ฮ-ฮะวาวา…
『นี่มัน… แย่แล้วนะ~』
『มายลอร์ด นี่มันไม่ได้แล้วนะ เกินกว่าที่พวกเราคาดการณ์ไว้มากโข เจ้านั่นน่ะครอบครองพลังที่ใกล้เคียงกับเจตจำนงแห่งสวรรค์แล้วนะ』
ฮ-ฮะวาวา…
『ไม่ได้การแล้ว สติแตกจนกลับมาไม่ได้แล้วนะ』
『มายลอร์ด กลับมาเถิด』
พ-พลังงานสาวน้อยน่ารักสุดยอด…
『ถึงจะกลับมาได้แต่ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ~』
ตรงหน้าฉัน ศาสตราจารย์กลายเป็นสาวน้อยน่ารักไปซะแล้ว ผิดปกติแล้ว ศาสตราจารย์จะกลายเป็นสาวน้อยน่ารักได้ไง ไม่มีอยู่ในข้อมูลของฉันซะหน่อย!?
『เรื่องที่ไม่มีอยู่ในข้อมูลของเธอน่ะ ไม่มีอยู่ในข้อมูลของฉันหรอกนะ!』
『ทั้งสองคน เลิกเป็นตัวละครสายข้อมูลไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ…? 』
แล้วใครมันจะไปคาดการณ์การ TS ของศาสตราจารย์ได้กันล่ะคะ ดูสิ ทั้งชุดเดรสที่เหมือนห้วงอวกาศนั่น ทั้งผมสีดำนั่น
ดูยังไงก็เป็นนางเอกหลักสายที่ชักนำพระเอกเข้าสู่เรื่องราวที่ไม่ใช่ชีวิตประจำวันไม่ใช่เหรอ
『แล้วยังบอกว่าลูเซียร่าอีก หรือว่า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับโซลเซียร่ากันนะ…? 』
ขนาดไม้เท้าพยากรณ์ดวงดาวคุงยังไม่รู้ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน
『ต่างจากผู้ทำสัญญาที่สมองเบาหวิว ข้อมูลของฉันไม่น่าจะมีข้อบกพร่องนะ แต่ว่า… หืม หรือว่าเผื่อกรณีที่ไม่คาดฝันไว้ ก็เลยจงใจไม่สืบทอดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตนเองมาให้งั้นเหรอ? 』
『ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่รู้ในตอนนี้ก็มีเพียงแค่ว่าสิ่งนั้นคือสัตว์ประหลาดที่เหนือความคาดหมายเท่านั้นแหละ หากฉันยังคงอยู่ในฐานะที่จะทำการคัดสรรมนุษยชาติอยู่ล่ะก็ คงจะเรียกเจตจำนงแห่งสวรรค์มาทันทีแล้วล่ะ เป็นตัวแปรนอกแผนการ และเป็นสิ่งแปลกปลอมของโลก』
คาเมะคุง รู้ด้วยเหรอ?
『อา สมัญญาที่อยู่ในตัวตนนั้น ได้เบี่ยงเบนไปจากรูปร่างเดิม แล้ววิวัฒนาการไปในทางที่เป็นไปไม่ได้แล้ว ระวังตัวด้วย มายลอร์ด คุ้กโคโระเซียร่าน่ะ อาจจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็ได้นะ』
…^^
『ทำไมถึงรู้สึกได้ถึงอารมณ์ยินดีจากมายลอร์ดกันนะ』
『ว้าย ^^』
『ทำไมเธอถึงมาด้วยล่ะ』
ถ้าต้องแพ้ล่ะก็ อยากจะแพ้ให้กับสาวน้อยน่ารักอยู่แล้ว! ถ้าแพ้ให้กับลูเซียร่าจังที่ดูเหมือนลาสบอสล่ะก็ เกียรติภูมิของโซลเซียร่าก็จะยังคงอยู่!
