การต่อสู้นั้น ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวินาที สัตว์ประหลาดแรงค์ S ที่ชื่อจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะ กับนักสำรวจแรงค์ S สองคน กำลังต่อสู้กันอย่างสูสี
“จริงอย่างที่มิยูเมะว่าไว้เลย เจ้านี่สู้ด้วยง่ายชะมัดเลย”
เปลวเพลิงที่ปรากฏขึ้นมาราวกับจะผุดขึ้นมาจากทั่วทุกสารทิศ ถูกยิงออกไปหมายจะโจมตีจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะที่กำลังเหาะเหินอยู่บนฟ้า จิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะบินหลบหลีกไปมาระหว่างเปลวเพลิงที่ถูกยิงออกไป แต่ทว่า จู่ๆ ก็มีบางสิ่งที่เหมือนงูสีดำพันเข้าที่ขาของมัน
“…เอเฮะเฮะ ไก่ทอดนัมบัง”
ทาทาริเริ่มทำการกลืนกินโดยไม่ลังเล เงาจำนวนมากเกาะติดเข้ากับขาข้างนั้น แล้วกัดกินจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะไปในพริบตา
แต่กลับกัน จิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะ จงใจตัดขาทิ้ง แล้วยิ่งบินสูงขึ้นไปอีก
“ง่ำๆ … อร่อย—!”
“ทาทาริ มีสมาธิกับการต่อสู้หน่อยสิ”
“คุณมิซึฮิจังคะ เนื้อที่เหลืออันนี้น่ะ ช่วยย่างให้หน่อยไม่ได้เหรอคะ?”
“ฮ้า…”
มิซึฮิถอนหายใจแล้วดีดนิ้ว ทันใดนั้น ขาข้างหนึ่งของจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะที่ทาทาริถืออยู่ก็ถูกย่างจนสุกเหลืองน่ากิน เริ่มส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ
ทาทาริที่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง ก้มหัวลงอย่างแรง
“ขอบคุณมากค่า—! เยี่ยมไปเลยค่า—!”
“งั้นเหรอ”
“อ๊ะ กินไหมค้า—?”
“ไม่ต้องการหรอกน่า เรื่องสำคัญกว่านั้นคือ รีบๆ ตัดสินผลแพ้ชนะกันซะที ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็อยากจะไปรวมตัวกับพวกฮิคาริ”
“นั่นสินะค้า—”
ทาทาริโยนขาของจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะเข้าไปในเงา แล้วมองไปยังจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะที่กำลังบินสูงอยู่ พลางขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ
“แต่ว่าแต่ว่า— ฉันบินไม่ได้นี่นาค้า— คุณมิซึฮิจังเทเลพอร์ตได้ก็จริงแต่ว่า—… อืมม อ๊ะ คุณมิซึฮิจัง ไปก่อนเลยก็ได้นะคะ—”
“งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว”
มิซึฮิโปรยสะเก็ดไฟ ณ ที่แห่งนั้น แล้วหายตัวไป บัดนี้เธอได้ไปอยู่เหนือหัวของจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะแล้ว หันปากกระบอกปืนไปทางนั้น
“เอาล่ะๆ งั้นฉันเองก็—”
ทาทาริเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก สอดมือเข้าไปในเงา แล้วคว้าสิ่งที่หมายตาไว้ ก่อนจะดึงออกมาในทีเดียว
“อึก!”
“น-อะไรกัน!?”
ไคที่ถูกดึงหัวออกมาจากเงา มองทาทาริ เบิกตาที่แดงก่ำบวมเป่งขึ้น
“ประธานนักเรียนยังมีชีวิตอยู่เหรอเนี่ย! นึกว่าไม่รอดแล้วซะอีกนะ! ผมน่ะ ไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงดี… อือ…”
“อา— ใช่ๆ เด็กดีนะคะเนี่ย—”
“อย่ามาพูดอะไรแบบนั้นอีกนะ ยัยบ้า!”
“…หึหึ ไคในตอนนี้ดูน่าอร่อยจังเลยนะคะ—”
ไคที่เห็นทาทาริกล่าวเช่นนั้นด้วยแววตาของนักล่า ค่อยๆ พยายามจะกลับเข้าไปในเงาด้วยตัวเอง แต่ทว่า กลับถูกจับหัวไว้แน่น แถมยังถูกบังคับให้เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าอย่างฝืนใจ
“คอจะหักแล้ว!?”
“ไคคะ เห็นสิ่งนั้นไหมค้า—? คิดว่าเป็นนกของบ้านคุณนะคะ แต่ว่า—?”
