ตอนที่ 105 จุดใต้ตำตอ
เซี่ยจวินอยากจะไปสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ แถว ๆ ละแวกหมู่บ้านของกู้จื้อเฉิง แต่ทันทีที่เขามาถึง เขาก็เห็นกู้จื้อเฉิงขับรถออกไปจากประตูหน้าหมู่บ้านพอดี และด้วยสายตาอันแหลมคมของเขา เขาก็เห็นว่าเบาะข้างคนขับในรถของกู้จื้อเฉิงมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย และผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่เขาเห็นเมื่อวานนั่นเอง
เซี่ยจวินที่กำลังโกธรจึงรีบเดินเข้าไปในหมู่บ้านทันที และคิดว่าครั้งนี้เขาต้องถามให้รู้เรื่องให้จงได้ เขารู้ว่าเขาไม่สามารถถามเรื่องนี้กับอันหลงได้ แต่เขาก็มีของสำคัญอยู่ในมือด้วยเช่นกัน นั่นก็คือถ้ากู้จื้อเฉิงต้องการที่จะเลิกกับจางฉุ้ยเหลียน ทำไมเขาถึงไม่พูดกับจางฉุ้ยเหลียนให้ชัดเจน และยังมีเรื่องสมุดบัญชีเงินฝากนั่นอีก มันหมายความว่ายังไง ?
“คิดว่าบ้านฉันเป็นธนาคารรึไง ? ใครอยากจะดูแลเงินให้แก ลูกสาวของฉันไม่สนใจเงินน้อยนิดนั่นของแกหรอก ? ! ” เซี่ยจวินนั้นรู้ถึงความสามารถในการหาเงินของจางฉุ้ยเหลียนเป็นอย่างดี อีกทั้งเขาไม่ใช่คนที่ตามือบอดเหมือนอย่างจางกว่างฝูซึ่งไม่เห็นถึงความสามารถของลูกสาว และยังโลภมากเหมือนเด็กที่อยากได้ของเล่นแบบนั้นหรอกนะ
ในสายตาของพ่อแม่ทุกคนบนโลกนี้ ต่างก็รู้สึกว่าลูก ๆ ของตัวเองนั้นมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อตาที่ได้เจอกับลูกเขย เขาก็รู้สึกว่าลูกเขยไม่คู่ควรกับลูกสาวของตัวเองเอาเสียเลย เพราะอย่างนั้นเซี่ยจวินจึงรู้สึกไม่พอใจกู้จื้อเฉิงขึ้นมาทันที
เซี่ยจวินเคาะประตูบ้านตระกูลกู้หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิด ความโกรธในใจของเซี่ยจวินก็ประทุขึ้นมา และด้วยควาวโกรธเขาจึงใช้เท้าเตะไปที่ประตูสองครั้ง หลังจากนั้นเขาก็เตรียมที่จะเดินลงไปที่ชั้นล่างเพื่อกลับบ้าน แต่ใครจะคิดล่ะว่าเสียงเตะประตูและเสียงเคาะประตูของเขามันจะดังเกินไป จนทำให้เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันนั้นเปิดประตูออกมาดู หล่อนเป็นหญิงชราที่อายุประณราว ๆ 60 ปีเห็นจะได้
หล่อนมองมาที่เซี่ยจวินด้วยความสงสัย จากนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้นและถามออกไปมา “พ่อหนุ่ม มาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ ? ”
เซี่ยจวินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เมื่อเขามองไปที่หญิงชราคนนี้มันก็ทำให้เขานึกถึงแม่ของตัวเองขึ้นมา เพราะแม่ของเขาก็เป็นหญิงชราที่รูปร่วงอวบอ้วนและใจดีเหมือนกับหล่อน เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็พูดออกไปอย่างสุภาพว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับคุณยาย คนบ้านนี้เขาไปไหนกันหมดหรือ ? เช้าขนาดนี้ก็ไม่เห็นมีใครมาเปิดประตูเลย ! ”
หญิงชราคนนั้นยิ้มและพูดออกมาว่า “ลูกสาวคนเล็กของเหล่ากู้ ตอนนี้หล่อนไปโรงเรียน ส่วนภรรยาเหล่ากู้ก็คงจะออกไปเต้นน่ะ”
เซี่อจวินขมวดคิ้วและถามออกไป “เต้น ? ”
หญิงชราพยักหน้าเป็นการตอบรับตอบรับ “หล่อนบอกว่ามันเป็นกลุ่มศิลปะอะไรสักอย่างนี่แหละ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หล่อนคงจะออกไปเต้นแล้วล่ะ เพราะหล่อนก็ไม่มีอะไรทำ”
