ตอนที่9 : ทำลายสมอง
ในวันศุกร์ที่ความรู้สึกหดหู่เริ่มจางลง เพราะอีกไม่นานวันหยุดยาวก็จะเริ่มต้นขึ้น
ผมและเพื่อนๆยังคงใช้เวลาพักกลางวันอย่างจืดชืดเหมือนเช่นเคย
“เรย์ยะคุง วันนี้เล่นเกมอะไรอยู่เหรอ?”
ช่วงกลางของเวลาพักกลางวัน ยูมะถามขึ้นมาโดยไม่คาดคิด
“วันนี้เล่น ‘Biobotopolis’ น่ะ”
(TL : คล้ายๆ Vampire Survival)
“หืม… เป็นเกมแบบไหนเหรอ?”
แม้จะฟังดูเหมือนสนใจ แต่จริงๆแล้วเขาก็แค่เล่นมือถือไปเรื่อยๆและหาเรื่องคุยเฉยๆมากกว่า ผมรู้ดีว่าไม่ว่าอธิบายไปแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางไปเล่นตามอยู่ดี
ถึงอย่างงั้น ในฐานะเกมเมอร์ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องลองอธิบายดู
“เกมนี้ให้เรานำสมองของสัตว์ทดลองมาต่อเข้ากับกระดูกสันหลังและอวัยวะภายในต่างๆแล้วใช้มันสู้กับศัตรูที่กรูกันเข้ามาไม่หยุด ตัวละครที่ใช้เล่นก็ดูประหลาดสุดๆ แถมตัวเกมก็ให้ประสบการณ์ที่เหมือนสมองของผู้เล่นจะถูกบดขยี้ไปด้วย”
“หืม… ฟังดูน่าขยะแขยงจังแฮะ…”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจจริงๆและรับฟังผ่านๆไป
แต่ก็ช่างเถอะ เพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ
การได้นั่งคุยเล่นกันในช่วงพักกลางวันแบบนี้ มันก็ถือเป็นช่วงเวลาของวัยรุ่นสำหรับพวกเราเหมือนกัน
“ว่าแต่ เกมนี้มีเวอร์ชันมือถือด้วยนะ ราคาถูกกว่าหมุนกาชาสองรอบอีก”
“อืม… ถ้าไม่มีตัวละครสาวน่ารักๆก็ไม่เอาดีกว่า…”
“บางทีอวัยวะที่เราใช้ในเกมอาจจะเคยเป็นของสาวน่ารักๆก็ได้นะ… ดูสิ หัวใจสีชมพูดวงนี้น่ะ—”
“อืม… แต่ก็ยังไม่เอาอยู่ดี…”
ในตอนที่ผมกับยูมะคุยเล่นกันเรื่อยเปื่อยนั้น—
“เฮ้ พวกนาย… มานี่แป๊บสิ… มีอะไรน่าสนใจให้ดู”
ฮายาโตะที่กำลังยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง เอ่ยเรียกเราด้วยเสียงแผ่วเบา
“อะไรของนาย… หรือว่าข้างหลังโรงเรียนมีอวัยวะระดับตำนานตกอยู่รึไง?”
“จะบ้าเหรอ…! เอาเป็นว่ามาดูก่อน แล้วจะเข้าใจเอง”
ผมกับยูมะขยับเข้าไปใกล้หน้าต่างตามคำชวนของฮายาโตะ
แล้วเมื่อมองตามสายตาที่เขากำลังจ้องอยู่—
“อ๊ะ นั่นมันอาซาฮิซังไม่ใช่เหรอ?”
ที่บริเวณด้านหลังอาคารเรียน ซึ่งปกติไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ผมเห็นเธอกำลังยืนอยู่ที่นั่น
และตรงหน้าเธอ มีเด็กผู้ชายอีกคนที่ผมไม่รู้จักยืนอยู่ด้วย
“แล้วอีกคนล่ะ ใครน่ะ?”