โซลเซียร่าน่ะเป็นแค่ระดับแข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ไม่ใช่ระดับลาสบอส หากเงื่อนไขครบถ้วนก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะชนะอยู่ เป็นสาวน้อยลึกลับสุดแกร่งระดับนั้น เพราะฉะนั้น ทางนี้ถึงได้พยายามอย่างสุดกำลังที่จะลดระดับพลังลงเพื่อจะแพ้ได้อย่างสวยงามไงล่ะ
ถ้าฝ่ายนั้นเอาจริง ทางนี้ก็จะเอาจริงเหมือนกัน จะแสดงให้เห็นถึงการพ่ายแพ้ที่ทั้งงดงามและแสนเศร้าให้ดู
『งั้น!』
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว สิ่งที่ใช้ได้ก็ใช้ให้หมดเลยดีกว่า ตัวอย่างเช่น พลังงานสาวน้อยน่ารักจางๆ ที่รู้สึกได้จากใต้เท้านี่ไงล่ะ!
『ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยนะ แต่ว่า รู้สึกถึงพลังงานเหมือนเครื่องทำความร้อนใต้พื้นแบบนั้นเลยเหรอ? 』
ฉันรู้สิ ตั้งแต่เข้ามาในเขตของสถาบันนี้ก็รู้สึกมาตลอด พลังงานสาวน้อยน่ารักที่ถึงจะอ่อนแอแต่ก็ดำรงอยู่อย่างแน่นอน
เอาล่ะ ไปกันเลยนะ ทั้งสองคน ต่อจากนี้ไป จะเริ่มแผนการ ‘ที่เหลือฝากด้วยนะ หมายเลข 0’!
『『โอ๊ส!』』
■
โดยมีเงื่อนไขเบื้องต้นว่า นั่นคือตัวตนที่ไม่ควรจะไปเผชิญหน้าด้วยซ้ำไป มันเปรียบเสมือนดวงดาวเล็กๆ ที่พยายามจะต่อต้านดวงอาทิตย์ หรือมนุษย์ที่พยายามจะท้าทายพระเจ้า เป็นการต่อสู้ที่เห็นบทสรุปอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น หากจะบรรยายมันออกมาโดยปราศจากความเท็จใดๆ แล้วล่ะก็ มันไม่ใช่ศึกตัดสิน และเดิมทีแล้วมันไม่ใช่แม้แต่การต่อสู้ด้วยซ้ำ
สิ่งที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่อจากนี้ คือการประหารชีวิตเพียงเท่านั้น
“…โทราคุ หนีไปซะ”
“เอ๊ะ”
เสียงของโซลเซียร่าสั่นเครือเล็กน้อย แค่นั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง จ้องมองไปยังศาสตราจารย์ราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“เพราะไม่มีสิ่งนั้นอยู่ พวกเราถึงได้มีโอกาสชนะ แต่ว่า ตอนนี้มัน…”
“โซลเซียร่า สิ่งนั้นเธอรู้ว่าเป็นอะไรเรอะ?”
โซลเซียร่าไม่ตอบ หรือว่าคงจะไม่อยากตอบกระมัง
เธอผู้ซึ่งผิดกับปกติ แสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน เคลื่อนไหวก่อนใครเพื่อน
“ฉันจะซื้อเวลาให้เอง รีบหนีไป!”
หนามแหลมจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมา ล้อมรอบลูเซียร่าไว้ พร้อมกันนั้น พลังเวทก็รวมตัวกันที่เคียวยักษ์ แล้วฟาดฟันลงไปยังส่วนหัว
หนามแหลมที่ลบล้างพลังพิเศษ กับการโจมตีอันทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ด้วยการฟันแบบรวมศูนย์นั้น แตกต่างไปจากท่าทีร้อนรนของเธอ เป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบ แต่ทว่า
“ถึงจะรู้ แต่ก็คงตอบไม่ได้สินะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถูกฆ่าด้วยสิ่งนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งแท้ๆ”
เคียวยักษ์ที่ฟาดฟันลงไปถูกหยุดไว้ด้วยแขนข้างเดียว และแล้วลูเซียร่าก็กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันงดงามจนน่าหลงใหลว่า
“พอเธอไร้การป้องกัน ฉันก็เชื่อมั่นอยู่แล้วล่ะ”
“อึ่ก ร-ร่างกาย…”
วินาทีถัดมา เคียวยักษ์ก็ร่วงหลุดจากมือโซลเซียร่า หนามแหลมรอบๆ สลายหายไป โซลเซียร่าเผยร่างออกมาต่อหน้าลูเซียร่าราวกับตุ๊กตาที่เชือกขาด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ยังคงส่องประกายแห่งความเป็นปฏิปักษ์อยู่ แต่บัดนี้เธอไม่มีหนทางที่จะต่อต้านได้เหลืออยู่แล้ว
“ดวงตาคู่นั้น เคยเห็นมาก่อนเลยนะ หรือว่าจะเป็นผู้แสวงหาจริงๆ สินะ ภูตผีแห่งอดีตที่ยอมตายเพื่ออุดมคติ มาขัดขวางฉันเอาป่านนี้งั้นเหรอ”
“ลู-เซียร่า”
“อา น่าเศร้าจริงๆ นะ ระหว่างเธอกับฉัน บัดนี้กลับมีระยะห่างเกิดขึ้นมากถึงเพียงนี้แล้ว”
ลูเซียร่าค่อยๆ ยื่นมือออกไป แขนเรียวขาว สัมผัสเข้ากับลำคอของโซลเซียร่าอย่างอ่อนโยน แต่แล้วก็บีบแน่นขึ้น
“แค่ก อ่า…”
“หรือว่า จะต้องฆ่าทิ้งด้วยมือคู่นี้จริงๆ สินะ ไม่งั้น คงจะวางใจไม่ได้——”
“เฮ้ย ผิดสัญญาไม่ใช่เรอะ”
ดาบจักรกลพุ่งออกมาอยู่เบื้องหน้าลูเซียร่า ลูเซียร่าเหลือบมองไปยังดาบนั้น ก็เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของเนมเลส
“เด็กคนนี้ฉันขอ นั่นคือสัญญาไม่ใช่เหรอ ต่อให้เป็นแก แต่ถ้าฆ่าเธอไปล่ะก็… รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครกันนะที่อุตส่าห์ปูทางมาให้ถึงขนาดนี้”
“…อา ใช่แล้วสินะ สัญญาก็ต้องรักษา ขอโทษทีนะเนมเลส ฉันฉันนี่มันจริงๆ เลยนะ) เผลอเลือดขึ้นหน้าไปหน่อย เด็กสาวตัวเล็กๆ คนเดียวคนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันในตอนนี้อยู่แล้วแท้ๆ”
พูดจบ ลูเซียร่าก็โยนโซลเซียร่าทิ้งไป โซลเซียร่ากระแทกเข้ากับลิ่มโดยตรงโดยไม่มีการต่อต้าน แล้วร่วงหล่นลงสู่พื้นดินอย่างง่ายดาย
เนมเลสเห็นภาพนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
“ทำอะไรกับโซลเซียร่าของฉันน่ะ!”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้ามีสมัญญาแห่งอุดมคติ ล่ะก็ แค่นั้นไม่ตายหรอกน่า แล้วก็ ถ้าเกิดตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ขึ้นมาเธอก็จะช่วยไม่ใช่รึไง? งั้นก็ดีแล้วนี่นา เรื่องสำคัญกว่านั้นคือพวกเรามีสิ่งที่ต้องทำอยู่”