เซี่ยจวินไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอน เพราะเขาไม่ชอบคนที่ออกไปข้างนอกทุกวันแบบนี้เป็นที่สุด เขาเกิดความรู้สึกไม่พอใจ จากนั้นจึงขมวดคิ้วและถามออกไปว่า “ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ สามีของหล่อนไม่ว่าอะไรหล่อนเลยหรือ ? ”
หญิงชราหัวเราะออกมา “สามีของหล่อนไม่ว่าอะไรหรอก และก็คงจะว่าอะไรไม่ได้ด้วย เมื่อกี้ลูกชายคนโตของหล่อนก็ยังพูดกับหล่อนสองสามประโยคอยู่เลยว่า ไม่อยากให้หล่อนออกไปไหน”
เมื่อพูดถึงกู้จื้อเฉิง เซี่ยจวินก็เริ่มสอบถามทันที “กู้จื้อเฉิงกลับมาที่บ้านแล้วหรือครับ ? ไอ้หยา ผมไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือนแล้ว”
หญิงชราจึงตอบกลับออกไปอย่างเห็นด้วยทันทีว่า “ใช่ไหมล่ะ เป็นทหารมันมีอะไรดีกัน วัน ๆ ก็เอาแต่ทำงานอยู่นอกบ้าน และแม่ของเขาก็ไม่รู้จักคิดจริง ๆ วัน ๆ ก็เอาแต่ออกไปข้างนอกไม่คิดจะหาหญิงสาวให้มาแต่งงานกับลูกชายเร็ว ๆ บ้างเลยรึไง”
หญิงชราทุกคนต่างก็ชอบสนทนานินทาเรื่องของคนอื่น หลาย ๆ ครั้งที่คุณอยากจะไปสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ การที่จะได้ข้อมูลมาได้ง่าย ๆ ส่วนมากก็มาจากหญิงชราเหล่านี้ทั้งนั้น
“อา พวกเขาคงไม่รีบหรอกครับ ไม่ใช่ว่ากู้จื้อเฉิงมีคนรักอยู่แล้วหรือ ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้มีหญิงสาวมาที่บ้านของพวกเขาบ่อย ๆ อีกทั้งเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่ของกู้จื้อเฉิงด้วย และเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก ! ” แม้ว่าเขาจะพูดคุยกับคนอื่น แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะยกย่องลูกสาวของตัวเอง เขาพูดโม้โอ้อวดลูกสาวของตัวเองอย่างเต็มที่ ดูแล้วเซี่ยจวินที่เป็นพ่อบุญธรรมนั้น ก็ยังดีกว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของจางฉุ้ยเหลียนเสียอีก
หญิงชราหัวเราะออกมา “ไอ้หยา นั่นมันนานมากแล้ว เมื่อวานฉันเห็นว่ามีหญิงสาวที่สวยสดงดงามคนหนึ่งมาที่บ้านของพวกเขา ไอ้หยา หล่อนสวยมากจริง ๆ หน้าตาสะสวย ดวงตากลมโต ผิวก็ขาวเนียน”
เซี่ยจวินเกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในใจเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ราวกับลูกสาวเขาเป็นคนโง่อย่างไรอย่างนั้น เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่นและพูดว่า “ทำไมมันถึงได้เร็วนักล่ะ พวกเขาไม่ได้เป็นญาติกันใช่ไหมครับ ผมได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของกู้จื้อเฉิงกับคนรักของเขายังดีอยู่ และพวกเขาก็วางแผนว่าจะแต่งงานกันหลังจากที่ฝ่ายหญิงเรียนจบด้วย”
หญิงชราบุ้ยปาก และพูดออกไปอย่างไม่สบายใจว่า “ได้หยา คนสมัยนี้น่ะ ไม่เหมือนกับคนสมัยก่อนหรอกนะ วันนี้คบกับคนนี้ อีกสองวันก็เลิกกัน และหลังจากนั้นอีกสองวันก็หาคนรักใหม่แล้ว เห้อ ไม่มีหัวคิดกันจริง ๆ ”
หลังจากที่พูดจบ หล่อนก็บุ้ยปากไปทางประตูบ้านตระกูลกู้ จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจว่า “เรื่องนี้ฉันรู้ดี พอยัยหนูนั่นเข้าไปในบ้านแล้ว หล่อนก็พูดทักทายออกไปทันทีเลยว่า ‘สวัสดีค่ะ คุณป้า’ แล้วเธอคิดว่าพวกเขาจะรู้จักกันได้อย่างไร ลูกชายของพวกเขาก็พาแฟนมาที่บ้านนั่นแหละ ! ”
