกนี้ก็ดูไม่เลวเลยนะแม่ ลูกชายของเขาก็หน้าตาพอใช้ได้ สภาพครอบครัวก็ดี อย่างน้อยก็มีเงินเดือน แม่ยังจะเลือกอะไรอีก ? ”
แม่เฒ่าเช่าไม่มีหน้าจะพูดกับเช่าหวาอีก เพราะคนที่แม่เฒ่าปฏิเสธให้เช่าหวาล้วนเป็น ‘ผู้ชายมาดดีมีเงิน’ ทั้งนั้น
การดิ้นรนมากเรื่องเช่นนี้ ก็แค่อยากจะพิสูจน์เรื่องหนึ่ง ที่ว่า ถึงผู้หญิงจะร้ายกาจมากขนาดไหน แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องแต่งงานออกเรือนไปอยู่ดี ดังนั้นการที่หล่อนไม่สนใจลูกสาวและไม่ชอบหลานสาวมันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ มีเพียงแค่การคลอดลูกชายเท่านั้นถึงจะเป็นทางออก
MANGA DISCUSSION