ตอนที่69 : ลมกับไฟ
เกมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองคนถูกปล่อยลงจากเครื่องบินลงสู่สนามรบ
“เอาล่ะ คราวนี้เราลงที่ปลอดภัยหน่อย—”
“ตอนนี้ฉันกำลังจดจ่ออยู่ ช่วยเงียบๆหน่อย”
“ครับ…”
…น่ากลัวแฮะ
ผมเลยทำตามที่บอกและเงียบลง เพียงแค่นั่งดูพวกเธอเล่นกัน
หลังจากนั้น เมื่อจบเกมที่สองและสาม—
“อีกเกม!!”
เธอพูดแบบนั้น และถึงแม้ว่าฟ้าจะเริ่มมืด เธอก็ยังคงขอเล่นต่อไป
การได้เห็นฮิโนะ อายากะ เด็กเรียนดีอันดับหนึ่งของโรงเรียนในสภาพแบบนี้ อาจจะหายากยิ่งกว่าการสุ่มเจอ UR ในเกมมือถือเสียอีก
แต่ก็เริ่มเป็นห่วงเหมือนกันว่านี่อาจเป็นการหมกมุ่นในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไร
จากนั้น ในเกมที่ห้า
เธอเริ่มเล่นได้อย่างคล่องแคล่ว ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ทำไมอยู่ๆถึง…?
อย่าบอกนะว่าก่อนหน้านี้ที่เอาแต่ซ่อนอยู่ข้างหลังฮิคารุคือการสังเกตพฤติกรรมของคนอื่น…?
และเหมือนกับว่าข้อสันนิษฐานนี้จะเป็นจริง การเคลื่อนไหวของเธอยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ—
“เยสสส!!”
ในที่สุด เธอก็ได้คิลแรก แม้ว่าจะมีฮิคารุช่วยอยู่ก็ตาม
“อายากะ เก่งมาก!”
“ว้าว… ได้คิลแรกเร็วขนาดนี้ แสดงว่าคนหัวดีคงปรับตัวเข้ากับเกมได้เร็วสินะ”
ผมปรบมือเบาๆและพูดชื่นชมจากใจจริง
“แค่นี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก… ก็ยังไม่ได้ชนะเลยซะหน่อย…”
แม้ว่าเธอจะตอบกลับมาแบบไม่ใส่ใจ แต่สีหน้าของเธอดูมีความสุขอย่างชัดเจน แม้แต่จากมุมข้างก็ยังเห็นได้ว่าเธอกำลังพยายามกลั้นรอยยิ้ม
『สุโค่ย~~~!!』
เหมือนเสียงในใจเธอจะดังออกมาเลย
เธอหลงเสน่ห์ของเกมเข้าเต็มเปา
จากนั้น วงบีบของสนามรบก็แคบลงไปอีก ตอนนี้เหลือเพียง 4 ทีม
พอถึงช่วงนี้แล้ว ถ้าเปิดฉากยิงก่อนก็จะเสียเปรียบหนักมาก แม้แต่ฮิคารุก็ยังไม่กล้าบุกเข้าไปมั่วๆ
พวกเขาจึงต้องหาตำแหน่งที่ได้เปรียบและรอดูการเคลื่อนไหวของทีมอื่น
แล้วเมื่อลดจาก 4 ทีมเหลือ 3 ทีม ก็มีข้อความแจ้งการสังหารปรากฏขึ้น
ชื่อที่แสดงในนั้นคือ “NoobMaster69”
ฮิโนะซังที่กำลังจ้องหน้าจออยู่ ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเรื่องนี้แล้ว
ถ้าพ่ายแพ้อีกครั้ง ห้องนี้คงกลายเป็นทะเลเพลิงแน่นอน
ผมได้แต่ภาวนาให้พวกเธอชนะ แต่เทพีแห่งโชคไม่ได้ยิ้มให้พวกเขา
วงสุดท้ายขยับไปอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบอย่างท่วมท้นสำหรับทีมของ “NoobMaster69”
“อ่า… คราวนี้ดูท่าจะลำบากแฮะ…”
ฮิคารุกุมขมับกับความโชคร้ายนี้
แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่เฉยได้ เพราะพายุพลังงานที่กัดกินสนามรบกำลังคืบคลานเข้ามา
พวกเขารอจังหวะจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่ฮิคารุจะเป็นคนนำออกจากที่กำบัง
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างมหาศาล แต่ด้วยการเล็งเป้าที่แม่นยำและการควบคุมตัวละครที่เหนือชั้น เขาสามารถสังหารทีมหนึ่งได้ ขณะเดียวกันก็คอยกดดันทีมที่อยู่ในตำแหน่งได้เปรียบไปด้วย
ส่วนฮิโนะซังก็คอยยิงสนับสนุนจากด้านหลัง
สมแล้วที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานานขนาดนั้น
ผมยังรู้สึกอิจฉานิดๆที่พวกเธอเข้าขากันได้ดีขนาดนี้
“อ๊าา… โดนฆ่าแล้ว! อายากะ ฝากที่เหลือด้วย!!”