“อึ่ก หรือว่านั่นจะเป็นจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะ!?”
“ค่า— แล้วพอจะทำอะไรได้ไหมค้า—? เป็นเนื้อไก่ของตระกูลนาทากิใช่ไหมล่ะคะ อันนั้นน่ะ”
“ไม่ใช่ของกินเฟ้ย! …กำลังสู้กับเจ้านั่นอยู่เรอะ?”
“ค่า— ช่วยหน่อยไม่ได้เหรอค้า—?”
ไคครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยกับคำพูดของทาทาริ แล้วพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว ใช้เท็นเซย์โชคุชู ซะ แล้วก็ ฉันจะลองดูว่าจะสามารถควบคุมเจ้านั่นได้รึเปล่า”
“ขอบคุณมากค่า— งั้นไปกันเลยนะค้า—!”
“หืม? อ-เฮ้ย ทำไมฉันถึงโดนอุ้มท่าเจ้าหญิงอยู่ล่ะเนี่ย? ปกติมันต้องกลับกันไม่ใช่เรอะ!”
“ก็ต้องสัมผัสตัวทุกวินาทีแบบนี้ แล้วคอยกลืนกินการล้างสมองของคุณไปด้วยไงค้า— นี่เป็นเรื่องจำเป็นนะคะ—”
“ง-งั้นเหรอ? งั้น… เอ้า ก็ได้”
ทั้งที่เงื่อนไขมันเคลียร์ไปแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างๆ ทาทาริแท้ๆ แต่ไคก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสังเกตเห็นเรื่องนั้นเลย ยอมรับท่าทางนั้นแต่โดยดี แล้วใช้ตุ๊กตาดินที่สร้างขึ้นด้วยพลังพิเศษของตนเองเป็นเครื่องสังเวย อัญเชิญเท็นเซย์โชคุชูออกมา
“เอาล่ะ การโค่นล้มผู้เหนือกว่า ล่ะนะ เท็นเซย์โชคุชู!”
ทาทาริที่มองเท็นเซย์โชคุชูที่ไคอัญเชิญออกมาพลางน้ำลายไหลยืด อุ้มไคขึ้นแล้วขี่ขึ้นไปบนหลังมัน เท็นเซย์โชคุชูแบกคนทั้งสองไว้ แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทีเดียว
“ขอโทษที่ให้รอนะค้า—”
“ฉันจะช่วยเอง!”
เท็นเซย์โชคุชูพุ่งเข้าไประหว่างมิซึฮิกับจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะ แล้วกางปีกออก คำรามขึ้นสู่ฟ้า
ทันใดนั้น วงเวทสีทองที่ปกคลุมท้องฟ้าอยู่ก็เริ่มพังทลายลงเล็กน้อย เท็นเซย์โชคุชูได้เริ่มทำการแทรกแซงปรากฏการณ์สั่นพ้องของจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะแล้ว
“ขอบใจที่ช่วยนะ”
“ไก่ยูรินจิ”
“เฮ้ย น้ำลายมาโดนฉันแล้วนะ! นี่ ฟังกันหน่อยสิ!”
จิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะ มองไปยังไคที่ขี่อยู่บนเท็นเซย์โชคุชู ถึงจะดูเหมือนเด็กสาวเผินๆ แต่เขาก็เป็นชายหนุ่ม เพราะอยู่ในเงาเป็นเวลานานและถูกหนวดรุมทึ้ง ชุดจึงหลุดลุ่ย ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไปหมด
พอเห็นเขาที่เปียกน้ำลายอยู่ด้วยแล้ว หรือว่ามันจะตัดสินจากความรู้สึกกันนะ พอเข้าใจได้ว่านั่นคือสายเลือดของตระกูลนาทากิ จิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะก็แสดงท่าทีตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิม กางปีกออกแล้วคำรามขึ้นสู่ฟ้า
“อึ่ก นี่มัน!?”
“ต้องเกิดปฏิกิริยาต่อต้านกับเท็นเซย์โชคุชูของฉันแน่ๆ!”
“โอยาโกะด้ง …?”
“มาแล้วนะ!”
ทั้งสามคนเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เข้าใส่จิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะที่กำลังพุ่งเข้ามา
■
ณ โคนลิ่มเองก็เช่นกัน การต่อสู้กำลังดำเนินอยู่ การต่อสู้นั้นทวีความรุนแรงยิ่งกว่าบนท้องฟ้าเสียอีก
“ลูทร่า สองดาบ”
โลกถูกตัดขาดสองครั้ง ครั้งแรก ทัศนียภาพของโซลเซียร่าถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดชั่วขณะ แสงสว่างถูกตัดขาด การมองเห็นถูกทำให้ไร้ผล
และครั้งที่สอง นั่นคือการตัดขาดระยะทาง โซลเซียร่าที่ได้ทัศนียภาพคืนมาด้วยการแทรกแซง เบื้องหน้ากลับไม่มีทั้งโทราคุและฮิคาริอยู่แล้ว
“หมายเลข 0!”
