ตอนที่127 : ทะเล แสงแดด และรีสอร์ทสุดหรู (15)
(TL : ผมแปลชื่อ ‘โอซามุ’ ผิด จริงๆแล้วคือ ‘ชู’ น่ะ ผมย้อนกลับไปแก้ตอนเก่าๆให้แล้ว แค่เขียนบอกไว้เผื่อคนอ่านวันต่อวันงงนะครับ)
“……เอาล่ะ งั้นไปหาพวกสาวๆกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำนั้น พวกผู้ชายก็เริ่มเตรียมตัวเข้าสู่สนามรบอย่างเงียบๆทีละคน
『โอ้ส!』『ฟู่ว~!』『กร๊อบๆ』 (เสียงหมุนคอ)
ราวกับเป็นฉากในหนังฮอลลีวูดตอนที่ทีมรวมตัวกันในไคลแม็กซ์ยังไงยังงั้น
“เรย์ยะก็มาด้วยแน่นอนใช่ไหมล่ะ?”
ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้น ชูก็หันมาถามผมเพื่อยืนยัน
“จะ-จะไม่เป็นไรเหรอ……? ทางนั้นอาจจะกำลังพักเหนื่อยอยู่ก็ได้นะ……”
“ไม่เป็นไรๆ ทางนั้นก็ต้องคิดว่าเราต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว แล้วก็อาซาฮิซังก็คงรออยู่ด้วย”
“ถ้าเป็นฮิคารุล่ะก็…… ถึงฉันอยู่คนเดียวตรงนี้ก็ดูยังไงๆอยู่ ไปก็ได้……”
“ดีเลย! งั้นไปกันเถอะ!”
“””โอ้ว!!”””
ณ จุดนี้เอง พวกผู้ชายที่ก่อนหน้านี้กระจัดกระจายก็รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวและมุ่งหน้าออกเดินทาง
“ว่าแต่ มีใครติดต่อให้พวกนั้นเปิดประตูรับพวกเรารึยัง?”
ระหว่างทางไปยังที่พักของพวกผู้หญิง (ซึ่งอยู่ข้างๆ นี่เอง) มีคนหนึ่งตั้งคำถามที่เรียบง่ายขึ้นมา
“ยังไม่ได้ติดต่อหรอก”
“เฮ้ๆ มาขนาดนี้แล้วถ้าเขาไม่เปิดให้เข้า จะทำยังไงล่ะ?”
“ไม่เป็นไร เราเตรียมของฝากไว้แล้ว ยังไงก็ต้องเปิดแน่นอน”
พูดจบ คนริเริ่มก็ชูถุงพลาสติกจากร้านขายของถูกชื่อดังขึ้นมาอย่างมั่นใจ
ในนั้นบรรจุด้วยขนมและอุปกรณ์จัดปาร์ตี้จำนวนมาก
ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเหยื่อล่อให้เปิดประตูให้
ระหว่างที่ผมยังสงสัยว่าแบบนี้มันจะได้ผลจริงเหรอ ก็เดินมาถึงประตูทางเข้าซะแล้ว
“เอาล่ะ! สู่แดนสวรรค์! จงเปิดออก เซซามิน!”
ด้วยความคึกที่ยังค้างจากปาร์ตี้ BBQ พวกเรากดกริ่งหน้าประตูอย่างมั่นใจ
『ฮัลโหล เวลาแบบนี้มีธุระอะไรเหรอ……?』
สักพักก็มีเสียงจากอินเตอร์คอมดังขึ้นมา เป็นเสียงที่ฟังดูเย็นชาเล็กน้อย
ถึงจะฟังไม่ชัดเพราะเสียงอู้อี้ แต่ดูเหมือนจะเป็นเสียงของมัตสึนางะซัง
“พวกเรามาเล่นน่ะ! เปิดให้เข้าเถอะ!”
『จะให้เข้าเหรอ? จะบุกเข้ามาในสวนลับของสาวๆแบบนี้ ก็ต้องมีของฝากดีๆติดมือมาด้วยสินะ?』
“แน่นอน! ดูนี่สิ!”
เขาชูถุงใส่กล้องอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน——
『ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้กลับไปได้เลย』
ยังไม่ทันจะเถียง เสียงอินเตอร์คอมก็ตัดไปทันที
“เดี๋ยวก่อนๆ! ไม่เห็นขนมพวกนี้รึไง!?”
เขาพยายามจะกดกริ่งอีกครั้งทั้งที่โดนเมิน
『ขนมเหรอ……?』
“ใช่! มีพัคกี้ บริทซ์…… คิโนโกะซิตี้ แล้วก็ทาเคโนะโคะทาวน์ด้วยนะ!”
『เฮ้อ… คิดจะบุกเข้ามาในแดนสาวมัธยมปลายแค่ด้วยขนมไม่กี่พันเยนเนี่ยนะ? อย่างน้อยก็ควรเอาคุกกี้พรีเมียมจากฮัปส์บวร์ก คิทเช่น ในกินซ่ามาด้วยสิ』
ผมแทบเห็นภาพพวกสาวๆด้านหลังที่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนั้น
“ฮะ-ฮัปส์……? เอ่อ……มีโปริงเกิ้ลรสซาวครีมออนเนี่ยนอยู่นะ!?”
