ณ ส่วนที่ลึกที่สุดของอาเรียนร็อด ประธานกรรมการกำลังเฝ้ามองดวงดาว แสงจำนวนมากที่ฉายอยู่บนเพดานนั้น กำลังเต้นระริกราวกับมีชีวิต
ห้องที่มีโครงสร้างเหมือนท้องฟ้าจำลองแห่งนี้ เดิมทีแล้วถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้สังเกตการณ์โลกกระจกเงาและดันเจี้ยนที่ถือกำเนิดขึ้นจากมัน แต่ทว่า ประธานกรรมการกลับชื่นชอบในประกายแสงนั้นเอง หากมีเวลาว่าง เขาก็มักจะมานั่งเฝ้ามองประกายแสงที่ฉายอยู่บนท้องฟ้าจำลองแห่งนี้เสมอ
เวลาล่วงเลยผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว เขาเพิ่งจะทำงานกองเท่าภูเขาเสร็จสิ้นลงหมาดๆ
“มาสเตอร์คะ กาแฟได้แล้วค่ะ”
“ขอบใจนะ โซลฟี”
ประธานกรรมการรับกาแฟมา ดื่มด่ำกับกลิ่นหอม แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอีกครั้ง
“อีกไม่นาน ‘แผนการดาวประกายพรึก’ ก็จะสำเร็จลุล่วงแล้ว พวกเราจะสามารถเอาชนะเจตจำนงแห่งสวรรค์ได้หรือไม่นะ”
“การได้รับชัยชนะ คือภารกิจของพวกเราอยู่แล้วค่ะ”
โซลฟี กล่าวอย่างราบเรียบ ประธานกรรมการเห็นท่าทางนั้นก็เผยยิ้มออกมาจางๆ
“นั่นสินะ แรงค์ S ก็เพิ่มขึ้นแล้วด้วย และเหนือสิ่งอื่นใด ไม้เท้าพยากรณ์ดวงดาวก็เริ่มทำงานแล้ว ที่จริงแล้วทางสภาอยากจะควบคุมการเคลื่อนไหวอยู่หรอกนะ แต่แค่ยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นศัตรูก็ถือว่าดีแล้ว”
โซลเซียร่า คือตัวแปรที่ทำให้สภาปวดหัวมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะเธอทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ แค่เธอเข้ามาแทรกแซง สถานการณ์การรบก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ในเมื่อไม่มีแรงค์ S คนใดสามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของเธอได้ ก็คงต้องยอมรับแต่โดยดี
“สถาบันโฮชิกิเองก็ทำงานเป็นปกติ ข้อกังวลเพียงอย่างเดียวคือ”
“พวกเรากระมัง”
ผีเสื้อตัวหนึ่งโบยบินเข้ามาในขอบสายตา ผีเสื้อสีฟ้าตัวนั้นบินวนไปรอบๆ ตัวประธานกรรมการ ราวกับกำลังเต้นรำอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว
ประธานกรรมการเห็นภาพนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ถ้าติดต่อมาล่วงหน้าก็จะดีแท้ๆ จะได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติแท้ๆ”
“ของแบบนั้นไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่มีความคิดที่จะตีสนิทกับสภา”
ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ดอกเตอร์เดินเข้ามาใกล้ประธานกรรมการ โดยมีผีเสื้อนับไม่ถ้วนติดตามอยู่เบื้องหลัง
บรรยากาศในที่นั้นพลันเปลี่ยนไป กลายเป็นความตึงเครียด
“สนธิสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างสนธยาสีเงินกับสภา ขอยกเลิก ณ บัดนี้ เพราะ ‘แผนการดาวประกายพรึก’ ของพวกเธอ กับ ‘แผนการนาวา’ ของพวกเรา มันไปด้วยกันไม่ได้”
“แน่ใจแล้วเหรอ? ทางนี้มี ‘อาจารย์’ อยู่นะ ความน่าสะพรึงกลัวของเธอน่ะ พวกเธอน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่รึไง”
“ยัยผู้ทรยศนั่นอยู่ที่สถาบันโฮชิกิไม่ใช่รึไง? เปล่าประโยชน์หรอกน่า จัดการวางกลไกนิดหน่อยไม่ให้มาช่วยได้แล้วล่ะ”
พูดจบ ดอกเตอร์ก็ดีดนิ้ว ทันใดนั้น ส่วนหนึ่งของห้องก็เริ่มบิดเบี้ยวไป เด็กสาวคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา
“…เธอคือ?”