ลูเซียร่ากล่าวเช่นนั้น พลางมองไปยังนักดาบคนหนึ่งที่ยืนตั้งท่าอยู่ด้วยลมหายใจอันหนักหน่วง ดาบที่อยู่ในฝักนั้น ดูเหมือนจะกำลังรอคอยเวลาที่จะถูกชักออกมาอยู่
“ลูทร่านั่นอันตรายนะ ต้องรีบฆ่าผู้ทำสัญญาซะก่อนที่จะทำอะไรได้”
“…เข้าใจแล้ว จะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้แหละ”
เนมเลสพยักหน้า แล้วสร้างเปลวเพลิงและกบจำนวนมากออกมา จากนั้นก็กางปืนใหญ่หนักล้อมรอบโทราคุไว้
“งานนี้ฉันขอเอง”
“อา ฝากด้วยนะเนมเลส พลังนี้น่ะ ยังไม่สมบูรณ์แบบนี่นา”
ลูเซียร่ายิ้มให้ เนมเลสตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “เห~ งั้นเหรอ” แล้วดีดนิ้ว ทันใดนั้น การโจมตีทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่โทราคุพร้อมกัน
แต่ทว่าโทราคุ กลับหลับตาลงโดยไม่แม้แต่จะมองการโจมตีเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย รับรู้ถึงลมหายใจของตนเอง
“——โฮชิคิริ บัตโต”
พร้อมกับคำพูดนั้นซึ่งเป็นไกปืนสุดท้าย พายุแห่งคมดาบก็พัดกระหน่ำไปทั่วบริเวณ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกตัดขาดและสับละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ท่ามกลางพายุนั้น โทราคุเงยหน้ามองฟ้า ปลายดาบชี้ไปยังสัตว์ประหลาดตนนั้นที่ส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาว
“ลูทร่า 10 ดาบ”
พร้อมกับคำประกาศนั้น พายุก็เริ่มเคลื่อนที่ การตัดขาดเข้าถาโถมโดยมีโทราคุเป็นศูนย์กลาง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นมโนทัศน์ใดๆ ก็ตาม กลายเป็นผุยผงไป
“เนมเลส ถอยไปก่อน”
“ค่า ค่า ที่เหลือฝากด้วยนะ~ ฉันจะไปดูโซลเซียร่าเอง”
ทันทีที่เนมเลสหายตัวไป โทราคุก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าลูเซียร่า หนึ่งดาบ ดาบที่แทงออกไปถูกดาบสีเงินปัดป้องไว้ ไม่ขยับเขยื้อนไปจากที่เดิมแม้แต่น้อย สองดาบ โทราคุใช้แรงที่ถูกปัดป้องนั้นหมุนตัว ฟันออกไปในแนวนอน แต่ก็ถูกดาบสีเงินรับไว้ได้ สามดาบ แสงสว่างที่เข้าสู่ครรลองสายตาของลูเซียร่าถูกตัดขาด ทัศนียภาพถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด การโจมตีที่เล็งไปที่ลำคอจากด้านหลังนั้น ถูกหยุดไว้ด้วยมือเปล่าราวกับรู้ทัน สี่ดาบ เคลื่อนที่อีกครั้ง ฟาดดาบลงมาจากเหนือศีรษะของลูเซียร่า แต่ก็ไปไม่ถึงตัวเธอ ห้าดาบ ถ้างั้นก็รวมพายุแห่งคมดาบเข้าโจมตี แต่ผิวขาวเนียนของเธอก็ไม่ปรากฏรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย หกดาบ เจ็ดดาบ แปดดาบ——
“อึ๊!”
การโจมตีที่ฟาดฟันออกไป ทั้งหมดล้วนเป็นท่าไม้ตายและอาจถึงแก่ชีวิตได้ โทราคุโจมตีต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความมั่นใจว่าจะจัดการได้แน่ แต่ไม่มีดาบไหนเลยที่ไปถึงตัวลูเซียร่าได้
『โทราคุ ไม่ได้ผลหรอก ไม่เห็นภาพที่จะชนะได้เลยแม้แต่น้อย การคำนวณเกิดข้อผิดพลาดแล้ว』
“เรื่องนั้นรู้แล้วน่า!”