สิ่งที่หญิงชราพูดมานั้นไม่ผิดเลย และตอนนี้เซี่ยจวินก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปเจออันหลงแล้ว เขาไม่สนใจแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนรักของกู้จื้อเฉิงรึเปล่า แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่กู้จื้อเฉิงพาผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นกลับมาที่บ้านด้วย
เมื่อเซี่ยจวินบอกลาหญิงชราแล้ว เขาก็กลับไปที่บ้านของตัวเองด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เมื่อคิดถึงมัน เขาก็อดที่จะรู้สึกโกรธไม่ได้จริง ๆ
ตงลี่หวาที่เห็นสามีของตัวเองที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า และกลับเข้าบ้านมาด้วยใบหน้าโกรธเคืองราวกับไปกินประทัดมาอย่างไรอย่างนั้น ใครที่เป็นคนโชคร้ายคนนั้นที่มาทำให้สามีของหล่อนโกรธกันนะ หล่อนรู้สึกเป็นกังวลมากจริง ๆ
ครั้งนี้เซี่ยจวินไม่ได้บอกความจริงกับตงลี่หวา เพราะเขารู้นิสัยของหล่อนดี ผ่านไปไม่กี่วันหล่อนก็คงจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับจางฉุ้ยเหลียนแน่ และเมื่อถึงเวลานั้นลูกสาวของเขาก็น่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เด็กผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบางมาก อีกทั้งจางฉุ้ยเหลียนยังเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจในตนเอง เธอจะยอมรับได้ไหมว่าตนเองนั้นถูกทิ้ง ?
เซี่ยจวินคิดในใจว่า เป็นไปได้ไหมว่ากู้จื้อเฉิงกับลูกสาวของเขาจะเลิกกันนานแล้ว แต่เพื่อรักษาหน้าของตัวเอง จางฉุ้ยเหลียนจึงปฏิเสธมันมาโดยตลอด เพราะก่อนหน้านี้เธอก็โดนอันหลงเฉดหัว แล้วยังมาถูกคนรักของตัวเองทิ้งอีก เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ทุกคนต่างก็กลัวว่าตัวเองจะถูกหัวเราะเยาะกันทั้งนั้น
เพราะอย่างนั้นลูกสาวผู้โง่เขลาของเขาก็เลยพูดมาตลอดว่าตัวเองยังไม่ได้เลิกกับกู้จื้อเฉิง เพราะเรื่องแบบนี้อันหลงก็คงจะคิดคนเดียวไม่ได้อย่างแน่นอน และในความเป็นจริงแล้วจางฉุ้ยเหลียนก็คงจะกำลังปลอบตัวเอง และไม่อยากให้ใครมากังวลเรื่องของเธอแน่ ๆ
ยิ่งเซี่ยจวินคิดมากเท่าไหร่ เขาก็คิดว่าเรื่องนี้มันต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน อีกทั้งเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าลูกสาวของตัวเองน่าสงสารเข้าไปมากขึ้นทุกที ๆ
แต่มันก็มันไม่สำคัญหรอกว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไร เพราะเขาก็คิดหาวิธีการดี ๆ มารับมือกับมันได้แล้ว นั่นก็คือการนัดดูตัวให้กับจางฉุ้ยเหลียน หลังจากนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็จะ “เลิก” คิดถึงกู้จื้อเฉิงไปเอง นี่ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวของจางฉุ้ยเหลียนแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะมันยังทำให้ทุกคนมีความสุขด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เซี่ยจวินก็รีบติดต่อกับเกาจื่อกั๋วเพื่อนเก่าของเขาทันที เพราะเขาก็ไม่รู้จักใครอีกแล้ว เขาอยากจะวานให้เพื่อนของเขาหาชายหนุ่มที่เหมาะสมให้กับลูกสาวของตัวเองสักคน และจะดีมากถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นทหารและมีความน่าเชื่อถือ ฐานะทางครอบครัวของผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่ได้สนใจ ขอแค่แม่สามีนิสัยดี ไม่คอยกลั่นแกล้งลูกสาวสุดที่รักของเขาแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