เด็กสาวตอบคำถามของประธานกรรมการด้วยใบหน้าภาคภูมิใจราวกับรอคอยเวลานี้มานานแล้ว
“โคโคโนเอะจัง ปรากฏตัว!!”
ผมสีขาวสยายไปตามแรงเคลื่อนไหว ในมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเอกสาร เด็กสาวผู้นั้นดูยังไงก็ไม่น่าจะเข้ากับสถานที่แห่งนี้ได้เลย
“คุณดอกเตอร์คะ คนคนนี้ โค่นทิ้งได้เลยใช่ไหม?”
“อื้อ ถ้าทำแบบนั้น แม่ของเธอก็คงจะดีใจล่ะนะ”
“จริงเหรอ!? ฮาจิโนมิยะ พยายามเข้านะ!”
พอโคโคโนเอะพูดเช่นนั้น ดวงตาก็ปรากฏขึ้นบนกระเป๋าเอกสารที่เธอถืออยู่
『จะพยายามเข้านะคะ! ——ระบบ: เปลี่ยนเข้าสู่โหมดต่อสู้』
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น กระเป๋าเอกสารในมือก็เริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มันเปลี่ยนรูปทรงและขยายขนาดซ้ำไปซ้ำมา จนในที่สุดสิ่งที่ปรากฏออกมาคือ เลื่อยยนต์ขนาดยักษ์ที่น่าจะใหญ่กว่าความสูงของโคโคโนเอะถึงสามเท่า
โคโคโนเอะเห็นดังนั้น ดวงตาก็เป็นประกายระยิบระยับ
“สุดยอด—! จะใช้เจ้านี่โค่นคนร้ายสินะ! สันติภาพของโลกที่ทุกคนอาศัยอยู่ ฉันจะปกป้องเอง—!”
โคโคโนเอะตั้งท่าเลื่อยยนต์ด้วยพละกำลังที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากร่างกายนั้นได้
“ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ หรือว่าจะเป็นสมาชิกใหม่ของสนธยาสีเงินงั้นเหรอ?”
“เธอคือโคโคโนเอะ หนึ่งในร่างทดลองของโคชิที่เธอเองก็รู้จักดีนั่นแหละ”
“โคชิ… หรือว่า เธอยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?”
“คำตอบนั้น เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
ดอกเตอร์พูดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองดวงดาวเหมือนที่ประธานกรรมการทำอยู่เมื่อครู่
“ช่างเป็นตำแหน่งที่ดีจริงๆ นะ มานั่งดูดาวอยู่แบบนี้เนี่ย”
“ความสงบในใจเป็นสิ่งจำเป็นเสมอแหละน่า ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม”
บัดนี้ รอบข้างถูกห้อมล้อมไว้ด้วย ‘ความตายที่ไม่อาจเลี่ยง’ แล้ว และตรงหน้าคือเด็กสาวที่ไม่มีข้อมูลใดๆ เลย
(ในข้อมูลของคุณทาทาริก็ไม่มี หรือว่าจะเป็นนักรบคนใหม่ที่โคชิสร้างขึ้นมาจริงๆ งั้นเหรอ?)