เก้าดาบ เขาเก็บดาบเข้าฝัก แล้วหลังจากผ่อนคลายชั่วครู่ ก็ชักดาบออกมาด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับแสง ดาบอิไอที่เขาถนัดที่สุด คมกริบยิ่งกว่าการโจมตีใดๆ ที่ผ่านมา พุ่งเข้าใส่ลูเซียร่า——
“พอได้แล้วน่า เธอไม่มีทางชนะฉันได้หรอกนะ เพราะว่า ฉันเชื่อมั่นเช่นนั้นยังไงล่ะ”
ดาบ หยุดลงที่ปลายคอ ลูเซียร่าไม่ได้ทำอะไรเลย หากยื่นแขนออกไปตอนนี้ ก็คงจะสามารถตัดหลอดลมของเธอได้แน่ๆ
แต่ว่า ทำไม่ได้ มีเพียงอย่างเดียว เพราะลูเซียร่าเชื่อมั่นเช่นนั้น เขาจึงไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่จะทำอันตรายเธอได้เลย
(อึ่ก ถ้างั้นมโนทัศน์ที่พันธนาการตัวฉันไว้นี่——)
“ใกล้จะหมดเวลาแล้วล่ะนะ ขอบคุณนะ ผู้ทำสัญญาของลูทร่า”
เสียงอันอ่อนโยน แรงกระแทกที่ทะลวงอก เลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาคือของตนเอง เข้าใจได้ในทันที
“แค่ก”
สีแดงที่ย้อมปลายดาบสีเงินบริสุทธิ์ของลูเซียร่า หยดลงมา ณ ที่แห่งนี้ คำว่าแพ้ชนะคงไม่เหมาะสม เพราะมันไม่ใช่แม้แต่การต่อสู้ตั้งแต่แรกแล้ว
『โทราคุ!』
โทราคุคืนสติกลับมาเพราะเสียงของคู่หู กำดาบแน่นขึ้น
“ล-ลูทร่า หนึ่งดาบ”
พร้อมกับเสียงตัดขาด โทราคุหายตัวไปจากเบื้องหน้าลูเซียร่า โทราคุที่เคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ห่างออกไปเล็กน้อย ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งโดยใช้ดาบยาวค้ำยันไว้
“อึ่ก…”
『โทราคุ ถอยกันเถอะ สถานการณ์นี้แย่แน่ๆ 』
“แต่ว่า คนคนนั้น… โซลเซียร่าจะเป็นยังไง”
โทราคุมองไปที่ลิ่ม โซลเซียร่ายังคงล้มลงอยู่ตรงนั้น
“ลูทร่า ไปกันเถอะ”
『ไม่ได้นะ โทราคุ หนีกันเถอะ!』
โทราคุเมินเสียงของคู่หู ลุกขึ้นยืน ทัศนียภาพสูญเสียสีสันไปแล้ว สติเลือนรางเต็มที ถึงกระนั้นก็ยังตั้งท่าดาบ เงยหน้ามองฟ้า
“อีกครั้งหนึ่ง โฮชิคิริ——”
เขา ได้ใช้ชีวิตจนหมดสิ้นลง ณ ที่แห่งนั้นแล้ว
ลูทร่าที่กลับคืนร่างมนุษย์ รับร่างโทราคุที่ล้มลงมาข้างหน้าไว้
“โทราคุ!”
ย่อมไม่มีเสียงตอบกลับอยู่แล้ว เพราะเขาตายไปแล้วนี่นา
อุณหภูมิค่อยๆ เลือนหายไป ชีวิตดับสิ้นลง ลูทร่าเรียกชื่อนั้นซ้ำๆ ราวกับจะปฏิเสธมัน
“โทราคุ ไม่ได้นะ ตายไม่ได้นะ! เพราะมีเธออยู่ ฉันถึงมาได้ถึงขนาดนี้นะ…!”