หลังจากลากสามคนลงไปด้วย ฮิคารุก็พ่ายแพ้ในที่สุด
ตอนนี้เหลือแค่ฮิโนะซัง กับศัตรูตัวฉกาจ “NoobMaster69” เท่านั้น
สนามรบหดเหลือแค่พื้นที่โล่งๆไม่มีที่กำบัง
ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสเท่ากัน แน่นอนว่าผู้เล่นใหม่อย่างฮิโนะซังย่อมเสียเปรียบด้านทักษะ
พอปืนกระบอกแรกยิงหมด ความแตกต่างของพลังชีวิตก็ยิ่งชัดเจน
ถ้าเปลี่ยนอาวุธเป็นกระบอกที่สองไปสู้กันตรงๆ เธอจะแพ้แน่ๆ
แต่แล้วผมก็สังเกตเห็นการกระทำแปลกๆของศัตรู
แทนที่จะเปลี่ยนปืนใหม่ “NoobMaster69” กลับเริ่มทำการรีโหลดปืนเก่าของเขา
ใช่แล้ว หมอนั่นอาศัยความได้เปรียบจนชะล่าใจ และยังพกสไนเปอร์ไรเฟิลที่ไร้ประโยชน์ในระยะประชิดติดตัวมาจนถึงช่วงท้ายเกม
นั่นหมายความว่า ครึ่งหนึ่งของช่องเก็บอาวุธของเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ในตอนที่ฮิโนะซังได้เปลี่ยนจากไรเฟิลเป็นลูกซองก่อนเริ่มการต่อสู้
เพราะเธอเชื่อว่า ฮิคารุจะช่วยสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาได้
ระยะเวลาของการรีโหลด กับ การเปลี่ยนอาวุธ
ความแตกต่างของสองสิ่งนี้ ทำให้ลูกซองของฮิโนะซังยิงออกมาก่อน
บนหน้าจอปรากฏข้อความ “VICTORY” ขนาดใหญ่
“อายากะ สุดย—”
“สุดยอดเลยนะฮิโนะซั—”
ก่อนที่ผมจะเอ่ยคำชมสำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมือใหม่ที่คว้าชัยชนะได้ในเกมที่ห้า—
“ฮ่าๆๆ!! สมน้ำหน้า!!”
ฮิโนะซังตะโกนใส่หน้าจอ
“เมื่อกี้แกกล้าดียังไง! เอานี่ไปกินซะไป!!”
เธอยิงกระสุนที่เหลือทั้งหมดใส่ศพของ “NoobMaster69” อย่างสะใจ
“อ๊าาา! รู้สึกดีชะมัด!! นี่แหละสุดยอดของการผ่อนคลาย!!”
พอเห็นเธอยิ้มเยาะด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ผมกับฮิคารุต่างพากันอึ้ง
เกมแนวแข่งขันมักเผยตัวตนที่แท้จริงของคนออกมาเสมอ
และสิ่งที่เราได้รู้ก็คือ ฮิโนะ อายากะ เป็นคนที่โคตรจะเจ้าคิดเจ้าแค้นและไม่ยอมแพ้ให้ใครง่ายๆ
“เอ้า ฮิคารุ! เล่นอีกเกม!!”
