ตอนที่67 : กลุ่มติว
หลังจากที่ไปเยี่ยมบ้านของฮิคารุเป็นครั้งแรก เวลาก็ผ่านไปอีกสักพัก และชีวิตนักเรียนก็ก้าวเข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคของเทอมแรก
วันเสาร์ที่ปกติแล้วจะเอาแต่เล่นเกมกับฮิคารุไปเรื่อยเปื่อย สัปดาห์นี้กลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้
ในเมื่อเคยพูดจาใหญ่โตใส่แม่ของฮิคารุไปขนาดนั้น แน่นอนว่าต้องแสดงผลลัพธ์ในด้านการเรียนให้เห็นด้วย
“ขอรบกวนหน่อยค่า~!”
“ยินดีต้อนรับ”
ผมเปิดประตูต้อนรับฮิคารุที่เดินเข้ามาในบ้าน
…และเพราะแบบนั้น วันนี้จึงกลายเป็นวันติวหนังสือในห้องของผม
แต่เดิมตั้งใจว่าจะติวกันแค่สองคนกับฮิคารุ แต่พอคำนึงถึงปัจจัยหลายๆอย่างแล้ว ก็เลยตัดสินใจชวนแขกพิเศษเพิ่มเข้ามาด้วย
“ขอรบกวนด้วยนะคะ ว้าว…อยู่คนเดียวจริงๆด้วยสินะ”
หลังจากฮิคารุ เด็กสาวอีกคน—ฮิโนะซัง—ก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นห้องของผู้ชาย จึงกวาดตามองไปรอบๆอย่างสนใจ
ถึงจะบอกว่าไม่มีอะไรน่าอายวางอยู่แถวนี้ก็เถอะ แต่ก็อดรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้
“เป็นห้องที่ดีใช่ไหมล่ะ? เชิญตามสบายเลยนะ”
“นั่นมันคำพูดของเจ้าของบ้านไม่ใช่รึไง?”
“ก็แหม~ นี่มันเหมือนห้องของฉันไปครึ่งนึงแล้วนี่นา”
คำพูดนั้นทำให้ฮิโนะซังถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างเหนื่อยหน่าย
เธอคงไม่คิดว่าฮิคารุจะไม่ได้แค่มีหมอนอิงกับผ้าห่มประจำตัวเท่านั้น แต่ยังมีของใช้ส่วนตัวอย่างแปรงสีฟันและผ้าขนหนูเก็บไว้ในห้องนี้อีกด้วย
“แต่ก็นะ ยังไงก็เชิญตามสบายได้เถอะ…”
“ไม่ได้นะ! นี่มันเวลาติวหนังสือ”
ไม่มีคำให้เถียงเลยแฮะ…
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้เจอกับสถานการณ์ที่มีผู้หญิงสองคนมานั่งติวหนังสือในห้องแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนยังเป็นสาวสวยระดับท็อปของโรงเรียน และหนึ่งในนั้นคือแฟนของผมเอง
ผมรีบสะกดความคิดฟุ้งซ่านเอาไว้แล้วเชิญทั้งสองคนเข้ามาในห้อง
จากนั้นเราทั้งสามก็นั่งล้อมโต๊ะ จัดวางหนังสือและเริ่มติวหนังสือกัน
จากที่ปกติเสียงที่ได้ยินในห้องนี้จะมีแต่เสียงกดคอนโทรลเลอร์กับคีย์บอร์ด แต่วันนี้มีเพียงแค่เสียงลากดินสอไปมาบนกระดาษเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ตอนติวกับฮายาโตะและยูมะ เราสามคนเป็นพวกไม่ตั้งใจเรียนกันหมด ก็เลยไม่ได้อะไรติดตัวมาเลย แต่ครั้งนี้ต่างออกไป
เพราะผทกำลังติวกับสองคนที่ได้คะแนนสูงสุดของโรงเรียน ประสิทธิภาพจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกที่สามารถตั้งสมาธิได้ขนาดนี้ ครั้งสุดท้ายก็คงเป็นตอนที่พยายามไต่แรงค์ขึ้นไดมอนด์ครั้งแรกนั่นแหละ
“เอ่อ…ฮิคารุ ตรงนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ช่วยอธิบายให้หน่อยได้ไหม?”