『อา』
โซลเซียร่าหันขวับกลับไปตามเสียงที่ได้ยินจากด้านหลัง ตรงนั้นคือฮิคาริที่กางวงเวทปืนใหญ่รวมศูนย์รออยู่
วงเวทส่องประกาย ปืนใหญ่รวมศูนย์ถูกยิงออกมา แต่ว่า หากมีเวลามากพอที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้วล่ะก็ สำหรับโซลเซียร่าแล้วการป้องกันนั้นง่ายดายยิ่งนัก
“งุ่มง่ามจริงนะ เป็นนักพยากรณ์ดวงดาวจริงๆ เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ เธอคนนี้ในตอนนี้คือนักพยากรณ์ดวงดาว”
เหนือหัวโซลเซียร่า โทราคุที่ตั้งท่าดาบยาวอยู่ ร่วงหล่นลงมาพร้อมกับชักดาบออก
“ลูทร่า 3 ดาบ”
ทันใดนั้น พื้นแทบเท้าโซลเซียร่าก็ถูกตัดขาด พื้นดินแตกละเอียดออกเป็นเสี่ยงๆ คมดาบสองสายพุ่งเข้าใส่โซลเซียร่าที่เสียการทรงตัวไปเล็กน้อย
บาเรียรับคมดาบทั้งสองไว้ แล้วลบล้างไปด้วยการแทรกแซง แต่ว่า ปืนใหญ่รวมศูนย์ของฮิคาริก็ถูกยิงออกมาแทรกกระบวนการนั้นพอดี
อ่านการป้องกันของโซลเซียร่าออก แล้วผลักดันเข้าไปด้วยคมดาบเท่าที่จำเป็นขั้นต่ำสุด แล้วตามด้วยปืนใหญ่รวมศูนย์นั้น ทำให้เกิดระเบิดรุนแรงขึ้น ณ ตรงนั้น
ทั้งสองคนมองโซลเซียร่าที่หายเข้าไปในกลุ่มควันดำ ตั้งอาวุธขึ้นใหม่โดยไม่ได้คลายการระวังตัวลงเลย
“ไม่ใช่การโจมตีที่ได้ผลสินะ ไม่ผิดแน่ว่าทนรับไว้ได้”
“หงึ แต่ว่าก็โจมตีโดนไปหนึ่งดอกจริงๆ นะคะ”
“——นั่นน่ะ คิดว่าเป็นการโจมตีงั้นเหรอคะ”
ควันดำสลายตัว กลายเป็นอนุภาคพลังเวทไป ทั้งหมดนั้นถูกดูดกลืนเข้าไปในเคียวยักษ์ที่โซลเซียร่าถืออยู่
โซลเซียร่ายังคงอยู่ดีมีสุข ไม่เปรอะเปื้อนแม้แต่ชายชุด เธอยืนอยู่ตรงนั้น
“น่าเบื่อจริงนะ พวกคุณน่ะ”
“…ตอนที่สู้กับฉันคราวก่อน คงจะออมมือให้มากเลยสินะ”
『แน่นอนอยู่แล้ว เด็กคนนั้นใจดีนี่นา~ นอกจากคนชั่วแล้วก็ไม่ใช้พลังนั้นอย่างเต็มที่หรอกน่า เอ้า แต่สำหรับเด็กคนนั้นในตอนนี้แล้ว พวกเราคงจะสะท้อนออกมาเป็นคนชั่วนั่นแหละนะ』
คำพูดที่ออกมาจากเคียวยักษ์นั้น เพียงพอแล้วที่จะทำให้ความตึงเครียดในสมรภูมิสูงขึ้นไปอีก
“ชักจะสงสัยขึ้นมาแล้วสิว่าจะยิงปืนใหญ่ชำระล้างโดนได้จริงๆ รึเปล่าน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! ฉันในตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในสภาพเปิดตัวร่างใหม่เลยนะคะ! ไม่แพ้หรอกค่า!”
『มีแต่เธอคนเดียวนะที่ทฤษฎีมันลึกลับน่ะ』
“โอ้วววว!”