“อ่ะ อืม…”
…บางที คำพูดลอยๆของผมที่บอกให้เธอลองเล่นเพื่อผ่อนคลาย อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาลก็ได้
*****
หลังจากการสอบปลายภาคในวันศุกร์สุดสัปดาห์
“นี่เรย์ยะคุง… ไม่คิดหรอว่าการนำผลการสอบไปแปะประกาศหน้าชั้นเรียนทั้งโรงเรียนแบบนี้มันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง?”
ความรู้สึกของการจะได้หยุดพักช่วงฤดูร้อนเริ่มมาเยือนทั่วทั้งโรงเรียน ในตอนที่เรากำลังเดินไปตรวจผลการสอบ ยูมะที่เดินอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา
“ยอมรับมันซะ แล้วก็รับความจริงไปเถอะ”
“อ่า เรย์ยะคุงนี่ดูมั่นใจนะ คิดว่าจะได้คิดแนนดีหรอ?”
“ก็พอสมควรล่ะ”
“แหมๆ… ต่อจากเรื่องความรัก ก็ยังมาทิ้งฉันเรื่องเรียนอีกนะ…”
“อะไรล่ะนั่น…”
ผมพูดตอบไปแบบนั้น แต่จริงๆก็ต้องขอบคุณการเรียนกับฮิคารุที่ช่วยเอาไว้
“โย่ว พวกนายก็จะไปดูผลสอบปลายภาคเหมือนกันเหรอ?”
“อ๊ะ ฮายาโตะคุง ใช่ๆ ฉันว่าจะไปดูกับเรย์ยะคุง แล้วก็นั่งเศร้าไปด้วยกัน แต่เจ้านี่ดันหักหลังฉันซะได้”
“นี่ เป็นอะไรของนายเนี่ย… มาประชดกันตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วนะ…”
จากนั้นฮายาโตะก็มาสมทบ แล้วพวกเราก็ไปถึงจุดหมาย
ผลสอบถูกแปะไว้ทั่วบริเวณชั้นสองที่มีโต๊ะกลมกับเก้าอี้เรียงรายอยู่
เพื่อนร่วมชั้นจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อดูผลสอบแล้ว
พวกเราเลยกะว่าจะดูผลสอบจากตรงมุมเอา แต่หางตาก็หันไปเห็นฮิคารุกับคนอื่นๆอยู่ในกลุ่มผู้คนด้วย
“อ๊ะ เรย์ยะคุงก็มาดูด้วยเหรอ?”
“โอ๊ะ คาเงยามะคุงนี่นา! อรุณสวัสดิ์!”
ฮิคารุที่เห็นผมคนแรกทักทาย แล้วโอกาตะซังที่อยู่ข้างๆก็ทักทายผมด้วย
“อรุณสวัสดิ์”
“เอ๊ะ? เรย์ยะคุงรู้จักกับอาคาเนะด้วยเหรอ?”
“ใช่แล้ว พวกเราเป็นเพื่อนกัน! ใช่ไหม? คาเงยามะคุง”
“อ่า ใช่… เออ ใช่ เป็นเพื่อนกัน… รู้จักกันเมื่อไม่นานมานี้…”
ผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทำไมผมถึงพูดตะกุกตะกักก็ไม่รู้
“หืม…”
เพราะแบบนั้น เธอเลยมองผมด้วยสายตาเคลือบแคลงปนหึง
“ฮิ… ฮิโนะซังก็อรุณสวัสดิ์…”
ผมพยายามแก้ตัวโดยทักทายฮิโนะซัง แต่พอเห็นหน้าเธอที่หันมา ผมก็ตกใจ
ตามปกติที่เธอเป็นสาวลุคสง่างาม ในตอนนี้ใต้ตาของเธอมีรอยคล้ำขนาดใหญ่
“…อรุณสวัสดิ์”
เธอทักทายกลับด้วยเสียงอู้อี้เหมือนสีหน้า
ผมอึ้งเพราะไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วฮิคารุก็กระซิบข้างหูผม
“หลังจากนั้น เธอซื้อเครื่องเล่นเกมมาเล่นที่บ้านเองด้วย”
“…จริงดิ?”