แตกต่างจากปกติ ลูทร่าเกาะกุมร่างโทราคุไว้ เผยอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“…ไม่เอา ไม่เอาแล้ว อยู่คนเดียวไม่เอาแล้วนะ”
“——ใบหน้าร้องไห้ของเธอน่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นนะ”
ศีรษะของลูทร่าถูกลูบอย่างอ่อนโยน พอได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมานั้น ลูทร่าก็เงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“โซลเซียร่า?”
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้น่า คิดว่าฉันจะแพ้แค่ระดับนั้นจริงๆ เหรอ?”
ลูทร่า มองไปยังทิศทางของลิ่ม ตรงนั้นคือร่างของเนมเลสที่กำลังมองหาโซลเซียร่าอยู่พลางเอียงคอไปมา
“หึหึ เธอน่ะร้องไห้แบบนั้นเป็นด้วยสินะ”
“โซลเซียร่า โทราคุเขาตายไปแล้ว”
“อ่า รู้แล้วล่ะ… ให้ตายสิ รู้สึกเหมือนเวลาที่ฉันซื้อให้มันสูญเปล่าไปเลยนะ”
โซลเซียร่าพูดแล้วหยิบอัญมณีสีแดงออกมาจากมิติส่วนขยาย แล้วยัดใส่มือโทราคุ
“เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว… ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ อยากจะประดาบกับเธออย่างจริงจังสักครั้งหนึ่งนะ โทราคุ”
โซลเซียร่าลูบหัวโทราคุครั้งหนึ่ง ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เงยหน้ามองลูเซียร่าด้วยมือที่ถือเคียวยักษ์ไว้
“เอาล่ะ ยังเร็วเกินไปที่จะปิดม่านไม่ใช่เหรอ?”
“สมกับเป็นสมัญญาแห่งอุดมคติ ความดื้อด้านนั่นยังคงอยู่สินะ”
“หึหึ แค่จินตนาการว่าใบหน้านั่นจะบิดเบี้ยวไปแบบไหนก็ทำให้ใจเต้นแรงแล้วล่ะค่ะ”
โซลเซียร่ายังคงยิ้มอย่างท้าทายเช่นเคย แล้วกำหมัดขึ้นมาไว้ตรงหน้าอก หลับตาลง ก่อนจะกระซิบออกมาเบาๆ ว่า
“ดาราคู่ จงปรากฏ ณ ที่นี้”
ทันใดนั้น วงเวทที่ไม่เสถียรก็ปรากฏขึ้นแทบเท้าเธอ มันสั่นไหวไปมา กะพริบแสง ก่อนจะสร้างร่างของเด็กสาวคนหนึ่งขึ้นมา หมายเลข 0——เด็กสาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเธอราวกับแกะ รีบเข้ามากอดโซลเซียร่าทันที
“ในที่สุดก็เรียกสักทีนะ มาสเตอร์! อา ถึงขนาดต้องกลายเป็นสภาพนั้นก็ยังมีสิ่งที่อยากจะปกป้องอยู่งั้นสินะ ช่างเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ น่าเอ็นดู โง่เขลา บริสุทธิ์… น่าหลงใหล”
หมายเลข 0 ไล้นิ้วไปตามรอยแผลบนแก้มของโซลเซียร่า โซลเซียร่าตัวสั่นเล็กน้อย ทำให้อารมณ์ดีขึ้นไปอีกกระมัง เธอยกมุมปากขึ้นยิ้มแล้วอัญเชิญเคียวยักษ์ออกมา
“เอาล่ะ ฉันพร้อมจะสู้ได้ทุกเมื่อ จะให้ฆ่าตัวไหนดี? นกตัวนั้นรึ? ยัยผู้หญิงมีฮู้ดที่ทำตัวเป็นแฟนรึ? หรือว่า——พระผู้ช่วยให้รอดที่ตกยุคไปแล้วนั่น?”