ประธานกรรมการผู้ซึ่งรู้จักโคชิเป็นอย่างดี เพราะเหตุนั้นเองจึงไม่อาจมีทางเลือกที่จะออมมือต่อหน้าเด็กสาวผู้นี้ได้เลย
“โซลฟี”
พอประธานกรรมการเอ่ยชื่อนั้น โซลฟีก็ก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เธอผู้ติดตามราวกับเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ตลอดมา กำลังรอคอยคำพูดต่อไปของประธานกรรมการอยู่
“มาทำสัญญากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้ทำมานานดีไหม ช่วยสู้เคียงข้างฉันอีกครั้งเถอะ”
“ค่ะ มาสเตอร์”
ทันใดนั้น ร่างของประธานกรรมการก็หลอมละลายลง ราวกับตุ๊กตาที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ บิดเบี้ยวไปครั้งหนึ่ง สีสันเลือนหายไป แต่ถึงกระนั้นก็กลับคืนสู่รูปร่างของมนุษย์อีกครั้ง
“——อย่างนี้นี่เอง ถ้าจะทำสัญญากับเธอในตอนนี้ รูปร่างนี้คือคำตอบที่ดีที่สุดสินะ”
เสียงของเด็กสาวดังออกมาจากร่างที่ควรจะเป็นผู้ชายเมื่อครู่ จากนั้น รูปร่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากปลายนิ้ว
ทั้งชุดสูทที่เขาใส่เป็นประจำ ทั้งผมสีดำที่จัดทรงไว้อย่างเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกปฏิเสธไปในชั่วพริบตา
“ช่างเป็นพลังที่น่ารังเกียจไม่เปลี่ยนเลยนะ ในฐานะความสามารถของมนุษย์เพียงคนเดียวที่ถูกเลือกโดย ‘สมัญญา’ ของโลกนี้ ไม่คิดว่ามันดูขาดความอลังการไปหน่อยเหรอ”
“ถึงอย่างนั้น ถ้าสามารถช่วยโลกไว้ได้ก็พอแล้วล่ะน่า นั่นคือภารกิจของฉัน ผู้ซึ่งถูกเลือกโดย ‘สมัญญาแห่งการแปรเปลี่ยน’ นี่นา”
ผมสีทองส่องประกายชัดเจนยิ่งขึ้นในห้องที่มืดสลัว ทั้งชุดเดรสสีแดงอันงดงาม ทั้งแขนขาเรียวยาว ทุกสิ่งทุกอย่างแตกต่างไปจากชายคนก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“นี่คือฉันในตอนนี้ ผู้ทำสัญญาที่เหมาะสมที่สุดตามทฤษฎีของโซลฟี”
เด็กสาวในชุดเดรสสีแดง——ประธานกรรมการ พูดแล้วยื่นมือไปยังโซลฟี
“มานี่สิ”
“ค่ะ มาสเตอร์”
ปลายนิ้วสัมผัสกัน ทันใดนั้น ร่างมนุษย์ของโซลฟีก็สลายหายไป ปรากฏขึ้นเป็นดาบตรงเล่มหนึ่งในมือของประธานกรรมการแทน
『ทำสัญญาเสร็จสิ้น เดมอนส์เกียร์ร่างสมบูรณ์หมายเลข 1 โซลฟี ณ บัดนี้ ขอเริ่มต้นแผนการดาวประกายพรึกโดยมีท่านเป็นผู้ทำสัญญาค่ะ』
“ขยันพูดจังเลยนะ ทุกครั้งเลย”
ประธานกรรมการยิ้มพลางตั้งดาบขึ้น ปลายดาบนั้นชี้ไปยังร่างของดอกเตอร์และโคโคโนเอะ
“โคโคโนเอะ ระวังตัวด้วย ถึงพวกเราจะไม่มีทางแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้านั่นก็น่ารำคาญไม่เปลี่ยนอยู่ดี”
“แข็งเเกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามีฉันกับฮาจิโนมิยะอยู่ล่ะก็!”
โคโคโนเอะปัดคำพูดของดอกเตอร์ทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพุ่งตัวออกไปทันที เลื่อยยนต์ส่งเสียงคำรามกึกก้อง พุ่งเข้าใส่ประธานกรรมการ
“ระวังเท้าด้วยนะ”
“เอ๊ะ——อูว๊า!?”
โคโคโนเอะถูกความรู้สึกเหมือนลอยคว้างเข้าจู่โจมอย่างกะทันหัน ลอยขึ้นไปแขวนอยู่บนเพดานในพริบตา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รากไม้หนาๆ ก็พันเข้าที่ขาของเธอไว้แล้ว
“น-นี่มันอะไรกันเนี่ย—!?”