“อืม เธอเล่นจนดึกทุกคืน เลยนอนไม่พอน่ะ”
พอฮิคารุบอก ผมก็มองหน้าฮิโนะซังอีกที เธอมีสีหน้าเหมือนผมสมัยยังห้าวเป้งเล่นเกมจนโต้รุ่งแล้วไปโรงเรียนวันจันทร์จริงๆ
การที่ฮิโนะ อายากะติดเกมหนักขนาดนี้ มันช็อกพอๆกับตอนที่รู้ว่าอาซาฮิ ฮิคารุเป็นเกมเมอร์เลย
แถมถ้าคะแนนสอบเธอต่ำลงเพราะเรื่องนี้ ผมคงต้องรับผิดชอบเต็มๆ
…แต่คิดไปคิดมา มันก็เป็นห่วงเกินเหตุ
พอผมดูผลสอบที่แปะไว้จากซ้ายไปขวา—
ชื่อของ “ฮิโนะ อายากะ” ก็เปล่งประกายเจิดจ้าในอันดับหนึ่งของวิชาภาษาญี่ปุ่นสมัยใหม่
แล้วเธอก็ได้ที่หนึ่งในวิชา
“ภาษาญี่ปุ่นโบราณ”
“ภาษาอังกฤษ”
“ประวัติศาสตร์โลก”
“พลเมือง”
“เคมี”
“ชีววิทยา”
“คหกรรม”
“สมกับเป็นฮิโนะซังจริงๆ…”
“ขอบคุณค่นพแต่ก็รู้สึกว่าคราวนี้ทำได้ดีเกินไปหน่อย”
แม้ว่าเธอจะได้คะแนนเหนือมนุษย์ เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีหยิ่งยโสเลย
ผมรู้สึกเหมือนโดนเทศนาว่าการที่เรียนไม่เข้าหัวเพราะเล่นเกมมันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ
“อ่า… ฉันสู้อายากะไม่ได้จริงๆ…”
“ไม่ๆ… ฮิคารุก็ได้อันดับต้นๆเกือบทุกวิชา แถมภาษาอังกฤษยังได้ที่หนึ่งร่วมด้วย เก่งมากๆแล้วนะ…”
“มู่ว… แล้วเรย์ยะคุงล่ะเป็นไงบ้าง?”
“ก็ดีในระดับนึงนะ… ในมาตรฐานของฉันเอง”
วิชาที่ผมดูมาทั้งหมดได้คะแนนเฉลี่ยขึ้นไปหมด แล้วก็ไม่มีอันดับสามหลักเลย
โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่ผมตั้งใจเป็นพิเศษ ผมได้อันดับ 30 กว่าๆซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของผม
แต่การต่อสู้ของสองคนที่เรียนด้วยกันมันไฮเลเวลเกินไป ผมเลยไม่กล้าดีใจเต็มที่
“สรุปคือผลของการรวมกลุ่มติวมันออกมาแล้วใช่ไหม?”
“อื้อ ขอบคุณมากนะ”
“…งั้น พรุ่งนี้พวกเราก็ไปเดทกันสองต่อสองได้ตามปกติแล้วสินะ”
เธอหน้าแดงเล็กน้อยแล้วกระซิบข้างหูผมเบาๆไม่ให้คนอื่นได้ยิน
…ผู้หญิงนี่สุดยอดจริงๆ
แค่คำพูดแค่นั้นก็ทำให้ผมเกือบลืมไปเลยว่าอยู่ที่โรงเรียน แล้วสวิตช์แปลกๆในตัวผมก็เกือบทำงานไปแล้ว
“ว้า… กลับบ้านไปมีหวังโดนตีด้วยไม้เรียวแหงเลย…”
“รอดเรียนซ่อมไปหวุดหวิดเลย! เย้!!”