“โฮ่ เธอคือไม้เท้าพยากรณ์ดวงดาวสินะ การที่ได้สนทนากับตัวเธอเองแบบนี้นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ”
“ใช่แล้วล่ะ มนุษย์ และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย”
หมายเลข 0 ตั้งท่าเคียวยักษ์ และในขณะที่กำลังจะพุ่งออกไปนั่นเอง โซลเซียร่าก็คว้าไหล่เธอไว้แล้วดึงกลับมา
“จะทำอะไรน่ะ มาสเตอร์”
โซลเซียร่าจ้องมองหมายเลข 0 ที่ดูไม่พอใจเขม็ง แล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า
“พาพวกโทราคุ ถอยทัพซะ”
“…หา?”
“นี่คือคำสั่ง ถ้าฉันยังเป็นผู้ทำสัญญาอยู่ล่ะก็ จงเชื่อฟังแต่โดยดีซะ”
หมายเลข 0 ขมวดคิ้วแล้วเอียงคอสงสัย
“เธอโง่รึเปล่า? ถ้าสู้ด้วยกันที่นี่ล่ะก็——”
“ขอร้องล่ะ… เธอคือความหวังสุดท้ายนะ”
หมายเลข 0 นิ่งเงียบไปกับคำพูดนั้น โซลเซียร่าไม่รอคำตอบ
เพราะรู้ดีว่าไม่มีเวลาเหลืออยู่อีกแล้ว
“ที่เหลือฝากด้วยนะ หมายเลข 0”
“พูดจาไร้สาระ——”
ทันทีที่หมายเลข 0 กำลังจะเอ่ยคำตำหนิออกมากับการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวเกินไปนั้นเอง
“มัวแต่มองไปทางไหนอยู่ยะ? ต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จสิ——ทาทาริ”
“อ๊ะอ๋า รู้ทันแล้วเหรอค้า~”
เสียงดังขึ้น โทราคุที่ควรจะอยู่ในอ้อมแขนของลูทร่าก็พลันถูกเงาเข้าห่อหุ้ม วินาทีถัดมา งูที่สร้างขึ้นจากเงาก็อ้าปากกว้าง กลืนกินทุกคนยกเว้นโซลเซียร่าหายไปในพริบตา
“ไว้เจอกันใหม่ถ้ายังมีชีวิตอยู่นะค้า~”
“ค่ะ ตอนนั้นจะขอเชิญไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาก็แล้วกัน”
ไม่มีบทสนทนาใดๆ ต่อจากนั้นอีกแล้ว เบื้องหลังโซลเซียร่าไม่มีใครอยู่อีกต่อไปแล้ว
เหลือเพียงเด็กสาวคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ณ ที่แห่งนั้น
“เดี๋ยวสิ ปล่อยให้หนีไปทำไมยะ!? ศาสตราจารย์ รีบๆ เชื่อใจให้มันดีๆ หน่อยสิ!”
เนมเลสที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองดูอยู่เฉยๆ กล่าวตำหนิลูเซียร่า ลูเซียร่าส่ายหน้าช้าๆ
“เปล่าประโยชน์น่า หากนั่นคืออุดมคติที่นางวาดฝันไว้ล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นอนาคตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว… ดูเหมือนว่า จะปลุกสมัญญาแห่งอุดมคติขึ้นมาในตอนใกล้ตายสินะ สมแล้วจริงๆ ผู้แสวงหา”
ลูเซียร่ากล่าวชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา ท่าทีที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสบายใจนั้น แสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว
“แต่ว่า จังหวะมันไม่ดีเลยนะ ใช้พลังเวทที่เก็บไว้สำหรับรักษาสภาพชีวิต ไปกับการปลุกสมัญญาโดยฝืนใจเสียแล้ว ค่าตอบแทนนั้น อีกไม่นานก็คงจะต้องจ่ายแล้วล่ะนะ”
เบื้องล่างสายตาของเธอ คือเด็กสาวคนหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ ผู้แพ้ที่นอนฟุบอยู่กับพื้น ปลายนิ้วเกี่ยวอยู่กับเคียวยักษ์เพียงเท่านั้น ราวกับกำลังจะตายลงในไม่ช้านี้
“ทั้งที่อุตส่าห์เดิมพันชีวิต เชื่อมโยงความหวังไว้แท้ๆ นะ หรือว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัวจนเกินไป หรือว่าเป็นพวกโรแมนติกกันแน่นะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเชื่อว่าเขาคนนั้นจะกลายเป็นวีรบุรุษแล้วช่วยโลกไว้ได้จริงๆ”
โซลเซียร่าไม่ตอบ เธอหลับตาลง หายใจอย่างรวยรินเจ็บปวด เสียงของลูเซียร่าคงจะไปไม่ถึงหูของเธอแล้วกระมัง
“งั้น มารับตัวไปก็แล้วกันนะ เนมเลส ฝากเชื่อมต่อกับลิ่มด้วย”
“ค่า ค่า ไว้ใจได้เลย… อ๊ะ โซลเซียร่าน่ะห้ามแตะนะ ฉันจะอุ้มไปเอง!”