『กำลังจะตัดให้เดี๋ยวนี้ค่ะ』
ใบเลื่อยของเลื่อยยนต์เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ตัดรากไม้นั้นขาด โคโคโนเอะร่วงหล่นลงมาหัวทิ่มกระแทกพื้นโดยไม่ได้ตั้งรับ แต่ก็ลุกขึ้นยืนได้โดยไม่มีท่าทีเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อกี้นี้อะไรน่ะ!? นี่ๆ คุณดอกเตอร์ มันคืออะไรเหรอ?”
“นั่นแหละคือพลังของยัยนั่น ผู้ใช้เดมอนส์เกียร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้เลยล่ะ”
ดอกเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเจ็บใจอยู่บ้าง โคโคโนเอะมองไปยังประธานกรรมการอีกครั้ง ดาบในมือของเธอเปลี่ยนเป็นคทาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“เดมอนส์เกียร์ร่างสมบูรณ์หมายเลขหนึ่ง เหตุผลในการดำรงอยู่คือการเฝ้าระวังและเสริมสมรรถนะ เฝ้าดูว่าเดมอนส์เกียร์อื่นๆ ทำงานถูกต้องหรือไม่ และหากจำเป็นก็จะทำหน้าที่แทนเดมอนส์เกียร์อื่นๆ ปัญหาคือจำเป็นต้องเปลี่ยนผู้ทำสัญญาตามบทบาทหน้าที่ แต่สำหรับประธานกรรมการแล้วไม่เกี่ยวกันเลย ไม่สิ สำหรับประธานกรรมการแล้ว น่าจะเป็นอาวุธที่ใช้งานได้สะดวกที่สุดเลยล่ะน่า”
“จริงอย่างที่ดอกเตอร์ว่านั่นแหละ โคโคโนเอะคุง ฉันน่ะแข็งเธอร่งมากๆ เลยนะ?”
“มู— ไม่ยอมแพ้หรอก!”
“งั้นเหรอ แต่ว่า นั่นก็เหมือนกันกับทางนี้เหมือนกันนะ”
คทาในมือเปลี่ยนรูปร่างไป หลังจากประกายแสงวาบขึ้นครั้งหนึ่ง ประธานกรรมการก็กำลังตั้งคันธนูอยู่
“กำหนดเป้าหมาย มนุษย์ในเขตศูนย์กลางของเมืองแห่งการศึกษา อารมณ์ 10%”
『แปลงเปลี่ยนอารมณ์เสร็จสิ้นค่ะ』
“ถอยไปซะโคโคโนเอะ”
“เอ๊ะ?”
ดอกเตอร์ลุกขึ้นยืน บังอยู่หน้าโคโคโนเอะ แล้วแผ่ ‘ความตายที่ไม่อาจเลี่ยง’ จำนวนมากออกมาตรงหน้า หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งวินาที แสงสว่างก็เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ
แสงสีแดงเข้มที่ถูกแปลงเปลี่ยนมาจากอารมณ์ สาดส่องไปทั่วห้อง เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างไป
“อ๊าาาาาาา! อะไรกันเนี่ย—!”
『โคโคโนเอะคะ ห้ามโผล่หัวออกมานะคะ โดนเจ้านั่นเข้าไปล่ะก็ต่อให้เป็นท่านก็จะเจ็บเจี๊ยบเลยนะคะ』
“แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก”
โคโคโนเอะหลบเข้าไปหลังเงาแห่งความตายที่ไม่อาจเลี่ยง แสงสีแดงเข้มยังคงกลืนกินพวกดอกเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็เจาะทะลุผนังเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่
ผนังชั้นบนสุดของอาเรียนร็อดถูกทำลาย เผยให้เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่แท้จริง ภายในห้องไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีกต่อไป ท่ามกลางสายลมที่พัดเข้ามา ประธานกรรมการตั้งท่าดาบใหญ่ พลางยิ้มให้เบาๆ
“ยังจะสู้อีกไหม?”