อีกด้านหนึ่ง ยูมะกับโอกาตะซังก็ดูผลสอบของตัวเองแล้วแสดงความรู้สึกออกมา
“…เอ่อ มันก็ขึ้นอยู่กับผลสอบคณิตศาสตร์อันสุดท้ายด้วยแหละ”
“คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ไม่ถนัดที่สุดใช่ไหม?”
“อืม ถ้าผลออกมาดี… ก็คงสบายใจได้”
พอคนเริ่มซาลง พวกเราก็ไปดูผลสอบคณิตศาสตร์เป็นวิชาสุดท้าย
วิชาที่ผมไม่ถนัดที่สุด
ถ้าได้อันดับสองหลัก ก็พูดได้เต็มปากว่าผลสอบออกมาดีจริงๆ
ผมรวบรวมความกล้า แล้วดูผลสอบจากข้างล่างขึ้นไปอย่างใจจดใจจ่อ
ผ่านเส้นคะแนนเฉลี่ย ผ่านเส้นอันดับสามหลัก แล้วก็เจอชื่อตัวเองที่อันดับ 70 กว่าๆ
ความดีใจค่อยๆไหลออกมาหลังจากที่โล่งใจไปแล้ว
ผมหันกลับไปขอบคุณสองคนที่ช่วยผม แต่—
“…เอ๊ะ? เป็นอะไรไปเหรอ?”
ฮิโนะซังมองกระดาษที่แปะอยู่ข้างบนสุดด้วยสายตาเหลือเชื่อ
ผมมองตามสายตาเธอ แล้วก็ได้เห็น—
‘คณิตศาสตร์ อันดับ 1 คาซามะ ฮายาโตะ อันดับ 2 ฮิโนะ อายากะ’
ตัวหนังสือที่แทบไม่อยากเชื่อสายตาถูกเขียนเรียงกันอยู่
“เอ๊ะ? ฮะ… ฮายาโตะได้ที่หนึ่ง… พิมพ์ผิดรึเปล่า?”
“ไม่ได้พิมพ์ผิดสักหน่อย หัดเชื่อใจเพื่อนตัวเองมากกว่านี้หน่อยสิเห้ย… แกน่ะ…”
พอผมงงกับชื่อเพื่อนที่เคยเรียนไม่เก่งที่ไม่มีทางอยู่ตรงนั้น ฮายาโตะก็พูดขึ้นมา
“มะ… ไม่ใช่แบบนั้น แต่แกได้ที่หนึ่งนี่หว่า… เก่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…”
ผมจำได้ว่าเขาเก่งที่สุดในพวกเราสามคน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างกันมาก
การที่เขาได้ที่หนึ่งวิชาคณิตศาสตร์ของทั้งชั้นแบบกะทันหัน มันน่าตกใจจริงๆ
แถมพอดูดีๆเขาก็ได้อันดับต้นๆ ในวิชาอื่นๆด้วย
“ถ้าฉันเอาจริงหน่อยก็ได้ประมาณนี้แหละ ไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้นสักหน่อย”
“ไม่ๆ มันน่าตกใจอยู่แล้วเห้ย… ก็แกได้ที่หนึ่งนะ มากกว่าฮิโนะซังอีก…”
“ถึงจะเหนือกว่าก็แค่วิชาเดียวก็เถอะ มันไม่ได้น่าภูมิใจขนาดนั้นสักหน่อย แล้วก็ แค่ชนะวิชาคณิตศาสตร์ของพวกที่อยากเรียนสายศิลป์เอง ตอนนี้ก็ยัง…”
ถึงคำพูดจะสวนทางกับสีหน้า แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงการท้าทายคนๆนึงอย่างชัดเจน
ผมคิดว่ามันไม่ดีแน่ๆเลยหันไปมองฮิโนะซัง…
และแน่นอน ฮิโนะ อายากะกำลังมีประกายไฟแห่งการไม่ยอมแพ้ในดวงตาของเธอ
ราวกับกับว่ามีไฟกองใหญ่ที่ลุกโชน กำลังถูกลมแรงพัดให้ลุกโหมกระหน่ำอยู่เลย…
MANGA DISCUSSION