“อ่า…ตรงนี้สินะ~…”
พอเจอจุดที่ไม่เข้าใจผมก็หันไปขอให้ฮิคารุช่วยอธิบาย ซึ่งเธอก็อธิบายให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
“อ้อ~ งี้นี่เอง ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรจ้า”
“ฮิคารุนี่สอนเก่งกว่าที่คิดนะ เข้าใจเลยว่าต้องอธิบายยังไงให้ตรงจุด”
“เหรอ? ฉันว่าเรย์ยะคุงฉลาดต่างหาก ถึงเข้าใจได้ไว”
“ไม่หรอกๆฮิคารุต่างหากที่อธิบายเก่ง”
“เอ๋~ เรย์ยะคุงน่ะ…”
“ไม่ๆ ฮิคารุต่างหาก…”
ระหว่างที่เราสองคนผลัดกันชมอีกฝ่ายไปมาอยู่นั้น—
“……นี่ ฉันถูกเรียกมาทำไมกันนะ?”
อยู่ๆฮิโนะซังก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะน้อยใจ
“ระ…เรียกมาทำไมงั้นเหรอ…ก็เพราะเธอเป็นที่หนึ่งของโรงเรียนมาตั้งแต่ปีหนึ่งไง…เลยอยากให้ช่วยแบ่งปันความรู้ให้พวกเราบ้าง…”
“ใช่ๆ! เพราะมีอายากะอยู่ บรรยากาศก็เลยดูจริงจังขึ้นมาทันทีเลยไง!”
เราสองคนพยายามช่วยกันอธิบายเพื่อกลบเกลื่อนระยะห่างที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น
“หรือก็คือ…พออยู่กันแค่สองคนแล้วจะเอาแต่หวานกันจนไม่ได้ติว ก็เลยเรียกฉันมาเป็นผู้คุมสินะ?”
คำพูดที่เข้าเป้าตรงจุดทำให้พวกเราสองคนสะดุ้งจนตัวแข็งทื่อ
“…………………………ไม่ใช่หรอกมั้ง”
ฮิคารุเองก็ช่วยเสริมว่า “ใช่ๆ”
“อะไรล่ะ เมื่อกี้หยุดไปแป๊ปนึงหรอ?”
“คะ…คงเป็นเพราะระยะห่างมันมากไปหน่อยเลยส่งไปช้าเฉยๆ มั้ง…”
“อะไรน่ะ… ช่างเถอะ ถ้าพวกเธอเผลออู้ไปสวีทกันเมื่อไหร่ ฉันจะลงโทษทันทีเลยละกัน”
“ไม่ๆๆ วันนี้ตั้งใจติวจริงๆ เชื่อเถอะ!”
ฮิคารุที่นั่งข้างๆก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ
เรากลับมาตั้งหน้าตั้งตาเขียนโน้ตต่อ
แน่นอนว่าช่วงเวลากับฮิคารุเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเรียนเองก็ละเลยไม่ได้
“สิ่งนั้น” ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่ามันจะสำเร็จ และความเป็นไปได้ก็ไม่ได้สูงมากนัก
ดังนั้น การมี “ทางเลือกสำรอง” ไว้เยอะๆย่อมดีกว่า
ตั้งใจเรียนไว้แต่ตอนนี้แล้วพยายามเข้ามหาวิทยาลัยดีๆให้ได้ก็สำคัญเหมือนกัน
พวกเราเลยตั้งใจอ่านหนังสือต่อไปโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่ในใจ
“อ๊ะ! เรย์ยะคุง มีเศษคุกกี้ติดอยู่ตรงมุมปากนะ”
พอพักเสร็จและกำลังจะเริ่มติวต่อ ฮิคารุก็พูดขึ้นมา
“หืม? จริงเหรอ? ตรงไหนน่ะ?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเอาออกให้เอง”
นิ้วเรียวขาวของฮิคารุสัมผัสลงที่มุมปากของผม
“นี่ไง ติดอยู่ตรงนี้… อ้ำ~”
เธอหยิบเศษคุกกี้ขึ้นมา แล้วก็เอาเข้าปากไป
“อิอิ~… รสชาติของเรย์ยะคุงเลยล่ะ”
“มันเป็นรสชาติแบบไหนเหรอ?”