“ฮ้า… โดนเกลียดเข้าอย่างจังเลยสินะ”
ลูเซียร่าถอนหายใจอย่างเสแสร้ง มองดูเนมเลส เธอกำลังอุ้มโซลเซียร่าขึ้นมา แล้วแบกไปยังลิ่มพลางคลี่ยิ้มออกมา
แล้ว เธอก็อุทิศร่างนั้นให้กับลิ่มราวกับเป็นเครื่องสังเวย
“จิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะ ได้เวลาทำงานแล้ว”
จิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะที่ดูตื่นเต้น กางวงเวทสีทองออกแล้วเชื่อมต่อเข้ากับลิ่ม ทันใดนั้น สิ่งที่เหมือนเมือกเหนียวหนืดสีดำทะมึนก็ยืดออกมาจากลิ่มราวกับกิ่งก้าน กลืนกินโซลเซียร่าในอ้อมแขนของเนมเลสเข้าไป
โซลเซียร่าที่ยังคงหมดสติอยู่ ถูกกลืนเข้าไปในลิ่มครึ่งตัว ถูกพันธนาการไว้ด้วยเมือกเหนียวหนืดสีดำราวกับผีเสื้อที่ติดใยแมงมุม เนมเลสเห็นภาพนั้นก็พยักหน้า
“ภาพลักษณ์ดูแย่สุดๆ แต่ว่า… เท่านี้ก็ไม่ตายแล้ว โอเค! ศาสตราจารย์ เท่านี้ก็ใช้ได้แล้วนะ มาเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของสัญญาทริมกันเถอะ”
“อา เข้าใจแล้ว… อ๊ะ เธอจะไม่ไปงั้นเหรอ?”
ลูเซียร่าสังเกตเห็นท่าทีของเนมเลสที่กำลังจะกลับไปที่ฐานทัพลับ
” แหม~ ไม่คิดเลยว่าจะปล่อยให้หมายเลข 0 หนีไปได้น่ะสิ จะขอไปจับตัวมาหน่อย”
“ให้ฉันช่วยไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ต่อจากนี้ไป คือการแข่งกับเวลาแล้วล่ะ ถ้าเธอไม่อยู่ข้างๆ ทริมแล้วแผนการล้มเหลวขึ้นมาจะทำยังไงกันเล่า”
“…จริงด้วยสินะ นั่นก็ใช่เหมือนกัน งั้น แล้วเจอกันนะ”
“ค่า ค่า~”
สิ้นคำพูดนั้น ทั้งสองฝ่ายก็หายตัวไป
สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือ โซลเซียร่าที่ถูกจองจำอยู่ในลิ่ม และจิเก็น เท็นเซย์ โนะ มิตามะที่บินวนอยู่รอบๆ ราวกับจะปกป้องเธอเท่านั้น
『เอาล่ะ ย้ายไปทางฝั่งไม้เท้าพยากรณ์ดวงดาวคุงกันเลย!』
『โอ้… มายลอร์ดเป็นนักแสดงจริงๆ สินะ』
MANGA DISCUSSION