ฮิคาริตะโกนแล้ววิ่งออกไป ความสามารถทางกายภาพนั้น บัดนี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของนักสำรวจไปไกลแล้ว
ฮิคาริที่ก้าวเท้าแรกก็ทิ้งห่างเสียงไปแล้ว เหวี่ยงเคียวยักษ์เข้าใส่โซลเซียร่าสุดแรง แต่ทว่าโซลเซียร่ากลับไม่แม้แต่จะมองฮิคาริเลย
“แค่นั้นเองเหรอ? อ่อนแอจังนะ”
เคียวยักษ์หยุดลงด้วยบาเรียแห่งการแทรกแซง คมดาบที่มาจากความเร็วสูงสุดถูกหยุดลง ฮิคาริที่ตะลึงงันไปชั่วขณะ ในช่องว่างนั้นวงเวทปืนใหญ่รวมศูนย์และโซ่สีเงินก็ปรากฏขึ้นรอบๆ
“ลูทร่า หนึ่งดาบ”
ร่างของฮิคาริหายไปจากที่แห่งนั้น ปืนใหญ่รวมศูนย์และโซ่สีเงินฟันผ่านอากาศธาตุไป แต่ทว่าโซลเซียร่าคงจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้วสินะ เธอยังคงจ้องมองมายังโทราคุเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย
“การต่อสู้ครั้งนี้ คุณคือรากฐานสินะคะ”
“แล้ว จะใช่รึเปล่านะ ลองดูไหมล่ะ?”
ทั้งสองฝ่าย เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกัน ร่างหายไป วินาทีถัดมาคมดาบและปืนใหญ่รวมศูนย์ก็เข้าปะทะกัน ณ สถานที่อื่น หรือจะคิดว่าเป็นเช่นนั้น ร่างของทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
“ตามมาได้ดีนี่นา ประเมินให้สูงขึ้นหน่อยก็แล้วกันค่ะ”
“นั่นก็ขอบคุณนะ… อึ่ก ลูทร่าหนึ่งดาบ!”
รอบๆ ลิ่ม ประกายไฟและการระเบิดเกิดขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน การต่อสู้ความเร็วสูงด้วยการเทเลพอร์ตอยู่ตลอดเวลานั้น เป็นการต่อสู้ต่างมิติที่สามารถทำได้ก็เพราะเป็นคนทั้งสองนี้เท่านั้น
“แต่ว่า ณ จุดที่ต้องออกคำสั่งให้เด็กคนนั้น ก็ไม่มีทางมาถึงตัวฉันได้หรอกนะ”
โทราคุที่ต้องอาศัยการออกคำสั่งให้ลูทร่า กับโซลเซียร่าที่สามารถหายตัวไปจากที่แห่งนั้นได้ทันทีด้วยเวทมนตร์เพียงอย่างเดียว ย่อมเกิดความแตกต่างขึ้นเล็กน้อย โซลเซียร่ามีพลังฝีมือมากพอที่จะทำให้ความแตกต่างนั้นกลายเป็นกำแพงอันสมบูรณ์แบบได้
ความจริงแล้ว โทราคุถึงจะพยายามตามติดอย่างสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายที่ได้ผลเลย
“อึ่ก ลูทร่าสองดาบ!”
คมดาบพุ่งเข้าใส่โซลเซียร่า แต่ทว่า เธอกลับลบล้างมันด้วยการแทรกแซงในระหว่างทำเรื่องอื่นอยู่ แล้วยิงโซ่สีเงินกลับไปหาโทราคุแทน
“ของแค่นี้…!”
รอบๆ โทราคุที่พยายามจะตัดมันทิ้ง คือวงเวทปืนใหญ่รวมศูนย์ เขารีบเปลี่ยนเป้าหมายการตัดขาดมาเป็นพิกัดของตนเองในทันที พยายามจะหลบหนีออกจากที่นั่น
แต่ว่า ปลายทางที่เคลื่อนย้ายไปนั้น โซลเซียร่าไปรออยู่แล้ว
“นั่น!”
“น่าเบื่อจริง”
พลังเวทรวมตัวกันที่เคียวยักษ์ ถูกยิงเข้าใส่โทราคุ คมดาบที่ถูกยิงออกมาโดยเล็งเป้าไปที่ช่องว่างไม่ถึงหนึ่งวินาทีหลังจากเคลื่อนย้ายนั้น โทราคุทำได้เพียงแค่มองดูอยู่เฉยๆ เท่านั้น
มือนั้นถึงจะวางอยู่บนดาบยาว แต่ประสบการณ์อันยาวนานกำลังร้องบอกว่าไม่ทันแล้ว
“โอ้วววว พลังใจ โอ้วววววววว!”
พร้อมกับเสียงตะโกน ฮิคาริก็เข้ามาขวางหน้าโทราคุด้วยความเร็วแสง และรับคมดาบนั้นไว้ด้วยด้ามเคียวยักษ์ซึ่งๆ หน้า
“เกือบไปแล้วค่ะ!”