“แน่นอนสิ ไม่สิ ต้องบอกว่าของจริงเริ่มจากนี้ไปต่างหากล่ะน่าจะถูกกว่านะ”
“โฮ่ สมกับเป็นผู้ครอบครองสมัญญา มีความมั่นใจต่างกันจริงๆ โซลฟี ฟาดฟันครั้งเดียว”
เสียงบางอย่างถูกตัดขาดดังขึ้น ดูเหมือนประธานกรรมการจะไม่ได้ชักดาบใหญ่ออกมาเลยแม้แต่น้อย
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ
โดยปราศจากความเชื่อมโยงหรือกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น ศีรษะของโคโคโนเอะและดอกเตอร์ก็แยกออกจากลำตัวแล้ว
เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากคอ เป็นการประกาศถึงจุดจบในฐานะสิ่งมีชีวิต มันคือพลังอำนาจของลูทร่า ที่ตัดขาดชีวิตโดยตรง ในชั่วขณะนั้น ดอกเตอร์ได้ตายลงอย่างแน่นอนแล้ว แต่ทว่า
“พวกเราผู้ครอบครองสมัญญาน่ะตายไม่ได้ เธอเองก็รู้ไม่ใช่รึไง”
วินาทีถัดมา ดอกเตอร์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง เลือดสีแดงไหลออกมาจากลำคอ แต่เขากลับมองประธานกรรมการด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ข้างๆ กันนั้น โคโคโนเอะกำลังแตะคอตัวเองอย่างไม่สบายใจ
“คอยังติดอยู่ไหมเนี่ย? เมื่อกี้จู่ๆ ก็มืดไปหมด ตกใจเลย!”
“…เธอก็มีสมัญญาด้วยงั้นเหรอ?”
“เปล่า ทางนี้ไม่ใช่ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องบอกอะไรไปมากกว่านี้แล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง เตรียมตัวมาแล้วสินะ”
การต่อสู้ครั้งนี้ อยู่เหนือขอบเขตของมนุษย์ไปแล้ว สัตว์ประหลาดสองตนตรงหน้าเป็นอมตะ
ณ จุดนั้นเอง ก็เป็นการตัดสินแล้วว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่มีทางจบลงอย่างปกติได้
『โซลฟี ส่งสัญญาณฉุกเฉินถึงแรงค์ S ทุกคนเดี๋ยวนี้ โดยเฉพาะคุณโรคุฮาระกับคุณริวโกะ ต้องให้มาให้ได้』
ประธานกรรมการส่งความคิดไปยังโซลฟี แต่ทว่า คำตอบที่ได้รับกลับมาคือคำพูดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
『มาสเตอร์คะ ไม่สามารถติดต่อแรงค์ S ได้ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น อำนาจควบคุมทั้งหมดของอาเรียนร็อดถูกช่วงชิงไปแล้วค่ะ』
『อย่างนั้นเหรอคะ… อืมม เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าที่คาดไว้นะเนี่ย』
เมืองทั้งเมืองเงียบสงัดราวกับหลับใหล แม้แต่เมืองศูนย์กลางที่ควรจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟตลอดทั้งวันทั้งคืน ก็ยังถูกความมืดมิดเข้าปกคลุม
ไม่ต้องถามโซลฟีก็เข้าใจได้ ไม่ใช่แค่อาเรียนร็อด แต่อำนาจควบคุมทั้งเมืองได้ถูกใครบางคนช่วงชิงไปแล้ว
“เพิ่งจะสะสางงานของวันนี้เสร็จไปแท้ๆ …”
ประธานกรรมการถอนหายใจ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนตามปกติ แล้วก็สังเกตเห็น
ท้องฟ้าถูกบางสิ่งปกคลุมอยู่ สิ่งที่เหมือนรากไม้ หรือเส้นเลือด สีดำแดง ยืดขยายไปทั่วท้องฟ้า การกัดกร่อน คำนี้น่าจะเหมาะสมกระมัง
รากไม้ที่แผ่ขยายไปบนท้องฟ้านั้น ดูเหมือนจะทอดยาวต่อไปจนถึงเมืองแห่งการศึกษา
“นี่มัน…”