“สุกิทานิ จากห้อง A นักเบสบอลน่ะ”
ฮายาโตะตอบคำถามของยูมะแบบไม่มีสะดุดเลย
หมอนี่นี่รู้เรื่องของนักเรียนห้องอื่นเยอะดีแฮะ
หรือว่าจริงๆแล้วเป็นผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกันแน่…
“หืม… แต่แบบนี้ หรือว่า…”
“อืม เขากำลังสารภาพรักอยู่น่ะสิ”
เด็กหนุ่มผมสั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าอาซาฮิซัง ดูเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างด้วยท่าทางตื่นเต้น
ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงสนทนา แต่แค่ดูก็รู้ว่าเขากำลังพยายามสารภาพความรู้สึกของตัวเองออกไป
การเลือกสารภาพรักหลังอาคารเรียนแบบนี้ ดูเป็นสไตล์ที่คลาสสิกมาก
บางทีอาจเป็นเพราะใกล้วันหยุดยาวแล้ว เจ้าตัวเลยตั้งใจว่าต้องมีแฟนให้ได้ก่อนจะถึงวันหยุดแน่ๆ
ส่วนอาซาฮิซังดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว เธอเลยไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออารมณ์อะไรเป็นพิเศษ
เพียงแค่พยักหน้าตอบเป็นครั้งคราวให้กับคำพูดของอีกฝ่ายเท่านั้น
“ว่าไง พวกนายว่าเขาจะสมหวังมั้ย?”
“เลิกยุ่งเรื่องของคนอื่นเถอะ… มันดูแย่นะ”
ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่เผลอไปแอบดูเลยกลับไปนั่งที่เดิม
จะบอกว่าไม่สนใจก็คงโกหก แต่ก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปล้อเล่นเหมือนกัน
“แหมๆ~ คางายามะนี่เป็นคนดีจังเลยน้า ส่วนฉันขอดูให้จบละกัน ว่าจะโดนปฏิเสธมั้ย”
“แค่ได้กล้ายืนอยู่ตรงนั้น ถึงสุดท้ายจะถูกปฏิเสธก็ยังถือว่าดีกว่าพวกเราเยอะแล้วล่ะ”
ผมเปิดหน้าจอมือถือขึ้นมา แล้วเล่นเกมต่อ
บนจอ ตัวละครสมองของผมกำลังยิงกระสุนถล่มศัตรูอย่างต่อเนื่อง
“โห หมอนั่นพูดซะยาวเลย แสดงว่าจริงจังมากเลยนะ”
“สงสัยคงซ้อมพูดมาหลายรอบแน่ๆ แบบนี้อาซาฮิซังอาจจะหวั่นไหวก็ได้นะ?”
“อืม… แต่ก็ไม่แน่หรอก อย่าลืมว่านั่นคืออาซาฮิ ฮิคารุนะ สำหรับเธอแล้ว การถูกสารภาพรักอาจจะเป็นเรื่องปกติมากกว่าการที่พวกเราคุยกับผู้หญิงซะอีก”
ถึงจะเจ็บใจ แต่นั่นก็เป็นความจริง…
“จริงด้วย ฉันเคยได้ยินมาว่าเคยมีคนมาสารภาพรักกับเธอวันเดียวตั้งสามคนแน่ะ”
“ฉันได้ยินว่าเป็นสี่คนเลยนะ”
เสียงพูดคุยของสองคนนั้นดังเข้ามาในหูผม ทำให้รู้สึกเสียสมาธิจากเกมไปแวบนึง
แต่ถ้าจำไม่ผิด ผมเองก็เคยได้ยินมาว่าสถิติสูงสุดคือห้าคนภายในวันเดียว…
“อ๊ะ ดูเหมือนว่าช่วงเวลาแห่งการสารภาพรักจะจบลงแล้วนะ เขาก้มหัวแล้วก็ยื่นมือออกไปด้วยล่ะ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนทำแบบนั้นในชีวิตจริงเลย… แล้วผลลัพธ์จะเป็นยังไงกันนะ!?”