“…ยังอยู่อีกเหรอ ของเลียนแบบ “
“ไม่ใช่ค่ะ! ฉันในตอนนี้คือโซลเซียร่าค่ะ!”
โซลเซียร่าขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น แล้วใส่พลังเวทเข้าไปมากขึ้นอีก สมดุลของพลังที่คานกันอยู่เอียงไปในทีเดียว ฮิคาริค่อยๆ ถูกผลักดันออกไปเรื่อยๆ
“น-อะไรกัน… ไม่ยอมแพ้หรอกค่า!”
“น่ารังเกียจ…”
พร้อมกับคำพูดที่ราวกับจะถ่มน้ำลายทิ้ง วงเวทปืนใหญ่รวมศูนย์ก็ปรากฏขึ้นบนพื้นดิน แล้วเกิดระเบิดรุนแรงขึ้นในพริบตา กลืนกินทุกสิ่งรอบๆ เข้าไป
โทราคุกับฮิคาริปรากฏตัวออกมา ณ สถานที่ที่ห่างออกไปเล็กน้อย ทั้งสองคน ถึงแม้จะเป็นรอยเล็กๆ แต่ก็มีบาดแผลอยู่บนร่างกายอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไรนะ?”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ!”
“อย่าประมาทสิคะ ที่นี่คือสนามรบนะ”
เบื้องหน้าฮิคาริที่กล่าวขอบคุณแล้วกำลังจะตั้งอาวุธขึ้นมานั้น โซลเซียร่าไปรออยู่แล้ว ไม่ใช่การเทเลพอร์ต เป็นเพียงแค่การเคลื่อนที่เท่านั้นโดยใช้ความสามารถทางกายภาพของนักพยากรณ์ดวงดาวอย่างเต็มที่
“เธอไม่ใช่นักพยากรณ์ดวงดาวหรอกค่ะ ฉันไม่ยอมรับ”
ราวกับจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของระดับชั้นอย่างจงใจ โซลเซียร่าเริ่มโจมตีใส่ฮิคาริด้วยเคียวยักษ์และปืนใหญ่รวมศูนย์
“หมายเลข 0!”
『กางบาเรียแล้ว』
การโจมตีจำนวนมากหยุดลงด้วยบาเรีย หรือไม่ก็สลายหายไป แต่ทว่า หนึ่งนัดที่รวบรวมพลังเวทแล้วใส่อำนาจแห่งการแทรกแซงเข้าไปนั้น จำเป็นต้องหลบหลีก
“อึ่ก”
ฮิคาริเหวี่ยงเคียวยักษ์ที่ไม่คุ้นเคยอย่างสุดกำลัง ปัดป้องการโจมตีออกไป แต่ทว่า การโจมตีของโซลเซียร่ากลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก
“แย่ล่ะสิ ลูทร่าหนึ่งดา——”
“คู่ต่อสู้ของคุณคือทีหลังนะคะ”
“——อึ๊!?”
โซ่สีเงินถูกยิงเข้าใส่โทราคุที่พยายามจะเทเลพอร์ตฮิคาริ เขาใช้การตัดขาดป้องกันโดยสัญชาตญาณ รอดพ้นจากสถานการณ์นั้นไปได้ แต่ปืนใหญ่รวมศูนย์ที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนนั้น ไม่อนุญาตให้เขาไปสนับสนุนฮิคาริได้เลย
“คุณโทราคุ! ไม่เป็นไรนะคะ!?”
“ห่วงตัวเองก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“อ๊าก!”
『ฮิคาริ!』
ในที่สุด คมดาบอันชั่วร้ายก็จับภาพฮิคาริได้ หนึ่งดาบที่ใส่พลังเวทเข้าไปฟันเข้าที่ไหล่ หยุดการเคลื่อนไหวของฮิคาริ ฉวยโอกาสนั้น โซลเซียร่าก็เตะเข้าที่ช่องท้องของฮิคาริราวกับจะซ้ำเติม
ฮิคาริกลิ้งไปกับพื้น ล้มลงไปกองอยู่ตรงนั้น ถึงจะยังกำอาวุธไว้แน่น แต่เลือดที่ไหลออกมาจากไหล่ก็ไม่ยอมหยุด
“แค่ก… ม-ไม่เจ็บ… อีก นิดเดียวเองค่ะ…!”