“อืม~… รสชาติของความสุขมั้ง?”
เมื่อได้เห็นฮิคารุหัวเราะอย่างไร้กังวล ผมก็ได้รับรู้ว่าความสุขมันมีรสชาติแบบนี้เอง――
“……เฮ้”
“ขอโทษค่ะ/ครับ!!”
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายนั้น การติวหนังสือก็ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น(?) จนกระทั่งเลยช่วงเที่ยงเข้าสู่ช่วงเย็น
“อืม~…! ขอสักพักเถอะ…”
ฮิคารุพูดขณะยืดตัวบิดขี้เกียจ
ดูเหมือนว่าฮิโนะซังเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอวางปากกาลงและเริ่มพักหายใจ
“ว่าแต่ ฮิโนะซังจะอยู่ถึงเมื่อไหร่เหรอ?”
“ทำไม? อยากให้ฉันกลับเร็วๆ จะได้หวานแหววกับฮิคารุตามลำพังเหรอ?”
ฮิโนะซังพูดพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย… แค่คิดว่าถ้ายังอยู่ต่ออีกหน่อย วันนี้เธอช่วยพวกเราตั้งเยอะ อย่างน้อยฉันก็น่าจะเลี้ยงข้าวเย็นเป็นการตอบแทน”
“อ๋อ แบบนั้นเองเหรอ… แต่ฉันก็ใช้ห้องของนายอยู่เหมือนกันนะ ไม่ต้องใส่ใจขนาดนั้นก็ได้”
“ก็ถือว่าเป็นศักดิ์ศรีเล็กๆน้อยๆของฉันก็แล้วกัน…”
“แล้วฮิคารุล่ะ? กินข้าวเย็นที่นี่ใช่ไหม?”
“อื้ม ตั้งใจว่าจะกินที่นี่แหละ”
…ดูจากแววตาแล้ว เหมือนฮิคารุกำลังคิดหาทางหลบสายตาฮิโนะซังเพื่อจะค้างคืนที่นี่ด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะยอมให้เลี้ยงก็แล้วกัน เพราะแต่เดิมก็ตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนฮิคารุจนกว่าเธอจะกลับอยู่แล้ว”
“งั้นก็จะสั่งจาก Ober นะ อยากกินอะไรก็เลือกได้เลย”
หลังจากนั้นแต่ละคนก็เลือกเมนูที่ตัวเองอยากกิน และผมก็เป็นคนจ่ายทั้งหมด
ไม่นานนัก อาหารที่สั่งก็ถูกส่งมา และทั้งสามคนก็นั่งล้อมโต๊ะเพื่อรับประทานมื้อเย็นร่วมกัน
“เอ้า~ อ้าม… อร่อยไหม?”
“…อืม เผ็ดนิดๆ แต่ก็อร่อยดี”
ผมเคี้ยวเนื้อไก่ที่ฮิคารุคีบมาป้อนให้ ก่อนจะกลืนลงคอ
“งั้นเอาอีกคำ!”