“——ตกใจไหมล่ะ ฉันตั้งใจจะให้เป็นเซอร์ไพรส์น่ะนะ เพราะเป็นเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยกันมานาน เลยอยากจะให้เธอได้เห็นในที่นั่งพิเศษสุดไงล่ะ ภาพที่โลกกำลังจะเปลี่ยนไปน่ะนะ”
หันกลับไปตามเสียงเด็กน้อย พอเห็นร่างนั้น ประธานกรรมการก็เบิกตากว้างเป็นครั้งแรก
“…โคชิ”
“ไง ฉันเองแหละ โคชิคนที่เธอออกคำสั่งฆ่าไปนั่นแหละ พอดีว่ายังมีเรื่องที่อยากจะทำกองเป็นภูเขาเลากาอยู่ ก็เลยอุตส่าห์คลานออกมาจากนรกได้ยังไงล่ะ จริงๆ แล้วฉันไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองหรอกนะ แต่เพราะอยากจะมาเจอหน้าคนคุ้นเคยเก่าๆ ก็เลยยอมขยับร่างอันหนักอึ้งมาน่ะ”
“โคชิ อย่าออกนอกพื้นที่รับผิดชอบสิ”
“เอาน่า ไม่เป็นไรหรอกน่าดอกเตอร์ งานทางนี้ก็เสร็จแล้วนี่นา จูคาระทำได้ดีมากเลย”
พูดจบ โคชิก็ลูบกล่องสีดำในมือ ใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมล้นด้วยความรักของมารดา
“ประธานกรรมการน่ะฉลาดแกลมโกงจะตายไป ถ้ามีแค่สองคนก็อาจจะหนีไปได้ เพราะงั้นถึงได้มาช่วยยังไงล่ะ โคโคโนเอะ มาทำลายความชั่วร้ายด้วยกันกับแม่เถอะ”
“อื้อ! สู้ด้วยกันกับคุณแม่—!”
เลื่อยยนต์ส่งเสียงคำรามกึกก้อง โคโคโนเอะจ้องมองประธานกรรมการด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างชัดเจนทั้งที่ใบหน้ายังคงไร้เดียงสาอยู่
(ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ น่าจะให้แรงค์ S มาเป็นองครักษ์ไว้ก่อนก็ดีนะ แย่จริง คราวหน้าคงต้องทำแบบนั้นแล้วล่ะมั้ง)
ด้านหน้าคือดอกเตอร์กับโคโคโนเอะ ด้านหลังคือโคชิ
เป็นสถานการณ์ที่เรียกได้ว่าเข้าตาจนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่า ประธานกรรมการกลับไม่ได้ร้อนรนอย่างที่คิด
(ถ้าศาสตราจารย์มาถึงที่นี่ด้วยล่ะก็คงจบสิ้นแล้ว การเตรียมพร้อมที่จะชนะคนนั้นยังไม่พร้อมเลย)
ศาสตราจารย์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แค่ข้อนั้นข้อเดียว ก็คือความหวังแล้ว รากไม้ปริศนาที่กัดกินเมืองแห่งการศึกษา และโคชิที่ฟื้นคืนชีพกลับมา
ณ จุดที่อาเรียนร็อดถูกยึดไป และตนเองถูกโจมตี ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ายเมืองแห่งการศึกษากำลังตกเป็นรอง แต่ถึงกระนั้น ประธานกรรมการก็ยังคงมองไปยังท้องฟ้า
อีกฟากหนึ่งของรากไม้ ยังคงมีดวงดาวที่ส่องประกายอยู่แน่นอน นั่นคือเหตุผลที่มากเกินพอแล้วที่ประธานกรรมการจะต่อสู้
“โซลฟี——อนุญาตให้เปลี่ยนร่างเป็น ‘โฮชิคาเงะ (เงาดารา) ‘”
ประธานกรรมการตัดสินใจใช้ไพ่ตายใบหนึ่งออกมาโดยไม่ลังเล โคชิขมวดคิ้วกับคำพูดของเธอ
“เปลี่ยนร่าง? โซลฟีไม่มีฟังก์ชันแบบนั้นนี่นา”
“อา ปิดเป็นความลับไว้น่ะนะ เพราะเดิมทีแล้ว อันนี้ตั้งใจจะเก็บไว้ใช้กับศาสตราจารย์น่ะสิ”
ดาบใหญ่หายไปจากมือ อาวุธห้าชิ้นปรากฏขึ้นลอยอยู่ด้านหลังเธอ
สิ่งที่นั่นหมายถึง ดอกเตอร์เข้าใจได้ในทันที
“…หรือว่า จะเสริมสมรรถนะเดมอนส์เกียร์ห้าเครื่องพร้อมกันงั้นเหรอ? ถ้าเรื่องแบบนั้นเป็นไปได้ล่ะก็ ตามทฤษฎีแล้วเธอคนเดียวก็สามารถทำแผนการดาวประกายพรึกให้สำเร็จลุล่วงได้เลยไม่ใช่เรอะ…!”