『อ๊า~! ฉันชอบอันนั้น~! อยากกินอ่ะ~!』
『เซ็นริ เงียบไปเลย……!ยังไงแค่นั้นก็ไม่พอจะให้เข้าหรอก มีอย่างอื่นอีกไหม?』
เมื่อถูกมัตสึนางะซังถามแบบนั้น เขาก็หันมามองพวกเราเหมือนขอความช่วยเหลือ
“เอ่อ……มีไพ่……”
“ฝึกมายากลหายเหรียญมาเพื่อวันนี้เลยนะ……”
“มีแต่กล้ามที่ฝึกมาอย่างดี……”
『ตัดสิทธิ์ ×3』
ไม่ว่าใครจะเสนออะไรก็โดนปัดตกทั้งหมด
『เอาล่ะ คนต่อไป?』
น้ำเสียงนิ่งๆอย่างกับกำลังเรียกคนต่อไปขึ้นแท่นประหาร
“เฮ้อ……ไม่มีทางเลือกเลยนะ พวกนาย…… คราวนี้ถึงตาฉันเอง”
เมื่อทุกคนหมดไพ่ในมือ ชูในฐานะผู้นำก็เดินออกมาจากด้านหลัง
『โคะมิยะคุงเหรอ มีอะไรจะเสนอล่ะ?』
เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและจากบทบาทที่คอยนำมาตลอด ทุกคนก็คงฝากความหวังไว้กับเขา
“แค่เห็นก็น่าจะรู้แล้วมั้ง? ใหญ่มากจนเกือบเอามาไม่ได้เลยนะ……แต่สุดท้ายก็ฝืนเอามาจนได้”
『……ไม่เห็นมีอะไรเลยนะ?』
“นี่ๆ……เอาจริงเหรอ?”
『อะไรเหรอ? รีบพูดมาเลย』
เสียงฝั่งโน้นเริ่มสงสัย เพราะจากสายตาพวกเราก็ไม่เห็นว่าเขาถืออะไรอยู่เหมือนกัน
“ของที่ฉันเอามาคือ……”
ท่ามกลางสายตาสงสัยจากทั้งนอกและในที่พัก——
“คือความรักที่มีต่อฮารุนะยังไงล่ะ!!”
เสียงของเขาดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ
ทันใดนั้น ความเย็นยะเยือกปกคลุมไปทั่วจนลืมไปเลยว่านี่คือฤดูร้อนริมทะเล
『ชูคุง……』
“อ๊ะ ฮารุนะ! ได้ยินด้วยเหรอ? งั้นรีบเปิด——”
『นิสัยแบบนั้นของชูคุงน่ะ น่าอายจริงๆเลิกทำเถอะ……』
เสียงตอบกลับที่ไร้ความปราณีจากคนรัก ทำให้รู้สึกเหมือนมีเสียง ก๊องง ดังออกมาจากตัวชู
“เรย์ยะ……ส่งไม้ต่อที……”
เขาพูดแบบนั้นขณะเดินกลับมาอย่างหมดอาลัย และตบไหล่ผมเบาๆ
“จะให้ฉันสู้ต่อกะทันหันแบบนี้เลยมันก็……”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็เดินไปยืนหน้ากริ่งเหมือนคนอื่น
อาจเป็นนิสัยของเกมเมอร์ก็ได้ ที่เห็นประตูปิดแล้วอยากหาทางเปิด
『ต่อไป……คาเงยามะคุงสินะ เอาอะไรมาล่ะ?』
มัตสึนางะซังที่ยืนยันหน้าผมจากกล้อง พูดด้วยเสียงที่ดูมีอารมณ์ขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
อาจจะคาดหวังว่าผมจะเอาขนมอร่อยๆมาด้วยอีกแบบตอน BBQ ก็ได้……ขณะที่คิดแบบนั้น——
『อื้อ~! อื้อ~!』
ก็มีเสียงเหมือนคนพยายามส่งเสียงออกมาทั้งที่โดนปิดปากดังมาจากข้างหลังเธอ
“……เมื่อกี้เสียงอะไร?”
『เสียงอะไรเหรอ?』
“เหมือนเสียงอู้อี้…แบบคนโดนลักพาตัวกำลังขอความช่วยเหลือเลย……”
『อื้อ~! อื้อ~!』
“เห็นไหม มาอีกแล้ว”
มีเสียงประหลาดคล้ายเสียงรบกวนดังมาจากฝั่งโน้นที่ไม่ใช่เสียงของมัตสึนางะซัง
『อย่าสนใจเลย เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อความเป็นธรรมในการตัดสินเท่านั้นเอง』
“อ่าฮะ……”
『แล้ว ของที่นายจะเสนอคืออะไรเหรอ?』
โดนตัดบทและเข้าเรื่องทันที
“รอบนี้ไม่ใช่อาหารหรอกนะ……”
『อ่า……งั้นเหรอ……』
ทันทีที่ได้ยินว่าไม่ใช่อาหาร เสียงเธอก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด…แต่ผมยังมีไม้เด็ดอยู่
“Nintendo Stitch น่ะ……”
ผมหยิบเครื่องเกมพกพาออกมาจากกระเป๋าอย่างช้าๆ
『Stitch เหรอ……!』
『ดีไม่ใช่เหรอ? ถ้าเล่นด้วยกันทุกคนคงสนุกน่าดู』
『ฉันอยากเล่นอันนั้น! ที่มีตุ๊กตาตกลงมาอะ่!』
เมื่อเห็นไม้เด็ดของผม ฝั่งโน้นก็เริ่มคึกคักขึ้นอย่างชัดเจน
Nintendo ช่างน่าเกรงขามจริงๆ……!
ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง ใครก็แพ้ทางมันทั้งนั้น
ถ้ามีเอเลี่ยนเกมบุกโลก แล้วสั่งว่า “เอาเครื่องเกมที่ได้รับความรักที่สุดของดาวนี้มา” ผมก็จะยื่น Stitch ให้โดยไม่ลังเลเลย
『แล้วมันเล่นได้กี่คนเหรอ?』
“เกมที่เล่นได้พร้อมกันก็มีตั้งแต่ 4 ถึง 8 คนนะ”
『8 คนเหรอ……ก็ค่อนข้างเยอะอยู่นะ แต่ถ้ารวมผู้ชายด้วยก็มีตั้งยี่สิบคน——』
“ฉันเตรียมไว้แล้วล่ะ มีอีกเครื่องนึง”
ผมหยิบ Stitch อีกเครื่องออกมาจากกระเป๋าอย่างใจเย็น
『ดะ-เดี๋ยวก่อนนะ……』
มัตสึนางะซังรีบขอเวลาหายตัวกลับเข้าไปคุยกับพวกผู้หญิง
เพียงไม่กี่นาที——
『เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว』
『คาเงยามะคุง เข้ามาคนเดียวได้』
“เดี๋ยวก่อน! ให้พวกเราด้วยสิ!”
“ใช่แล้ว! ทำไมมีแต่คาเงยามะคนเดียวล่ะ!”
“แค่คนเดียวมันโกงเกินไปแล้ว! ขอคัดค้านฮาเร็ม!”
พวกผู้ชายพากันประท้วงอย่างทันที
『ตอนขอให้พวกนายช่วยทำบาร์บิคิว ก็ไม่เต็มใจ ตอนเล่นน้ำก็ปล่อยให้โคะมิยะคุงดูแลสาวๆแทน สุดท้ายก็อยากมาขโมยความดีความชอบของคนอื่นอย่างเดียว……โลกนี้ไม่ได้หอมหวานขนาดนั้นหรอกนะ』
ด้วยเหตุผลที่เถียงไม่ได้ของมัตสึนางะซัง พวกผู้ชายก็เงียบเป็นเป่าสาก
『เชิญเข้ามาเลย คาเงยามะคุง』
เสียง “แกร๊ก” ดังขึ้นจากประตูที่ถูกปลดล็อกจากด้านใน
แม้จะเคลียร์เควสต์แล้ว แต่——
พอหันกลับไป ทุกคนก็มองมาที่ผมด้วยสายตาเหมือนลูกหมาตกน้ำ
“เอ่อ……มัตสึนางะซัง?”
『อะไรเหรอ? จะไม่เข้ามาเหรอ? ถ้าเป็นคาเงยามะคุง พวกเรายินดีต้อนรับเลยนะ』
“ในเมื่อเป็นโอกาสพิเศษ……ถ้าเพื่อนคนอื่นๆได้เข้าด้วยก็ดีนะ……?”
ผมไม่ได้สนิทกับใครนอกจากชูด้วยซ้ำ แถมบางคนยังไม่เคยคุยกันเลย
แต่มาทิ้งพวกเขาไว้แบบนี้ มันก็รู้สึกไม่ดี อีกอย่างจะบุก “ด่านลับ” คนเดียวก็น่ากลัวเกินไป
“เกมน่ะ ถ้ามีคนเยอะก็สนุกมากกว่านี่นา……ว่าไหม?”
และที่สำคัญที่สุด เกมมันสนุกสุดก็ตรงที่ได้เล่นหลายคนพร้อมกันนี่แหละ
『เฮ้อ……รู้สึกเหมือนเข้าใจแล้วว่าทำไมฮิคารุถึงชอบนาย……』
เสียงพึมพำเบาๆหลุดออกมาจากมัตสึนางะซัง
『ก็ได้ ถ้าพวกผู้ชายสำนึกในบุญคุณของพวกเรากับคาเงยามะคุงล่ะก็……ก็เข้ามาได้』
แล้วในที่สุด พวกผู้ชายคนอื่นๆก็ได้รับความเมตตา
“……ก็อย่างที่ได้ยิน”
พอผมหันกลับไปดูพวกผู้ชายอีกครั้ง——
“””คาเงยามะซัง!! ขอบคุณมากครับ!!”””
พวกเขาก็โค้งศีรษะขอบคุณผมอย่างกับนักกีฬารุ่นพี่ในชมรมเลยทีเดียว
MANGA DISCUSSION