『อย่าฝืนตัวเอง! ตอนนี้ จะรักษาด้วยอำนาจแห่งการแทรกแซง!』
ถึงจะช้า แต่ร่างกายของฮิคาริก็เริ่มฟื้นฟูขึ้น ความเจ็บปวดบรรเทาลง ฮิคาริที่ในที่สุดก็สามารถลุกขึ้นยืนได้ เงยหน้าขึ้น ตรงนั้น โซลเซียร่าไปรออยู่แล้ว
“สุดท้ายจะฆ่าให้โดยไม่เจ็บปวดก็แล้วกันค่ะ”
โซลเซียร่ากล่าวเช่นนั้นพลางมองลงมาด้วยสายตาเย็นชา เธอรวบรวมพลังเวทไว้ที่เคียวยักษ์ แล้วจ่อคมดาบเข้ากับคอของฮิคาริราวกับเป็นเพชฌฆาต
แล้วค่อยๆ เงื้อขึ้นสูง ก่อนจะฟาดฟันลงมาหมายจะบั่นคอฮิคาริในทีเดียว
“อึ่ก!”
ฮิคาริพยายามจะใช้มือป้องกันโดยสัญชาตญาณ แต่เร็วกว่านั้น คมดาบนั้นกลับหยุดลงอย่างผิดธรรมชาติ คมดาบที่หยุดลงตรงหน้าฮิคาริ กำลังสั่นเทาอยู่
“…ร-รีบๆ … ฆ่า… ฉัน… ซะที”
“อึ๊!? โซลเซียร่า มีสติอยู่เหรอคะ!”
โซลเซียร่าที่แสดงสีหน้าเจ็บปวดทรมานออกมา หายใจออกมาเหมือนจะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมาอย่างสุดกำลังทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า
“ฉันไม่อยากทำร้ายใคร… เลยนะ… เพราะงั้น…”
การสั่นเทาของมือหยุดลง เคียวยักษ์ถูกเงื้อขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าร่างกายจะกลับคืนสู่เพชฌฆาตผู้เย็นชาแล้ว
“ขอร้อ…ง”
สิ้นเสียงที่แผ่วเบาราวกับจะเลือนหาย สีหน้าของโซลเซียร่าก็กลับมาเย็นชาดังเดิม โซลเซียร่ายิงการโจมตีครั้งที่สองออกมาด้วยแววตาเย็นชา ราวกับจะบอกว่าแม้แต่น้ำตาที่ไหลรินลงมาก็ไม่ใช่ของตนเอง
ทันใดนั้น กบกินคนตัวหนึ่งก็กระโดดออกมาจากอกเสื้อของฮิคาริ กบกินคนเข้าปะทะกับคมดาบด้วยตนเอง แล้วเกิดระเบิดรุนแรงขึ้นราวกับจะบดบังทัศนียภาพของโซลเซียร่า
ทันใดนั้น ฮิคาริก็ตะโกนออกมา
“หมายเลข 0!”
『อา』
ปีกที่ส่องประกายร่วงโรย ร่างของฮิคาริหายไปจากที่แห่งนั้น ที่ที่เธอปรากฏตัวขึ้นต่อไปคือ ข้างๆ โทราคุ
“คุณโทราคุคะ ขอโทษที่ให้รอนะคะ! ในที่สุด ร่างกายก็คุ้นเคยแล้วค่ะ!”
เธอเหวี่ยงเคียวยักษ์ทันที วงเวทปืนใหญ่รวมศูนย์รอบๆ ก็พังทลายลง ฮิคาริปักเคียวยักษ์ลงบนพื้น แสยะยิ้มแล้วชี้ไปยังโซลเซียร่า
“ฉันจะไม่ฆ่าคุณค่ะ! จะช่วยออกมาให้ได้! มีคนมากมายที่รอคอยการกลับมาของคุณอยู่นะคะ! คุณน่ะมีที่ให้กลับไปอยู่นะคะ!”
“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก”
“มีค่ะ ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นเอง”
ฮิคาริหยิบคาร์ทริดจ์ รูปทรงกระสุนปืนอันหนึ่งออกมาจากมิติส่วนขยาย แล้วบรรจุเข้าไปในสล็อต ที่ด้ามจับเคียวยักษ์โดยไม่ลังเล
“อะไรกัน สิ่งนั้น”
“ฉันจนถึงเมื่อครู่น่ะเปรียบเสมือนดักแด้ ของนักพยากรณ์ดวงดาวค่ะ หากกลายเป็นนักพยากรณ์ดวงดาวในทันที ร่างกายจะตามไม่ทันค่ะ เพราะงั้น ถึงได้รอคอยเวลานี้อยู่ยังไงล่ะคะ”
ผ้าพันคอ พลิ้วไหวไปตามลม ฮิคาริเหนี่ยวไกเคียวยักษ์
“นักพยากรณ์ดวงดาว——จะตื่นขึ้น ณ ที่นี้!”