เกาจื่อกั๋วตอบรับคำขอร้องของเซี่ยจวินด้วยน้ำเสียงมีความสุข และเขาก็ไม่ได้รับหน้าที่เป็นคนไปหาลูกเขยให้กับเซี่ยจวินแต่อย่างใด เขามอบหน้าที่นี้ให้กับภรรยาของเขา “เธอลองไปหาดูว่ามีครอบครัวไหนที่เหมาะสมบ้างรึเปล่า และจะดีมากถ้าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นทหาร ฐานะทางบ้านก็ดีหน่อย ไม่เอาครอบครัวที่เป็นคนงาน ถ้าเป็นทหารจะดีที่สุด”
ภรรยาของเกาจื่อกั๋วคิดว่าเรื่องนี้มันจัดการได้ง่ายมาก หล่อนพูดออกไปว่า “พวกลูกชายของเพื่อนทหารของคุณดีไหม ? แต่ว่าพวกเขาก็อายุมากไปหน่อย อายุก็คงจะพอ ๆ กับลูกชายคนเล็กของเรานั่นแหละ”
แวดวงทางสังคมของเกาจื่อกั๋วก็เป็นเช่นนี้ นอกจากเพื่อนเก่าของเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้จักใครอีก แต่คำขอของเซี่ยจวินมันก็ง่ายสำหรับเขามาก ถ้าเซี่ยจวินให้เขาไปหาครอบครัวที่เป็นคนงานล่ะก็ มันก็คงจะยากสำหรับเขา
“ใช่แล้ว ทางที่ดีเราควรจะหาแม่สามีที่มีนิสัยและการศึกษาดี เพราะลูกสาวของเซี่ยจวินเป็นนักศึกษาวิทยาลัย เขาบอกว่า ไม่ว่าฐานะทางครอบครัวจะดีหรือไม่ ขอแค่แม่สามีดีกับลูกสาวของเขาก็พอแล้ว ! ” เกาจื่อกั๋วเน้นย้ำข้อนี้เป็นพิเศษ นั้นจึงทำให้ภรรยาของเขาหัวเราะออกมาจนท้องแข็ง
“เซี่ยนี่ก็จริง ๆ เลย ไม่คิดเลยว่าคำขอของเขาจะแปลกประหลาดขนาดนี้” ภรรยาของเขาทอดถอนใจออกมา “ทุกคนต่างก็หาครอบครัวของลูกเขยที่มีฐานะดีกันทั้งนั้น เพื่อไม่ให้ลูกสาวของตัวเองต้องลำบาก แต่เขากลับหาแม่สามีที่ดีกับลูกสาวของเขาก็เพียงพอแล้ว” หลังจากที่พูดจบหล่อนก็อดที่จะซุบซิบออกไปไม่ได้ว่า “หรือว่าการที่เขาเปิดร้านซ่อนรถ มันจะทำเงินให้เขาได้เยอะ เขาก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องเงินอย่างนั้นหรือ ? ”
เกาจื่อกั๋วเริ่มจะรำคาญภรรยาของตัวเองที่ชอบนินทามากขึ้นทุกวัน ๆ เขาจึงด่าออกไปด้วยความรำคาญว่า “พอแล้ว ๆ ๆ เธอถามเรื่องพวกนี้ไปมันก็ไม่มีประโชน์อะไรขึ้นมาหรอก ฉันก็บอกเธอไปแล้วว่า คำขอของเซี่ยจวินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต้องสนใจ ครอบครัวของคนอื่นเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เธอไปหาคนที่เหมาะสมที่จะมาแต่งงานกับลูกสาวของเซี่ยจวินให้ฉันก่อนดีกว่า ”
เมือง Q เล็กขนาดนี้ แวดวงในสังคมก็มีจำกัด และคนที่สามารถคบหากับครอบครัวเกาจื่อกั๋วได้ ก็มีอยู่แค่ไม่กี่ครอบครัวเพียงเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวต่าง ๆ มันก็บังเอิญได้มากกว่านี้อีก เพราะลูกสาวคนโตของหล่อนอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับบ้านตระกูลกู้ พ่อสามีของลูกสาวของหล่อนกับกู้เต๋อไห่เป็นเพื่อนเก่ากัน แม้ว่าตอนนั้นพวกเขาทั้งสองคนจะอยู่คนละหน่วยงาน แต่พวกเขาก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
ลูกสาวของหล่อนจึงได้ยกภารกิจที่สำคัญนี้ให้กับแม่สามีเป็นคนจัดการ แม่สามีจึงนึกถึงกู้จื้อเฉิงได้เป็นคนแรก จากนั้นหล่อนจึงได้ไปสอบถามอันหลงเกี่ยวกับ ‘สถานการณ์ของกู้จื้อเฉิง’ ที่บ้านตระกูลกู้ทันที
เมื่ออันหลงเห็นว่าเพื่อนมาแนะนำหญิงสาวให้กับลูกชายของตัวเอง ในใจของหล่อนก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก เพื่อนของหล่อนพูดว่าครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นแสวงหาครอบครัวที่ดีเพื่อให้มาแต่งงานกับลูกสาวของพวกเขามากถึงร้อยครอบครัวเลยทีเดียว แต่กลับเป็นครอบครัวของหล่อนที่ดูเหมาะสมมากที่สุด