ผักชิ้นต่อไปถูกคีบส่งมาที่ปากผมอีกครั้ง
รู้สึกเหมือนเป็นลูกนกที่ถูกแม่นกป้อนอาหารให้เลย…
ฝั่งตรงข้าม ฮิโนะซังมองพวกเราด้วยสายตาเย็นชา
“อะ-เอ่อ… ตอนนี้ไม่ได้อยู่ช่วงติวหนังสือแล้วนะ คือว่า…”
“ฉันก็ไม่ได้บอกให้หยุดสักหน่อย ไม่เห็นต้องแก้ตัวเลย”
“กะ ก็ใช่… เอ้า อ้าม~”
“…แต่ก็เถอะนะ พวกเธอนี่กล้าหวานกันต่อหน้าคนอื่นแบบไม่อายเลยเนอะ…”
ระหว่างที่ผมรับอาหารที่ถูกยื่นมาต่อๆกัน ฮิโนะซังก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีปลงๆ
“เหรอ? ฉันว่าแค่นี้ก็ยังยั้งๆไว้อยู่นะ…”
“…’แค่นี้’ เนี่ยนะ!?”
คำพูดของฮิคารุทำให้ฮิโนะซังถึงกับเบิกตากว้างหลังแว่นด้วยความตกใจ
“ก็เวลาอยู่กันสองต่อสอง เราจะตัวติดกันมากกว่านี้อีกนะ… ใช่ไหม?”
…ขอโทษนะ แต่ตอนนี้อย่ามาหาแนวร่วมได้ไหม…
“ฮะ-ฮิโนะซัง ถ้าสมมติว่าเธอมีแฟนล่ะ จะไม่ชอบแสดงความรักต่อหน้าคนอื่นเหรอ?”
ผมพยายามเบี่ยงเบนประเด็น
“ก็ไม่ได้สนใจเรื่องความรักหรือเรื่องแฟนอะไรพวกนั้นอยู่แล้ว”
“จะว่าไป พอนึกดูแล้ว ฉันแทบไม่เคยคุยเรื่องแบบนี้กับอายากะเลย”
“ก็มันไม่จำเป็นต้องคุยนี่”
ฮิโนะซังพูดด้วยสีหน้าปกติ ไม่มีทีท่าจะโกรธหรือลำบากใจอะไร
“เอ๋~ งั้นถือเป็นโอกาสดีนี่นา มาคุยกันหน่อยสิ! เริ่มจากสเปคในอุดมคติก่อนเลย! สำหรับฉันก็คนแบบเรย์ยะคุง… หรือจะเรียกว่าตัวเขาเลยก็ได้!!”
พูดจบ ฮิคารุก็เอาแขนมาคล้องผมแน่น
แน่นอนว่าเธอแค่อยากจะพูดประโยคนั้นเฉยๆแน่ๆล่ะ
“โอเค ทีนี้ถึงตาอายากะบ้าง! เธอชอบคนแบบไหนเหรอ?”
“…ต้องตอบด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ! มีแค่ฉันพูดคนเดียวมันไม่ยุติธรรมเลยน้า~ เอ้า เร็วเข้า ตอบมา!”
ด้วยความเซ้าซี้ไม่เลิกราของฮิคารุ ฮิโนะซังจึงถอนหายใจวางตะเกียบลง แล้วเริ่มคิด
ปกติแล้วเธอเป็นคนจริงจังมากและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆเลย ผมก็เลยเริ่มอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะตอบว่ายังไง
“งั้น… ถ้าต้องเลือกจริงๆล่ะก็…”
“ถ้าต้องเลือก?”
ฮิคารุเองก็โน้มตัวมาข้างหน้าด้วยความสนใจ
“…คนแบบคาเงยามะคุง… มั้ง?”
เธอพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย… แต่สิ่งที่เธอพูดมันเป็นระเบิดลูกโตที่ขว้างเข้ากลางวง โดยมีทั้งคนที่พูดถึงและแฟนของเขานั่งอยู่ตรงนั้นพอดี
MANGA DISCUSSION