วงเวทปรากฏขึ้นแทบเท้า ห่อหุ้มร่างของฮิคาริไว้ ชุดนักเรียนเฟคตัมสลายตัวไป แล้วถูกสร้างขึ้นมาใหม่เป็นชุดใหม่
เป็นชุดสไตล์โกธิคที่คล้ายคลึงกับโซลเซียร่ามาก แต่ทว่า ก็มีกางเกงขาสั้น สีดำที่เน้นย้ำถึงความคล่องแคล่วของฮิคาริ หรือผ้าพันคอที่ยาวขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น รายละเอียดปลีกย่อยนั้นแตกต่างกันไป
“รูปลักษณ์นั้น… ไม่รู้จักเลย ในความทรงจำของฉันไม่มีอยู่…!”
นั่น ไม่ใช่แค่นักพยากรณ์ดวงดาวธรรมดา ร่างใหม่ของโซลเซียร่าที่ไม่มีอยู่จริงโดยปกติ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้เพียงเท่านั้น
นามนั้นคือ โซลเซียร่า・ไบรท์ ร่างหมู่ดาว
นี่แหละคือ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของนักพยากรณ์ดวงดาวที่มิยูเมะเตรียมไว้เพื่อแผนการนี้
“หมายเลข 0 คะ เวลาจำกัดคือ”
『30 วินาที』
“เพียงพอแล้วค่ะ!”
ปีกแสง สีม่วงสี่คู่ปรากฏขึ้นจากแผ่นหลังฮิคาริ มันรวบรวมพลังเวทรอบๆ เข้ามา แล้วยิ่งส่องประกายเจิดจ้ามากขึ้นไปอีก สร้างพลังเร่งความเร็วอันมหาศาลขึ้นมา
“อึ๊!?”
“ฮะฮะฮ่า ในที่สุดก็ทำให้ตกใจได้แล้วสินะคะ โซลเซียร่า!”
ลดระยะห่างในทีเดียว เหวี่ยงเคียวยักษ์เข้าใส่โซลเซียร่า โซลเซียร่าที่ดูตกใจ แต่การเคลื่อนไหวนั้นกลับเลือกการป้องกันอย่างเยือกเย็น
เคียวยักษ์ถูกป้องกันไว้ได้เหมือนกับเมื่อครู่ แต่ทว่า ปีกแสงที่เธอครอบครองอยู่นั้นแตกต่างออกไป
“หมายเลข 0!”
『สกัดเสร็จสิ้น: จำลองเสมือนจริง——ผู้เจาะดารา』
ปีกแสงวาดวิถีโคจรที่ไม่ปกติ ลอดผ่านช่องว่างของบาเรียโซลเซียร่าเข้าไป แล้วพันเข้ากับแขนขาของโซลเซียร่า
“อึก!”
โซลเซียร่าที่ถูกปีกแสงคว้าจับไว้ ถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า
“อึ่ก แค่ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้…!”
โซลเซียร่ากางวงเวทเทเลพอร์ตออก แต่ว่า มันก็ถูกเสียงตัดขาดที่ดังมาจากที่ไหนสักแห่งฟันออกเป็นสองท่อน
และ เหนือขึ้นไปจากตนเองไกลลิบนั้น คือดวงดาวดวงหนึ่งที่ส่องประกายเจิดจ้าอยู่
“ตอนนี้ ฉันยังมีชีวิตอยู่! กินข้าว ตื่นเช้า พูดคุยกับเพื่อน! ทั้งหมดน่ะ เป็นเพราะคุณช่วยไว้ในวันนั้น! เพราะคุณช่วยไว้ ฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่!”
อารมณ์ที่เอ่อล้นขึ้นมาภายในตัวฮิคาริ แปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน กระบวนการนั้นที่แปลงเปลี่ยนไม่ใช่มวลพลังเวท แต่เป็นอารมณ์ให้กลายเป็นพลังงานแล้วรวมศูนย์นั้น ช่างคล้ายคลึงกับปืนใหญ่รวมศูนย์ดั้งเดิมอย่างน่าประหลาดใจ
“ความหมายนั้น! ความขอบคุณนั้น! จะขอส่งไปให้ถึงคุณคะ!”
ปีกแสงของฮิคาริ ทั้งหมดเชื่อมต่อเข้ากับเคียวยักษ์ เคียวยักษ์ที่ดูดซับพลังงานอันมหาศาล พ่นไอน้ำออกมา ส่งเสียงเตือนดังลั่น พร้อมกับเปิดปากกระบอกปืนที่ปลายด้ามจับออก
“หมายเลข 0 คะ ท่าไม้ตาย ไปล่ะนะคะ!”