กู้จื้อเฉิงกลับมาที่บ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน หล่อนจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของจางฉุ้ยเหลียนให้เขาฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาพาพี่สาวของเพื่อนทหารมาติวหนังสือให้กับกู้จื้อชิวที่บ้าน หล่อนก็คงจะระเบิดอารมณ์ใส่กู้จื้อเฉิงไปแล้ว
ตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีคนมาแนะนำหญิงสาวให้กับลูกชายของตนเอง หัวใจของคนเป็นแม่ก็เริ่มอ่อนลงอีกครั้ง หล่อนคิดว่าตอนนี้ลูกชายของหล่อนก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้แต่งงานเสียที นั่นจึงทำให้หล่อนรู้สึกลำบากใจ
หล่อนสอบถามเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพื่อนของหล่อนจึงพูดออกมาว่า “หล่อนเป็นลูกสาวของเพื่อนทหารของพ่อลูกสะใภ้ของฉันเอง ปีนี้หล่อนอายุได้ 20 ปี เป็นนักศึกษาวิทยาลัย หล่อนเรียนอยู่ที่วิทยาลัยครู ได้ยินมาว่าหล่อนเติบโตมาได้ดีเลยทีเดียว อาชีพครูก็ไม่เลวเลยนะ พอโรงเรียนที่หล่อนสอนปิดเทอมช่วงฤดูร้อนกับฤดูหนาว หล่อนก็จะไปอยู่ในกองทัพกับกู้จื้อเฉิงได้” สมแล้วที่หล่อนเป็นเพื่อนกับอันหลง เพราะคำพูดของหล่อนนั้นตรงกับใจของอันหลงทุกอย่าง
อันหลงก็คิดว่าการที่ผู้หญิงคนนั้นสามารถไปอยู่กับลูกชายของหล่อนในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนและฤดูหนาวได้ มันก็สะดวกต่อลูกชายของหล่อน อันหลงคิดว่าอาชีพนี้ดูเหมาะสมกับลูกชายของหล่อนเป็นอย่างมาก แต่อันที่จริงอันหลงก็คิดว่าอาชีพนักเขียนนั้นก็ดีกว่า จางฉุ้ยเหลียนสามารถทำงานที่บ้านได้ เพราะอย่างนั้นเธอก็จะสามารถดูแลลูกชายของหล่อนไปด้วยและยังสามารถหาเงินไปด้วยได้
“นักศึกษาหรือ ? ฉันกลัวว่าหล่อนจะมาดูถูกครอบครัวของพวกเราน่ะสิ” อันหลงยิ้มออกมาอย่างสุภาพ แต่หล่อนกลับไม่คิดเลยว่าคำพูดต่อไปของเพื่อนสาว มันจะทำให้หล่อนประหลาดได้ถึงเพียงนี้
“ไอ้หยา มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ ผู้หญิงคนนี้น่ะมีชีวิตโชคร้าย หล่อนเป็นลูกบุญธรรมของเพื่อนของพ่อของลูกสะใภ้ฉันเอง พ่อแม่บุญธรรมเลี้ยงดูหล่อนมาอย่างดี เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงอยากหาแม่สามีที่นิสัยดีให้กับหล่อน และฉันก็เห็นว่าเธอก็เป็นคนดี เธอน่าจะเข้ากับผู้หญิงคนนี้ได้นะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว ดวงตาของอันหลงก็สั่นไหว หล่อนคิดว่าบนโลกใบนี้มันจะมีความบังเอิญขนาดนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ มันจะมีคนที่เหมือนกันทุกอย่างแบบนี้ได้อย่างไร
หล่อนไม่สามารถอดทนกับความสงสัยที่เกิดขึ้นภายในใจของหล่อนได้ หล่อนจึงถามออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้หยา อย่างนั้นหรือ แล้วตระกูลนี้ใช้แซ่อะไรล่ะ ? ทำไมพวกเขาถึงได้ดีกับลูกบุญธรรมได้ถึงขนาดนี้”
เพื่อนของหล่อนก็ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด หล่อนพูดออกมาว่า “อา ได้ยินว่าแซ่เซี่ยนะ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขากำลังเปิดร้านซ่อมรถ ครอบครัวของพวกเขาร่ำรวยมากเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เลี้ยงลูกดีขนาดนี้หรอก ไอ้หยา เธอเป็นอะไร ทำไมสีหน้าไม่ดีแบบนั้นล่ะ ? ”
MANGA DISCUSSION