“ไม่มีพลังขนาดนั้นหรอกน่า สิ่งที่ฉันทำได้ ก็แค่คอยสนับสนุนพวกเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในตอนนี้จากในเงามืดก็เท่านั้นแหละ”
ประธานกรรมการชี้ไปยังโคชิและดอกเตอร์ทีละคนแล้วหัวเราะ
“ชัยชนะเป็นของมวลมนุษยชาติของพวกเราต่างหากล่ะ”
เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ในสถานการณ์เช่นนี้ ประธานกรรมการก็ยังคงไม่สงสัยในโลกอุดมคติของตนเองเลยแม้แต่น้อย
และนั่น ก็เหมือนกันกับทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้
“…ตกใจเหมือนกันนะ แต่แผนการไม่มีการเปลี่ยนแปลง จับกุมประธานกรรมการ ช่วงชิง’สมัญญา’มาซะ”
“ถ้าชนะก็พอแล้วสินะ!”
“สมกับเป็นลูกสาวที่ฉลาดของฉันจริงๆ ถูกต้องแล้ว ชนะก็พอแล้ว ถึงจะสับเป็นชิ้นๆ ไปบ้าง แต่ตราบใดที่ยังมีสมัญญาอยู่ก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อยู่ดี เพราะงั้นทุบตีได้โดยไม่ต้องเกรงใจเลย เอาล่ะ ฉันเองก็ขอร่วมวงด้วยหน่อยก็แล้วกันนะ ต้องแสดงฝีมือในฐานะแม่ให้เห็นซะหน่อย”
โคชิพูดแล้วหยิบหลอดฉีดยาอันหนึ่งออกมาจากด้านในเสื้อกาวน์ แล้วปักเข็มนั้นเข้าที่คอของตนเองโดยไม่ลังเล
“อ๋า… ความรู้สึกนี้หลังจากไม่ได้สัมผัสมานาน ทำเอาใจเต้นแรงอย่างไม่คาดคิดเลยแฮะ”
พอของเหลวข้างในถูกฉีดเข้าไปจนหมด ร่องรอยเดิมก็เลือนหายไปหมดสิ้น ที่ตรงนั้นคือโคชิที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอันดุร้าย
“พอคิดว่า ‘อยากจะฆ่าทิ้งแม่งเลย’ ขึ้นมาแล้ว ก็คงต้องฆ่าให้สมใจอยากสินะ ดูเหมือนว่า’สมัญญา’นี่มันจะไม่ยอมสงบลงง่ายๆ สินะ”
ประกายแสงอันวาววับสถิตอยู่ในดวงตา ที่เท้าของเธอมีสิ่งที่เหมือนหนามแหลมทำจากแก้วพันอยู่รอบๆ
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีไหมประธานกรรมการ!”
“รูปลักษณ์นั้นคือการลบหลู่ต่อ ‘เขาคนนั้น’ ไม่มีทางยกโทษให้ได้หรอกนะ”
ตั้งอาวุธขึ้น หรือกำหมัดแน่น ทุกคนต่างเคลื่อนไหวพร้อมกัน
ค่ำคืนที่ทุกสิ่งจะสิ้นสุดลง การต่อสู้ครั้งนั้นได้เริ่มต้นขึ้น ราวกับจะประกาศถึงการเปิดม่าน
MANGA DISCUSSION