『ปืนใหญ่ชำระล้าง บรรจุเสร็จสิ้น ล็อกเป้าหมายเสร็จสิ้น… ที่เหลือก็แค่เหนี่ยวไกเท่านั้น』
หลังจากเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง หมายเลข 0 ก็กล่าวต่อไปว่า
『ช่วยเด็กคนนั้นด้วยนะ』
“แน่นอนค่ะ!”
พร้อมกับเสียงพยักหน้าอันหนักแน่น ไกปืนก็ถูกเหนี่ยวลงไป ทันใดนั้น แสงสีแดงและสีม่วงที่ปะปนกันก็ถูกยิงออกไป
“…อึ่ก”
โซลเซียร่าเงยหน้ามองฟ้า พยายามจะเริ่มเทเลพอร์ต แต่ทว่า ทุกครั้งที่ทำเช่นนั้น เสียงที่ดังมาจากที่ไกลๆ ก็จะตัดวงเวทเทเลพอร์ตทิ้งไป
“นักพยากรณ์ดวงดาวคือฉันนะ…!”
ราวกับตัดสินใจแน่วแน่แล้ว โซลเซียร่าตั้งท่าเคียวยักษ์ขึ้นสู่ฟ้า แล้วรวบรวมพลังเวทรอบๆ ยิงปืนใหญ่รวมศูนย์ออกไป
ปืนใหญ่รวมศูนย์ทั้งสองสายปะทะกันกลางอากาศ สั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ
“ไม่มีทางที่จะแพ้ในที่แบบนี้ได้หรอกนะ ฉันน่ะมีภารกิจที่จะต้องปกป้องที่นี่อยู่!”
“เรื่องแบบนั้นน่ะ ย๊ากกก!”
การคานอำนาจนั้น ดำเนินอยู่เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ในไม่ช้า ปืนใหญ่รวมศูนย์ของฮิคาริก็กลืนกินปืนใหญ่รวมศูนย์สีเงินเข้าไป แล้วร่วงหล่นลงสู่พื้นดินที่โซลเซียร่ารออยู่
“…อา”
บัดนี้ทั้งการป้องกันและการหลบหลีกล้วนไร้ความหมาย ทันทีที่เข้าใจเช่นนั้น ประกายแสงนั้นกลับดูงดงามในสายตาโซลเซียร่า
เคียวยักษ์ร่วงหลุดจากมือ โซลเซียร่ายื่นมือออกไปหาประกายแสงนั้นราวกับเด็กน้อย ในไม่ช้า แสงสว่างก็กลืนกินโซลเซียร่าเข้าไป เสียงกัมปนาทราวกับน้ำตกดังสะท้อนไปทั่ว แสงสว่างแผ่เต็มไปหมด
ทั้งที่ควรจะเป็นปืนใหญ่รวมศูนย์แท้ๆ แต่มันกลับมอบความรู้สึกสบายใจอันแปลกประหลาดให้กับโซลเซียร่า เธอหลับตาลง พร้อมกับความรู้สึกที่ถูกเติมเต็ม สีหน้าของโซลเซียร่าก็ค่อยๆ อ่อนโยนลง
ในที่สุด โซลเซียร่าก็กล่าวออกมาอย่างเงียบงันว่า
“ขอบ ใจ… นะ”
พอปืนใหญ่รวมศูนย์จบสิ้นลง รอบข้างก็กลับสู่ความเงียบสงัด เสียงการต่อสู้ของพวกมิซึฮิที่ได้ยินมาจากท้องฟ้าอันไกลโพ้นก็หยุดลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“…”
โซลเซียร่าทรุดเข่าลงไปทั้งที่ยังยื่นมือออกไป และในจังหวะที่กำลังจะล้มลงสู่พื้นดินนั่นเอง ฮิคาริที่ร่อนลงมาก็คว้ามือข้างนั้นไว้ได้ทัน
“โซลเซียร่า!”
เธอดึงเข้ามากอดไว้แน่น ราวกับจะยืนยันถึงการมีอยู่ของโซลเซียร่า รอบๆ นั้น ขนนกที่ร่วงหล่นมาจากปีกแสงกำลังร่ายรำอย่างเงียบงัน
“…แผนการสำเร็จ สินะ”
โทราคุรีบวิ่งเข้ามา ณ ที่แห่งนั้น เอ่ยปากออกมาด้วยสีหน้าตึงเครียด
ฮิคาริค่อยๆ หันกลับมา แล้วชูสองนิ้วขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เบิกบานราวกับดอกไม้แรกแย้ม
MANGA DISCUSSION