“คำตอบของอาซาฮิซังคือ…”
ยูมะลากเสียงเว้นช่วงยาวออกไป
ทั้งที่มันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับผมแท้ๆ แต่กลับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเฉยเลย
“อ๊า~ ไม่ได้สินะ~…”
ก้อนอากาศที่อัดแน่นอยู่ในปอดหลุดออกมาพร้อมกับคำพูดนั้น
“ปฏิเสธได้ลื่นไหลสุดๆ ตามด้วย ‘ถ้างั้นขอเป็นเพื่อนกันก่อน’ แล้วซ้ำด้วยการเดินจากไปทันทีแบบไม่ให้ความหวังอะไรเหลือเลย ถ้าไม่ใช่ฉันล่ะก็คงพลาดจังหวะนั้นไปแล้วนะ”
“ก็คงเป็นความใจดีในแบบของเธอที่ไม่อยากให้มีความหวังลมๆแล้งๆ… แต่แหม… ดูเขาห่อเหี่ยวสุดๆไปเลยแฮะ คงคิดไปถึงแผนเดตช่วงวันหยุดยาวไว้แล้วแน่ๆ ดูท่าจะทำใจไม่ได้นานเลยล่ะ”
“เพื่อเป็นเกียรติแก่ความพยายามของเขา อย่างน้อยพวกเราก็ควรยกย่องให้สมศักดิ์ศรี… ชิ้ง… ขอไว้อาลัย”
“คาราวะ… ขอแต่งตั้งฉายาว่า ‘ท่านนักรบผู้พ่ายแพ้แห่งสนามรัก’…”
ไอ้พวกนี้… พอเป็นเรื่องของคนอื่นก็ตั้งตัวเป็นผู้บรรยายสุดๆเลยนะ…
“แต่ว่า ปราการของอาซาฮิ ฮิคารุ ยังคงเหนียวแน่นสินะ… ปกติเธอเป็นมิตรกับทุกคนจนทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายๆ แต่พอเป็นเรื่องความรักแล้วกลับเป็นกำแพงเหล็กที่ไม่มีวันพังทลายเลย”
“สุดท้ายแล้ว คนแบบไหนกันนะที่จะสามารถโค่นป้อมปราการไร้เทียมทานนั้นลงได้นะ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ อย่างน้อยๆในโรงเรียนนี้คงไม่มีใครเหมาะสมพอหรอก ถ้าจะให้ว่ากันตามจริง คงต้องเป็นนายแบบสุดหล่อระดับประเทศถึงจะพอสมน้ำสมเนื้อกับเธอเองก็เป็นนางแบบเหมือนกัน”
“อืม… แต่ฉันว่าอาซาฮิซังไม่ใช่คนที่สนใจอะไรพวกนั้นเลยนะ ถ้าเอาแบบสมจริงล่ะก็ อาจจะเป็นลูกหมอที่เปิดคลินิกอยู่ แถมอยู่คอนโดหรู แล้วก็เป็นนักศึกษาแพทย์ชื่อดังก็ได้?”
“ถ้าจะวางแผนอนาคตขนาดนั้นตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายล่ะก็ มันจะเกินไปแล้วมั้ง… เอาเป็นว่า เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของโลกอีกใบที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราเลยก็แล้วกัน”
ใช่— ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม เธอคือดอกฟ้าที่อยู่สูงเกินจะเอื้อมถึง
แต่ถึงอย่างงั้น เธอคนนั้นกลับมาเล่นเกมที่บ้านผมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้ไม่มีทางรู้เรื่องนี้เลย
แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อ และยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลยด้วย
แถมพอไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ ก็น่าจะหมายความว่าเธอเองก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเหมือนกัน
ถ้าหากมีใครรู้เรื่องที่เราสองคนเล่นเกมด้วยกันขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
ต่อให้บอกว่าเป็นแค่เพื่อนเล่นเกมกันธรรมดาๆ ก็ตาม แต่คงหนีไม่พ้นสายตาอยากรู้อยากเห็นจากรอบข้างแน่ๆ
แค่จินตนาการถึงสถานการณ์นั้นก็รู้สึกแย่ขึ้นมาแล้ว
สุดท้าย ผมก็ไม่สามารถมีสมาธิกับเกมได้เลย เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่สองคนนั้นคุยกันอยู่
จนกระทั่งถึงเวลาต้องกลับเข้าห้องเรียน ตัวละครของผมในเกมก็ถูกจัดการจนไม่เหลือชิ้นดีไปเรียบร้อยแล้ว
MANGA DISCUSSION